Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: HYDE-- ที่ มิถุนายน 15, 2013, 17:03:10
-
ระหว่างที่ขับไปพัทยา พอดีเหนวิ่งอยุ่ไกลๆ ก้เลยลองซะหน่อย ตอนแรกผมอยุ่เลนขวา วิ่งอยุ่ 140
ก้ลองกดมิดเลย พอแตะ 170 หันไปมองอีกที เห้ย จี้ติดตูดผมเลย ยังกะฉาก initial d ตอนเริ่มต้นเลย
ลองกดหนีอีกแปปนึง จนแตะ 210 ทันใดนั้น เค้าก้ฉีกออกซ้ายอย่างรวดเร็ว แซงผมไปแบบนิ่มๆ ส่วนผมหรอ... ถอนสิครับ
ฟีลตอนนั้น บอกได้เลยว่า ขนลุกมากๆ ไม่คิดว่าจะเล่นด้วย เห็น emblem ด้านหลัง ชัดเจนว่า c180 มิใช่ c250 แต่อย่างใด
ไม่น่าเชื่อว่า 156 แรงม้า มันจะทำได้ขนาดนี้ ของเค้าแรงจริงๆ
-
เค้าโมกล่องคู่ ดันราง แมก18ท่อเม้งซังครับ
:P
-
เค้าโมกล่องคู่ ดันราง แมก18ท่อเม้งซังครับ
:P
ไปจุดธูปเรียก เดี๋ยวเค้าก็มาจนได้อ่ะครับ ;D ;D
-
แน่นอนจริงๆ ยอมเขาไป
-
ออกทะเลกันแล้วววว ;D
เกียร์ 7 speed ช่วยได้เยอะครับ รวมถึงตัวถัง 2ประตู เตี้ย ลู่ลม ช่วยได้
C180 coupe ตัวนี้รู้สึกไหลได้ถึง 230 กว่าครับ ไม่แน่ใจว่าคันที่ท่านเห็นจะเป็นเครื่องตัวไหน
ถ้าเป็นตัว 1.8L 156PS ก็เป็นเครื่องตัวเดียวกับ c200 184PS แต่โดนลดแรงม้าลงมา ไปใส่กล่องก็ได้ม้าคืนมาแล้ว
อีกตัวก็ 1.6L 156PS รู่สึกตัวนี้จะเครื่องใหม่กว่าครับ
-
Civic FD 2.0 ซึ่งมีม้าแค่ 155ตัว และ auto 5 speed ยังกดได้ 224 เลยครับ แต่ c180 อาจจะจูนมาก็ได้นะครับ
-
บางทีอาจเป็น c63 หรือ 250 แล้วแปะข้างหลัง 180 ก็ได้นะ หลังๆนี้ c coupe มักแต่ง amg มาอยู่แล้ว แยกกันยากนิดนึง
-
รถแบบผม โดนเครื่อง cgi สวนก้ไม่แปลกหรอกครับ
แต่ที่แปลกใจคือ ความเร็วขนาดนั้น แต่ดูเหมือนว่า เค้าก้ยังไหลต่อได้อย่างรวดเร็ว
-
รถเจ้าของก็แรงนะครับ ไม่ทราบขับอะไรอยุ่ครับ
-
รถสมัยนี้ แรง ประหยัด เครื่องซีซี ไม่มาก วิศวกรรมยานยนต์มันพัฒนาตลอดครับ สมัยก่อนเครื่อง2.0L บ้านๆ แรงม้า100ต้นๆกันทั้งนั้น
เว้นเฉพาะเครื่องบางตัว ระบบส่งกำลังก็มี loss มาก ตัวถังก็ยังไม่ลู่ลมเท่าสมัยนี้ เหมือนคลื่นลูกใหม่มันแซงคลื่นลูกเก่าเป็นเรื่องปกติ
เดี๋ยวรถอะไรก็สามารถแล่นได้ที่ 200กว่าทั้งนั้น ทันสมัยกันหมดมีแค่กฎหมายการจารจรทางบกของประเทศไทยปี พศ 2522 ที่ยัง
ใช้มาจนถึง พศ 2556 ที่มันยังล้าสมัยอยู่ครับ ผมเองไม่แปลกใจนะที่C coupe แล่นได้210km/h เพราะอย่างที่บอกมาด้านบน ถ้าแล่นไม่ได้
นี่สิน่าแปลกใจกว่าครับ ลองไปดูออดี้ เครื่อง2.0 TFSI มันแล่นกันที่280km/hโน่นเลย แถมมันไม่ได้ความเร็วขึ้นแบบช้าๆ มันไหลขึ้นไปเลย
แก๊งค์TT,Scirocco,Golf รุ่นน้องผมดึกๆนี่แอบเอาไปซิ่งกันประจำ ชวนผมยิกๆๆๆ เลยบอกไปว่าลุงมันแก่แล้ว ตา กับประสาทมันไม่ไวเหมือนเด็กๆ
เหยียบกัน230km/h เดี๋ยวนี้มารู้ตัวอีกที รู้สึกว่าตัวเองกำพวงมาลัยแน่นมาก ผมเลยรู้ตัวเองว่ามันเป็นข้อบ่งชี้ว่าเรา ไม่มั่นใจที่ความเร็วขนาดนั้นแล้ว
สมัยเด็กๆขับรถ180ยังก้มลงมาควานเอาเทปคาสเซ็ทยัดใส่วิทยุอยู่เลย
-
C180 Coupe ใส่กล่อง เข้าไปสักใบ ม้ากระโดดออกมาอย่างกะคนละคัน แถมช่วงล่างเค้าพร้อมอยู่แล้ว ... ก็อย่างที่เห็นแหละครับ
-
บางทีอาจเป็น c63 หรือ 250 แล้วแปะข้างหลัง 180 ก็ได้นะ หลังๆนี้ c coupe มักแต่ง amg มาอยู่แล้ว แยกกันยากนิดนึง
ไม่แน่ครับ อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้
เปะไว้ให้นึกว่าไม่แรง แต่ที่ไหนได้ ;D ;D ;D
-
มาครับ มาช่วยกันรณรงค์แปะตัวสติ๊กเกอร์ บอกแรงม้ารถของท่าน ที่ท้ายรถครับ จะเป็นป้ายโลหะก็ได้นะครับ
จะได้รู้ว่า เล่นได้หรือเปล่า หรือว่า เค้าอยู่ระดับไหน ;D ;D
-
ถ้าเป็นเครื่องเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง 1.8 ตัวเก่า หรือ 1.6 ตัวใหม่ มันก็ได้ระดับหนึ่งแต่ไม่ใช่ แซงหายแบบรวดเร็วที่ 210 แน่ๆครับ จะค่อยๆขึ้นทีละนิดมากกว่าตามนี้ครับ แต่ปลายพวก benz, bmw ไหลดีกว่ารถญี่ปุ่นอยู่แล้วครับ
2012 Mercedes Benz C180 Top Speed (http://www.youtube.com/watch?v=2hbPult-lnA#ws)
เดาว่าคันนั้นคงเป็นเครื่อง 1.8 ใส่กล่องมามังครับ ก็อาจจะได้เป็นสัก 180 ม้าก็เท่ากับพวก c200 ประมานนั้น แต่ถ้าตัว 1.6 ตัวใหม่ กล่องยังไม่มีขายครับ ผมก็หาดูอยู่ ถ้าราคาไม่แรงมาก็อาจซื้อมาใส่
ถ้าเครื่องเดิมๆ(1.6) เท่าที่ใช้อยู่ ผมว่ามันก็ไม่ได้แรงอะไรมากมายครับ เจอกับ civic 2.0 mt ผมว่ามีหนีกันไม่ออก
-
ที่แน่ๆเดาว่าไม่ใช่เดิมๆอ่ะครับ แต่รถ จขกท รถอะไร ครับ
-
อยากรู้รถที่โดนฉีกแซงไปคือรถอะไรเอ่ย
-
523i e39 โนสคู่ค้าบ เครื่องมันก้เก่าแล้วแหละ
ผมคิดมาตลอดว่า รถผมมันก้ปลายไหลได้อยุ่นะ
เหยียบมิดสุดๆด้วย แต่หนีไม่ออกเลยคับ ตอนแรกเค้าก้อยุ่ไกลนะ เจอวาปมาจี้ตูด แล้วแซงออกเฉยเลย อย่างที่บอกละครับว่า โดนเต็มๆ แต่ก้เป็น2 นาที ที่ตื่นเต้นสุดๆเลยหละ
-
จากอดีตคนเคยซิ่งกับเพื่อนๆ FD2.0
ผมยอมรับเลยว่าเคยโดน FD2.0 ตบหน้าที่ 230 มาแล้ว ใช้น้ำมันเครื่องดีๆเข้าไป เขาลอยเลยรู้สึกจะสุดที่ 235 ด้วยซ้ำสำหรับคันนั้นครับ
ทุกวันนี้ ถ้าเจอพี่ท่านจี้มา ผมปล่อยเขาไปเลยครัย เหนื่อยมากกกกกกกกกกกกกก
ปลทุกวันนี้ Accord 2.4 ขอสบายตรูดดีกว่าจ้า
-
เป็นผมเจอจี้มาขึ้นเลข 2 ก็ถอนแล้วครับ เชิญผ่านเลยครับ ไม่เล่นด้วยแล้ว ชีวิตเราสำคัญกว่าครับ
c coupe ผมว่า 210 ไม่แปลกมากนะครับใส่กล่องก็ไปได้อีกเยอะ แต่ผมเคยเจอ March ตามไม่ปล่อยที่ความเร็วประมาณ 180+-นิดๆ
ตามได้ตลอดทางเส้นชะอำ-หัวหิน จนเจอช่วงรถเยอะก็ผมเลยชลอให้แซง อัตราเร่งดูไม่น่าใช่เครื่องเดิมๆแน่ครับ
-
Civic FD 2.0 ซึ่งมีม้าแค่ 155ตัว และ auto 5 speed ยังกดได้ 224 เลยครับ แต่ c180 อาจจะจูนมาก็ได้นะครับ
CIVICแรงม้า155ก็จริงแต่แรงบิดน้อยกว่าC180เป็น100nmเพราะเป็นเครื่องNA ส่วนC180มี156แรงม้าแต่มีแรงบิดสูงถึง250nmเนื่องจากเป็นเครื่องเทอร์โบครับเทียบกันบนDYNOที่TEST CARแล้วผลออกมาACCORD2.4ยังทำแรงม้าแรงบิดออกมาได้น้อยกว่าเลยครับ ยิ่งC200หรือC250ไม่ต้องสืบครับกดทีแรงบิดทำเอาหลังติดเบาะครับผม
-
Civic FD 2.0 ซึ่งมีม้าแค่ 155ตัว และ auto 5 speed ยังกดได้ 224 เลยครับ แต่ c180 อาจจะจูนมาก็ได้นะครับ
CIVICแรงม้า155ก็จริงแต่แรงบิดน้อยกว่าC180เป็น100nmเพราะเป็นเครื่องNA ส่วนC180มี156แรงม้าแต่มีแรงบิดสูงถึง250nmเนื่องจากเป็นเครื่องเทอร์โบครับเทียบกันบนDYNOที่TEST CARแล้วผลออกมาACCORD2.4ยังทำแรงม้าแรงบิดออกมาได้น้อยกว่าเลยครับ ยิ่งC200หรือC250ไม่ต้องสืบครับกดทีแรงบิดทำเอาหลังติดเบาะครับผม
ไดโน อย่าดูแค่ตัวเลขสิครับ ดูกราฟด้วย เทอร์โบอาจให้แรงบิดมากกว่าแต่ปลายอาจเหี่ยวกว่าก็ได้ เล่นที่ 200+ คือรอบปลายแล้ว รถเทอร์โบส่วนมากเกิน 5000รอบขึ้นไปแรงหมดแล้วล่ะ ไม่เหมือนกับ na ที่แรงพึ่งมา
แต่ถ้าเดิมๆทั้งคู่เชื่อว่ายังไงเบนซ์(180)ก็กินแต่ไม่ขาดมากนัด แต่ซีวิคขอ แคมคู่ k20a เอาแค่ฝาดำ อัพทางเดินอากาศ จูน ecu วิ่งที่ 200+ ซีวิคนำ
แต่ยังไงการทรงตัวเบนซ์ก็ยังเหนือกว่าแบบไม่ต้องสืบ
-
Civic FD 2.0 ซึ่งมีม้าแค่ 155ตัว และ auto 5 speed ยังกดได้ 224 เลยครับ แต่ c180 อาจจะจูนมาก็ได้นะครับ
CIVICแรงม้า155ก็จริงแต่แรงบิดน้อยกว่าC180เป็น100nmเพราะเป็นเครื่องNA ส่วนC180มี156แรงม้าแต่มีแรงบิดสูงถึง250nmเนื่องจากเป็นเครื่องเทอร์โบครับเทียบกันบนDYNOที่TEST CARแล้วผลออกมาACCORD2.4ยังทำแรงม้าแรงบิดออกมาได้น้อยกว่าเลยครับ ยิ่งC200หรือC250ไม่ต้องสืบครับกดทีแรงบิดทำเอาหลังติดเบาะครับผม
ไดโน อย่าดูแค่ตัวเลขสิครับ ดูกราฟด้วย เทอร์โบอาจให้แรงบิดมากกว่าแต่ปลายอาจเหี่ยวกว่าก็ได้ เล่นที่ 200+ คือรอบปลายแล้ว รถเทอร์โบส่วนมากเกิน 5000รอบขึ้นไปแรงหมดแล้วล่ะ ไม่เหมือนกับ na ที่แรงพึ่งมา
แต่ถ้าเดิมๆทั้งคู่เชื่อว่ายังไงเบนซ์(180)ก็กินแต่ไม่ขาดมากนัด แต่ซีวิคขอ แคมคู่ k20a เอาแค่ฝาดำ อัพทางเดินอากาศ จูน ecu วิ่งที่ 200+ ซีวิคนำ
แต่ยังไงการทรงตัวเบนซ์ก็ยังเหนือกว่าแบบไม่ต้องสืบ
ต้องออกตัวก่อนน่ะครับผมไม่ได้ใช่รุ่นนี้ แต่ผมมีกราฟของรถเพื่อนผมทั้งสองคันนี้มาเทียบกันให้ดูครับ ทั้งต้นกลางปลายC180มันกินหมดจริงๆครับ
C180 1.8
(http://image.ohozaa.com/i/050/ibVUjB.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wTJmH8slXCTwfWxZ)
*จะสังเกตุได้ว่าแรงบิดมันทะลุ250nmไปตั้งแต่รอบแค่2พันนิดๆ ส่วนแรงม้าก็มาระดับ150hpตั้งแต่4,200รอบยาวไปถึง6,000รอบ
accord2.4
(http://image.ohozaa.com/i/2b3/EYAlQs.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wTJk3IfXeJXwnlMA)
*จะสังเกตุได้ว่าแรงบิดสูงสุด193nmกว่าจะมาถึงก็ต้องรอรอบสูงถึง4,500รอบ ส่วนแรงม้าที่4,200รอบยังอยู่เพียงระดับ120hpนิดๆจนกระทั่งลากไปทะลุ6พันรอบถึงวิ่งเข้าใกล้ตัวเลข145hpครับ
ส่วนนี้เป็นกราฟFD2.0 วัดได้131แรงม้า แรงบิด158nm
(http://image.ohozaa.com/i/ab9/yKYrMq.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wTJnqRIkxEkkf5Lg)
**จากที่หัวหน้าช่างประจำDYNOเค้าเทสทุกวันเค้าจึงบอกว่า รถยุโรปส่วนใหญ่จะวัดแรงม้าแรงบิดออกมาได้ใกล้เคียงหรือมากกว่าที่โรงงานเครมมา ส่วนรถญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะวัดได้ต่ำกว่ามากถึงมากเป็นพิเศษในบางคันจากที่โรงงานเครมมาครับ ยังมีกราฟอีกมากมายทั้งTEANA,CAMRYต่างๆ
-
เทคโนโลยีี สมัยนี้พัฒนามาไกลแล้วครับ
แค่ค่าสัมพสิทธิ์เสียดทานอากาศรถบ้านสมัยนี้ก็พอๆกันหรือเกือบเท่ารถแข่งสมัยก่อนครับ
แถมเทคโนโลยี ต่างกัน 10 ปีมันก็ไม่แปลกครับ
รถยุโยปส่วนใหญ่ปลายไหลอยู่แล้วครับไม่แปลกเพราะฝรั่งเค้าใช้ขับข้ามทวีปข้ามประเทศจะทำมาให้ปลายไหลมันก็ไม่แปลก แต่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่รถเยอะแบบบ้านเราเค้าก็เซทมาให้ตอบสนองการออกตัวดีๆปลายเลยไม่ค่อยจะม่มากแถมยังต้องกดค่าตัวให้ถูกอีกด้วยนะครับ
-
เครือ่งตัวเดียวกับ slk 200 นิครับ หึหึ
-
เดี๋ยวนี้ชนะกันที่ใจครับ ใจถึงก็ไปถึง(แล้วแต่คนว่าถึงที่ไหน) :D
มาครับ มาช่วยกันรณรงค์แปะตัวสติ๊กเกอร์ บอกแรงม้ารถของท่าน ที่ท้ายรถครับ จะเป็นป้ายโลหะก็ได้นะครับ
จะได้รู้ว่า เล่นได้หรือเปล่า หรือว่า เค้าอยู่ระดับไหน ;D ;D
กดlikeครับ อยากรู้ว่าขอตามได้มั้ย ขอแซงได้มั้ย หรือ บางคันเจอกันแป้ปเดียวก็พอ ;D
-
เดี๋ยวนี้ชนะกันที่ใจครับ ใจถึงก็ไปถึง(แล้วแต่คนว่าถึงที่ไหน) :D
ไม่ใช่ว่า ตื่นมาอีกที คนก็อยู่ในห้องฉุกเฉินแล้ว แบบนั้นไม่เอานะครับ ;D
-
Civic FD 2.0 ซึ่งมีม้าแค่ 155ตัว และ auto 5 speed ยังกดได้ 224 เลยครับ แต่ c180 อาจจะจูนมาก็ได้นะครับ
CIVICแรงม้า155ก็จริงแต่แรงบิดน้อยกว่าC180เป็น100nmเพราะเป็นเครื่องNA ส่วนC180มี156แรงม้าแต่มีแรงบิดสูงถึง250nmเนื่องจากเป็นเครื่องเทอร์โบครับเทียบกันบนDYNOที่TEST CARแล้วผลออกมาACCORD2.4ยังทำแรงม้าแรงบิดออกมาได้น้อยกว่าเลยครับ ยิ่งC200หรือC250ไม่ต้องสืบครับกดทีแรงบิดทำเอาหลังติดเบาะครับผม
ผมจะบอกว่า ไม่น่าแปลกใจที่ C180 แซงที่ความเร็ว 210 ได้สบายๆครับ เพราะขนาด Civic 2.0 ยังทำได้ C180กิน FDในทุกด้าน เครื่องและระบบส่งกำลัง C180ย่อมแซงได้นิ่มๆครับ
ปล. ไม่ทราบว่าคุณ GRIMDONUT ใช้ตัว 250 รึเปล่าครับ อยากสอบถามความคิดเห็นจากการใช้งานครับว่าเครื่องตัวนี้เป็นยังไงบ้าง
-
c200 1800cc 184แรงม้า spec โรงงาน เดิมๆ ไม่โม ไม่แต่ง เดิมๆ ก็วิ่ง 230-240 แล้วครับ
c180 สบายๆอยู่แล้วสำหรับความเร็ว แบบนี้
c180 น่าจะเจอกับ 318i ตัว e90 ขึ้นไป
ส่วน c200 ต้องเจอกับ 320i
รับรองหนีกันไม่ออกทั้งคู่ ถ้ารถเดิมๆ
-
ผมว่าตอนนี้ผมเจอ320dเสี้ยนๆบนถนนเยอะมากๆเลยคร้บ เบนซ์นี่แทบไม่เจอขับเร็วๆนะ
เข้าใจว่าทอร์คเยอะ ประหยัดน้ำมัน กดเป็นมาๆ 555 เจอเจ้าของขับกันเร็วๆเยอะมาก
ส่วนเรืี่องc coupe ต่อให้250ก็ตามผมไม่ทันอยู่แล้วอิอิ แต่ผู้หญิงขับc coupe สีขาวน่ารักฝุดๆไปเบย
ปล.ขออนุญาตใช้ภาษาวิบัตินิดนึง เห็นเค้าฮิตกันจุงเบย
-
จะว่าไป นี่แทบจะเป็น mb ใหม่ คันแรก ที่ผมเจอขับเร็วเลยครับ
ยังคิดอยุ่เลย ถ้าคนขับเป็นผู้หญิง เจอที่ปั้ม ก้ว่าจะไปขอเบอซะหน่อย 555
ผู้หญิงสมัยนี้ ขับรถเร็วมากกกกกกกกกก
-
แหะๆไม่อยากจะบอกว่าเจอเหมือนกันครับ C180 Coupe อาจจะเป็นคันเดียวกันก็ได้ 555 เจอะที่ มอเตอร์เวย์ เส้นไปพัทยา (ไม่รุ้เค้าเรียกไร)
ตกใจที่โดนจี้ตูดเหมือนกันครับ แต่หลบไห้ เพราะรถหล่อ ฮ่าๆ
-
Civic FD 2.0 ซึ่งมีม้าแค่ 155ตัว และ auto 5 speed ยังกดได้ 224 เลยครับ แต่ c180 อาจจะจูนมาก็ได้นะครับ
CIVICแรงม้า155ก็จริงแต่แรงบิดน้อยกว่าC180เป็น100nmเพราะเป็นเครื่องNA ส่วนC180มี156แรงม้าแต่มีแรงบิดสูงถึง250nmเนื่องจากเป็นเครื่องเทอร์โบครับเทียบกันบนDYNOที่TEST CARแล้วผลออกมาACCORD2.4ยังทำแรงม้าแรงบิดออกมาได้น้อยกว่าเลยครับ ยิ่งC200หรือC250ไม่ต้องสืบครับกดทีแรงบิดทำเอาหลังติดเบาะครับผม
ไดโน อย่าดูแค่ตัวเลขสิครับ ดูกราฟด้วย เทอร์โบอาจให้แรงบิดมากกว่าแต่ปลายอาจเหี่ยวกว่าก็ได้ เล่นที่ 200+ คือรอบปลายแล้ว รถเทอร์โบส่วนมากเกิน 5000รอบขึ้นไปแรงหมดแล้วล่ะ ไม่เหมือนกับ na ที่แรงพึ่งมา
แต่ถ้าเดิมๆทั้งคู่เชื่อว่ายังไงเบนซ์(180)ก็กินแต่ไม่ขาดมากนัด แต่ซีวิคขอ แคมคู่ k20a เอาแค่ฝาดำ อัพทางเดินอากาศ จูน ecu วิ่งที่ 200+ ซีวิคนำ
แต่ยังไงการทรงตัวเบนซ์ก็ยังเหนือกว่าแบบไม่ต้องสืบ
ต้องออกตัวก่อนน่ะครับผมไม่ได้ใช่รุ่นนี้ แต่ผมมีกราฟของรถเพื่อนผมทั้งสองคันนี้มาเทียบกันให้ดูครับ ทั้งต้นกลางปลายC180มันกินหมดจริงๆครับ
C180 1.8
(http://image.ohozaa.com/i/050/ibVUjB.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wTJmH8slXCTwfWxZ)
*จะสังเกตุได้ว่าแรงบิดมันทะลุ250nmไปตั้งแต่รอบแค่2พันนิดๆ ส่วนแรงม้าก็มาระดับ150hpตั้งแต่4,200รอบยาวไปถึง6,000รอบ
accord2.4
(http://image.ohozaa.com/i/2b3/EYAlQs.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wTJk3IfXeJXwnlMA)
*จะสังเกตุได้ว่าแรงบิดสูงสุด193nmกว่าจะมาถึงก็ต้องรอรอบสูงถึง4,500รอบ ส่วนแรงม้าที่4,200รอบยังอยู่เพียงระดับ120hpนิดๆจนกระทั่งลากไปทะลุ6พันรอบถึงวิ่งเข้าใกล้ตัวเลข145hpครับ
ส่วนนี้เป็นกราฟFD2.0 วัดได้131แรงม้า แรงบิด158nm
(http://image.ohozaa.com/i/ab9/yKYrMq.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wTJnqRIkxEkkf5Lg)
**จากที่หัวหน้าช่างประจำDYNOเค้าเทสทุกวันเค้าจึงบอกว่า รถยุโรปส่วนใหญ่จะวัดแรงม้าแรงบิดออกมาได้ใกล้เคียงหรือมากกว่าที่โรงงานเครมมา ส่วนรถญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะวัดได้ต่ำกว่ามากถึงมากเป็นพิเศษในบางคันจากที่โรงงานเครมมาครับ ยังมีกราฟอีกมากมายทั้งTEANA,CAMRYต่างๆ
น่าคิดแฮะ รถยุโรป เทสได้ใกล้สเปคโรงงานมากกว่า
แบบนี้แสดงว่า ถ้าโรงงานเทสเหมือนมาตรฐานญี่ปุ่น ม้า กับบิด คงมากกว่านี้อีกแน่ >_<
-
ผมว่ารถยุโรปเครื่องเทอโบรุ่นใหม่ๆนี่เครมแรงม้าออกมาต่ำกว่าความเป็นจริงมากครับ บางทีรุ่นต่ำกว่าก็เครมแรงม้าน้อยไว้ก่อนเพื่อรุ่นสูงกว่าจะได้ขายได้
-
ผมว่ารถยุโรปเครื่องเทอโบรุ่นใหม่ๆนี่เครมแรงม้าออกมาต่ำกว่าความเป็นจริงมากครับ บางทีรุ่นต่ำกว่าก็เครมแรงม้าน้อยไว้ก่อนเพื่อรุ่นสูงกว่าจะได้ขายได้
ผมว่าคงเคลมไว้ตรงตามจริงแหละครับพวกนี้มันมีมาตรฐานอยู่ เพียงแต่ช่วงpower band ของรถเค้ามาแบบกว้างๆดึงยาวๆ อาจจะไม่ได้หนักมาก แต่เวลาใช้งาน
กดแล้วมาทันใจอาจจะไม่ได้มากแบบรุนแรงแต่มันมาเรื่อยๆกว้างๆหละครับ อานิสงค์จากที่มีระบบอัดอากาศมันทำให้รถขับขี่ง่าย ทันใจเพราะมีตัวช่วยแตกต่าง
จากรถNA ซึ่งอาจจะมีช่วงpower band ที่แคบกว่าและมาที่รอบสูงๆ พอมาเจอจังหวะลอยๆมาแบบนี้ ถึงแม้ว่าNA ซีซีมากกว่ามันคงต้องใช้เวลาตั้งหลักนิดนึง
พอเจอรถเทอร์โบปุ้บ พวกนี้มาแบบทันอกทันใจ เหมือนทีวีHitachi เปิดปุ้บติดปั้บหละครับ ;D
-
Civic FD 2.0 ซึ่งมีม้าแค่ 155ตัว และ auto 5 speed ยังกดได้ 224 เลยครับ แต่ c180 อาจจะจูนมาก็ได้นะครับ
CIVICแรงม้า155ก็จริงแต่แรงบิดน้อยกว่าC180เป็น100nmเพราะเป็นเครื่องNA ส่วนC180มี156แรงม้าแต่มีแรงบิดสูงถึง250nmเนื่องจากเป็นเครื่องเทอร์โบครับเทียบกันบนDYNOที่TEST CARแล้วผลออกมาACCORD2.4ยังทำแรงม้าแรงบิดออกมาได้น้อยกว่าเลยครับ ยิ่งC200หรือC250ไม่ต้องสืบครับกดทีแรงบิดทำเอาหลังติดเบาะครับผม
ไดโน อย่าดูแค่ตัวเลขสิครับ ดูกราฟด้วย เทอร์โบอาจให้แรงบิดมากกว่าแต่ปลายอาจเหี่ยวกว่าก็ได้ เล่นที่ 200+ คือรอบปลายแล้ว รถเทอร์โบส่วนมากเกิน 5000รอบขึ้นไปแรงหมดแล้วล่ะ ไม่เหมือนกับ na ที่แรงพึ่งมา
แต่ถ้าเดิมๆทั้งคู่เชื่อว่ายังไงเบนซ์(180)ก็กินแต่ไม่ขาดมากนัด แต่ซีวิคขอ แคมคู่ k20a เอาแค่ฝาดำ อัพทางเดินอากาศ จูน ecu วิ่งที่ 200+ ซีวิคนำ
แต่ยังไงการทรงตัวเบนซ์ก็ยังเหนือกว่าแบบไม่ต้องสืบ
ต้องออกตัวก่อนน่ะครับผมไม่ได้ใช่รุ่นนี้ แต่ผมมีกราฟของรถเพื่อนผมทั้งสองคันนี้มาเทียบกันให้ดูครับ ทั้งต้นกลางปลายC180มันกินหมดจริงๆครับ
C180 1.8
(http://image.ohozaa.com/i/050/ibVUjB.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wTJmH8slXCTwfWxZ)
*จะสังเกตุได้ว่าแรงบิดมันทะลุ250nmไปตั้งแต่รอบแค่2พันนิดๆ ส่วนแรงม้าก็มาระดับ150hpตั้งแต่4,200รอบยาวไปถึง6,000รอบ
accord2.4
(http://image.ohozaa.com/i/2b3/EYAlQs.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wTJk3IfXeJXwnlMA)
*จะสังเกตุได้ว่าแรงบิดสูงสุด193nmกว่าจะมาถึงก็ต้องรอรอบสูงถึง4,500รอบ ส่วนแรงม้าที่4,200รอบยังอยู่เพียงระดับ120hpนิดๆจนกระทั่งลากไปทะลุ6พันรอบถึงวิ่งเข้าใกล้ตัวเลข145hpครับ
ส่วนนี้เป็นกราฟFD2.0 วัดได้131แรงม้า แรงบิด158nm
(http://image.ohozaa.com/i/ab9/yKYrMq.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wTJnqRIkxEkkf5Lg)
**จากที่หัวหน้าช่างประจำDYNOเค้าเทสทุกวันเค้าจึงบอกว่า รถยุโรปส่วนใหญ่จะวัดแรงม้าแรงบิดออกมาได้ใกล้เคียงหรือมากกว่าที่โรงงานเครมมา ส่วนรถญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะวัดได้ต่ำกว่ามากถึงมากเป็นพิเศษในบางคันจากที่โรงงานเครมมาครับ ยังมีกราฟอีกมากมายทั้งTEANA,CAMRYต่างๆ
น่าคิดแฮะ รถยุโรป เทสได้ใกล้สเปคโรงงานมากกว่า
แบบนี้แสดงว่า ถ้าโรงงานเทสเหมือนมาตรฐานญี่ปุ่น ม้า กับบิด คงมากกว่านี้อีกแน่ >_<
เท่าที่เคยลองLTestcar ถ้ารถเดิมๆมาส่วนใหญ่ที่เจอพวกรถยุโรปม้าได้ออกมาค่อนข้างใกล้เคียงตามสเป็คเลยครับ แต่ถ้าไปวัดที่อื่นจะได้มากกว่าLtestcar
ลูกกลิ้งมันจะฝืดหน่อยครับ ถ้าไปที่อื่นม้าจะเพิ่มกว่านี้อีกหลาย% อยู่ครับ ที่นี่เค้าเรียกHeartbreaker Dyno เจ้าของรถมักหัวใจสลายเวลาหน้าเสียๆเวลา
ไปลองเทสต์แรงม้าที่นี่ ผมเองก็ไม่ทราบว่าที่ไหนมีมาตรฐานมากที่สุด ผมเคยจำได้ว่าAudi R8 ไปลองเทสต์กำลังที่นี่ออกมาหลงจ้ง ซี้แปะแบ้(400ม้า)
ของผมเองเคยไปขึ้นครั้งนึง แรงบิดผมหายไปร่วม100Nm จาก600Nm เหลืออยู่500Nm(ขับสี่) ร้องเจี๊ยกหน้าเสียเลย ยังดีผมได้ขึ้นฟรีเลยไม่ซีเรียสมาก
-
ขอนิดนึงนะครับ
เรื่องที่บอกว่า รถญี่ปุ่น วัดม้าออกมาได้น้อยกว่ารถยุโรป
กราฟนี้ FD2.0 รถผมเอง สภาพเดิมสนิท
วัดออกมา หัก loss
convert กลับไปเป็นม้าที่เครื่อง ได้ 155 ตัว เท่ากับที่ โรงงา่นเคลมมาเลยครับ
วัดที่ Test Car ที่เดียวกับ C180 ไปขึ้นมา
(http://img401.imageshack.us/img401/7306/v29w.jpg)
เรื่อง Power band อันนี้ยอมรับว่า ของ C180 ดีกว่าจริงๆ
เครื่องเป็น เครื่องยุคใหม่ ทั้งมีหอย และ ฉีดตรง
สร้าง Power band ได้ดีมาก
ถ้าคนเข้าใจเรื่องเครื่องยนต์ จะทราบครับ ว่า เครื่อง NA กับ เครื่องมีหอย
การสร้างแรงบิด มันได้เปรียบ เสียเปรียบกันยังไง
ม้าระดับ 150-160 ตัว
ถ้าตัวถังลู่ลมหน่อย ไปได้ 220-230 km/h ไม่แปลกครับ
ยิ่งถ้าคนขับเขามีฝีมือหน่อย รักษาความเร็วรถได้เก่ง ตอนเขากด เขาก็มีความเร็วอยู่แล้ว
เราต้องเร่งขึ้นไปอีก เสียเปรียบตั้งแต่เริ่มแ้ล้วครับ
-
เลยบอกไปว่าลุงมันแก่แล้ว ตา กับประสาทมันไม่ไวเหมือนเด็กๆ
เหยียบกัน230km/h เดี๋ยวนี้มารู้ตัวอีกที รู้สึกว่าตัวเองกำพวงมาลัยแน่นมาก ผมเลยรู้ตัวเองว่ามันเป็นข้อบ่งชี้ว่าเรา ไม่มั่นใจที่ความเร็วขนาดนั้นแล้ว
สมัยเด็กๆขับรถ180ยังก้มลงมาควานเอาเทปคาสเซ็ทยัดใส่วิทยุอยู่เลย
ตรงมากครับประโยคนี้
ผมเด่วนี้นานมากๆจะแตะ 160-170 ฮ่าๆ
-
แหะๆไม่อยากจะบอกว่าเจอเหมือนกันครับ C180 Coupe อาจจะเป็นคันเดียวกันก็ได้ 555 เจอะที่ มอเตอร์เวย์ เส้นไปพัทยา (ไม่รุ้เค้าเรียกไร)
ตกใจที่โดนจี้ตูดเหมือนกันครับ แต่หลบไห้ เพราะรถหล่อ ฮ่าๆ
ผมโดนที่เส้นบูรพาวิถีครับ ช่วงแถวๆบางปะกง ขับเรียบร้อยมาตลอด เพราะ กลัวกล้อง แต่พออารมมา.... หลุดจุดเลยครับ
รถป้ายแดง สีขาว ขับไม่มุด แช่เลนขวา จี้ให้คันหน้าหลบอย่างเดียว
-
ผมว่ารถยุโรปเครื่องเทอโบรุ่นใหม่ๆนี่เครมแรงม้าออกมาต่ำกว่าความเป็นจริงมากครับ บางทีรุ่นต่ำกว่าก็เครมแรงม้าน้อยไว้ก่อนเพื่อรุ่นสูงกว่าจะได้ขายได้
ผมว่าคงเคลมไว้ตรงตามจริงแหละครับพวกนี้มันมีมาตรฐานอยู่ เพียงแต่ช่วงpower band ของรถเค้ามาแบบกว้างๆดึงยาวๆ อาจจะไม่ได้หนักมาก แต่เวลาใช้งาน
กดแล้วมาทันใจอาจจะไม่ได้มากแบบรุนแรงแต่มันมาเรื่อยๆกว้างๆหละครับ อานิสงค์จากที่มีระบบอัดอากาศมันทำให้รถขับขี่ง่าย ทันใจเพราะมีตัวช่วยแตกต่าง
จากรถNA ซึ่งอาจจะมีช่วงpower band ที่แคบกว่าและมาที่รอบสูงๆ พอมาเจอจังหวะลอยๆมาแบบนี้ ถึงแม้ว่าNA ซีซีมากกว่ามันคงต้องใช้เวลาตั้งหลักนิดนึง
พอเจอรถเทอร์โบปุ้บ พวกนี้มาแบบทันอกทันใจ เหมือนทีวีHitachi เปิดปุ้บติดปั้บหละครับ ;D
อันนี้ผมเห็นด้วยครับว่ารถยุโรปมาตรฐานแรงที่เครมนั้นตรงตามสเป็คมาก แต่รถบางรุ่นโดยเฉพาะค่าย BMW ที่เป็นเครื่องเทอโบนี่แรงม้ากับแรงบิดที่เครมไว้นั้นต่ำกว่าความเป็นจริงหลายรุ่นครับ
สมัยก่อนตอนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศเคยใช้มินิ Cooper S ทั้งรุ่น R53 และ R56 เกียร์ธรรมดาทั้งคู่ แรงที่เครมห่างกันสิบกว่าแรงม้าเท่านั้น แต่พอขึ้นไดโนตัวเดียวกัน ห่างกันเกือบ 30 ตัวที่ล้อ โดย R53 ลงพื้นประมาณ 140 แรงม้า แต่ R56 นั้นเกือบๆ 170 ครับ แรงบิด 280nm ที่ล้อ (เครมไว้แค่ 260 ที่เครื่อง) อีกรุ่นที่มีโอกาศได้ใช้คือ BMW 335i เครื่องเทอโบรุ่นแรกครับที่ไปไดโนแล้วได้แรงม้า (peak) นั้นเท่ากันกับ e46 M3 เลย (ตามสเป็คห่างกันเกือบ 40 แรงม้า) ส่วนแรงบิดนั้นคำนวนออกมาสูงกว่าสเป็คที่เครมไว้ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ได้ครับ
-
อยากเล่าต่ออีกนิด ใครที่อายุสัก30up คงพอเลาๆได้ว่าเมื่อสัก15-20ปีที่แล้ว พอจะจำกันได้มั้ยว่า รถเก๋งบ้านๆเราสมัยนั้น
รถคันไหนทำความเร็วจากหยุดนิ่งผ่าน100km/h ได้ด้วยเลขตัวเดียวได้ ถือว่าเป็นที่ฮือฮามาก ถือว่ารถคันนั้น พิเศษหรือแรง
กว่ารถคันอื่นพอสมควร เพราะรถเก๋งสมัยนั้น เครื่องยนต์ที่เล็กที่สุดในไซด์รถเก๋งนั่งชั้นกลาง คือ2.0L ถือว่าเล็กที่สุดแล้ว โดยมาก
จะเครื่อง2.3L-3.0L 4สูบบ้าง 6สูบบ้าง แต่โดยมากก็จะทำความเร็วผ่าน100km/h กันที่ 11วินาที-14วินาที ถ้ารถคันไหนทำได้สัก9วินาที
เศษๆ ถือว่าคันนั้นแรงในระดับรถเก๋งนั่งชั้นกลาง ไม่รวมรถสปอร์ตหรือรถใหญ่พวกเครื่องหลายๆพันซีซี ใครที่อายุไล่ๆกันลองหลับตา
แล้วย้อนกลับไปคิดดูสมัยหนังสือรถเราหาซื้อกันแบบปกอ่อนเล่มบางๆเล่มละ15บาท-20บาท ไม่รวมหนังสือปกหนาซึ่งราคาก็จะอยู่แค่
เล่มละ40-60บาท ไม่รู้สิผมกลับชอบวิศวกรรมยานยนต์ในสมัยนั้นดี มันไม่ได้ซับซ้อนมากมาย ระบบไฟฟ้า ณ สมัยนั้นเราก็ว่ามันไฮเทค
ทันสมัย รถคันไหนมีถุงลมนิรภัย มีระบบABS ถือว่า ลงจากรถเดินอาดๆ เอาไปคุยเพื่อนได้แล้วว่ารถข้ามีถุงลมนิรภัยเว่ย มีABS นะว้อยยย
เท่ห์ไม่หยอก รถคันไหนบอกว่ารถข้าต้องเสียบคอมพิวเตอร์นะ โอ้ยหล่อสุดในตำบล มันเป็นยุครอยต่อความร่วมสมัยของนวัตกรรมยานยนต์
ระหว่างระบบคาร์บูเรเตอร์ กับระบบหัวฉีดแบบไฟฟ้า(จริงๆสมัยนั้นก็จะมีระบบหัวฉีดแบบกึ่งไฟฟ้า มาคั่นกลางอยู่) รอยต่อระหว่างอุตสาหกรรม
ยานยนต์ซึ่งเริ่มคำนึงความปลอดภัยมากขึ้น มีคานด้านข้างประตู โฆษณากันโจ๋งครึ่ม รุ่นนี้มีคานข้างประตู1อัน อีกรุ่นให้มา2อัน เกทับกันไป
ถุงลมนิรภัย 1ใบ แล้วก็ออกมาเป็น2ใบ เรียก double airbags หรือ บ้างเรียกDual Airbags บ้างมีโฆษณาต่ออีกว่า ถุงลมข้าใบใหญ่ฝ่าเว้ย
ได้มาตรฐานEU ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นOpel Astra,Vectra ในสมัยนู้น วันเวลาผ่านไปไวดั่งโกหก ปัจจุบัน ห้วงเวลานั้นกลับกลายเป็น
สิ่งที่ดูออกจะจืดชืดไม่น่าพิสมัยในปี2013ไป ทุกครั้งที่นั่งลำดับจิตและมโนภาพกลับไปทุกครั้งผมมักจะมีรอยยิ้มที่มุมปากอยู่เสมอ เมื่อ
ได้กลับไปลิ้มชิมรสในบรรยากาศเก่าๆ ห้วงเวลาเดิมๆ ในขวดแก้วใบเก่าที่ผมแอบเก็บสะสมความทรงจำพวกนี้เอาไว้ตลอดเวลา ไม่น่าแปลกใจจริงๆ
ว่าทำไมผมถึงยังพิศวาทกับยานยนต์ในยุคนั้นๆจนถึงปัจจุบัน มันเป็นช่วงเวลาที่ความจำของผมที่ดีที่สุดและจดจำได้แม่นยำที่สุด
ผมได้มีโอกาสนั่งรถยนต์รุ่นใหม่ๆเยอะแยะมากมาย ถามว่ามันดีมั้ย ตอบได้เลยว่ามันดี มันสวยสด มันน่าหลงไหล มันน่าจูงใจ
แต่มันยังขาดบุคลิกบางอย่าง ขาดความเป็นตัวตนบางอย่างของผมไปครับ ปัจเจกและความเป็นตัวตนของเรานี่มันเปลี่ยนไม่ได้
ตามกาลเวลาจริงๆครับ ขออนุญาตยืมพื้นที่กระทู้นี้สักหน่อย นานๆผมจะมีความรู้สึกแบบนี้ ถ่ายทอดอารมณ์แบบนี้ออกมาเป็นตัวหนังสือสักที
-
รถผม 300E 188แรงม้า(ตอนนี้เหลือเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้) ในสมัยก่อนก็ถือว่าแรงแล้วนะ มายุคนี้กลายเป็นรถมีแรงแบบบ้านๆไปแล้ว
ด้วยตัวรถที่หนัก ไม่ลู่ลมสักเท่าไหร่ แต่จะไปใช้รถรุ่นใหม่ๆก็ไม่ชอบ ผูกพันกับมันมาก รถใหม่กว่าขายเปลี่ยนไป แต่คันนี้ไม่เปลี่ยน
ผมเคยแต่วิ่งกับ C250 Coupe ยอมรับเลยว่าแรง ผมกดหมดทุกเม็ด แต่พอความเร็วสัก160ขึ้นไป ค่อยๆห่างออก ห่างออก แล้วก็ติดคันหน้า
ถ้าทางยาวๆคงโดนทิ้งหายแน่ๆ แต่รู้อยู่แล้วว่าสเป๊กเขาแรงกว่า 300Eของผม แค่เจอC200 ก็น่าจะไม่รอดแล้ว 1.8เทอโบมันแรงจริงๆแฮะ
รถยุโรปรุ่นใหม่ๆ ทดเกียร์ได้ต่อเนื่อง(วิ่งTop speed ใช้รอบไม่ถึงขีดแดง ไม่น่ากลัว) มีเทอโบ ฉีดตรง ยางหน้ากว้างมาจากโรงงาน เบรคก็ใหญ่กว่ายุคก่อนๆ ซื้อมาพร้อมวิ่งเลย
ยิ่งเจอพวกDiesel ยุคใหม่นะ ตามไม่ทันเลย เช่นพวก CLS250 525d ยอมแต่โดยดีเลยล่ะ เขาทั้งประหยัด กล้าเหยียบ รอบไม่น่ากลัว ไม่ต้องเค้นมาก
ว่าแต่ไปเล่นกับรถป้ายแดงเสียเปรียบนะครับ เขาโดนถ่ายจับความเร็ว แต่เขาไม่ต้องจ่ายอ่ะ ;D
-
คุณPopdemonic ไม่ทราบใช้รถอะไรเหรอครับ แรงบิด600นิวตันเลย แรงจิงๆ
กระทู้Civic vs c180 เคยมีคนโพสใน mercedesmaniaแล้วครับ ลองไปตามอ่านดู มันมากๆ
เห็นว่า c180ก็กินaccord2.4ด้วยนะคับ เหลือเชื่อจริง
-
รถผม 300E 188แรงม้า(ตอนนี้เหลือเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้) ในสมัยก่อนก็ถือว่าแรงแล้วนะ มายุคนี้กลายเป็นรถมีแรงแบบบ้านๆไปแล้ว
ด้วยตัวรถที่หนัก ไม่ลู่ลมสักเท่าไหร่ แต่จะไปใช้รถรุ่นใหม่ๆก็ไม่ชอบ ผูกพันกับมันมาก รถใหม่กว่าขายเปลี่ยนไป แต่คันนี้ไม่เปลี่ยน
ผมเคยแต่วิ่งกับ C250 Coupe ยอมรับเลยว่าแรง ผมกดหมดทุกเม็ด แต่พอความเร็วสัก160ขึ้นไป ค่อยๆห่างออก ห่างออก แล้วก็ติดคันหน้า
ถ้าทางยาวๆคงโดนทิ้งหายแน่ๆ แต่รู้อยู่แล้วว่าสเป๊กเขาแรงกว่า 300Eของผม แค่เจอC200 ก็น่าจะไม่รอดแล้ว 1.8เทอโบมันแรงจริงๆแฮะ
รถยุโรปรุ่นใหม่ๆ ทดเกียร์ได้ต่อเนื่อง(วิ่งTop speed ใช้รอบไม่ถึงขีดแดง ไม่น่ากลัว) มีเทอโบ ฉีดตรง ยางหน้ากว้างมาจากโรงงาน เบรคก็ใหญ่กว่ายุคก่อนๆ ซื้อมาพร้อมวิ่งเลย
ยิ่งเจอพวกDiesel ยุคใหม่นะ ตามไม่ทันเลย เช่นพวก CLS250 525d ยอมแต่โดยดีเลยล่ะ เขาทั้งประหยัด กล้าเหยียบ รอบไม่น่ากลัว ไม่ต้องเค้นมาก
ว่าแต่ไปเล่นกับรถป้ายแดงเสียเปรียบนะครับ เขาโดนถ่ายจับความเร็ว แต่เขาไม่ต้องจ่ายอ่ะ ;D
พูดถึงเรื่องใบสั่ง ผมเครียดเลยนะเนี่ย ถ้ามันส่งมาที่บ้านว่าขับ 19x พ่อเห็นจะว่ายังไง
ผมว่า ถ้าจะชอบคันเดิมขนาดนี้ จับทำ E500 สิครับ หรือ E320 ก็ได้ รับรอง ต่อให้ 250 CGI ก็กินไม่ลง ^^
สิ่งที่ผมตื่นเต้นกับรถรุ่นใหม่ๆก็คงจะมี
1. เครื่องยนต์ หรือ ปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้รถ แรงและประหยัดมากๆ (แบบ C180 ที่สวนผมนั่นแหละ แรงกว่าผมเยอะ แต่จิบน้ำมันน่าจะแค่ 13-16 km/L ส่วนรถผม ไม่ข้าม 10 ด้วยซ้ำ)
2. ระบบ Pre-safe ที่ช่วยลดอุบัติเหตุต่างๆ เช่น Adaptive Cruise control / ระบบเบรคเอง / BLIS / VSC VSA TSC ESC อะไรเยอะไปหมด / ๆลๆ
3. เริ่มมีการนำ เทคโนโลยีที่อยู่ในรถ Premium มาใช้ในรถธรรมดามากขึ้น ทำให้รถธรรมดาๆ มีคุณภาพโดยรวมใกล้รถ Premium มากขึ้น
ในขณะเดียวกัน รถพรีเมี่ยม ก็พัฒนาจนหนีออกห่างรถธรรมดาไปด้วย
-
คุณPopdemonic ไม่ทราบใช้รถอะไรเหรอครับ แรงบิด600นิวตันเลย แรงจิงๆ
กระทู้Civic vs c180 เคยมีคนโพสใน mercedesmaniaแล้วครับ ลองไปตามอ่านดู มันมากๆ
เห็นว่า c180ก็กินaccord2.4ด้วยนะคับ เหลือเชื่อจริง
ผมขอเดาว่า S6 4.2 C4 ครับ
-
technology มันพัฒนาตลอดเวลาอ่ะครับ ถ้าเป็นสมัยก่อนก็ดูกันที่ cc. ไม่มีไรมาก cc.มาก ส่วนใหญ่ก็ต้องคิดแล้วละครับ ว่ารถคงแรงแน่นอน ^^
แต่เดี๋ยวนี้ โดยเฉพาะฝั่งยุโรปพัฒนาเครืี่องยนต์ไปไกล cc.ต่ำ แต่สามารถเรียกแรงม้า +แรงบิดได้มหาศาล + turbo จากโรงงานเข้าไปอีก วิ่งดีจริงๆ
-
C180 Coupe เคยลองแตะของ เพื่อนละคับ ขอบอกว่าอย่ามอง ที่เลขแรงม้าอย่างเดียว เหลียวไปมองแรงบิดหน่อยก็ดีครับ
มาตั้งแต่ต้น ยันปลาย และคิดดูนี่แค่ 180 และ ถ้า 250 หละ ??
-
คุณPopdemonic ไม่ทราบใช้รถอะไรเหรอครับ แรงบิด600นิวตันเลย แรงจิงๆ
กระทู้Civic vs c180 เคยมีคนโพสใน mercedesmaniaแล้วครับ ลองไปตามอ่านดู มันมากๆ
เห็นว่า c180ก็กินaccord2.4ด้วยนะคับ เหลือเชื่อจริง
ผมขอเดาว่า S6 4.2 C4 ครับ
S6C4 2.2T สีเขียวหัวเป็ด ล้อ 19นิ้ว ครับ น่าจะเปนตัวนี้มากกว่าครับ
-
ขอถามเพิ่มนะครับ C250 โดน Scirocco TSI สวนรึเปล่าครับ
-
อยากเล่าต่ออีกนิด ใครที่อายุสัก30up คงพอเลาๆได้ว่าเมื่อสัก15-20ปีที่แล้ว พอจะจำกันได้มั้ยว่า รถเก๋งบ้านๆเราสมัยนั้น
รถคันไหนทำความเร็วจากหยุดนิ่งผ่าน100km/h ได้ด้วยเลขตัวเดียวได้ ถือว่าเป็นที่ฮือฮามาก ถือว่ารถคันนั้น พิเศษหรือแรง
กว่ารถคันอื่นพอสมควร เพราะรถเก๋งสมัยนั้น เครื่องยนต์ที่เล็กที่สุดในไซด์รถเก๋งนั่งชั้นกลาง คือ2.0L ถือว่าเล็กที่สุดแล้ว โดยมาก
จะเครื่อง2.3L-3.0L 4สูบบ้าง 6สูบบ้าง แต่โดยมากก็จะทำความเร็วผ่าน100km/h กันที่ 11วินาที-14วินาที ถ้ารถคันไหนทำได้สัก9วินาที
เศษๆ ถือว่าคันนั้นแรงในระดับรถเก๋งนั่งชั้นกลาง ไม่รวมรถสปอร์ตหรือรถใหญ่พวกเครื่องหลายๆพันซีซี ใครที่อายุไล่ๆกันลองหลับตา
แล้วย้อนกลับไปคิดดูสมัยหนังสือรถเราหาซื้อกันแบบปกอ่อนเล่มบางๆเล่มละ15บาท-20บาท ไม่รวมหนังสือปกหนาซึ่งราคาก็จะอยู่แค่
เล่มละ40-60บาท ไม่รู้สิผมกลับชอบวิศวกรรมยานยนต์ในสมัยนั้นดี มันไม่ได้ซับซ้อนมากมาย ระบบไฟฟ้า ณ สมัยนั้นเราก็ว่ามันไฮเทค
ทันสมัย รถคันไหนมีถุงลมนิรภัย มีระบบABS ถือว่า ลงจากรถเดินอาดๆ เอาไปคุยเพื่อนได้แล้วว่ารถข้ามีถุงลมนิรภัยเว่ย มีABS นะว้อยยย
เท่ห์ไม่หยอก รถคันไหนบอกว่ารถข้าต้องเสียบคอมพิวเตอร์นะ โอ้ยหล่อสุดในตำบล มันเป็นยุครอยต่อความร่วมสมัยของนวัตกรรมยานยนต์
ระหว่างระบบคาร์บูเรเตอร์ กับระบบหัวฉีดแบบไฟฟ้า(จริงๆสมัยนั้นก็จะมีระบบหัวฉีดแบบกึ่งไฟฟ้า มาคั่นกลางอยู่) รอยต่อระหว่างอุตสาหกรรม
ยานยนต์ซึ่งเริ่มคำนึงความปลอดภัยมากขึ้น มีคานด้านข้างประตู โฆษณากันโจ๋งครึ่ม รุ่นนี้มีคานข้างประตู1อัน อีกรุ่นให้มา2อัน เกทับกันไป
ถุงลมนิรภัย 1ใบ แล้วก็ออกมาเป็น2ใบ เรียก double airbags หรือ บ้างเรียกDual Airbags บ้างมีโฆษณาต่ออีกว่า ถุงลมข้าใบใหญ่ฝ่าเว้ย
ได้มาตรฐานEU ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นOpel Astra,Vectra ในสมัยนู้น วันเวลาผ่านไปไวดั่งโกหก ปัจจุบัน ห้วงเวลานั้นกลับกลายเป็น
สิ่งที่ดูออกจะจืดชืดไม่น่าพิสมัยในปี2013ไป ทุกครั้งที่นั่งลำดับจิตและมโนภาพกลับไปทุกครั้งผมมักจะมีรอยยิ้มที่มุมปากอยู่เสมอ เมื่อ
ได้กลับไปลิ้มชิมรสในบรรยากาศเก่าๆ ห้วงเวลาเดิมๆ ในขวดแก้วใบเก่าที่ผมแอบเก็บสะสมความทรงจำพวกนี้เอาไว้ตลอดเวลา ไม่น่าแปลกใจจริงๆ
ว่าทำไมผมถึงยังพิศวาทกับยานยนต์ในยุคนั้นๆจนถึงปัจจุบัน มันเป็นช่วงเวลาที่ความจำของผมที่ดีที่สุดและจดจำได้แม่นยำที่สุด
ผมได้มีโอกาสนั่งรถยนต์รุ่นใหม่ๆเยอะแยะมากมาย ถามว่ามันดีมั้ย ตอบได้เลยว่ามันดี มันสวยสด มันน่าหลงไหล มันน่าจูงใจ
แต่มันยังขาดบุคลิกบางอย่าง ขาดความเป็นตัวตนบางอย่างของผมไปครับ ปัจเจกและความเป็นตัวตนของเรานี่มันเปลี่ยนไม่ได้
ตามกาลเวลาจริงๆครับ ขออนุญาตยืมพื้นที่กระทู้นี้สักหน่อย นานๆผมจะมีความรู้สึกแบบนี้ ถ่ายทอดอารมณ์แบบนี้ออกมาเป็นตัวหนังสือสักที
เห็นด้วยแล้วก็รู้สึกคล้ายแบบนี้มากเลย
เมื่อก่อนสมัยวัยรุ่น ซิ่งกันสมัยนั้น 2TG ใส่คาบิวเวบเบอร์ วิ่ง 180 ก็ขนหัวลุกกันแล้ว ทั้งที่ผ่านมาอีก20 ปี เจอรถดาดๆ เครื่อง 2000 สวนหาย ผมจำได้เลยมี RX-7 โมมาอู่สุขุม วิ่ง 200 ตาตั้งกันหมดแล้ว
เเต่บางอย่างที่มันฝังใจ ก็หาอย่างอื่นมาทดแทนไม่ได้เหมือนกัน เช่นเสียงคาบิวเดลล๊อตโต้ เสียงเครื่อง 4 เค เจียรแคม เดินเบาแทบจะดับ สั่นทั้งคัน ผับๆๆๆ ใส่โรลบาร์ อัดโช็คซะเเข็งเป็นแท่งเหล็กอยู่แล้ว ประมาณนี้ครับ
ตอนนี้ว่าไปก็ตามฝันตัวเองอยู่ อยากมีรถเครื่อง V8 N/A เสียงเพราะๆ กะเค้าซักคัน
รออะไรลงตัวกว่านี้หน่อย 555
-
อยากเล่าต่ออีกนิด ใครที่อายุสัก30up คงพอเลาๆได้ว่าเมื่อสัก15-20ปีที่แล้ว พอจะจำกันได้มั้ยว่า รถเก๋งบ้านๆเราสมัยนั้น
รถคันไหนทำความเร็วจากหยุดนิ่งผ่าน100km/h ได้ด้วยเลขตัวเดียวได้ ถือว่าเป็นที่ฮือฮามาก ถือว่ารถคันนั้น พิเศษหรือแรง
กว่ารถคันอื่นพอสมควร เพราะรถเก๋งสมัยนั้น เครื่องยนต์ที่เล็กที่สุดในไซด์รถเก๋งนั่งชั้นกลาง คือ2.0L ถือว่าเล็กที่สุดแล้ว โดยมาก
จะเครื่อง2.3L-3.0L 4สูบบ้าง 6สูบบ้าง แต่โดยมากก็จะทำความเร็วผ่าน100km/h กันที่ 11วินาที-14วินาที ถ้ารถคันไหนทำได้สัก9วินาที
เศษๆ ถือว่าคันนั้นแรงในระดับรถเก๋งนั่งชั้นกลาง ไม่รวมรถสปอร์ตหรือรถใหญ่พวกเครื่องหลายๆพันซีซี ใครที่อายุไล่ๆกันลองหลับตา
แล้วย้อนกลับไปคิดดูสมัยหนังสือรถเราหาซื้อกันแบบปกอ่อนเล่มบางๆเล่มละ15บาท-20บาท ไม่รวมหนังสือปกหนาซึ่งราคาก็จะอยู่แค่
เล่มละ40-60บาท ไม่รู้สิผมกลับชอบวิศวกรรมยานยนต์ในสมัยนั้นดี มันไม่ได้ซับซ้อนมากมาย ระบบไฟฟ้า ณ สมัยนั้นเราก็ว่ามันไฮเทค
ทันสมัย รถคันไหนมีถุงลมนิรภัย มีระบบABS ถือว่า ลงจากรถเดินอาดๆ เอาไปคุยเพื่อนได้แล้วว่ารถข้ามีถุงลมนิรภัยเว่ย มีABS นะว้อยยย
เท่ห์ไม่หยอก รถคันไหนบอกว่ารถข้าต้องเสียบคอมพิวเตอร์นะ โอ้ยหล่อสุดในตำบล มันเป็นยุครอยต่อความร่วมสมัยของนวัตกรรมยานยนต์
ระหว่างระบบคาร์บูเรเตอร์ กับระบบหัวฉีดแบบไฟฟ้า(จริงๆสมัยนั้นก็จะมีระบบหัวฉีดแบบกึ่งไฟฟ้า มาคั่นกลางอยู่) รอยต่อระหว่างอุตสาหกรรม
ยานยนต์ซึ่งเริ่มคำนึงความปลอดภัยมากขึ้น มีคานด้านข้างประตู โฆษณากันโจ๋งครึ่ม รุ่นนี้มีคานข้างประตู1อัน อีกรุ่นให้มา2อัน เกทับกันไป
ถุงลมนิรภัย 1ใบ แล้วก็ออกมาเป็น2ใบ เรียก double airbags หรือ บ้างเรียกDual Airbags บ้างมีโฆษณาต่ออีกว่า ถุงลมข้าใบใหญ่ฝ่าเว้ย
ได้มาตรฐานEU ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นOpel Astra,Vectra ในสมัยนู้น วันเวลาผ่านไปไวดั่งโกหก ปัจจุบัน ห้วงเวลานั้นกลับกลายเป็น
สิ่งที่ดูออกจะจืดชืดไม่น่าพิสมัยในปี2013ไป ทุกครั้งที่นั่งลำดับจิตและมโนภาพกลับไปทุกครั้งผมมักจะมีรอยยิ้มที่มุมปากอยู่เสมอ เมื่อ
ได้กลับไปลิ้มชิมรสในบรรยากาศเก่าๆ ห้วงเวลาเดิมๆ ในขวดแก้วใบเก่าที่ผมแอบเก็บสะสมความทรงจำพวกนี้เอาไว้ตลอดเวลา ไม่น่าแปลกใจจริงๆ
ว่าทำไมผมถึงยังพิศวาทกับยานยนต์ในยุคนั้นๆจนถึงปัจจุบัน มันเป็นช่วงเวลาที่ความจำของผมที่ดีที่สุดและจดจำได้แม่นยำที่สุด
ผมได้มีโอกาสนั่งรถยนต์รุ่นใหม่ๆเยอะแยะมากมาย ถามว่ามันดีมั้ย ตอบได้เลยว่ามันดี มันสวยสด มันน่าหลงไหล มันน่าจูงใจ
แต่มันยังขาดบุคลิกบางอย่าง ขาดความเป็นตัวตนบางอย่างของผมไปครับ ปัจเจกและความเป็นตัวตนของเรานี่มันเปลี่ยนไม่ได้
ตามกาลเวลาจริงๆครับ ขออนุญาตยืมพื้นที่กระทู้นี้สักหน่อย นานๆผมจะมีความรู้สึกแบบนี้ ถ่ายทอดอารมณ์แบบนี้ออกมาเป็นตัวหนังสือสักที
สมัยนี้กลับกันนะครับ 55+
เฟียสต้าเพื่อนผมมีปัญหา ระบบไฟรวน อีกคน Audi A6 ไฟเลี้ยวรวน อีกคนมาสด้า3 เปิดวิทยุตอนดับเครื่องทั้งคืน จนสตาร์ทไม่ติด
ผมเดินอาดๆ ไปพูดได้เลยว่า "รถกรู เข็นนิดเดียว สตาร์ทได้ รถติดแล้ว โยนแบตทิ้ง ก็ยังวิ่งได้ จอดรถทิ้งไว้ น้ำท่วมเครื่อง ยังสตาร์ทได้เลยว่ะ"
ป.ล. Mighty-X น่ะครับ ส่วนรถใหม่ตอนนี้ ไฟถุงลมขึ้น ช่างยังหาสาเหตุไม่ได้ เริ่มเซ็งความไฮเทค เหมือนกัน
-
CLK 200 kom เดิมๆ มานยางกวดได้ 224 kmเบย
แต่ผมว่าขับเร็วไงก็อย่าลืมสภาพยางด้วยนะคร้าบ ฝนตกๆด้วย
-
ขอถามเพิ่มนะครับ C250 โดน Scirocco TSI สวนรึเปล่าครับ
โฟร์คก็ดิบเกินครับ ผมว่าไล่ได้ แต่แซงไม่ไหวครับ แถมแต่งนิดแต่งหน่อยม้าเพิ่ม40-50ตัว จะบ้าตาย