Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Amaranthe ที่ ตุลาคม 01, 2013, 10:45:35
-
1 กระบอกสูบของรถแต่ละรุ่น ที่เราพูดกัน เช่น รถคันนี้ เครื่อง 1500 1600 1800
พอดูในเสป็คจริง ๆ ทำไมไม่เป็น 1500 1600 1800 แต่จะน้อยกว่าหน่อยนึง
2 บางที ข้อกำหนดของกฎหมาย หลาย ๆ อย่าง ทั้ง การทำแท๊กซี่ การลดภาษี ฯลฯ จะมีเรื่อง ความจุกระบอกสูบด้วย
เช่น การทำแท๊กซี่ ต้องมีความจุกระบอกสูบ ตัั้งแต่ 1500 cc ขึ้นไป
แต่รถ B Segment เครื่อง 1500 เอาเข้าจริง ก็จะขาดไปหน่อยนึง (ก็แค่นิดดดดดเดียวเอง)
ทำไห้ไม่ผ่านกฎหมาย ต้องขยับมา C Segment เครื่อง 1600 แทน
3 หรือว่ากฎหมายที่ตั้งไว้นั้น เพราะคนออกกฎหมายรู้ว่า ความความจุกระบอกสูบของรถ นั้นจะขาดไปหน่อยนึง เลยตั้งข้อกำหนดแบบนี้ ให้ประชาชนหรือผผู้ประกอบการไปขยับรุ่นเอาเอง
สงสัยมานานแล้วครับ
-
1. เพราะกระบอกสูบเป็นรูปทรงกระบอกครับ สูตรในการคำนวนปริมาตร ที่เรียนสมัยมัธยม ยังจำได้ไหมครับ (พอดีพิมพ์จากมือถือไม่มีเครื่องหมายไพน์) มันลงตัวยากครับ ขึ้นอยู่ด้วยว่าจะใช้ค่าไพน์ที่ทศนิยมกี่ตำแหน่ง
2. และ 3. ใช่ครับ
-
1) ความจุกระบอกสูบ ใช้วิชาคณิตศาสตร์คำนวณเพื่อให้ได้ปริมาตรจริง
ยกตัวอย่าง เครื่อง 1.4 ของ Sonic รหัส A14XFR
กระบอกสูบ x ช่วงชัก = 73.4 x 82.6 mm
เพื่อให้คำนวณเป็นซีซี ต้องเปลี่ยนจากหน่วย mm เป็น cm ก่อน
เส้นผ่านศูนย์กลางกระบอกสูบ = 7.34 cm คิดเป็นรัศมี = 3.67 cm
ช่วงชัก = 8.26 cm
พื้นที่หน้าตัดวงกลม = π r2 = π x 3.672 = 42.313797 ตารางเซนติเมตร
ความจุของกระบอกสูบ 1 ลูก = 42.313797 x 8.26 = 349.5119 ลูกบาศก์เซนติเมตร (ซีซี)
ความจุทั้งเครื่อง(4 สูบ) = 4 x 349.5119 = 1398.04 ซีซี (เวลาลงตัวเลขในโบรชัวร์ปัดทศนิยมทิ้ง)
-
1. ถ้าทำความจุกระบอกสูบเป็นเลขลงตัวเป๊ะ คงจะเสียเวลาพัฒนานานแน่ครับ ;D
ก็ 3.14xรัศมีxรัศมีxความสูงxจำนวนกระบอกสูบ ทศนิยมคูณกันขนาดนี้ ให้ลงตัวคงลำบากครับ
เอาแค่ Camry 2.0 ความกว้าง ความสูงกระบอกสูบ 86 มิลลิเมตรเป๊ะ ถ้าใช้ค่าพาย= 3.14 คำนวณได้ประมาณ 1,997cc
แต่พอให้พาย=22/7 จะได้ 1,999cc เพราะงั้นทำไงก็ไม่ลงตัวหรอกครับ
2. มันเป็นแบบค่อนข้างเก่าเลยอะครับ เรื่องความจุกระบอกสูบเนี่ย
สมัยโน้น ความจุกระบอกสูบเป็นปัจจัยหลักที่มีผลครับ เพราะเทคโนโลยียังไม่มาก คล้ายๆกันหมด คำว่า เครื่องใหญ่ยิ่งแรง ยังใช้ได้
การเก็บภาษีประจำปีก็เช่นกัน สมัยนั้นเครื่องใหญ่=ปล่อยไอเสียเยอะ เลยเก็บภาษีเยอะ(แบบนี้กระบะ 4 ประตูก็ซวยไป เพราะจดทะเบียนรถนั่ง แต่เครื่องใหญ่)
3. ไม่ทราบเหมือนกันครับ
-
.
.
.
ตอบง่ายๆคือมันไม่มีความจำเป็นต้องทำให้เป็นเลขลงตัวไงครับ
ก็เหมือน BTU ของแอร์บ้านน่ะครับ
-
.
.
.
ตอบง่ายๆคือมันไม่มีความจำเป็นต้องทำให้เป็นเลขลงตัวไงครับ
ก็เหมือน BTU ของแอร์บ้านน่ะครับ
จนกระทั่งป่านนี้ผมเองก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไม 1ตัน ถึงเท่ากับ 12000BTU
-
สมมติว่าเครื่อง 1.5L มีความจุ 1,501 CC ผมว่ามันน่าจะมีผลกับภาษีสรรพสามิตรนะครับ ต้องลองดูอีกที
-
แล้วทำไมไม่ทำลูกสูบเป็น ๔ เหลี่ยม
แล้ว ทำไมเข็มฉีดยาเป็นทรงกลม ถึงคำนวณ ออกมาได้ตรงตาม ซีซี
แล้ว.......... ;D
-
จริงๆแล้วมันอาจจะตรงก็ได้ครับ เพราะทุกอย่างมี error ;D ;D ;D
-
แล้วทำไมไม่ทำลูกสูบเป็น ๔ เหลี่ยม
แล้ว ทำไมเข็มฉีดยาเป็นทรงกลม ถึงคำนวณ ออกมาได้ตรงตาม ซีซี
แล้ว.......... ;D
เท่าที่ทราบ ทรงกลมแรงเสียดทานน้อยกว่าเหลี่ยมครับ
และเพราะว่าเข็มฉีดยาไม่ได้คำนวณเอาจากสูตรครับ ต้องตวงปริมาตรเอาก่อนครับแล้วค่อยใช้เข็มฉีดยามาดูดเอา
-
แล้วทำไมไม่ทำลูกสูบเป็น ๔ เหลี่ยม
แล้ว ทำไมเข็มฉีดยาเป็นทรงกลม ถึงคำนวณ ออกมาได้ตรงตาม ซีซี
แล้ว.......... ;D
อะไรก็ตามที่เป็นเหลี่ยมในทางวิศวกรรมถือว่าเป็นจุดศูนย์รวมความเค้นตรงจุดนั้นครับ
ลองนึกง่ายๆ ถ้าสมมติว่าจะฉีกอะไรก็ตามที่เค้าทำรอยบากไว้มันจะฉีกง่าย เช่นซองขนม
แต่ถ้าไม่มีมันจะฉีกยากมากครับ
-
ถ้าใช้เข็มฉีดใช้วิธีตวงก่อน แล้วค่อยมาทำเข็ม
เมื่อเราใช้เข็มยาดูดน้ำ ก็คงตรงตามนั้น
เพราะ น้ำ 1 กรัม มีปริมาตร 1 cc
แต่น้ำมัน 1 กรัม มีปริมาตรเท่าไร ต้องดูที่ความหนาแน่น
ความหนาแน่น = มวล
ปริมาตร
ทีนี้ กระบบอกสูบในรถยนต์ ถ้าเราใช้วิธี ตวงก่อน แล้วค่อยทำกระบอกสูบ
เราก็น่าจะได้ กระบอกสูบที่ 1500 cc เป๊ะ ๆ
เหมือนเข็มฉีดยา
-
ถ้าใช้เข็มฉีดใช้วิธีตวงก่อน แล้วค่อยมาทำเข็ม
เมื่อเราใช้เข็มยาดูดน้ำ ก็คงตรงตามนั้น
เพราะ น้ำ 1 กรัม มีปริมาตร 1 cc
แต่น้ำมัน 1 กรัม มีปริมาตรเท่าไร ต้องดูที่ความหนาแน่น
ความหนาแน่น = มวล
ปริมาตร
ทีนี้ กระบบอกสูบในรถยนต์ ถ้าเราใช้วิธี ตวงก่อน แล้วค่อยทำกระบอกสูบ
เราก็น่าจะได้ กระบอกสูบที่ 1500 cc เป๊ะ ๆ
เหมือนเข็มฉีดยา
ใช่ครับ ถูกต้องเลย แต่อย่างที่ผมตอบไปด้านบนเลยว่า
มันไม่มีความจำเป็นต้องทำให้มันตรงตาม cc น่ะครับ
เพราะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เอาพื้นที่ และเวลาไปคำนวณระยะช่วงชัก
ความห่างของการจุดระเบิดและอัตราส่วนกำลังอัด
มีประโยชน์กว่าเยอะ ;D
-
ถ้าใช้เข็มฉีดใช้วิธีตวงก่อน แล้วค่อยมาทำเข็ม
เมื่อเราใช้เข็มยาดูดน้ำ ก็คงตรงตามนั้น
เพราะ น้ำ 1 กรัม มีปริมาตร 1 cc
แต่น้ำมัน 1 กรัม มีปริมาตรเท่าไร ต้องดูที่ความหนาแน่น
ความหนาแน่น = มวล
ปริมาตร
ทีนี้ กระบบอกสูบในรถยนต์ ถ้าเราใช้วิธี ตวงก่อน แล้วค่อยทำกระบอกสูบ
เราก็น่าจะได้ กระบอกสูบที่ 1500 cc เป๊ะ ๆ
เหมือนเข็มฉีดยา
ใช่ครับ ความจุได้เป๊ะๆ แต่ปัญหาจะตกหนักกับขนาดของชิ้นส่วนต่างๆที่มาประกอบกัน
ต้องมีจุดทศยมหลายหลักแน่ ขี้เกียจคิด
ขนาดลูกสูบ ขนาดกระบอกสูบ แหวนสูบ
ก้านสูบเพื่อให้ได้ระยะชักที่ต้องการ (จุดทศนิยมตรึม)
ชิ้นส่วนเหล่านี้ต้องผลิตให้ได้ขนาดความละเอียดทศนิยมหลายตัว
ไหนจะต้องเผื่อความคลาดเคลื่อนจากเครื่องมืออีก
ทำไมต้องทำให้ยากขนาดนั้นเนาะ
-
พอดีไม่ได้เรียนทางวิศวะมา ไม่คิดว่ามันจะลึกซึ้งขนาดนี้
-
เป็นแบบมอไซค์หรือเปล่าครับ ตอนแรกก็น้อยกว่าของโรงงานนิดหน่อย พอเครื่องหลวม เวลาตีปลอกสูบใหม่ ต้องใช้ลูกสูบขนาดใหญ่ขึ้น แหวนโตขึ้น เป็นสเต็ปๆไป ซึ่งถ้าเอาลูกสูบจากสเต็ปสุดท้ายมาใส่ มันก็จะเท่ากับความจุกระบอกสูบที่โรงงานบอกไว้ แบบนี้หรือเปล่าครับ
-
เข้ามาเสพความรู้แต่รู้สึกปวดหัวนิดๆ
สมัยเรียนสอบตกคณิตประจำ :P
-
ถ้าใช้เข็มฉีดใช้วิธีตวงก่อน แล้วค่อยมาทำเข็ม
เมื่อเราใช้เข็มยาดูดน้ำ ก็คงตรงตามนั้น
เพราะ น้ำ 1 กรัม มีปริมาตร 1 cc
แต่น้ำมัน 1 กรัม มีปริมาตรเท่าไร ต้องดูที่ความหนาแน่น
ความหนาแน่น = มวล
ปริมาตร
ทีนี้ กระบบอกสูบในรถยนต์ ถ้าเราใช้วิธี ตวงก่อน แล้วค่อยทำกระบอกสูบ
เราก็น่าจะได้ กระบอกสูบที่ 1500 cc เป๊ะ ๆ
เหมือนเข็มฉีดยา
ลองทำแล้ววัดออกมาเป็นมิลลิกรัมสิครับ ไม่มีทางที่คุณจะทำได้ 1000 มิลลิกรัมเป๊ะๆ
แล้วคุณจะรู้ว่าในโลกความเป็นจริงมันไม่มีอะไรเป๊ะ ;D
-
เพราะกระบอกสูบมันเป็นวงกลมไงครับ พอเป็นวงกลมเวลาคำนวณก็จะมีค่า PI เข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งเท่ากับ 22/7 คูณหารยังไงก็ไม่มีทางลงตัว ต้องทำกระบอกสูบให้เป็นสี่เหลี่ยมอะครับถึงจะลงตัวได้
-
.
.
.
ตอบง่ายๆคือมันไม่มีความจำเป็นต้องทำให้เป็นเลขลงตัวไงครับ
ก็เหมือน BTU ของแอร์บ้านน่ะครับ
จนกระทั่งป่านนี้ผมเองก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไม 1ตัน ถึงเท่ากับ 12000BTU
มันแปลว่าความเย็นที่ทำให้น้ำ 1 ชอร์ตตัน (2000 ปอนด์) 0C กลายเป็นน้ำแข็ง 0C ใน 24 ชั่วโมงครับ
น้ำ 1 ปอนด์จะกลายเป็นน้ำแข็ง ต้องใช้ความร้อนแฝง 144 บีทียู
น้ำ 2000 ปอนด์กลายเป็นน้ำแข็งต้องใช้ความร้อน 144*2000=288000บีทียู
น้ำ 2000 ปอนด์แข็งใน 24 ชั่วโมง = 288000BTU/24hr = 12000BTU/hr ครับผม
ปล. ชอร์ตตัน เป็นตันที่ฝั่งเขาใช้เรียก ไม่เท่ากับพันกิโลนะครับ
-
เท่าที่เห็นใกล้เคียงสุดๆก็มีisuzuอ่ะคับ เครื่อง2.5ลิตร -2499cc เครื่อง3000 -2999ccแถมจากเครื่อง2.5ไป3.0แค่เพิ่มช่วงชัก เอากับเขาสิ
-
ตอนเรียนก็เคยถกกันเรื่องนี้อยู่นะครับ เเก่มาดันลืมชะได้ สาเหตุที่ทำเป็นตัวเลขลงตัวไม่ได้เพราะการคำนวนปริมาตรทรงกระบอกที่มีพื้นที่วงกลมเข้ามาเกี่ยวข้องจึงทำให้จุดทัศนิยมค่อนข้างเยอะจึงเป็นปัญหาทางด้านการคำนวน ถึงเเม้จะคำนวนด้วยทศนิยม 3-4 ตำเเหน่งก็ลงตัวยาก จึงใช้วิธีคำนวนปริมาตรที่ใกล้เคียงที่สุดเท้าที่จะทำได้ เช่น 1399 1499 1599cc
ถ้าเเม้จะสร้างปริมาตรกระบอกสูบ โดยการเติมน้ำให้มีจำนวนลงตัวได้ เเต่จะต้องมาคำนวนห้องเผาใหม้ใหม่ รวมถึงหัวลูกสูบ เพราะไม่นิยมผลิตลูกสูบในสักษณะ เเบนเรียบ
ส่วนมากจะมีลักษณะ เว้าลงไปเพื่อเพิ่มปริมาตรไอดีเเละเพิ่มห้องเผาใหม้ ทำให้การเผาใหม่สมบูรณ์ รวมถึงดูดชัพเเรงระเบิดจากการโอเวอร์เเล๊บของเครื่องยนต์ตามหลักกลศาตร์(จะไม่ลอดไปตามช่องเเหวนหรือน้อยที่สุด)
เทคนิคทางกฏหมาย รถที่มี cc ตามกฏหมายระบุจะเสียภาษีต่างกัน(เเต่ผมไม่ทราบว่าเท่าไรบ้าง) สมมุติรถ cc ต่ำหว่า 1500 cc เสีย 20% หากเกินกว่านั้นเสีย 25% ค่ายรถก็เลยต้องทำให้ใกล้เคียง 1500 ccมากที่สุด เช่น 1498cc เเต่ในการโฆษณา ส่วนมากจะปัดเลขขั้นไป เช่น 1500cc เพื่อชักจูงจิตใจในด้านตัวเลข ซึ่งไม่ผิดอะไร
สรุปสาเหตุมาจากเทคนิคจากการคำนวนครับ ถ้าเป็นคุณจะคำนวนอย่างไร ถ้าค่าพายมีค่าจุดทัศนิยมเยอะขนาดนี้ เเค่ 10 ตำเเหน่งผมว่าผมก็ยอมละจะไม่ลงตัวก็เรื่องของมัน
3.1415926535 8979323846 2643383279 5028841971 6939937510 5820974944 5923078164 0628620899 8628034825 3421170679 8214808651 3282306647 0938446095 5058223172 5359408128 4811174502 8410270193 8521105559 6446229489 5493038196 4428810975 6659334461 2847564823 3786783165 2712019091 4564856692 3460348610 4543266482 1339360726 0249141273 7245870066 0631558817 4881520920 9628292540 9171536436 7892590360 0113305305 4882046652 1384146951 9415116094 3305727036 5759591953 0921861173 8193261179 3105118548
-
ลองคูณปริมาตรสิครับ วงๆ กับ ยาวๆ มีกี่สูบ ก็ให้ลงตัวยาก
-
หลักๆ คือเรื่องภาษี
ทางวิศวกรรม จะทำให้ได้เป๊ะๆ หรือทำเกินมาหน่อย ย่อมทำได้
-
ค่าพายเป็นค่าที่น่าอัศจรรย์ค่าหนึ่งของโลกเลยทีเดียว ผมเคยอ่านเจอมาว่า
มีผู้ใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ เพื่อคำนวณหาตำแหน่งสุดท้ายของค่าพาย
ได้ทศนิยมถึง 2.6 ล้านล้าน ตำแหน่ง ใช้เวลสหลายวันด้วย
แต่ต่อมาก็มีคนเขียนโปรแกรมเพื่อคำนวณเช่นกัน ใช้เวลาไป 113 วัน
ได้ทศนิยมถึง 2.7 ล้านล้าน ตำแหน่ง
ซึ่งก็ยังไม่ใช่ตำแหน่งสุดท้ายซะที
น่ามหัวจรรย์มาก