Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Krongbun ที่ ตุลาคม 06, 2017, 11:18:21
-
เนื่องจากเป็นคนชอบขับรถเปิดกระจก (อยากได้รถเปิดประทุน)
มีใครเคยทดลองอัตราสิ้นเปลืองไหมครับ
ในความคิดผมถ้าวิ่งเร็ว เกิน 80-90 ขึ้นไปแรงต้านจากอากาศน่าจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นแน่ๆ
จะปิดกระจกขับแล้วเปิดวนลม ฟิลลิ้งมันก็ไม่ได้อีก hahaha ::)
-
ผมว่าปัญหาคือ มันวัดค่อนข้างยากสิครับ ถ้าปกติระยะทางและเส้นทางเดิม 100กม ใช้น้ำมันไป 5ลิตร แล้วปิดแอร์วิ่งเหมือนเดิมอาจใช้ไป 4.7ลิตร ซึ่งเอาจริงผมยังไม่เจอใครวัดกันเป็นเรื่องเป็นราวเลย ในเมืองหมดสิทธิ์เพราะร้อนตับแล็บ แพร็บเดียวก็ปิดหลังคาแล้วเปิดแอร์ ไหนจะฝุ่น พอมา ตจว ก็ขับกันเพลิน ลืมวัดค่าไปเลย
เอาจริงๆ ถ้าคิดว่ารับได้กับการเปิดรับลมและแดดก็จัดเลยครับ ขับ ตจว โดยเฉพาะมีเขาและอากาศดี เพลิดเพลินมากมาย ถ้าอากาศไม่ร้อนมาก เปิดประทุน+เปิดแอร์ก็เท่ห์และเย็นดีครับ 😁
-
ขับเร็ว / ขับรถทางไกล
แล้วเป็นรถเก๋งปกติ แต่ไม่ปิดกระจก มาเปิดกระจกแทน ไม่ว่าจะเปิดมาก หรือเปิดน้อย เปลืองน้ำมันมากขึ้นกว่า ปิดกระจกหมด ทั้งนั้น
เพราะยิ่งวิ่งเร็ว แรงต้านอากาศคือสิ่งที่สร้างภาระให้เครื่องยนต์ทำงานสู้กับมัน มากที่สุด
รถเก๋งปกติ ปิดกระจก อากาศมันก็ต้องวิ่งอ้อมหลังคาด้านบน กับอ้อมด้านข้างรถ เยอะอยู่แล้ว
แล้ว...มาเปิดกระจกอีก หลังคา+กระจกบานท้ายรถ (ที่เลื่อนลงมาไม่ได้) มันยิ่งเหมือนถุง หรือ ร่มชูชีพ ต้านอากาศเข้าไปใหญ่
ถ้าอยากจะขับรถเปิดกระจกวิ่งเป็นประจำล่ะก็ ... ไปหารถเก๋งเล็กเปิดประทุนเลยครับ แบบนั้นต้านลมน้อยกว่าเยอะ
-
ผมมีโอกาสได้ลองหลายครั้งล่ะ
การปิดแอร์เปิดหน้าต่างก็ยังประหยัดกว่าอยู่ดีครับ
แรงต้านอากาศมีผลน้อยกว่าเครื่องไปฉุดคอมเพรสเซอร์แอร์ครับ..
การเปิดหน้าต่างผมเปิดทั้ง 4 บานเลยด้วย
ลมเข้าบานหน้าออกบานหลัง
ถ้าเปิดแค่สองบานหน้า หูอื้อ..
-
ปิดแอร์ เปิดกระจก ประหยัดกว่า ครับ
-
เปืดกระจกขับรถในลักษณะขับเที่ยว เช่นขับรับลมริมทะเลหรือขับเอาอากาศเย็นๆตามเขาตามป่าเรื่อยๆ คงกินน้ำมันมากกว่าเดิมไม่มากครับ
แต่ถ้าขับเดินทางใช้ความเร็วควรปิดกระจกวิ่งครับ เพราะมันมีผลกับ Aerodynamic รถพอสมควร
-
ขับ 90 หลักอากาศพลศาสตร์มีผลน้อยครับ เพราะฉะนั้นถ้าเทียบกันระหว่าง ขับ 90 kph
เปิดแอร์ปิดกระจกปติ VS ปิดแอร์เปิดกระจก
อันนี้อย่างหลังประหยัดว่าอยู่ดีครับ เพราะคอมฯแอร์จะกินกำลังเครื่องยนต์ไม่ต่ำกว่า 5แรงม้า เป็นภาระเครื่องพอสมควร
แต่ถ้าจะเห็นผลเรื่องเปิดกระจก ต้องขับสัก 200 kph ครับ ลองแบบเดิม
เปิดแอร์ปิดกระจกปกติ VS ปิดแอร์เปิดกระจก
อันนี้อาจจะกลายเป็นอย่างหลังกินกว่าหรือพอๆกันก็ได้ครับ เพราะความเร็ว 200 kph ลมมันจะแรงมากๆๆครับ
ถ้าใครเคยลองขับ 90 แล้วเปิดกระจกเอามือออกไปอังลม ก็จะรู้สึกว่ามันคือลมอะครับ ที่มาโดนมือ
แต่ถ้าที่ความเร็ว 200 แล้วเปิดกระจกเอามือออกไปอังลม ความรู้สึกที่ได้รับคือมันเริ่มจะเหมือนไม่ใช่ลมละครับ
เหมือนยื่นมือออกไปโดนกำแพงอะไรสักอย่างนะครับ จริงๆก็ลมแหละครับทราบอยู่ แต่คือลมมันแรงมากจนเหมือนเป็นวัตถุไปแล้วนะครับ
ก็เหมือนพอเร็วมากๆเลยกลายเป็นกำแพงลมไปเลย ฮร่าๆ
ปล. ถ้าใครอยากลองดู ก็อย่ายื่นมืออกไปเยอะน่ะครับ อันตราย เอาแค่โผล่ๆไปจากหน้าต่างหน่อยนึงก็รู้เรื่องละครับ
-
เปลืองขึ้นครับ แถมรถสกปรกด้วย
แต่ถ้าชอบอารมย์เปิดประทุน ก็ทำไปเถอะครับ ถูกกว่ารถเปิดประทุนจริงๆ และน้ำมันจิ๊บๆ
-
เปลืองขึ้นครับ แถมรถสกปรกด้วย
แต่ถ้าชอบอารมย์เปิดประทุน ก็ทำไปเถอะครับ ถูกกว่ารถเปิดประทุนจริงๆ และน้ำมันจิ๊บๆ
;D ถูกกว่าจริง
มันก็มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถเปิดประทุน
เคยแต่เข้าไปนั่งไม่เคยนั่งตอนวิ่ง
ลมมันตีหน้าจนรำคาญไหมครับ
-
อยากให้คำนึงถึงเรื่องสุขภาพด้วยนะ นอกจากเรื่องว่าจะเปลืองน้ำมันหรือไม่
ถ้าขับรถเปิดกระจกและขับรถเร็วเกินกว่า 80 km/h ผมรถหลายๆรุ่นที่มีในตลาดน่าเริ่มมีลมเข้ามาในห้องโดยสารมากขึ้น และการโดนลมและฝุ่นมากๆ จะทำให้ผิวเสีย และที่สำคัญคือดวงตานะครับอาจมีเศษอะไรเข้าตา หรือ โดยลมมาก ซึ่งจะเป็นเหตุให้เป็นตาเป็น โรคต้อได้อีกนะครับ ผมว่าไม่คุ้มในระยะยาวนะครับ
แต่ส่วนประหยัดน้ำมันนั้นอย่างที่มีคนวิจารณ์นะ พลังงานที่ใช้ไปกับระบบแอร์น่าจะเยอะมากกว่าแรงดึงจากอากาศพลศาสตร์ แต่จริงๆมันก็ขึ้นอยู่กับรูปทรงของรถด้วยนะครับ
แต่อย่างไรก็ตามรูปทรงของรถก็เป็นสัดส่วนสำคัญต่ออัตราสิ้นเปลืองพลังงานเชื้อเพลิงนะครับ อย่างในกรณีเปิดหน้าตาของรถแต่ละรุ่น ก็จะส่งผลกระทบต่างกัน
สมมติรถรุ่น A ตามปกติมี cd เป็น 0.3 แต่พอเปิดหน้าต่างอาจมี cd กลายเป็น 0.31 แต่รถรุ่น B ตามปกติปิดหน้าต่าง cd เป็น 0.3 พอเปิดหน้าต่างอาจมี cd กลายเป็น 0.33
และค่า cd เพิ่มขึ้นทุก 0.01 อาจจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานเพิ่มขึ้น .09 กิโลเมตรต่อลิตร อย่างในเคสตัวอย่าง
ถ้าเปิดหน้าต่างๆ รถ 2 รุ่นที่เคยจะสิ้นเปลืองจาก cd เท่ากันก็ต่างกัน .18 กิโลเมตรต่อลิตรแล้วนะครับ
และขณะเดียวกัน ความเร็วที่ใช้ในการวิ่งก็มีผลต่อแรงดึงจากอากาศด้วยเช่นกัน เช่นถ้าคุณขับรถรุ่นเดียวกันจากความเร็ว 56 km/h ไปเป็น 112 km/h คุณจะเจอแรงดึงของอากาศเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า หรือการเริ่งความเร็วจาก 55 mph เป้น 65 mph จะเพิ่ม Drag ขึ้น 40% และทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงขึ้น 10-15%
อ้างอิง http://auto.howstuffworks.com/fuel-efficiency/fuel-economy/aerodynamics2.htm
แต่ถ้าชอบอากาศธรรมชาติจริง ก็ปิดแอร์เปิดหน้าต่างก็ได้นะและอย่าขับเกิน 80 km/h นะและใส่แว่นกันลมไว้ด้วย
ผมว่านะจะโอเคนะครับ แต่อย่าไปคิดเรื่องจะประหยัดอะไรมากเลย คิดเรื่องสุขภาพดีกว่าครับ
-
ขับในเมืองไทยรถติดๆ ไม่เคยเห็นใครเปิดหลังคาแล้วรอดซักราย
ขับต่างจังหวัดเห็นประจำ เชียงใหม่เชียงราย เยอะมาก ชิวสุดๆ 8) 8) 8)
-
ถ้าขับไม่เร็วประมาณขับชมวิว ผมว่าประหยัดขึ้นนะครับ
-
ผมไปเที่ยวภาคเหนือ ตอนหน้าหนาว ก็อยากเปิดกระจกขับ เพื่อสัมผัสลมธรรมชาติบ้าง
แต่ก็ขับได้แป๊บเดียว ไม่ไหวครับ ผมเสียทรง ;D ;D ;D
-
เปลืองขึ้นครับ แถมรถสกปรกด้วย
แต่ถ้าชอบอารมย์เปิดประทุน ก็ทำไปเถอะครับ ถูกกว่ารถเปิดประทุนจริงๆ และน้ำมันจิ๊บๆ
;D ถูกกว่าจริง
มันก็มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถเปิดประทุน
เคยแต่เข้าไปนั่งไม่เคยนั่งตอนวิ่ง
ลมมันตีหน้าจนรำคาญไหมครับ
ผมเคยใช้SLK R172 อยู่สักพักครับ ขับในเมืองไปออกกำลังกาย ช่วงเย็นเปิดประทุนตลอด เหม็นควันบ้างเวลาติดไฟแดง แต่ความเท่ในใจมันมากมาย เลยลืมความเหม็นครับ
ลมไม่ค่อยตีหน้าครับ แต่มีตีปลายๆเส้นผมบ้าง (ผมสูง184 cmครับ)แต่ถ้าเริ่มขับ100 Up ผมว่าปิดประทุน สบายหูกว่าครับ เริ่มรำคาญเสียงลม อิอิ
-
ลมมีผลไม่มาก เพราะรถถูกออกแบบมาให้ลู่ลมในการใช้งานปกติอยู่แล้วครับ
ปิดแอร์ + ปิดกระจก = ประหยัดสุดๆ
ปิดแอร์ + เปิดกระจก = ประหยัด
เปิดแอร์ + ปิดกระจก = ซด
เปิดแอร์ + เปิดกระจก = ซดสุดๆ
ลองดูนะครับ
-
เห็นด้วยครับ ปิดแอร์ ประหยัดกว่าครับ