ยากมากๆครับผมกลัวว่าจะเบื่อจนไม่กล้าทำอะไรอีก
เรื่องกระบะนี่เป็นความปลอดภัยโดยตรงของคนนั่งเลยแล้วเกี่ยวกับคนอื่นๆด้วยเหมือนที่ขนต้องต้องมัดและคลุมผ้าใบไม่อย่างนั้นของ/คนหล่นลงมาทำให้รถคนอื่นเสียหาย แต่ดูกระแสที่ตอบกลับมาสิ มีแต่บอกรังแกคนจน ไม่ให้ทางออก ไม่ต้องมายุ่งกับชีวิตคนอื่น เผด็จการ สารพัดคำด่าต่างๆนาๆเพราะว่าตัวเองกำลัวขนย้ายคนด้วยกระบะหลังอยู่
ประเทศไทยจะออกกฏข้อบังคับอะไรแต่ละอย่างหรือบังคับใช้จริงจังแต่ละอันยากมากยากจริงๆครับ คนไทยมักง่ายและไม่มีความเคารพกฏหมายจนกลายเป็นสันดานลึกกันไปแล้ว เห็นแล้วนึกถึงตอนให้ใส่หมวกกันน็อกเลยใส่เพื่อตัวเองไม่ให้ตายแต่ก็ด่าว่ายุ่งกับชีวิตคนอื่น พอขี่ฉวัดเฉวียนรถล้มแล้วหัวฟาดตายกันขึ้นมาก็บอกการจราจรมันห่วยบ้าง ซวยบ้าง......ทำไมไม่มองดูตัวเองกันบ้าง?
บางทีผมก็เริ่มคิดว่าที่ถนนประเทศไทยมันห่วยแบบนี้เป็นเพราะตำรวจมันแย่ หรือว่าเป็นเพราะตำรวจก็ตอบสนองสิ่งที่คนไทยต้องการกันแน่? ฝ่ากฏหมาย ห้ามกฏหมายมายุ่งกับตัวเองทั้งที่กำลังทำผิด อ้างเรื่องความจน อาศัยคนรู้จักมาเบ่งเพื่อทำผิดกฏหมาย น่าเก็บมาคิดกันนะครับว่ามันเป็นประชาชนเองรึเปล่าที่ทำให้ถนนและสังคมเละเทะแบบนี้?
อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวแต่ผมอยากเล่าให้ฟัง เมื่อคืนผมดูช่อง paramount channel เค้ามีสารคดีเกี่ยวกับการศึกษาของเด็กที่อเมริกาชื่อว่า waiting for superman เป็นเรื่องของการยกระดับคุณภาพการศึกษาของคนอเมริกันในประเทศเพื่อให้ทัดเทียมกับประเทศพัฒนาแล้วแห่งอื่นๆ ประเด็นหลักคือครูอเมริกันทุกวันนี้มีจำนวนมากที่พอตัวเองได้ทำอาชีพนี้แล้วแต่กลับไม่ยอมทำหน้าที่ ไม่เข้าสอน เวลาสอนกลับไปสปาแทนที่จะสอนหนังสือเพราะยังไงตัวเองก็ได้เงินเดือน และเทียบอัตราส่วนอล้วมีครูเพียง1ต่อ25000คนเท่านั้นที่โดนไล่ออกจากการทำตัวเละเทะแบบนี้ เลยมีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้กัน ส่วนของคนที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษาก็พยายามรณรงค์และวางแผนการสอนที่มีคุณภาพสูงกว่าเดิมแม้จะเป็นในโรงเรียนรัฐบาลย่านที่ได้ชื่อว่าเสื่อมโทรมที่สุดก็ตาม แล้วก็มีคนในแวดวงการเมืองที่กล้าทำเรื่องที่ค้านกระแสสังคมทำให้คนเป็นแสนๆเกลียดตัวเองด้วยการปลดครูและครูใหญ่ร่วม3000คนออกฐานที่ไม่ทำหน้าที่ให้ดีแล้วปิดโรงเรียนไม่ได้คุณภาพไปอีกสามแห่งเพื่อกระตุ้นความตื่นตัวด้านการศึกษาด้วย จำชื่อไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไรแต่คุณเธอกล่าวไว้ว่า "ถ้าอยากให้มีคนจำนวนมากพากันเกลียดเพียงชั่วข้ามคืนก็ลองบริหารงานการศึกษาแล้วสั่งปลดงานครูที่ไม่ได้คุณภาพดูสิคะ"
ส่วนในด้านของผู้ปกครองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆกัน พ่อแม่ของคนที่ไม่ใช่ชนผิวขาวอย่างคนผิวดำและ hispanic จำนวนมากก็ไม่ได้ละเลยคุณภาพชีวิตลูกแม้ตัวเองจะอยู่ในย่านเสื่อมโทรม แม่คนนึงเลือกให้ลูกเรียนในโรงเรียนเอกชนที่ต้องจ่ายเดือนละ500ดอลล่ามากกว่าโรงเรียนรัฐบาลที่ค่าเรียนถูกกว่าแต่ครูไม่ได้คุณภาพ พอรู้ข่าวว่ามีโรงเรียนรัฐบาลที่มีการสอนที่มีคุณภาพที่เปิดรับเด็กนอกเขตที่อยู่อาศัยของตัวเองก็รีบพาลูกไปสมัคร แม้จะต้องตื่นตั้งแต่ตี5นั่งรถซับเวย์ไปส่งลูกเรียนตอน7โมงครึ่งก็ตาม คนไทยอาจมองว่าปกติแค่สำหรับประเทศเจริญแล้วถือว่าเดินทางไกลใช้เวลาสูงมาก
โรงเรียนที่ว่าก็รับนักเรียนได้400คนแต่จำนวนคนที่มาสมัครเข้ามีเป็นพัน เทียบสัดส่วนคร่าวๆคือเด็ก5คนจะมีสิทธิได้เข้าเรียน1คนเท่านั้น คนที่จับฉลากไม่ได้ก็ร้องห่มร้องไห้หาที่เรียนใหม่กันไป
ที่เล่ามายืดยาวนั้นคือผมอยากจะชี้ให้เห็นว่าในประเทศเจริญแล้วเค้าไม่ต้องมาคอยบังคับว่าเอ็งต้องทำอย่างนี้แบบนี้นะ ระบบของเค้ามันทำให้คนส่วยใหญ่เดินถูกลู่ทางแล้วไม่ใช่ต้องมาคอยเป็นโคบาลถือแส้ไล่เฆี่ยนไล่ฟาดแทบทุกตัวแบบบ้านเราให้เดินตรงทาง เค้ามีเวลาไปพัฒนาเรื่องพื้นฐานสำคัญๆอย่างการศึกษาแล้ว แต่มาดูไทยเราล่ะ? เอาแค่การจราจรย่ำกับที่มากี่สิบปีแล้ว? ไม่เคยดีขึ้นแต่กลับแย่ลงๆจนเป็นประเทศที่การจราจรท้องถนนเลวที่สุดในโลกแล้ว แต่คนไทยทั้งหลายก็ยังเลือกที่จะสาปแช่งกฏหมายจราจรกัน....
ถ้าเอาประเด็นเรื่องความจนมาอ้าง คนจนในรายการที่ผมพูดถึงเค้าพยายามที่จะถีบตัวเองเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่เกิดมาจนแล้วก็ปล่อยให้ตัวเองไร้คุณภาพอยู่แบบนั้น ยิ่งคนจีนคนญี่ปุ่นนี่ตัวดีเลย ยิ่งจนมากเท่าไหร่ยิ่งมีแรงจูงใจที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น ยิ่งถ้าจนแล้วชีวิตลำบากมากๆคนพวกนี้โตมาแล้วมีคุณค่าเจิดจรัสกว่าคนทั่วๆไปเสียอีก แต่ทำไมคนไทยกลับใช้คำว่าจนอ้างที่จะทำตัวมักง่ายและฝ่าฝืนกฏหมาย?
หลายๆเรื่องของเรามองแล้วสิ้นหวังมากไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องแข่งขันคุณภาพชีวิตกับใครเค้าเลย