คำถามพวกนี้เป็นเรื่องปกติที่คนจะคิดครับ ต่างประเทศก็มีเคสแนวๆนี้ถามกันให้พรึ่บ
เรื่องระยะทางการวิ่งกับความเร็วในการชาร์จ ณ เวลานี้ เป็นปัญหาแน่นอน ซึ่งตรงนี้คิดว่าจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีให้ดีขึ้นเรื่อยๆจนกลบจุดอ่อนตรงนี้ได้ครับ
ซึ่งผู้ใช้ที่ต้องเดินทางไกลๆในปัจจุบันรถไฟฟ้าไม่ใช่ทางเลือกที่ดี จริงมั้ยครับ คุณรู้ คุณวางแผน ง่ายๆคุณก็ตัดตัวเลือกนี้ออกไป ก็แค่นั้น? จะดันทุรังไปใช้ในสิ่งที่่ยังไม่ตอบโจทย์ทำไม ถ้าคิดว่าอ้าวแล้วในอนาคตถ้าไม่มีเครื่องสันดาปให้เลือกล่ะ ก็แปลว่าตอนนั้นมีอย่างอื่นที่ตอบโจทย์ตรงนี้ไงครับอาจเป็นรถไฟฟ้าที่ชาร์จได้ไวมากและวิ่งได้ไกลมาก หรือรถไฟความเร็วสูงระหว่างเมืองก็ได้ ตัววัตถุนั้นถูกพัฒนาตามการใช้งานของคนนะครับไม่ใช่จู่ๆมันจะหายไปแล้วทิ้งช่องโหว่อันเบ้อเริ่มไว้
ส่วนเรื่องการชนแล้วถ้าแบตเกิดความเสียหายแล้วจะก่อให้เกิดไฟไหม้นั้น จริงแน่นอน ซึ่งตรงส่วนนี้ทางผู้ผลิตต้อง work out กับการทดสอบการชนเพิ่มเติมเพื่อลดโอกาสที่แบตจะเสียหายจากการชนให้ดีที่สุด เราอยู่ในยุคที่ระบบความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญมากๆครับ แน่นอนมันไม่มีอะไรชัวร์ 100% ว่าโดนชนแล้วจะไม่ไฟไหม้ท่วมรถ ขนาดรถในปัจจุบันก็ไม่ได้การันตี
*เพิ่มเติมตัวอย่างบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขียนเมื่อปี 2013 ครับ กรณีของเทสล่า
https://www.technologyreview.com/s/521976/are-electric-vehicles-a-fire-hazard/ส่วนเรื่องการเกิดไฟไหม้เองนั้นลองอ่านคำตอบไฟไหม้ดูครับ ย่อหน้าท้ายๆเลย ถ้าขี้เกียจ อ่านเอาย่อหน้าสุดท้ายเป็นสรุปครับ
http://evworld.com/article.cfm?storyid=1635เทคโนโลยีใหม่ต้องมีการวิจัยและพัฒนาครับ ถ้าดีพอจนมาแทนที่ของเดิมได้สนิทก็จะไม่เหลือของเดิมให้ใช้ครับ
สรุป ผู้ผลิตต้องวิจัยและพัฒนาเพื่อตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้อยู่แล้วครับ ไม่งั้นก็ไม่มีวันที่รถไฟฟ้าจะมาแทนรถทั่วไป 100% ได้อยู่แล้ว คนที่จะคิดเยอะๆคือทางผู้ผลิตครับ ส่วนเราเป็นผู้บริโภค ถ้าไม่มั่นใจก็ไม่เลือกใช้ ง่ายกว่าเยอะ