ถึงกับขายรถทิ้งกันเลยหรือ???
อาการไฟดูดแบบนั้เป็นได้กับรถยนต์ทั่วไปแทบทุกคันล่ะครับ
ไม่ใช่เป็นที่รถ ไม่ใช่ไฟฟ้าจากรถ ไม่ใช่สายกราวด์ไม่ดี ไปต่อกราวด์อะไรก็ไม่หาย
มันเกิดจากปรากฎการณ์ การเกิดไฟฟ้าสถิตย์ - static electricity
(ส่วนที่เรารู้จักกันทั่วไปนั่นคือ ไฟฟ้ากระแส - current electricity)
การเกิดไฟฟ้าสถิตย์ที่เรารู้จักกันทั่วไปส่วนใหญ่นั้น เกิดจากการที่วัตถุสองชนิดที่อยู่ติดกันเมื่อแยกจากกัน
วัตถุหนึ่งจะได้อิเลคตรอนมาเสมือนมีไฟฟ้าขั้วลบ ส่วนที่เสียอิเลคตรอนก็เสมือนมีไฟฟ้าขั้วบวกอยู่
(ส่วนถ้ามีการถูซ้ำๆ ก็เหมือนทำให้เกิดการทำซ้ำๆ เกิดการสะสมประจุมากขึ้น)
ส่วนการเกิดไฟดูด ค้นหาอ่านในเรื่อง static electricity shock ก็คือผลจากการคายถ่ายประจุอย่าง
รวดเร็วเช่น ตอนเอามือไปจับโลหะต่างๆ
ขณะนั่งขับรถ เสื้อผ้าผู้ขับจะสัมผัสขัดสีกับเบาะเก้าอ๊้
ทำให้เกิดการสะสมประจุแล้วเมื่อลุกจากเบาะก็ถ่ายทอดมาที่ตัวคนขับ
เสมือนตัว capacitorที่มีประจุไฟ สามารถทำให้เกิดไฟฟ้า(ความต่างศักดิ์)ได้หลายพันโวลท์
แต่พลังงานต่ำไม่ถึงกับอันตรายต่อชีวิตเมื่อเกิดการshock
การเกิดไฟฟ้าสถิตย์เกิดง่ายในที่อากาศแห้ง+เย็น ในบ้านเรายามหน้าหนาวจึงพบไฟดูดแบบนี้บ่อยๆ
ในห้องโดยสารที่เปิดแอร์ก็น่าจะทำให้เกิดง่ายขึ้น
มีคำแนะนำ ก่อนออกจากรถให้ใช้มือทาบจับกระจกเพื่อเป็นการถ่ายประจุอย่าง
ช้าๆ ก่อนเปิดประตูออกไป
อีกคำแนะนำให้ใช้การจับเฟรมเหล็กขอบประตูก่อนลุกจากเบาะ จับตลอดเวลาจนก้าวออกพ้นตัวรถ
แต่อันนี้อ่านไม่ค่อยเข้าใจนัก
ส่วนรถที่มีฮีทเตอร์ ถ้าไม่เปิดแอร์ให้เย็นนัก เปิดฮีทเตอร์ให้อุ่น ความ๙ื้นในห้องดดยสารไม่แห้งเกินไปพอจะช่วยได้ไหม?
ส่วนผู้ที่เป็นภายนอกรถ ก็ให้นึกถึงการนั่งพวกอุปกรณ์เครื่องเฟอร์นิเจอร์ โซฟา/เก้าอี้ก่อนจะขึ้นรถ
การเดินบนบางพื้นผิวนั้นสามารถทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตย์ที่รองเท้าถ่ายมาที่ตัวได้ มีคำแนะนำให้ใช้รองเท้าที่ส้นเป็นหนัง(Leather)??
(เดินเท้าเปล่าบนพื้นปูนไม่เกิด)
ยิ่งถ้าเป็นการเข็นรถเข็นเดินห้าง จะเกิดไฟฟ้าสถิตย์ที่ล้อรถเข็น มีคำแนะนำให้เดินถือกุญแจ
แล้วใช้กุญแจไปแตะโลหะอื่นตอนถ่ายประจุ แทนจากมือไปจับโลหะอื่นแล้วเกิดไฟดูด