ผู้เขียน หัวข้อ: ขับรถในเมืองเหยียบแล้วปล่อยไหลกับเลี้ยงความเร็วให้คงที่แบบไหนประหยัดกว่าครับ  (อ่าน 7875 ครั้ง)

ออฟไลน์ Freekick042

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 859
ใช้Civic FB ครับ ปกติขับช่วงบางนา ปากน้ำ มีติดบ้างโล่งบ้าง
คือตอนนี้เวลารถเยอะๆชอบติดว่าเหยียบขึ้นไปซัก40-50 เหยียบไม่แรงนะครับไม่ถึงกับพุ่ง แล้วปล่อยไหลตามๆกันไป พอเริ่มเฉื่อยก็เหยียบอีกรอบ เห็นหน้าจอมันขึ้นสีเขียวนานดี
หรือว่าเลี้ยงให้ความเร็วคงที่ไปเรื่อยๆดีกว่าครับ

ตอนนี้หมดไป2ถังแล้วเติม91กับE85ได้11.3กิโล/ลิตร ถือว่าโอเคมั้ยวิ่งได้ราวๆถังละ400โล

แก้ไขนิดนึงเดี๋ยวสื่อสารไม่เข้าใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 05, 2013, 22:49:45 โดย Freekick042 »

ออฟไลน์ huhu515

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 109
    • อีเมล์
คิดว่าไม่น่าเกี่ยวครับ อีกอย่างเหยียบแล้วปล่อยไหลผมว่าอันตรายกว่า ทางที่ดีเหยียบแบบเบาๆเน้นว่าให้รอบขึ้นช้าๆน่าจะประหยัดสุดมั็งครับ มั่วๆเอานะ อิอิ

ออฟไลน์ icezade

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
    • อีเมล์
ผมก็ขับcivic fb ขับช่วงรัชดาพระราม9 เติม E 85จอ i mid โช 6-8 โลลิตร

ออฟไลน์ kez

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,586

 เดินคันเร่ง นิ่มๆ และ นิ่งๆ

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,047
เหยียบไต่ความเร็วไปเรื่อยๆ แต่อย่าให้เกียร์แช่นานครับ พอข้างหน้าน่าจะชลอก็ถอนคันเร่งแต่โดยไว

ออฟไลน์ testmaster

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 449
    • อีเมล์
ส่วนตัวคิดว่าเลี้ยงให้มันคงทีๆน่าจะดีกว่านะครับ

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,088
ลองนึกแบบนี้ครับ

สมมติคุณไป Makro ใหญ่มาก มีรถเข็นใหญ่อยู่คันนึง ใส่ของไว้300กิโล

คำถามคือ เข็นมันไปคงที่เรื่อยๆ  กับผลักมันไปแรงๆ แล้วเดินตามมันไป พอมันหยุดก็ออกแรงผลักอีก

คิดว่าอันไหนเปลืองแรงมากกว่ากันครับ?

promt

  • บุคคลทั่วไป
การเลี้ยงความเร็วคงที่ ประหยัดน้ำมันกว่า การเร่งแล้วปล่อย

ออฟไลน์ Torshi

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 335
พยายามขับให้เกียร์เปลี่ยนที่ประมาณ 2,000 rpm สิครับ

ให้มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆถึงเกียร์ 5 โดยให้ทุกๆเกียร์เปลี่ยนที่ 2,000 rpm

เดินคันเร่งเนียนๆไปเรื่อยๆ ต้องรู้จังหวะด้วยครับ บางทีเกียร์ไม่ยอมเปลี่ยนขึ้นให้ เพราะสมองกลคิดว่าเราต้องการทำความเร็ว เกียร์จึงแช่ไว้ก่อน ฉะนั้นเราก็ต้องถอนคันเร่งนิดนึง แล้วเกียร์จะยอมเปลี่ยนขึ้นให้ (ไม่รู้เข้าใจผมรึป่าว 555+)

โดยความเร็วที่รถจะยอมเปลี่ยนเกียร์ขึ้นไปถึงเกียร์ 5 นั้นก็ประมาณ 60++ km/h ครับ (ถ้าเราขับ 40 km/h ขับยังไงรถก็ไม่ยอมเปลี่ยนเกียร์ขึ้นไปถึง 5 แน่นอน)

ก็ขับรถไปเรื่อยๆชิวๆที่ประมาณ 60 70 80 90 ไปเรื่อยๆ (ผมถือคติขับเท่าไหร่ก็ได้ไม่ให้รอบเกิน 2,000)

ซึ่งที่เกียร์ 5 และรอบ 2,000 rpm นั้น สามารถทำความเร็วเต็มที่ได้เกือบๆ 100 km/h เลยนะครับ ผมว่าความเร็วนี้เพียงพอสำหรับในเมืองแน่นอน

ปล.ผมใช้ FD 1.8 อยู่ครับ เครื่องยนต์บล็อคเดียวกัน การเปลี่ยนเกียร์ก็น่าจะคล้ายๆกันครับ ลองดูครับผม



2010 Honda Civic FD 1.8 AT Unichip+Idriver
2013 Honda Civic FB 1.8 AT
2013 Ford Focus 2.0 Gdi Remap
2014 Mazda 3 Skyactiv Remap
2014 Volvo V40 Cross Country T5
2015 BMW 116i M Sport Remap+H.Drive EURO(Corner Weight Balance)
2016 Toyota Revo Double Cab Prerunner 2.4G AT
2017 Honda Accord Hybrid TECH

ออฟไลน์ นครอัญมณี

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,181
    • นครอัญมณี
    • อีเมล์
แล้วแต่เกียร์ของรถแต่ละคันครับ ไม่เหมือนกัน

กรณีแรก บางคัน เมื่อถอนคันเร่ง
ครัชไม่จับกับเฟืองเกียร์ รอบเครื่องตกลง คล้ายเกียร์ว่าง เครื่องยนต์เดินเบา รถยนต์ถูกปล่อยไหลไปเรื่อยๆ

กรณีที่สอง บางคัน เมื่อถอนคันเร่ง
ครัชจับตัวกับเฟืองเกียร์ รอบเครื่องคงที่ตามความเร็วล้อ คล้ายเอนจิ้นเบรค รถยนต์ถูกหน่วงด้วยเครื่องและเกียร์

ถ้าเกียร์ของรถคุณเป็นกรณีแรก การเหยียบคันเร่งแล้วปล่อยไหล จะประหยัดเชื้อเพลิงกว่า เหยียบคงที่

การคงคันเร่งให้คงที่ ถึงแม้จะไม่มีแรงต้าน เครื่องยนต์ยังคงทำงาน จ่ายน้ำมันด้วยอัตราเท่าเดิมตลอดเวลา ซึ่งต่างจากการเดินเบาของเครื่องยนต์

การเหยียบคันเร่ง แบบช้าๆ โดยค่อยๆเหยียบและรอจนกว่ารอบเครื่องไม่ขยับ แล้วค่อยเติมน้ำหนักเท้าลงไปทีละนิด จนถึงความเร็วที่ต้องการ จึงให้คงที่ไว้
จะเป็นการขับแบบประหยัดน้ำมันสูงสุด

มองไกลๆ ว่าข้างหน้าทางสะดวกหรือไม่ ถ้ามีไฟแดง หรือ อุปสรรค ให้ถอนคันเร่งล่วงหน้า โดยกะระยะให้รถถึงจุดนั้นพอดี โดยใช้เบรคให้น้อยที่สุด
จะเป็นการขับแบบประหยัดน้ำมันสูงสุด
รักรถมาก
รักครอบครัวมากกว่า
รักชาติ-ศาสน์-กษัตริย์มากที่สุด

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
รถที่บ้านผม แคมรี่ 2.4
ปล่อยไหลได้ซักพัก เกียรเชจลงเอง เร่งขึ้นไปใหม่ ถอน เกียรก็เชจลงให้
ปล่อยไหลไม่ได้ เพราะเกียรมันฉลาด เห็นความเร็วตก หรือไม่เหยียบต่อ มันเข้าใจว่าเราจะหยุดรถ
ยิ่งพวก 6-7 เกียร วิ่งเกียรสูงสุดปล่อยไหลไม่ได้ มันลงเกียรให้เอง
พรีอุสที่บ้านอีกคัน ถอนคันเร่งไม่ได้เลย ถอนปุ๊บชลอลงทันที

วีออสอีกคัน
วิ่ง 80-90 ปล่อยไหล ไหลได้เรื่อยๆจนถึง 70 เกียรไม่เชจลง จังหวะเกียรน้อย (เกียรโง่)
เหยียบๆปล่อยๆ โครตๆๆๆประหยัด เคยขับไปนครสวรรค์ตั้งแต่เช้ามืด
เหยียบ 110 แล้วปล่อยเหลือ 80 เร่งใหม่(ค่อยๆ เนียนๆ) เรื่อยๆ ตอนเติมกลับคิดได้ 17 โลลิตร

เกียรเยอะ เกียรฉลาด เชจเกียรลงให้เอง >> เหยียบคงที่ดีกว่า
เกียรโง่ๆ จังหวะน้อย >> เหยียบๆปล่อยๆ

พวกรถกระบะเกียรธรรมดา รายการแข่งประหยัดน้ำมัน
เร่งไปที่ 80 ที่เกียรสูงสุดแล้วปล่อยไหลถึง 60 แล้วกดขึ้นไปใหม่
ไม่แปลก ที่จะได้ 20โลลิตร+ ในรถกระบะ

ออฟไลน์ Amaranthe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 708
แล้วแต่เกียร์ของรถแต่ละคันครับ ไม่เหมือนกัน

กรณีแรก บางคัน เมื่อถอนคันเร่ง
ครัชไม่จับกับเฟืองเกียร์ รอบเครื่องตกลง คล้ายเกียร์ว่าง เครื่องยนต์เดินเบา รถยนต์ถูกปล่อยไหลไปเรื่อยๆ

กรณีที่สอง บางคัน เมื่อถอนคันเร่ง
ครัชจับตัวกับเฟืองเกียร์ รอบเครื่องคงที่ตามความเร็วล้อ คล้ายเอนจิ้นเบรค รถยนต์ถูกหน่วงด้วยเครื่องและเกียร์

ถ้าเกียร์ของรถคุณเป็นกรณีแรก การเหยียบคันเร่งแล้วปล่อยไหล จะประหยัดเชื้อเพลิงกว่า เหยียบคงที่

การคงคันเร่งให้คงที่ ถึงแม้จะไม่มีแรงต้าน เครื่องยนต์ยังคงทำงาน จ่ายน้ำมันด้วยอัตราเท่าเดิมตลอดเวลา ซึ่งต่างจากการเดินเบาของเครื่องยนต์

การเหยียบคันเร่ง แบบช้าๆ โดยค่อยๆเหยียบและรอจนกว่ารอบเครื่องไม่ขยับ แล้วค่อยเติมน้ำหนักเท้าลงไปทีละนิด จนถึงความเร็วที่ต้องการ จึงให้คงที่ไว้
จะเป็นการขับแบบประหยัดน้ำมันสูงสุด

มองไกลๆ ว่าข้างหน้าทางสะดวกหรือไม่ ถ้ามีไฟแดง หรือ อุปสรรค ให้ถอนคันเร่งล่วงหน้า โดยกะระยะให้รถถึงจุดนั้นพอดี โดยใช้เบรคให้น้อยที่สุด
จะเป็นการขับแบบประหยัดน้ำมันสูงสุด

รบกวนขอสอบถามหน่อยครับ

1. ผมใช้ อัลติส 1.6 ออโต้ ไม่ทราบว่าท่านนครอัญมณี หรือท่านอื่น ๆ พอทราบไหมว่า
เมื่อปล่อยคันเร่งแล้ว จะเป็นกรณีแรกหรือ 2 ผมจะได้รู้วิธีขับที่เหมาะกับรถผม


2. โดยปกติผมก็ใช้วิธี ถ้าวิ่งยาว ๆ ผมจะเหยียบคันเร่งนิดเดียว ค่อย ๆ ให้รอบชึ้นทีละนิด
จะถึงจุดที่รอบคงที่ ความเร็วอยู่ที่ 80 แล้วสักพักรอบค่อย ๆ ขยับอีกที
โดยเท้าผมน้ำหนักเท่าเดิมตลอด หากจะลดความเร็ว ก็ยกเท้าขึ้นนิดนึง แต่ไม่ถอนหมด

ปรากฏว่า เมื่อวัดอัตราการใช้น้ำมัน แบบเติมเต็มถัง แล้วหารดู อัตราแย่ลงเรื่อย ๆ ในทุก ๆ ถัง หรือผมทำผิดวิธีกันครับ


3. เราจะรู้ได้อย่างไรครับว่า ตอนนี้รถเรา อยู่เกียร์ไหนแล้ว

ออฟไลน์ wannachat

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 246
    • อีเมล์
รถที่บ้านผม แคมรี่ 2.4
ปล่อยไหลได้ซักพัก เกียรเชจลงเอง เร่งขึ้นไปใหม่ ถอน เกียรก็เชจลงให้
ปล่อยไหลไม่ได้ เพราะเกียรมันฉลาด เห็นความเร็วตก หรือไม่เหยียบต่อ มันเข้าใจว่าเราจะหยุดรถ
ยิ่งพวก 6-7 เกียร วิ่งเกียรสูงสุดปล่อยไหลไม่ได้ มันลงเกียรให้เอง
พรีอุสที่บ้านอีกคัน ถอนคันเร่งไม่ได้เลย ถอนปุ๊บชลอลงทันที

วีออสอีกคัน
วิ่ง 80-90 ปล่อยไหล ไหลได้เรื่อยๆจนถึง 70 เกียรไม่เชจลง จังหวะเกียรน้อย (เกียรโง่)
เหยียบๆปล่อยๆ โครตๆๆๆประหยัด เคยขับไปนครสวรรค์ตั้งแต่เช้ามืด
เหยียบ 110 แล้วปล่อยเหลือ 80 เร่งใหม่(ค่อยๆ เนียนๆ) เรื่อยๆ ตอนเติมกลับคิดได้ 17 โลลิตร

เกียรเยอะ เกียรฉลาด เชจเกียรลงให้เอง >> เหยียบคงที่ดีกว่า
เกียรโง่ๆ จังหวะน้อย >> เหยียบๆปล่อยๆ

พวกรถกระบะเกียรธรรมดา รายการแข่งประหยัดน้ำมัน
เร่งไปที่ 80 ที่เกียรสูงสุดแล้วปล่อยไหลถึง 60 แล้วกดขึ้นไปใหม่
ไม่แปลก ที่จะได้ 20โลลิตร+ ในรถกระบะ

ถ้าขับแบบเน้นประหยัด
เส้นนครสวรรค์ กรุงเทพ เป็นเส้นที่ขับง่ายมาก(แต่ยากถ้าขับช้า) รถไหล ไฟแดงน้อย หลายเลน ยิ่งไปเช้าเท่าไรเผลอๆแทบไม่ต้องเบรค
ผม วีออส 2011 MT ขับเส้นนครสวรรค์กรุงเทพ เหยียบคงที่
80 ได้อาจได้ 20-23 โลลิตร
100 19-21 โลลิตร
ลมยางขอบ 15 หน้า 31 หลัง 30 คนสองคน 55  45 ของ 25 โล  e20    5w-30


ขับปกติ 100 ได้ 18.65 โลลิตร

อีกอย่างถ้าใครขับเหยียบๆปล่อยๆ นะ  อย่ามีผู้โดยสารละ  โครตลำคาณ  จะอ้วก

ขับเน้นประหยัด หลักสำคัญ คือ ออกตัว รักษารอบไม่เกิน 2000
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 06, 2013, 09:25:56 โดย wannachat »

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,855
  • *** HLM.COM ***
เลี้ยงความเร็วให้คงที่จะประหยัดกว่าครับ ผมก็ทำบ่อยนะ

ไม่ได้เร่งอะไรมาก บางทีเร่งๆไป แล้วก็เบรกกระทันหัน ยิ่งเปลืองเข้าไปใหญ่


ออฟไลน์ Entropy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 349
ให้คุณขับปกติ คาดการณ์สถาณการณ์ล่วงหน้า ถ้าข้างหน้าเรื่มเบรค คุณก็ถอนคันเร่งแล้วปล่อยให้มันไหลไปเองจนกระทั่งถึงระยะเบรค

น่าจะดีสุดนะครับ

ออฟไลน์ nekoyaki

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 283
ผมใช้ FD 1.8 เกียร์มี 5สปีดเหมือน FB จึงขออนุมานว่าใช้เทคนิคเดียวกันได้ ดังนี้

เนื่องจากเป็นรถเกียร์ออโต 5 สปีด เปลี่ยนเกียร์ตามความเร็วตามที่กำหนด (น่าจะดูได้ในคู่มือ) ดังนั้น ผมจะใช้วิธีการ เร่งเครื่องให้ได้ความเร็วที่ต้องการเร็วที่สุด โดยรอบต้องไม่เกิน 2500 รตน. จากนั้น ค้างเท้านิ่ง ๆ ให้ระบบของเครื่องยนต์เรียกความประหยัดออกมาเอง

ผมพบว่าการทำแบบนี้ รถ FD ผมมีอัตราสิ้นเปลืองดีขึ้นกว่าการค่อย ๆ เหยียบ ค่อย ๆ ละเลียดเพิ่มความเร็วช้า ๆ ครับ

ส่วนการปล่อยไหลนั้น ถ้าทำในระหว่างวิ่งในเส้นทางผมว่าไม่คุ้มค่าเร่งความเร็วครับ ตัวเลขความประหยัดดูดีตอนปล่อยไหล แต่ตอนเร่งเครื่องก็จะได้ตัวเลขความประหยัดน้อยลงอยู่ดี สู้รักษาระดับความเร็วให้คงที่ ตัวเลขความประหยัดเป็นค่ากลาง ๆ ตลอดเส้นทางดีกว่าครับ