ผู้เขียน หัวข้อ: J*Glaze เป็นไงครับ?  (อ่าน 7555 ครั้ง)

ออฟไลน์ scotch_fillet

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,519
    • อีเมล์
J*Glaze เป็นไงครับ?
« เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 23:14:16 »
ตัดสินใจแล้วครับว่าจะเคลือบแก้ว กำลังคิดอยู่ว่าจะไปร้านไหนดี???
พิจารณาอยู่ระหว่าง TPS (The Perfect Shine) ใกล้ๆ Major รัชโย กับ J*Glaze

TPS ดูดีมีชาติตระกูล แค่ราคาก็ upscale ตามนั้น

ส่วน J*Glaze มีคนแนะนำมาครับ ไม่ทราบว่า มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ท่านไหน เคยลองใช้บริการบ้างครับ? แล้วงานเป็นไงครับ?

ขอ skip เจ้า CTS ไป เพราะดูราคาแล้ว เกินงบผมครับ
ส่วน 27 Speed คันปัจจุบันทำไปแล้ว เลยอยากลองเจ้าใหม่บ้าง บวกกับที่ 27 มันไกลบ้าน&ที่ทำงานไปนิดนึงครับ

ขอบคุณครับ :)

Re: J*Glaze เป็นไงครับ?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2013, 01:28:45 »
จริงๆ ผมว่า CTS คุ้มกว่านะ ระยะยาว

เพราะ ทุกๆ6เดือน เขาลงเคลือบแก้วให้อีกชั้นนะครับ

ส่วนเจ เกรซ จะแค่ขัดเคลือบแล้วลงแว็กซ์ธรรมดาครับ 

ส่วนผลงานออกมา เท่าที่ผมศึกษาดูจะพอๆกันนะครับ คือ ดีทั้งคู่

แต่ของ CTS เขาห้ามมาลงแว็กเอง คือ ล้างลงแชมพูได้อย่างเดียว 

แต่เจเกรซ แนะนำให้ลงแว็กขัดเคลือบได้ตลอดอายุการใช้งาน5ปีเลย


พอวิเคราะห์ลงไปอีกระดับ จะเกิดคำถามว่า
เคลือบแก้วของ CTS ยังไม่สามารถทนแม้แต่ Cleaner wax ได้ แล้วมันจะปกป้องอะไรได้ นี่คือบางส่วนของคำถาม
สำหรับ เจเกรซ เจ้าของเขาอธิบายว่า แม้แต่แก้วน้ำ ยังต้องขัดถึงจะเงา เหตุไฉนเราจึงไม่ขัดเคลือบหลังจากเคลือบแก้วเล่า ?

สำหรับรถสีขาว ถ้าจะทำ บอกไว้ก่อน ว่าจะไม่พบความแตกต่างนะครับ

ถ้าเป็นสีดำ ถึงจะพบว่าเงาขึ้น 

เป้าหมายที่แท้จริง ของการทำเคลือบแก้ว คือ ป้องกันรถจากรอยขนแมว ถ้าเป็นรถสีดำ ก็คุ้มที่จะทำ
แต่ถ้าเป็นรถสีขาว รอยขนแมวจะเห็นไม่ชัดอยู่แล้ว

ประเด็นสุดท้ายที่ต้องขบคิดคือ ถ้ารถชน หรือ ไปครูดกับเสา แล้วต้องทำสีใหม่ เคลือบแก้วก็จะหายไปแล้วนะครับ สำหรับชิ้นงานนั้น

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมศึกษามา เพราะเดิมทีตั้งใจจะเคลือบแก้วเหมือนกัน 

แต่สุดท้าย รู้สึกว่าแทบทุกร้าน ไม่เว้นแม้แต่ร้านล้างรถ ก็หันมาทำเคลือบแก้วกันทั้งนั้น เพราะกำไรงามโคตรๆ
มีราคาตั้งแต่ไม่กี่พันยันหลักแสน   ผมมองว่าการเคลือบแก้ว มันอยู่บนพื้นฐานราคาที่ไม่สมเหคุสมผล 

มันคงจะเหมาะจริงๆ กับ คนที่ไม่มีเวลาดูแลรถเลย ทั้งปีถ้าชาติ ไม่สามารถนำรถเข้่าไปล้างทื่คาร์แคร์ชั่วโมงนึงได้  อันนี้ทำไปเถิดครับ

เพราะทำแล้ว มาล้างเอง เอาน้ำฉีดๆ ก็สะอาดแล้ว 

แต่ถ้าพอจะมีเวลาเคลือบสีเอง ไม่ว่าจะทำเอง หรือ ให้ร้านทำ สักเดือนถึงสองเดือนครั้ง  มันก็อาจจะไม่จำเป็น

ต้นทุนที่แพงของการทำเคลือบแก้ว ไม่ได้อยู่ที่น้ำยาซิลิก้าที่เขาลงให้ครั้งแรก (ตอนหลังผมทราบราคาแล้วถึงกับช็อคว่ามันโคตรถูกเลย)
แต่ต้นทุนของร้าน อยู่ที่การเซอร์วิซให้เราทุกๆ6เดือน 

พูดง่ายๆมันก็เหมือนกับ คุณซื้อแพ็คเกจล้างรถขัดเคลือบ 10 ครั้ง ภายใน5ปี นั่นแหละครับ  (คำพูดของเจ้าของ เจเกรซ)

เพียงแต่ต้องจ่ายเงินไปก่อนทั้งก้อน เท่านั้นเอง

ออฟไลน์ choomodify

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,634
Re: J*Glaze เป็นไงครับ?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2013, 05:02:04 »
จริงๆ ผมว่า CTS คุ้มกว่านะ ระยะยาว

เพราะ ทุกๆ6เดือน เขาลงเคลือบแก้วให้อีกชั้นนะครับ

ส่วนเจ เกรซ จะแค่ขัดเคลือบแล้วลงแว็กซ์ธรรมดาครับ 

ส่วนผลงานออกมา เท่าที่ผมศึกษาดูจะพอๆกันนะครับ คือ ดีทั้งคู่

แต่ของ CTS เขาห้ามมาลงแว็กเอง คือ ล้างลงแชมพูได้อย่างเดียว 

แต่เจเกรซ แนะนำให้ลงแว็กขัดเคลือบได้ตลอดอายุการใช้งาน5ปีเลย


พอวิเคราะห์ลงไปอีกระดับ จะเกิดคำถามว่า
เคลือบแก้วของ CTS ยังไม่สามารถทนแม้แต่ Cleaner wax ได้ แล้วมันจะปกป้องอะไรได้ นี่คือบางส่วนของคำถาม
สำหรับ เจเกรซ เจ้าของเขาอธิบายว่า แม้แต่แก้วน้ำ ยังต้องขัดถึงจะเงา เหตุไฉนเราจึงไม่ขัดเคลือบหลังจากเคลือบแก้วเล่า ?

สำหรับรถสีขาว ถ้าจะทำ บอกไว้ก่อน ว่าจะไม่พบความแตกต่างนะครับ

ถ้าเป็นสีดำ ถึงจะพบว่าเงาขึ้น 

เป้าหมายที่แท้จริง ของการทำเคลือบแก้ว คือ ป้องกันรถจากรอยขนแมว ถ้าเป็นรถสีดำ ก็คุ้มที่จะทำ
แต่ถ้าเป็นรถสีขาว รอยขนแมวจะเห็นไม่ชัดอยู่แล้ว

ประเด็นสุดท้ายที่ต้องขบคิดคือ ถ้ารถชน หรือ ไปครูดกับเสา แล้วต้องทำสีใหม่ เคลือบแก้วก็จะหายไปแล้วนะครับ สำหรับชิ้นงานนั้น

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมศึกษามา เพราะเดิมทีตั้งใจจะเคลือบแก้วเหมือนกัน 

แต่สุดท้าย รู้สึกว่าแทบทุกร้าน ไม่เว้นแม้แต่ร้านล้างรถ ก็หันมาทำเคลือบแก้วกันทั้งนั้น เพราะกำไรงามโคตรๆ
มีราคาตั้งแต่ไม่กี่พันยันหลักแสน   ผมมองว่าการเคลือบแก้ว มันอยู่บนพื้นฐานราคาที่ไม่สมเหคุสมผล 

มันคงจะเหมาะจริงๆ กับ คนที่ไม่มีเวลาดูแลรถเลย ทั้งปีถ้าชาติ ไม่สามารถนำรถเข้่าไปล้างทื่คาร์แคร์ชั่วโมงนึงได้  อันนี้ทำไปเถิดครับ

เพราะทำแล้ว มาล้างเอง เอาน้ำฉีดๆ ก็สะอาดแล้ว 

แต่ถ้าพอจะมีเวลาเคลือบสีเอง ไม่ว่าจะทำเอง หรือ ให้ร้านทำ สักเดือนถึงสองเดือนครั้ง  มันก็อาจจะไม่จำเป็น

ต้นทุนที่แพงของการทำเคลือบแก้ว ไม่ได้อยู่ที่น้ำยาซิลิก้าที่เขาลงให้ครั้งแรก (ตอนหลังผมทราบราคาแล้วถึงกับช็อคว่ามันโคตรถูกเลย)
แต่ต้นทุนของร้าน อยู่ที่การเซอร์วิซให้เราทุกๆ6เดือน 

พูดง่ายๆมันก็เหมือนกับ คุณซื้อแพ็คเกจล้างรถขัดเคลือบ 10 ครั้ง ภายใน5ปี นั่นแหละครับ  (คำพูดของเจ้าของ เจเกรซ)

เพียงแต่ต้องจ่ายเงินไปก่อนทั้งก้อน เท่านั้นเอง

เห็นด้วยเลยครับ รถผม 8 ปีแล้ว ล้างเอง แว๊กซ์เองตลอด จอดเทียบกับรถเพื่อนที่ไปทำเคลือบแก้วมา ผลลัพธ์คือ รถ ผมเงางามกว่าซะงั้น มันไม่น่าเชื่อ แต่มันก็เป็นไปแล้ว

 แต่ถ้างบถึงและไม่ค่อยมมีเวลาดูแลด้วยตัวเอง ก็จัดเลยค้าบบ แนะนำของพี่ แคท CTS เลยครับ บริการดีจริงๆ

ออฟไลน์ slate

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 318
Re: J*Glaze เป็นไงครับ?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2013, 08:05:46 »
ถ้ารถใหม่ ซื้อของแล้วจ้างคนมาทำให้คุ้มและน่าจะดีที่สุดคับ ชุดนึงลงซ้ำได้ 2-3 รอบแล้วแต่ขนาดรถ แล้วเคลือบแก้วมันลงซ้ำได้ด้วย อันนี้ความรู้ใหม่ เห็นบางคนว่าถ้าจะลงซ้ำมันต้องขัดของเก่าออกก่อน เพราะมันต้องเคลียผิวสีรถให้ใส ลงไปแล้วมันถึงจะสวยคับ

ออฟไลน์ keangac

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 184
Re: J*Glaze เป็นไงครับ?
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2013, 09:12:52 »
 การเคลือบแก้ว ความหมายคือ  ขัดให้ผิวเรียบลบรอยให้เรียบ และค่อยลงเคลือบแก้วขั้นตอนการเคลือบแก้ว ใช้เวลานิดเดียวครับ แต่ที่นานจริงๆคือการลบรอย  ซึ่งการลบรอยให้หายนั้น เป็นการเสียเวลาที่นานที่สุดเพราะต้องขัด และต้องละเอียดทุกตารางนิ้ว ต่อให้เป็นรถใหม่ก็ตาม รอยมันมีครับ ถ้าเช็คแบบสายตาเพ่งดีดี  ตัวอย่าง ร้านเคลือบแก้ว ของเพื่อนผม และร้านแถวบ้านครับ   

เพื่อนผม         คนงาน 2 คน รับงานเคลือบแก้ว วันละ 1 คัน   

ร้านแถวบ้าน    คนงาน 4 คน รับงานเคลือบแก้ว วันละ 2 คัน

ทั้ง2ร้าน ทิ้งรถไว้ 8 โมง  รับรถ 6โมงเย็น อยู่กับรถทั้งวันนะครับ

แล้วลองเช็คดูนะครับ ร้านดังๆ ที่รับรถเยอะๆ 5- 10 คันต่อวัน เค้าจะละเอียดกับรถเราได้แค่ไหน

                                  ร้านเคลือบแก้วที่ดังแต่ชื่อมีเยอะครับ  มันใสหมดแหละครับ แต่รอยจะหายรึเปล่า อันนี้ไม่รับประกันครับ

ออฟไลน์ scotch_fillet

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,519
    • อีเมล์
Re: J*Glaze เป็นไงครับ?
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2013, 10:25:54 »

มันคงจะเหมาะจริงๆ กับ คนที่ไม่มีเวลาดูแลรถเลย ทั้งปีถ้าชาติ ไม่สามารถนำรถเข้่าไปล้างทื่คาร์แคร์ชั่วโมงนึงได้  อันนี้ทำไปเถิดครับ

เพราะทำแล้ว มาล้างเอง เอาน้ำฉีดๆ ก็สะอาดแล้ว 


นั้นแหล่ะครับ  ประเด็นของผมเลย ... ผมทำเคลือบแก้วก็เพราะไม่มีเวลาครับ เอารถเข้าคาร์แคร์ เดือนละครั้ง ล้างเองแทบไม่ได้ (เพราะอยู่คอนโด)

ออฟไลน์ ChiLun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,380
  • F10 525d M sport
Re: J*Glaze เป็นไงครับ?
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2013, 10:43:34 »

Jglaze รถผมเลยครับ ส่วนตัวถ้ารถสีดำทำไปจะได้เรื่องเงาขึ้นมากๆกับลดการเกิดรอยขนแมวเป็นวงๆ
ถ้าสีอื่นเป็นผมคงไม่ทำครับ เอาไปขัดเคลือบลงwaxดีกว่า

เท่าที่ทำมาเทียบกับรถเพื่อนผมทำร้านไม่ดังมา ของผมดีกว่าครับ แต่ยังไม่เคยเทียบกับ cts. 27speed
ถ้าคิดจะลองทำแนะนำแบบ 3ปีก็พอครับ เพราะตอนเข้าไปserviceทุก6เดือนเค้าแค่ลงwaxไม่ได้ลงน้ำยาใหม่
แต่งานออกมาเรียบร้อยทั้งภายนอกทั้งภายในครับ

ออฟไลน์ Entropy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 349
Re: J*Glaze เป็นไงครับ?
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2013, 11:01:40 »
ตอบจากประสบการณ์ ไม่ว่าคุณไปเคลือบแก้วที่ไหนมา..ไม่มีหรอกครับ แค่เอาน้ำฉีดก็สะอาด ยังไงก็ต้องล้างลงแชมพูล้างแบบปกติอยู่ดี คราบน้ำก็ยังเกิดได้ มันแค่เพิ่มความเงาหลังล้างไม่ต้องลงแว็ก(ผมว่าสู้ ลงแว็กดีๆไม่ได้ เงาฉ่ำกว่าเยอะ) ลดรอยขนแมว(แค่ลดนะครับ ยังไงก็ยังมีรอยอยู่ดี)

ส่วนCTS 6 เดือนนี่ ผมว่าเค้าแค่ล้างลบขนแมวให้นิดหน่อย  ดูดฝุ่นในรถ ส่วนมาลงเคลือบแก้วซ้ำให้นี่ผมไม่เห็นมีเลย ในใบเซอ์วิสก็ไม่มีบอก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 15, 2013, 12:12:52 โดย Entropy »

ออฟไลน์ paulmoderndog

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,781
    • อีเมล์
Re: J*Glaze เป็นไงครับ?
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2013, 14:13:06 »
ใครอยากลองเองบ้างครับ  http://www.autogeek.net/cquartz-paint-sealant.html

ออฟไลน์ keangac

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 184
Re: J*Glaze เป็นไงครับ?
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2013, 14:19:40 »
ใครอยากลองเองบ้างครับ  http://www.autogeek.net/cquartz-paint-sealant.html
                   อย่างที่ผมได้บอกไปด้านบน เคลือบแก้ว คือการขัดลบรอย และลงน้ำยาเคลือบแก้ว   ถ้าจะซื้อมาทำเอง มันก็ได้ครับ แต่รอยจะไม่หาย และมันจะไม่เงาเท่า ขัดและลงน้ำยาครับ เพื่อนผมเคยซื้อมาทำ สุดท้ายพังครับ ต้องไปให้ร้านเคลือบแก้ว ขัดและลงน้ำยาเคลือบใหม่เลย

ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
Re: J*Glaze เป็นไงครับ?
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2013, 21:56:29 »
ผมเล็งไว้ครับ ตอนออก x1 ต้นปีหน้า เพราะในคลับก็ไปทำกันเยอะ เลยว่าจะลองดู ราคาถูกกว่าร้านดังๆ ส่วนใหญ่นะ สำหรับ 5 ปี
จริงๆ ไม่ได้อะไรมาก แต่ตอนยังรุ่นๆ ทำเองหมด รถเงาแว๊บทุกคัน ตอนนี้เริ่มแก่  อิอิ  ยอมแพ้ จริงๆ นานๆ ทำทีได้ครับ
เหมือนอย่างที่เขาบอกแหละครับ เหมือนซื้อคูปองเคลือบสี 6 เดือนครั้ง รวม 10 ครั้ง แล้วรถเงาแน่ๆ 5 ปี ไม่ต้องรอเราว่าง

ตอนนี้ผมได้ลองของที่นึง ราคาหมื่นมีทอน ประกันปีนึง ก็ลื่นดี แต่ก็ไม่สุด อาจจะเพราะเป็นสีขาว ทำมา 2 คัน ก็ชอบนะ
แต่มาดู ปีละหมื่น  หากที่นี่ ห้าปี สามหมื่นกว่า ก็ถูกกว่านะ เลยว่า ทำดีกว่า  เชื่อว่าไม่น่าต่างกันมาก อาจจะนิดหน่อย
ส่วนหากชน ทำสีมาต้องเคลือบใหม่ คงต้องคุยให้เข้าใจก่อนเรื่องราคา แต่หากไม่ทำ ชนมา ก็ต้องทำเองอีก เริ่มไม่ไหว อิอิ

สรุป ผมกะแล้ว จะไปทำที่นี่ครับ
S3 - F30
X1 - E84

ออฟไลน์ scotch_fillet

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,519
    • อีเมล์
Re: J*Glaze เป็นไงครับ?
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2013, 23:40:55 »
ผมเล็งไว้ครับ ตอนออก x1 ต้นปีหน้า เพราะในคลับก็ไปทำกันเยอะ เลยว่าจะลองดู ราคาถูกกว่าร้านดังๆ ส่วนใหญ่นะ สำหรับ 5 ปี
จริงๆ ไม่ได้อะไรมาก แต่ตอนยังรุ่นๆ ทำเองหมด รถเงาแว๊บทุกคัน ตอนนี้เริ่มแก่  อิอิ  ยอมแพ้ จริงๆ นานๆ ทำทีได้ครับ
เหมือนอย่างที่เขาบอกแหละครับ เหมือนซื้อคูปองเคลือบสี 6 เดือนครั้ง รวม 10 ครั้ง แล้วรถเงาแน่ๆ 5 ปี ไม่ต้องรอเราว่าง

ตอนนี้ผมได้ลองของที่นึง ราคาหมื่นมีทอน ประกันปีนึง ก็ลื่นดี แต่ก็ไม่สุด อาจจะเพราะเป็นสีขาว ทำมา 2 คัน ก็ชอบนะ
แต่มาดู ปีละหมื่น  หากที่นี่ ห้าปี สามหมื่นกว่า ก็ถูกกว่านะ เลยว่า ทำดีกว่า  เชื่อว่าไม่น่าต่างกันมาก อาจจะนิดหน่อย
ส่วนหากชน ทำสีมาต้องเคลือบใหม่ คงต้องคุยให้เข้าใจก่อนเรื่องราคา แต่หากไม่ทำ ชนมา ก็ต้องทำเองอีก เริ่มไม่ไหว อิอิ

สรุป ผมกะแล้ว จะไปทำที่นี่ครับ

ที่คุณ Monn จะไปทำนี้ ที่ไหนครับ? ขอบคุณครับ :)