ลองดูข้อมูลจากลิงค์นี่ดูครับ
http://www.pttplc.com/th/Media-Center/Energy-Knowledge/Documents/MD25%20knowledge02/gasohol_fact.pdfปัญหาและข้อข้องใจเกี่ยวน้ำมันแก๊สโซฮอล์ (แก๊สโซฮอล์ตอนที่ 2)
ตามที่มีข้อสงสัยกรณี"น้ำมันแก๊สโซฮอล์มีผลกระทบต่อถังน้ำมันและท่อทางเดินน้ำมันของรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1995 ขึ้นไป" นั้น บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ ปตท. ได้มุ่งมั่นทุ่มเทการดำเนินงานเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภคเสมอมา ภายใต้การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายแรกของประเทศที่จำหน่ายน้ำมันเบนซินพิเศษไร้สารตะกั่ว รวมถึงการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ดี มีคุณภาพเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ผ่านสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. ซึ่งเป็นสถาบันที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาตเอเชีย ใคร่ชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องโดยขอสรุปสาระสำคัญผ่านข้อสงสัยดังนี้
ข้อสงสัยที่ 1 : รถยนต์ในประเทศไทยที่ผลิตตั้งแต่ปี 1995 ขึ้นไป วัสดุน้ำมันและท่อทางเดินน้ำมันจากถังน้ำมันเข้าสู่เครื่องยนต์ จะทำจากยางหรือพลาสติกชนิดพิเศษ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันไร้สารตะกั่วทำปฏิกิริยากับถังน้ำมันเหล็กของรถยนต์รุ่นเก่ากว่าปี 1994 ลงไป ดังนั้นเมื่อรัฐบาลมารณรงค์ให้ใช้ "น้ำมันแก๊สโซฮอล์" หรือ E10 ซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอล 10% และนำมันเบนซิน 91 อยู่ 90% เอทานอล 10% ที่ว่านี้จะทำปฏิกิริยากับถังน้ำมันรถยนต์และท่อทางเดินน้ำมัน ซึ่งรถยนต์ที่ผลิตจากวัสดุที่ทำจากยางหรือพลาสติกชนิดพิเศษดังกล่าว จะเกิดการกัดกร่อนกลายเป็นตะกอนสะสมในถังน้ำมัน
คำตอบที่ 1 : ในทุกประเทศที่มีการยกเลิกสารตะกั่วในน้ำมันเบนซินจำเป็นต้องใช้สารเพิ่มค่าออกเทนชนิดอื่นมาทดแทน ซึ่งสารที่สามารถนำมาทดแทน ซึ่งสารที่สามารถนำมาใช้ได้และไม่มีผลกระทบกับสมรรถนะของรถยนต์คือสาร MTBE และEthanol (เอทานอล) ดังนั้น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จึงได้มีการพัฒนาวัสดุที่ใช้ในระบบฉีดเชื้อเพลิง ตั้งแต่ถังน้ำมัน ปั๊มน้ำมัน ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ท่อทางเดินน้ำมัน จนถึงหัวฉีดน้ำมัน เชื้อเพลิง ให้มีคุณสมบัติที่สามารถทนต่อสาร MTBE และEthanol ได้ดังนั้น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จึงได้ให้ความมั่นใจว่า รถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา สามารถใช้ได้กับน้ำมันเบนซินที่ผสมเอทานอลได้ ทั้งนี้สามารถตรวจสอบยี่ห้อ รุ่นรถได้ที่เว็บไซต์ของ ปตท. (
www.pttplc.com) อย่างไรก็ตาม รถยนต์ที่ผลิตก่อนปี 1995 บางรุ่นอาจใช้น้ำมันแก็สโซฮอล์ได้ โดยผู้ใช้สามารถสอบถามโดยตรงจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์
ข้อสงสัยที่ 2 : การใช้แก๊สโซฮอล์จะไปทำปฏิกิริยากับถังน้ำมันรถยนต์และท่อทางเดินน้ำมันรถยนต์ที่ผลิตจากวัสดุที่ทำจากยาง หรือพลาสติกชนิดพิเศษดังกล่าว ทำให้เกิดการกัดกร่อน กลายเป็นตะกอนสะสมในถังน้ำมันไปเรื่อยๆ ทีละน้อย ปั๊มน้ำมันไฟฟ้าจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อดูดน้ำมันเข้าไปเผาไหม้ในห้องเครื่องยนต์ ทำให้อายุการใช้งานของปั๊มน้ำมันไฟฟ้าสั้นลงอย่างรวดเร็ว และทำให้ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงหรือกรองเบนซินอุดตันเร็วกว่าปกติ
คำตอบที่ 2 : เนื่องจากวัสดุต่างๆ ที่ใช้ในระบบฉีดเชื้อเพลิงของรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1995 และผู้ผลิตได้ให้คำแนะนำว่าสามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้นั้น ได้ถูกออกแบบมาและมีการทดสอบแล้วว่าสามารถทนต่อ MTBE และ Ethanol ได้ ดังนั้นจึงไม่มีการละลายของยางหรือเกิดการกัดกร่อนของยาง หรือ พลาสติกใด ๆจนเป็นสาเหตุให้เกิดตะกอนสะสมในถังน้ำมันอย่างที่เข้าใจกันสำหรับกรณีที่สงสัยว่า ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แล้วทำให้ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงหรือกรอง เบนซินอุดตันเร็วนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะการที่จะเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ อาทิ ลักษณะการใช้งานของรถยนต์, อายุการใช้งานของไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง คุณภาพของไส้กรองเป็นต้น หากรถยนต์บางคันมีการสะสมของคราบสิ่งสกปรกในระบบเชื้อเพลิง อยู่แล้ว เมื่อเปลี่ยนมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีในด้านการทำความสะอาดจึงอาจไปชะล้างคราบสิ่งสกปรกออกมาในครั้งแรกของการใช้เท่านั้น
ข้อสงสัยที่ 3 : ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์จะมีตะกอนของยางและพลาสติกชนิดพิเศษไปเกาะตามบ่าวาล์ว ลูกสูบ แหวนลูกสูบ หากมีปริมาณไม่มาก ก็จะทำให้แหวนลูกสูบสึกหรอไปทีละน้อย แต่หากมีปริมาณมากๆแล้วแหวนลูกสูบจะบิ่นทำให้เครื่องยนต์เริ่มมีปัญหาเนื่องจากแหวนลูกสูบไม่สามารถกวาดน้ำมันเครื่องลงก้นอ่างได้หมดทำให้รถยนต์คันนั้นมีปัญหาการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ สะสมทีละน้อยๆ เครื่องก็จะค่อยๆ หลวมไปทีละนิด
คำตอบข้อที่ 3 : ปตท. โดย สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ได้วิจัยทดสอบการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์กับรถยนต์ทั้งที่ผลิตตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา และรถรุ่นเก่าที่ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบคาร์บูเรเตอร์ ที่ระยะทาง 100,000 กิโลเมตร โดยวัดมลพิษไอเสียและทดสอบสมรรถนะเครื่องยนต์ทั้งตลอดช่วงเวลาการใช้งานและหลังการใช้งานโดยการถอดเครื่องยนต์เพื่อประเมินความสกปรกที่เกิดขึ้นที่ลิ้นไอดี ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ รวมทั้งความสึกหรอตามชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ลูกสูบ แหวนลูกสูบ กระบอกสูบ แบริ่งส่วนต่างๆ วัดอัตราการฉีดเชื้อเพลิงของหัวฉีด และตามชิ้นส่วนต่างๆ ของคาร์บูเรเตอร์ ผลการประเมินชิ้นส่วนทั้งหมดพบว่า ระดับของการสึกหรออยู่ในระดับปกติ ไม่แตกต่างจากการใช้เชื้อเพลิงเบนซินทั่วไป ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าการใช้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ไม่ได้มีผลกระทบต่อการสึกหรอของเครื่องยนต์ที่ผิดปกติไป กว่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงธรรมดาแต่อย่างใด