Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Fong ที่ สิงหาคม 20, 2020, 21:38:41
-
อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก ผมใช้ Alphard X 2.5 Hybrid ที่ซื้อเพราะเป็นตัวเริ่มต้น และกัดฟันไหวที่ราคานี้
ซึ่ง Alphard X Hybrid ตัวนี้ทำราคาขายได้พอๆกับ (หรือถูกกว่า) Alphard X เครื่องสันดาปปกติ ถึงราคา Hybrid จะแพงกว่า แต่ภาษีนำเข้าถูกกว่า
ส่งผลให้ราคาขายไม่ต่างกัน ทำให้ Alphard รุ่น X จะเน้นขาย Hybrid เป็นหลัก
ถ้าอยากได้เครื่องสันดาปปกติ ไปรุ่น Top (SC) ที่ราคาแพงกว่า Option ก็มากกว่า
ใช้มาถึงตอนนี้ก็ดีนะครับ ประหยัดน้ำมันในระดับนึง (ถ้ารุ่น Hybrid Top SRC จะแพงกว่า SC ครับ อันนี้งงครับ 555)
เลยลองย้อนกลับมาคิดว่า ถ้า Hybrid ได้ส่วนลดภาษีมาก และทางผู้ขายก็อยากให้คนหันมาใช้กันเยอะๆ
ทำไมไม่ทำให้รุ่น Hybrid เป็นรุ่นเริ่มต้น (โล้น) และทำให้ราคาถูกลงไปอีก คนเข้าถึงง่าย ประหยัดน้ำมันด้วย
เข้าใจว่า Altis มีรุ่น Hybrid ที่เป็นรุ่นเริ่มต้นมาด้วย ไม่รู้ Feedback เป็นอย่างไร
ส่วนเครื่องยนต์สันดาปปกติ ก็เอาตัวแรงมา อัด Option ไปให้สุดและก็ทำราคาสูงไปเลย
ใครอยากแรงก็ต้องจ่ายแพง ใครอยากประหยัดก็มี Hybrid ที่ราคาถูกกว่ามากรองรับ
ทุกท่านเห็นเป็นอย่างไร มาร่วมแสดงความคิดเห็นกันครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
-
คนขายน่าจะอยากทำแบบนั้นนะครับ แต่คนซื้อคงไม่เอาด้วยนี้สิ
ยังมีคนกลุ่มใหญ่เลยที่มองว่า Hybrid มันเป็นภาระ มีชิ้นส่วนเพิ่ม จุกจิกว่า แบตยังไงก็เสื่อมช้าเร็วเท่านั้นเอง ราคาเลยตกฮวบๆ ทำให้เครื่องสันดาบยังขายได้
แล้วในตลาดเองก็ไมไ่ด้มีขายจ้าวเดียว อย่างกรณี X-Trail ที่ MC เอา 2.0 ออก ขาย 2.5 คู่ Hybrid แทนที่คนจะขยับไปเล่นรุ่นที่อยากขาย คนกลับหนีไปซื้อยี่ห้ออื่นแทน...
-
มันเป็นไม่ได้ไงครับ
ด้วย สมรรถ เครื่องยนต์ HYbrid มันเหนื่อกว่า ต้นทุนสูงกว่า
การเอามาเป็รนรุ่น ล่าง ย่อมผิดธรรมชาติ
แค่ราคาเกือบมาชนกัย นี่ก็ผิดธรรมชาติไปแล้วครับ
็HYbrid ยังไงต้นทุนและ สมรรถน ยังไงก็เหนือกว่า สันดาปอยู่แล้ว
ราคา ยังไงก็แพง ไม่มีถูกครับ
-
Hybrid ต้นทุนการผลิตน่าจะสูงกว่ารถปกติมั่งครับ. จะให้ขายถูกกว่ารถปกติคงยาก นอกจากรัฐบาลช่วยอุ้ม ราคาอาจถูกกว่ารถปกติครับ
-
เรื่องต้นทุนคือส่วนนีงครับแต่อีกส่วนนึงคือคนญี่ปุ่นมองว่ารถไฮบริดว่าเป็นรุ่นtop ครับ มันเป็นภาพลักษณ์แบบ
นั้นซึ่งไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนเค้าเลยตั้งราคาแบบนี้ซึ่งผมก้ไม่ได้เห็นด้วยแต่ก้ไม่ได้เดือดร้อนครับ
-
เห็นด้วยครับ ผมว่าน่าจะทำนะครับ ถ้าทำได้น่าจะขายดี เพราะมันประหยัด ต้องคู้กับราคาถูก
-
ในสายตาผมครับ สินค้าที่มาจากญี่ปุ่นที่มาผลิตขายหลายๆอย่าง ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ มอเตอร์ไซค์ รถยนต์ ไม่มีคำว่าถูกครับ สมัยก่อนสินค้าราคาแพงแต่ทน แต่เดี๋ยวนี้มักจะแพง บอบบางและไม่ทนและกั๊กออพชั่นทำให้สินค้าหลายๆอย่างถูกพี่จีนตีตลาดกระจุยด้วยราคาและออพชั่น พอตีตลาดได้ปุ๊บก็อัพราคาปั๊บ กลับมาที่รถยนต์ไฮบริดต่อครับ ค่ายรถทุกค่ายมักจะมองว่าไฮบริดระบบซับซ้อน ชิ้นส่วนเยอะใช้เงินทุนวิจัยพัฒนาเยอะกว่ารถสันดาปผูกโบ? ทำให้ต้องตั้งมูลค่าไว้เยอะๆ แต่ทีนี้กลับกันตรงที่ประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศโดยเฉพาะไทยใช้รถกันหลายปี บางทีทีก็10ปีขึ้นไป ทำให้ถูกมองว่าแพงซ่อมยาก ซ่อมแพงขายต่อยากไม่ได้ราคา ถ้าอยากให้ไฮบริดบูมก็ต้องดั๊มราคารถและอะไหล่ลงให้ถูกกว่าตอนนี้ ความนิยมถึงจะเกิดครับ แต่นี่ไฮบริด1คันสามารถสร้างบ้านหลังเล็กๆได้เลย ยิ่งอีเพาเวอร์ที่ระบบมันไม่ซับซ้อนอะไรที่เอาเครื่องยนต์สหกรณ์อีโคคาร์ไปปั่นไฟและมีแบตลูกนิดเดียว อัตราสิ้นเปลืองเท่ากับมาร์ชและโน้ต แถมการตกแต่งคือรถราคาเป็นล้านแต่ภายในรถราคา500,000 โอกาสเกิดเป็นกระแสนิยมยากครับ
-
อยู่ที่การรับรู้ของคนซื้อเป็นหลักเลยครับ
อย่างที่เราเข้าใจกันคือด้วยตัวรถตัวระบบ ต้นทุนไฮบริดมันแพงกว่า
แต่ภาษีสรรพสามิตที่ถูกกว่ามันสามารถชดเชยได้ทั้งหมดหรือไม่เราไม่รู้นะครับ
ทีนี้ฝั่งคนซื้อคือ
1. ถ้ารถ HV กับ เครื่องธรรมดา ออปชั่นเหมือนกันทุกอย่าง และราคาเท่ากัน
เราจะรู้สึกอย่างไร เราจะคิดว่าตัวเครื่องธรรมดาควรจะถูกกว่ารึเปล่าเพราะ
เราได้ระบบเครื่องยนต์ที่น้อยกว่า
2. รถ HV มันมีต้นทุนอยู่ ถ้าเอาระบบ HV มาใส่ในตัวรถระดับกลาง-ล่าง
ระดับราคามันจะถือว่าถูกลงมาแล้วสำหรับระบบ HV และมันยังอาจจะดูแพง
ด้วยตัวรถและวัสดุที่มันอยู่บนพื้นฐานรถระดับที่ไม่สูงอย่าง Kicks หรือ prius
คือคนจะเอาไปเปรียบเม็ดเงินที่จ่ายเทียบกับรถธรรมดาแล้วได้วัสดุที่ดีกว่าด้วย
ซึ่งมันก็คือ ตัวเครื่องยนต์และระบบ HV เป็นสิ่งทีมองไม่เห็นเหมือนออปชั่น
และลูกเล่นต่างๆ ดังนั้นเมื่อ HV มันต้องขายที่ราคาสูงขึ้นจึงจำเป็นต้องใส่
ของเล่นเข้ามาด้วยน่ะครับ
โดยรวมแล้ว เรายังไม่ใช่ลูกค้าที่เลือกซื้อรถจากฟังก์ชัน ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม
มากกว่าความสวย ลูกเล่นเร้าใจ และราคา. ทางทีมการตลาดเขามีวิจัยอยู่น่ะครับ
จึงจัดของออกมาแบบนี้
-
HV ภาษีถูก ต้นทุนไม่เท่าไหร่หรอก เครื่องเกียรสหกรณ์จำนวนมากๆ
กำไรคือ อัดออฟชั่น แล้วขายแพง
เครื่องธรรมดา ภาษีแพง ขายเพราะให้ลูกค้ามีทางเลือก เติมเต็มไลน์
กำไรคือ หั่นออฟชั่น แล้วขายราคาปกติ
เค้าดันภาพลักษณ์ HV นั่นล่ะครับ ทำให้มันดูพรีเมี่ยมได้ ดูเป็นลุคตัวท๊อป
พอดันสำเร็จ ก็กินยาวๆ ถ้าเอามาขายตัวล่าง มันเสียภาพลักษณ์ครับ
-
มันควรจะเป็นเเบบนั้นอยู่เเล้วตั้งเเต่ดูโครงสร้างภาษี เเต่ก็ประเทศไทยอะเนาะ โดนเอาเปรียบ อ้างระบบเเพงเเต่ภาษีชดเชยให้มากมาย เเค่ข้ออ้างเลี่อนลอยหาเรี่องขูดรีดเเค่นั้น
-
คนกลัวค่าบำรุงรักษา. ซื้อถูก ซ่อมแพง. ส่วนใหญ่อยากใช้ได้เกิน 10ปีทั้งนั้น
Option ของเล่นมาก่อนความประหยัด
ใครๆก็อยากได้ชื่อว่าขับรุ่น top ครับ
-
ด้วยโครงสร้างภาษีแบบนี้
รุ่น TOP เครื่องธรรมดา ราคาคงไปไกล
รุ่นเริ่มต้นที่เป็น Hybird ราคาก็คงไม่ถูกเท่าไร
-
มันมีค่า CO2 กำหนด ไม่ใช่แค่ไฮบริด ภาษีพุ่ง ราคาโดด จะขายยังไง ไหนจะตัวเลขประหยัดน้ำมันที่คนส่วนใหญ่เลือกอันดับต้นๆ ยิ่งถ้าหวัง mass เค้าไม่มานั่งเอาใจขาซิ่งที่เป็นกลุ่มเล็กๆหรอก
-
ถ้ามองตามตัวรถ ตลาด รถบ้าน
แค่คิดก็สวนทางกันแล้ว
นอกซะจากว่า อะไรๆ หลายอย่างเปลี่ยนไป เช่น หลักๆ เลยคือ ราคาแบต และ ออฟชั่น
เพราะอย่างที่เห็น ตัว hybrid รองท็อป ตัวกลาง ก็มี แสดงว่า ราคาปลอดออฟชั่นออก น่าจะพอได้ในตัวกลาง
-----แต่------
ถ้ามองที่กลุ่ม performance car หรือ super car ที่มี line-up ให้เลือก ตัวเครื่องยนต์แรงๆ ก็จะเป็นตัวท๊อปเสมอ (ยกเว้นตัวที่มี line-up เดียว)
ชัดสุด คือ ค่ายกบ หรือพวก AMG , M ไรพวกนั้น
ต้องดูจุดประสงค์ และ ทุน เขาด้วยครับ
-
ถ้าเราทำแต่รถ hybrid ล้วนในรุ่นนั้น คนก็ไม่น่าจะซื้อเยอะ
กลับกันถ้าทำรุ่นสันดาป ในทุกรุ่นนั้นๆก็มีแววจะขายดีกว่า (ยังไม่นับปัจจัยอื่นๆ)
ขายแบบนี้อ่ะถูกแล้วครับ
สมมุติสันดาป และ Hybrid ทำ option ที่ราคาเท่ากัน และoption เท่ากัน มันจะมีอยู่ 2 อย่างคือ
1. ผมว่าไม่มีใครซื้อทั้งคู่เลย และจะบอกว่าราคามันแพงไป ควรลด ราคารุ่นสันดาป และเอาไปเทียบกับ ตัวล่างของรุ่นถัดไป และคุ้มกว่าใหมที่จะขยับ
2. รุ่นสันดาป ขายได้ดีกว่า Hybrid แล้วเราจะขายรุ่น Hybrid ไปทำไม และเอาไปเท่ียบกับ ตัวล่างของรุ่นถัดไปว่าคุ้มกว่าใหมที่จะขยับ
เหมือนกับคนยอมซื้อตัว Top ของรุ่นสันดาป ดีกว่าขยับไปซื้อรุ่นล่างของ Hybrid ล่ะมังครับ คำตอบเดียวกัน
-
ขอขอบคุณทุกความเห็นครับ ได้ความแตกต่างด้านแนวคิดเป็นอย่างดี
เท่าที่สรุปได้ เหมือน แนวทางนี้จะเหมาะกับรถที่ราคาแพงแต่ต้องการกดราคาให้ต่ำลงโดยอาศัยโครงสร้างภาษีและค่า emission ที่ปล่อยได้น้อยกว่า
ถ้าเป็นเครื่องยนต์สันดาป ก็ทำตัวแรงไปเลย ผมว่าท่านที่ยกตัวอย่าง Mercedes นี้เห็นภาพมากๆครับ
ในทางกลับกัน ถ้าเป็นรถตลาดราคาปานกลาง การยอมตัดใจกดเครื่องยนต์สันดาปที่สามารถผ่านมาตรฐา่นไอเสียได้เป็นรุ่นเริ่มต้น แข่งราคาเป็นหลัก
ยกรุ่น Hybrid เป็นรุ่น Top ก็คงจะดีกว่าจริงๆ โดยเฉพาะตลาดบ้านเรา
ขอบคุณทุกความเห็นอีกครั้งครับผม :) :)
-
น่าคิดนะครับ พวก Porsche ที่มีรุ่นไฮบริดอย่าง Cayenne Panamera คนขับเยอะกว่ารุ่นเบนซินอีกครับ
-
Alphard X มันเสียภาษี สรรพสามิต สูงมากไงครับ
ด้วยขนาดเครื่องยนต์และ การนำเข้า ราคาหลลักมันสูงมาก เจอ ตัว คูณ สรรพสามิตเข้าไป น่าจะ ซัดไป 35 % จากราคาผ่าน นำเข้ามาแล้ว
ทีนี้พอมาเป็น Hybrid มันโดนแค่ 8%
นั่นคือเหตุผล ที่ รุ่น สปอร์ตหรือรถเครื่องยนต์กำลังสูง ราคามนเลยมาทับ กับ รุ่น สันดานดาปตัว กลางๆได้
แต่เคสนีใช้ไมาได้ กับ Hybrid และรถที่ผลิตไทย
เพราะ Hybrid เข้าโครงการ BOI จะเสียภาษีแค่ 4 % เองครับ แต่สันดาปในไทย จะคุม Co2 ให้เาียภาษีแค่ 20-25 %
ราคาก็ใกล้เคียงกันอยู่ดี
-
น่าคิดนะครับ พวก Porsche ที่มีรุ่นไฮบริดอย่าง Cayenne Panamera คนขับเยอะกว่ารุ่นเบนซินอีกครับ
ช่ายเลยครับ เหตุผลหลักน่าจะเป็นที่ราคาถูกกว่ากันหลายล้านบาทเลย ถ้าไม่ใช่คนที่ต้องการความแรงจริงๆ แค่ได้ใช้รุ่นนี้แบรนด์นี้ ราคาของ hybrid ก็น่ารักครับ
-
ผมเพิ่งซื้อแอร์มาครับ สมัยนี้ แอร์ Inverter ก็ราคาถูกกว่า แอร์ ธรรมดา นะครับ หลังจากหักส่วนลดทั้งหมดแล้ว ผมว่ามันก็หลักการเดียวกัน คือผู้ผลิตอยากให้ใช้ ลงทุนไปแล้ว
อีกเรื่องก็คือชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้ใช้ part เดียวกัน part hybrid ก็เหมือนกัน ต้องถูกใช้ไปให้มากที่สุด เพื่อให้คุ้มทุนให้เร็วที่สุด