Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: lexus ที่ เมษายน 11, 2017, 14:11:01
-
คือตั้งแต่เปิดตัวcamry hybridถ้าจำไม่ผิดปี52 priusปี53
ตอนนี้ก็ร่วมๆ7-8ปีแล้ว ก็ไกล้จะหมดระยะรับประกันhybrid10ปีกันแล้ว เลยมีคำถามครับ
1.อนาคตหลังหมดระยะรับประกันแบต ถ้าแบตเสื่อมจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
2.ค่าใช้จ่ายอื่นๆนอกจากแบตเกี่ยวกับระบบhybrid จะมีอะไรที่น่าจะเสียบ้าง ราคาประมานเท่าไหร่
3.ค่าอะไหล่ที่ว่ามา เวลาซ่อมมันคุ้มไหมกับราคารถมือ2ที่ตกฮวบ (ผมหมายถึงราคาซ่อมhybridกับราคารถมันอาจจะพอๆกันรึเปล่าเมื่อรถอายุ10ปี)
4.ถ้าคนที่มีอยู่ตอนนี้ตัดใจขายก่อนหมดระยะรับประกัน หรือใช้ต่อแล้วซ่อม อะไรดูคุ้มค่ากว่ากัน?
-
ตอบเท่าที่รู้มานะครับ
1. หลังหมดประกันคงต้องรับผิดชอบเองครับ ลุกนึงก้อ 7-8 หมื่น :'(
2. ก้อที่เห็นหลายๆ ท่านซ่อมกันแล้วก็ระบบแอร์ครับ ราคาไม่ต่างกับแบตเลย :'( (เค้าบอกกันมาว่าต้องเปลี่ยนทั้งระบบ)
3. Prius ราคาร่วงเยอะกว่า Camry ครับ คุ้มไหม... ส่วนตัวผมว่าไม่คุ้มครับ เพราะราคามันร่วงเยอะ
4. ส่วนตัวคิดว่าจะขายครับ ยังพอต่อยอดได้บ้าง เพราะถ้ามันเสียขึ้นมา (ระบบแอร์) ซ่อมเอง แถมราคาขายต่อก้อตกส่วนตัวคิดว่าไม่โอเคครับ :-\
-
ค่าเปลี่ยนผมก็มองว่าตามเวลานะครับ ใช้รถ 10 ปี จะไม่เสียค่าซ่อมซักบาทเลยหรอ อีกทั้งในอนาคตราคาแบตพวกนี้ก็จะลดลงตามเทคโนโลยี
แลกกับระบบที่ได้เพิ่มมา ถ้าไม่อยากจะเสียค่าเทคโนโลโยีเลยก็เลือกรถโล้นๆดีกว่าครับ แต่ dsegment คงไม่มีแล้วมั้ง คงต้องดูพวกรถปีเก่าๆอะครับ
ไม่ไฮบริดก็มีเทคโนโลยีเปลี่ยนหลายพันจนถึงหมื่นเหมือนกันนะ
-
ที่น่าห่วงอีกอย่างคือ มีอะไหล่ให้หรือเปล่า ถ้า Toyota อาจจะพอมี แต่ถ้าค่ายอื่น กลัวจะต้องรอนาน
-
แบตก็เตรียมไว้ 1 แสน บวกลบ แต่อย่าลืมมันมีแบตลูกเล็กอีกน่ะ
ให้ความสำัญกับแบตเกินไปหรือเปล่า มันมีตัว Generator หรือมอเตอร์อีกราคาแพงกว่าแบตนะจะบอกให้ แต่ตัวนี้ไม่ค่อยเสียครับอายุนานมากแต่ถ้าเสียขึ้นมาก็น่าจะทิ้งรถดีกว่าซ่อม
ระบบแอร์คัมรี่แพงนะครับซ่อมทีก็หลายหมื่นนะ ข้างนอกซ่อมได้จริงแต่ต้องหาอู่ดีหน่อยไม่งั้นรวนมาขายรถทิ้งแบบผม แต่ราคาซ่อมอู่นอกก็ไม่ถูกนะ เป็นผมผมซ่อมศูนย์เอาแพงหน่อยแต่จบดีกว่า
อื่น ๆ ก็แพงบ้างตามอายุเช่น ช่วงล่าง แร๊คพวงมาลัย เซนเซอร์ที่เริ่มเสีย แต่ไม่จุกจิกรวนหรอก
ส่วนถามว่าซ่อมแล้วคุ้มไหม ผมตอบไม่ได้ ตราบที่รถอยู่กะเราเป็นผมผมซ่อมครับ ยกเว้นค่าซ่อมเกินราคารถที่เหลืออยู่เวลานั้น
-
ค่าเปลี่ยนผมก็มองว่าตามเวลานะครับ ใช้รถ 10 ปี จะไม่เสียค่าซ่อมซักบาทเลยหรอ อีกทั้งในอนาคตราคาแบตพวกนี้ก็จะลดลงตามเทคโนโลยี
แลกกับระบบที่ได้เพิ่มมา ถ้าไม่อยากจะเสียค่าเทคโนโลโยีเลยก็เลือกรถโล้นๆดีกว่าครับ แต่ dsegment คงไม่มีแล้วมั้ง คงต้องดูพวกรถปีเก่าๆอะครับ
ไม่ไฮบริดก็มีเทคโนโลยีเปลี่ยนหลายพันจนถึงหมื่นเหมือนกันนะ
10ปีรถธรรมดามันก็ต้องมีเสียมีเปลี่ยนก็รู้ๆกันอยู่แล้วครับ
แต่ที่ไม่รู้คือระบบhybridและระบบที่เกี่ยวข้อง ที่มันเพิ่งมีในไทย
แล้วราคาซ่อมกับราคามือ2รถ10ปีหลังหมดประะกันมันคุ้มกันหรือเปล่าต่างหาก เป็นเรื่องที่น่าคิด
-
รถ Prius แบตใหญ่เสื่อม วิ่งได้เหมือนรถ1.8ทั่วไปครับ
ผมวิ่งน้ำมันล้วนอยู่เป็นเดือนระหว่างรอแบต ช่วงปีใหม่
เรื่องอะไหล่แพง น่าจะพอกับรุ่นอื่นนะครับ พวกเก๋งราคาล้านขึ้น
รถสิบปีไม่ต้องใส่แบตใหม่แล้วครับ วิ่งน้ำมันล้วนไปเลย มันเลยจุดคุ้มไปแล้ว
ส่วนตัวคิดว่าถ้าแบตเสื่อมเอาตอนปีที่10 แล้วเคลมได้ลูกใหม่วิ่งต่ออีกห้าปี เพลินไปเลยครับ
-
คุ้นๆว่าฝั่ง อเมริกามีแบตยี่ห้อเทียบนะครับ แต่ที่นี่ผมว่ายาก
ตอนนี้รถผมก็ 6 ปีละ ยังไม่เคลมแบตเลย
-
ตอนที่ซื้อ Camry HB 2013 มือสองมา ก็คิดแบบนี้เลยครับ
ผมซื้อมาเข้าปีที่ 6 โชคดีที่ขึ้นให้เปลี่ยนแบ็ต (ยังลุ้นให้มันรีบขึ้นไวไว) เผื่อปีที่ 9 จะได้เปลี่ยนฟรีอีกที
ถ้าโชคไม่ดี แบ็ตดันเสื่อมตอนปีที่ 10 นิดๆ ยังคิดอยู่เลยครับว่าจะเอายังไงดี จะยอมควัก 7 หมื่น หรือยอมทนเห็นข้อความ CHECK HYBRID SYSTEM ไปตลอด (ถึงจะขับได้ปกติ แต่ก็แอบรำคานมาก ที่เวลากดดู info ไปเรื่อยๆ แล้วมันก็จะเด้งมาข้อความนี้ตลอด)
ว่าไปมันก็เป็นระเบิดเวลาดีดีนี่เอง (ไม่ใช่แบ็ตระเบิดนะครับ ;D) แต่เป็นระเบิดเวลาที่ต้องให้ตัดสินใจ ณ ตอนนั้น
ตอนนี้ก็ยังพูดได้ครับว่า ใช้ๆไปอย่าคิดมาก รอให้ถึงเวลานั้นค่อยคิด(เหรอ)
ถ้าจินตนาการ ได้เปลี่ยนแบ็ตฟรีตอนปีที่ 9-10 ใช้ไปอีก 5 ปี แบ็ตเสียอีกรอบ ก็จะเท่ากับว่าตอนนั้นอายุรถน่าจะ 14-15 ปี (แต่ผมใช้จริง 9-10 ปี)
เอาตรงๆ ตั้งแต่ผมเกิดมาจนอายุ 26 ยังไม่มีรถคันไหนในบ้านอยู่ถึงปีที่ 8 สักคัน ส่วนใหญ่ 4-5 ปี ก็ขายเปลี่ยนใหม่ตลอด มีแค่ Wish นี่แหละที่พึ่งจะเข้าปีที่ 8
ถ้า Camry ไปต่อจนถึงปีที่ 10 มันคงจะเป็นรถที่ทรงคุณค่ามากๆ ที่ได้ไปต่อถึงขนาดนั้น (ผมว่ามันถึงแน่ๆ เพราะเป็นรถที่แม่งโคตสบายที่สุดเท่าที่เคยนั่งมา)
ก็เลยอดกังวลใจไมไ่ด้เหมือนกันครับ ที่รถแสนดีขนาดนี้ จะต้องมามีระเบิดเวลาติดตัว
ปล.อยากให้ตัว 2.5 ธรรมดา มีเบาะปรับเอนได้แบบตัว Top จังเลยครับ เห้อ....
ปล.2 ผมมีแพลนว่า อาจจะขายก่อนเปลี่ยนแบ็ตรอบ 2 นั่นก็คือปีที่ 9-10 แล้วไปสอย 2.5 ธรรมดา โฉมปัจจุบัน (ตอนนั้นก็คงราคา 7-8 แสน เท่าๆกับคันนี้ที่ซื้อมา) อย่างน้อยก็มีเมมเบาะมาให้ ไม่ต้องตีกันกับแฟนเวลาเปลี่ยนกันขับรถ
แต่ต้องแอบนอยส์เบาะหลังแน่ๆ