ด้วยคน...ขอบคุณ MG Hs ขอบคุณมากๆ
ผมว่า MG HS สวยหน้าตาหลายคนเค้าชอบกัน+ราคาที่เป็นมิตรมากๆ ไม่แปลกที่ค่ายญี่ปุ่นที่จะยอดตกกัน แต่กระนั้นต้องดูว่าความทนทานเป็นยังไงบ้างครับ ส่วนตัวผมมองว่าไม่น่าจุกจิกเลวร้ายเท่าโปรตอนครับ
ดูพวกเค้ามีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตัวรถขึ้นมาเป็นลำดับครับ ศูนย์ก็เยอะ (จะคล้ายร้านเซเว้นในอดีตที่ผ่านมามั้ยทีพัฒนาปรับปรุงขึ้นมาเรื่อยๆ)
เห็นด้วยครับ ศูนย์บริการดีกว่ารถญี่ปุ่นหลายๆค่ายหรือรถเจ้าตลาดบางยีี่ห้อด้วยซ้ำนะครับ
น่าติดตามครับ ยุคนี้ผมว่า toyota ก็ปรับตัวพอสมควรนะ option ก็มีมากพอสมควรแล้ว
เจาะลึกจริงๆยังกั๊กเช่นเดิม แพงเช่นเดิม และยัดเยียดสิ่งที่ลูกค้าไม่ได้ต้องการอีกเช่นเคยนะครับ แถมรูปทรงงานออกแบบก็ยังตามหลังหลายค่ายอยู่
ถ้าพูดแบบนั้น mg ก็ไม่ได้ต่างจาก ค่ายญี่ปุ่นเท่าไกร่หรอกถ้าพูดถึงดูกันลึกๆแล้ว. เค้าอาจจะใส่ออฟชั่นที่จับต้องได้มาให้เยอะกว่าจริง. แต่ ก็แอบลดหลายอย่างเช่นกัน หลายส่วนอาจจะมองไม่เห็นด้วยตา ไม่งั้นขายราคาถูกกว่าคู่แข่งขนาดนั้นหรอก
ผมดูไม่ออกจริงๆว่า MG เค้าแอบลดอะไรที่น้อยกว่ารถญี่ปุ่นถึงทำราคาได้ถูกกว่ารถญี่ปุ่นถึง 3-4 แสนบาท ลองยกตัวอย่างหน่อยได้ไหมครับ
แต่ที่ผมคิดคือทาง SAIC ที่จีน เค้าใช้วิธี Cost down เครื่องเดียวกันให้กับหลายรุุ่นและหลายแบรนด์ ทำให้ต้นทุนเครื่องยนต์ต่อหน่วยถูกลงเยอะๆ และ ไม่มีค่า know-how หรือ R&D เยอะเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ไม่ใช่เครื่องยนต์ใหม่ๆ เอาอื่นๆมาพัฒนาต่อยอดซะมากกว่า แต่มันก็ลดลงได้ไม่ถึงแสนบาท หักกับค่าเทคโนโลยี Active Safety มันก็ยังไม่รู้ว่าห่างตั้ง 3-4 แสนบาท ได้อย่างไร จะว่าเรื่องภาษีรถยนต์ก็ไม่น่าจะใช่
ส่วนใหญ่เราไปมองด้านต้นทุนวัสดุครับ เลยมองไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง
แต่มันมีต้นทุนด้านงานวิจัยและทดสอบและการพัฒนาคุณภาพที่เราไม่คิดถึงกัน
ยกตัวอย่างเช่น รถ A ทดสอบการใช้งานในสภาพภูมิประเทศ 3 แบบ
ทดสอบแบบละ 5 ครั้ง ครั้งละ 10,000 กม. ต้องผ่านเกณฑ์ 90%
กับรถ B ทดสอบการใช้งานในสภาพภูมิประเทศ 10 แบบ
แบบละ 10 ครั้ง ครั้งละ 100,000 กม. และต้องไม่เกิดปัญหาขึ้นเลย
ถ้าพบปัญหา ต้องหาวิธีแก้ไขแล้วกลับไปเริ่มต้นทดสอบนับ 0 กันใหม่
นี่คือสมมุติครับ เพราะเราไม่รู้มาตรฐานภายในพวกนี้ แต่เราจะรู้ก็ตอน
ซื้อมาใช้ในระยะยาวๆ และผ่านการใช้งานแบบวิธีแปลกประหลาดในบางครั้ง
แต่รถมันยังไม่พังคามือให้เห็นครับ