อันนี้เป็นข้อมุลจาก TMBAM ครับ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics มองปี 2558 ยอดขายรถยนต์ยังคงได้รับผลกระทบด้านลบจากโครงการรถยนต์คันแรก พร้อมประเมินยอดขายปี 2558 จะอยู่ที่ 9.0 แสนคัน โดยช่วงครึ่งปีแรกยังไร้วี่แววปัจจัยหนุน
แต่ช่วงครึ่งปีหลังต้องรอลุ้นการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐ และการจัดเก็บภาษีรถยนต์ตามการปล่อยก๊าซ CO2 ที่จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อรถยนต์ขนาดกลางขึ้นไปได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี
สถานการณ์ยอดขายรถยนต์ในประเทศเผชิญความเสี่ยงจากกำลังซื้อที่ลดลงของผู้บริโภคต่อเนื่องมาสองปี ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2557 อยู่ในระดับ 8.8 แสนคัน หรือ หดตัวร้อยละ 33.7 (yoy) ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าสาเหตุหลักจากกำลังซื้อที่ลดลงเพราะได้รับผลกระทบจากโครงการรถคันแรก
ซึ่งศูนย์วิเคราะห์ฯ พบว่า โครงการรถคันแรกในปี 2555-56 ช่วยกระตุ้นให้เกิดดีมานด์การซื้อรถในประเทศ สูงกว่าปกติ รวม 1.7 แสนคัน โดยเป็นดีมานด์ที่ถูกดึงไปใช้ในปี 2557 จำนวน 1.5 แสนคัน หรือคิดเป็นร้อยละ 87 ของดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการรถคันแรก
ดังนั้น คาดว่ายังคงเหลือดีมานด์ที่จะถูกดึงไปชดเชยอีกประมาณ 2.2 หมื่นคัน ซึ่งจะกระทบต่อยอดขายรถในปี 2558
ศูนย์วิเคราะห์ฯ คาดการณ์ยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2558 จะอยู่ในระดับ 9 แสนคัน (ระดับยอดขายปกติอยู่ที่ 9.2 แสนคัน) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ระดับ 8.8 แสนคัน หรือขยายตัวร้อยละ 2.1 ต่อปี
เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายในประเทศยังไร้ปัจจัยหนุน กำลังซื้อที่ลดลงจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ หนี้สินภาคครัวเรือนที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง รวมทั้งผลกระทบบางส่วนจากโครงการรถคันแรกที่ยังเหลืออยู่
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลัง ยอดขายรถน่าจะกระเตื้องขึ้นจากปัจจัยหนุนบางส่วน ได้แก่ การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ใช้ในการลงทุนให้เพิ่มขึ้น และการเร่งตัดสินใจของผู้บริโภคที่กำลังมองหารถยนต์ในกลุ่มที่ราคาจะเพิ่มขึ้นจากการเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ในอัตราใหม่ตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2559 ทำให้ราคารถยนต์เพิ่มขึ้นจากราคาขายเดิมประมาณร้อยละ 3-5 โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลาง-สูง (เครื่องยนต์มากกว่า 1,500 C.C. ขึ้นไป)