Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Insideout ที่ พฤศจิกายน 07, 2013, 09:57:06
-
จริงๆอยากถามนานแล้วครับ ดีใจที่เห็นกระทู้ข้างล่างถามพอดี
แต่ดันคนละเรื่อง คนละประเด็นกับที่ผมอยากถามเลย
เรื่องรถมันมีประกันอยู่แล้วไม่เคยสงสัย
แต่ที่ห่วงคือคุณ Jimmy กับทีมงานมากกว่า
นักบิน เป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง แต่ผมว่าเทียบไม่ได้เลย
กับคุณ Jimmy และ ท่านผู้การ
เผลออาจจะ พอๆ หรือ มากกว่านักแข่งรถอาชีพ ด้วยซ้ำ !!
เรื่องทักษะในการควบคุมรถของทั้งสองท่าน
พอดูรู้ว่าไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็เก่งกว่าผมแน่ๆ
แต่ความบ่อยในการทำคลิป + กลางคืน (บางทีมีฝน) + ความอ่อนเพลียจากการทำงานมาทั้งวัน
+ สภาพถนนประเทศไทย (ต่อให้บูรพาวิถี ก็ไม่เอื้อ 200+ อยู่ดี) + ความเร็วขนาดนั้นแช่กันไม่ใช่แป๊บๆ
คุณ Jimmy เคยเป็นห่วงน้องๆ หรือ ท่านผู้อ่านด้วยการตัดสินใจไม่ถ่ายให้ดู การทดสอบความเร็วสูงสุด
เพราะกลัวน้องๆจะอันตราย
แล้วคุณ Jimmy กับ ทีมงานหล่ะครับ !!!
คลิปที่ผมดูแล้วเสียวแทนโคตรๆ เช่น GTi กับ AH3 ตอนฝนตก
เป็นไปได้มั๊ยครับว่า
1. ยกเลิกการทดสอบ top speed ไปเลย ก็เข้าใจนะครับว่ามันสำคัญเหมือนกันในการทดสอบสมรรถภาพรถ
2. ใช้เครื่องแทนแต่มันก็ไม่เหมือนขับจริงบนพื้นอยูดี หรือ หาสนามทดสอบทางตรงยาวๆ เรียบๆ แบบ รันเวย์สนามบิน ทำนองนั้น
ปล. ถ้าทำให้ทีมงานรำคาญต้องขออภัยด้วย แต่ที่โพสท์เพราะเป็นห่วงจริงๆครับ
-
เห็นด้วยครับ เป็นห่วงทีมงานHeadlight Mag ทุกคนเช่นกันครับ
-
เสี่ยงจริงครับ แต่ถ้าทำได้ก็ดี เพราะจะได้รู้ว่ารถว่งสุดได้แค่ไหน
-
เป็นห่วงเช่นเดียวกันครับ แต่ผมกลับมองคนละแง่มุมนะครับ มีผู้ที่สนใจรถในบางท่าน ที่ไม่มีทักษะทางด้านขับรถเพียงพอ แต่อยากรู้ว่ารถตัวเองไปได้เท่าไหร่ แบบนี้ไม่อันตรายกว่าเหรอครับ เพราะว่าอย่างคุณจิมมี่ คุณแพน แกขับรถมาไม่รู้กี่สิบคันแล้ว น่าจะจับอาการได้ว่า คันนี้ทำไหวไหม ณ สภาวะอากาศนั้นๆ และแกก็ย้ำเสมอๆว่าอย่าไปทำตามเด็ดขาด
ทีมงานเองก็มีครอบครัวครับ ผมเชื่อว่าคงไม่ทำการเทสต์ Topspeed ทั้งๆที่มันเสี่ยงมาก หรอกครับ สุดท้ายแล้วขับรถด้วยความไม่ประมาทครับทุกท่าน
-
เห็นด้วยครับ บางคันแค่ฟังก็เสียวตามแล้ว เฃ่น A250 เข้าโค้งความเร็ว 200 ถ้าวินาทีนั้นมีอะไรไม่คาดฝัน ผมเสียวแทนจริงๆครับ
เอาแค่พอหอมปากหอมคอไม่ต้องถึง Top Speed ก็ได้ครับ ใช้ตัวเลจ Top ของบริษัท ก็ได้
-
เห็นด้วยครับ เปลี่ยนจากtop speed เป็นความเร็วเดินทางดีกว่า เช่น 120-140รู้สึกอย่างไร 180รู้สึกอย่างไร (น่าจะเป็นความเร็วเดินทางสูงสุดสำหรับถนนเมืองไทย)
-
ถ้าไม่เกิน 250 ผมว่าทำได้ ไม่น่าเป็นอะไร
-
เห็นด้วยครับ
ขอแค่ความเร็ว ช่วงใช้งานจริง (ประมาณ 180 km./hr) ก็พอ
เก็บรายละเอียด performance ด้านอื่นๆ ดีกว่า
-
เห็นด้วยครับ ณ.ตอนนี้ไม่มีอะไรแต่แค่เสี้ยววินาที อาจจะมีอะไรก็ได้ครับ รถบางคันไม่เอื้อที่จะทดสอบ ถนนเมืองไทยยิ่งไม่เอื้อให้ทดสอบ ขอให้ทีมงาน review แค่ความเร็วในการใช้งานก็พอ 140-180 เป็นห่วงทีมงานครับ
ปล.พึ่งดูคลิป GTI เมื่อคืนเหมือนกัน เสียวแทนครับ
-
ไม่เห็นด้วยครับ ทำต่อไปน่ะครับ Top Speed ข้อมูลส่วนนี้สำคัญผมอ่านตลอด ยิ่งตอนเหยียบคันเ่ร่ง ความรเร็วค่อยๆขึ้นในคลิป ยิ่งติดตามดูครับ แต่ถ้าเป็น Super Car ก็อีกเรื่องนึง (คหสต)
-
ทางด่วนขั้นที่2ตอนดึกๆทำได้สบายครับทางตรงยาวพอสมควร ถนนดีมากไม่มีอะไรรบกวนแน่นอน แต่ที่น่าห่วงคือสภาพรถ ยาง ต้องพร้อมจริงๆ
-
เห็นด้วยครับ เลิกทำไปเหอะครับ มันไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะรู้ว่ารถนั้นวิ่งไปถึงที่ความเร็วเท่าไหร่ น้อยคนนักที่จะขับถึง มันเป็นเพียงข้อมูลเล็กๆเพียง 1 ข้อที่มีโอกาศในการก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้สูงมากๆ แค่ 120 ถ้าชนจังๆก็ไม่เหลือละครับ ผมเป็นห่วงอีก 1 เสียงครับ
รถ 1 คัน มันมีข้อมูลให้เจาะลึกอะไรเยอะแยะมากกว่าที่ว่าจะขับไปได้เร็วสูงสุดเท่าไหร่ครับผม(ตั้งแต่เกิดมา ผมเคยขับรถถึงเลข 200 ครั้งเดียวในชีวิต)
ปล. ตอนแรกที่ไม่เคยดูคลิป ผมก็นึกว่าไปลองในรันเวย์สนามบิน แต่นี่ลองบนทางด่วน โอ้.... อันตรายมากๆครับ เป็นห่วงอย่างที่สุดครับ
-
เห็นด้วยครับ
น่าจะเปลี่ยนเป็นทดสอบที่ความเร็วไม่เกิน 180 แล้วทดสอบการทรงตัว การเ็ก็บเสียงแทน จะปลอดภัยกว่านะครับ
-
แล้วแต่พี่ J!MMY เลยครับ เพราะก่อนทำผมว่าพี่ J!MMY ต้องเทสรถพอสมควร
จนมั่นใจได้ว่ารถคันนั้นๆเทส Top speed แล้วมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน
แต่ใจยังอยากให้มีต่อไปครับ
-
ทางด่วนขั้นที่2ตอนดึกๆทำได้สบายครับทางตรงยาวพอสมควร ถนนดีมากไม่มีอะไรรบกวนแน่นอน แต่ที่น่าห่วงคือสภาพรถ ยาง ต้องพร้อมจริงๆ
เพิ่งมีข่าวว่าเส้นนี้มีวัว เดินขึ้นมาบนทางด่วน(จากทางลง) แล้วมาเดินเล่นอยู่บนทางด่วน แล้วมีรถขับมามองไม่เห็น เบรคไม่ทันชนเข้าไปวันตายไปสองสามตัว รถเสียหาย จะให้ดีถ้าจะยังใช้เส้นทางนี้อยากให้ขับชิลๆ ก่อนรอบนึงดูสถานการณ์ว่าโล่งดี แล้วอีกรอบค่อยทดสอบก็ยังดีครับ หรือจะให้ดี หาสนามปิดลองจะดีมากครับ แต่น่าจะยาก หรือให้แนะนำ ให้มีรถ service วิ่งนำหน้าไปแล้ว วิทยุมาบอกก่อนเริ่มทดสอบก็ได้ครับมีอะไรจะช่วยกัน
ด้วยความรักเป็นห่วงครับ
-
ผมก็ห่วงนะ แต่ก็เข้าใจว่าพี่ๆทีมงาน ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว
เพราะพี่จิมมี่ยืมรถมาทดสอบทีก็น่าจะหลายวัน ถ้ามีจังหวะทำท๊อปสปีด ค่อยทำ ไม่ได้มีเวลาจำกัดขนาดต้องรีบทำ
รถบางคันช่วง check check out วิ่งถึงเสาประจำนั้น ความเร็วก็เฉียดๆ180กันเกือบทั้งนั้น
การทำท๊อปสปีดไม่อันตรายมากครับ แต่ถ้าแช่ความเร็ว180+ นั้นอันตรายมากกว่า
เพราะรถบางคันที่ผมเคยขับมา กดออกจากด่านทางด่วน ข้างหน้าก็จะโล่ง สามารถกดทำท๊อปสปีดได้เลย ไม่น่ากลัว
-
สำหรับผมข้อมูล Top Speed ไม่มีประโยชน์เพิ่มเติมอะไร แค่ "nice to know" เท่านั้นครับ (แต่สำหรับท่านอื่นไม่รู้เหมือนกัน)
แต่ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งทางทีมงาน HLM ในฐานะคนทดลองรถก็อยากจะทดสอบเองอยู่แล้วด้วยครับ
-
อันนี้แล้วแต่ครับ ส่วนตัวผมก็ว่ามันเป็นสีสันหนึ่งของคลิป
แต่ว่าเวลาดูอัตราเร่งจริงๆผมดูช่วงขึ้นคันเร่งมากกว่า
บางคันผมว่าเค้าก็ต้องทำท็อปสปีดให้ดูนะ อย่างCivic fb 1.8 กับ2.0ถ้าไม่ทำท็อปสปีดก็ไม่เห็นว่า1.8มันจะหนืดตอน170
ปล.ผมเชื่อว่าวิ่งเส้นนั้นส่วนมากขับกัน125+กันแทปทุกคนครับ ไปทีไรโดนสวนตลอดทาง
-
ผมเห็นด้วยว่า ยกเลิกทำ Top speed ไปน่าจะดีกว่าครับ
เปลี่ยนเป็นทำ 0-160 ขึ้นมาแทนดีกว่า
ผมเชื่อว่า น้อยคนนักที่จะได้ขับรถเต็มสปีดของรถตัวเอง อย่างผม ขับรถมา 15 ปี เคยเหยียบเต็มที่ก็ 160 เอง
ผมเชื่อว่า การปรับเปลี่ยนอะไร ที่สามารถช่วย Save ชีวิต หรือช่วยป้องกันอุบัติเหตุ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้นั้น พี่ๆน้องๆในเวปเรา น่าจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
จะทำงานใดๆ ถ้าต้องอยู่กับความเสี่ยงไปตลอด ผมว่ามันก็ไม่แฟร์กับทีมงาน HLM เช่นกันครับ
-
เห็นด้วยคับว่าการทำความเร็วสูงสุดนั้นมีผลให้ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามผมก็เป็นคนนึงคับที่อยากรู้ว่ารถที่ผมเล็งอยู่ทำความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อรถ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญที่สุดเรื่องความเร็วแรงที่ผมมองไม่ใช่ความเร็วสูงสุดคับ แต่เป็นอัตราเร่งพวก 0-100 80-140 100-160
สุดท้ายแล้ว ก็พอเข้าใจคับว่านี่คืองานของนักวิจารณ์ที่ต้องให้ได้ทุกแง่มุม แต่รถบางคันก็ไม่จำเป็นต้องไปทดสอบขนาดนั้นหรอกคับ ยิ่งพวกที่มีความแรงกว่าปกติด้วยแล้วเพราะรถมันทำความเร็วได้เหลือเฟือเกินการใช้งานจิงอยู่แล้ว
จำได้ว่ามีคลิปนึงที่คุณจิมมี่บ่นว่ากว่าจะถึงความเร็วสูงสุดได้มันยาวนานเหลือเกิน ซึ่งทำให้เกร็ง
ไม่ได้จะแช่งหรืออะไรนะคับ แค่อยากจะบอกว่า ระวังๆกันไว้ด้วยนะคับ เรา(ผู้ชมและผู้อ่าน) จะได้มีบทความและการวิจารณ์ที่ดีต่อไปอีกนานๆคับ ^_^
ปล.ก็อยากให้ระวังกันด้วยนะคับเพราะแม้แต่ทีมท๊อปเกียร์ก็เคยพลาดกันมาแล้ว และขอบคุณอีกครั้งคับสำหรับบทความและความรู้มากมาย
-
ผมเห็นด้วยว่า ยกเลิกทำ Top speed ไปน่าจะดีกว่าครับ
เปลี่ยนเป็นทำ 0-160 ขึ้นมาแทนดีกว่า
ผมเชื่อว่า น้อยคนนักที่จะได้ขับรถเต็มสปีดของรถตัวเอง อย่างผม ขับรถมา 15 ปี เคยเหยียบเต็มที่ก็ 160 เอง
ผมเชื่อว่า การปรับเปลี่ยนอะไร ที่สามารถช่วย Save ชีวิต หรือช่วยป้องกันอุบัติเหตุ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้นั้น พี่ๆน้องๆในเวปเรา น่าจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
จะทำงานใดๆ ถ้าต้องอยู่กับความเสี่ยงไปตลอด ผมว่ามันก็ไม่แฟร์กับทีมงาน HLM เช่นกันครับ
เห็นด้วยครับ
อยากได้ 0-160 มากกว่า
ส่วน Top Speed ช่างเถอะ (มีก็ได้ ไม่มีก็ดีเลยครับ เพื่อความปลอดภัย)
ทุกวันนี้ ไม่เคยเอามาเป็นประเด็นในการตัดสินใจเลยครับ (ยกเว้น Top Speed ของ Brio อันนี้ อนาถไป T^T)
-
ยังไงก็ได้ครับ
ปล.แต่ผมว่าคงไม่ถูกใจพี่แพนแน่ๆ ;D ;D ;D
-
ถ้าทำบ่อยจนชำนาญ และคุ้นกับเส้นทางที่ใช้ ก็โอครับ
แต่ผมเป็นห่วงสภาพรถมากกว่า รถที่ยืมมาไม่รู้ผ่านสมรภูมิอะไรมาบ้าง
บางคันเห็นพี่เค้าบอกว่าโทรมบ้าง สั่นบ้าง บางคันสตาร์ทไม่ติด กลัวขับ top speed อยู่ รถพังครับ
-
เป็นห่วงเช่นเดียวกันครับ แต่ผมกลับมองคนละแง่มุมนะครับ มีผู้ที่สนใจรถในบางท่าน ที่ไม่มีทักษะทางด้านขับรถเพียงพอ แต่อยากรู้ว่ารถตัวเองไปได้เท่าไหร่ แบบนี้ไม่อันตรายกว่าเหรอครับ เพราะว่าอย่างคุณจิมมี่ คุณแพน แกขับรถมาไม่รู้กี่สิบคันแล้ว น่าจะจับอาการได้ว่า คันนี้ทำไหวไหม ณ สภาวะอากาศนั้นๆ และแกก็ย้ำเสมอๆว่าอย่าไปทำตามเด็ดขาด
ทีมงานเองก็มีครอบครัวครับ ผมเชื่อว่าคงไม่ทำการเทสต์ Topspeed ทั้งๆที่มันเสี่ยงมาก หรอกครับ สุดท้ายแล้วขับรถด้วยความไม่ประมาทครับทุกท่าน
ผมมองว่าเป็นบุญครับ ไม่อยากคิดว่าถ้าไม่มีท๊อบสปีดของพี่จิมมี่ คนอื่นๆจะไปลองกันเองกี่คน จะรู้สภาพรถตัวเองที่ดีมากซักกี่คน อาจจะมีคนต้องตาย :)เพราะเสียหลักเองหรือไปชนคนอื่นๆอีกกี่คนหรือประสบอุบัติเหตุอีกกี่คน เพราะสมัยนี้อายุน้อยมากๆๆก็มีรถขับกันเต็มไปหมดความอยากรู้อยากลองมีมหาศาล
หรืออย่างน้อยไปลองเองอีกก็ได้อ่านได้ฟังจากพี่จิมมี่ก่อนว่าคันนี้เราควรระวังอะไร ข้อด้อยตรงไหนบ้าง สามารถไปสบายๆได้ถึงแค่ไหน จะได้ไม่ฝืน ผมว่าพี่จิมมี่ช่วยคนได้เยอะครับ
-
คิดเหมือนกันเลยครับ
-
เห็นด้วยครับ เพื่อความปลอดภัย
top speed ใช้ตัวเลขจากโรงงานก็ได้ครับ
-
บ่อยครั้ง ที่ตัวเลขจากโรงงาน มันคลาดเคลื่อนจากความจริง
บางคัน เข็มไมล์อ่อน ตัวเลขทำได้ดีกว่านั้น
และหลายครั้งเหมือนกัน ที่รถบางคัน ตัวเลขทำไม่ด้เท่ากับที่ผู้ผลิตเคลมไว้
หนักกว่านั้น บางคัน ห่างไกลมาก เช่นผู้ผลิตบอกว่า ได้ 200 ถ้วนๆ
แต่ขับจริง กดให้ตาย ได้แค่ 180
มันคือการจับโกหกอีกรูปแบบหนึ่ง
การทำตัวเลขความเร็วสูงสุดนั้น
ทันทีที่เราตัดสินใจทำ นั่นคือ รถคันนั้น ต้องพร้อมมากๆ ผมถึงจะยอมทำครับ
เราดูกันพอสมควร
เส้นทางที่ใช้ มันไม่ได้มีแค่เส้นเดียว ขึ้นอยู่กับ เวลา จังหวะต่างๆ
ต้องโล่งจริงๆ เท่านั้น ทันทีที่เห็นรถข้างหน้า แต่ไกล หรือไก่โห่
ผมยกคันเร่งออกทันที ไม่ฝืนต่อ เพราะไอ้ที่พลาดๆกันหนะ
คือ ความรู้สึกในตอนขับ มันมีกิเลสมายุเราว่า "อีกนิดนึงน่า อีกนิดนึงน่า"
ไอ้อีกนิดนึงน่า นี่ละครับ พาคนไปตายมาเยอะแล้ว เพราะมันคือความ "ประมาท"
เมื่อไหร่ ที่มีความรู้สึกที่ว่าเกิดขึ้น ผมถอนเท้าจากคันเร่ง ไปแตะเบรกทันที
ไม่ต้องรอ
การไต่ความเร็วจนถึงท็อปสปีด นั้น ไต่ขึ้นไปเสร็จ ถ้าเข็มนิ่ง ใน 5 วินาที
จำตัวเลข หรือบันทกภาพได้ ผมถอนเท้าแล้วเบรกทันทีเช่นกัน
ถือว่า ภาระกิจจบแล้ว ไต่ไปถึงแค่นั้นพอ
รถบางคัน เช่น ActiveHybrid 3 ผมชอบมาก เพราะ การไต่ความเร็วขึ้นไปจนสุด
เกิดขึ้นในเวลารวดเร็วมาก ผมไม่ต้องอยู่กับความเร็วสูงๆแบบนั้นนานๆ
อยู่เพียงไม่เกิน 1-2 นาที ด้วยซ้ำ ก็ถอนเท้า และเบรกแล้ว กลับมาวิ่งอยู่
แถวๆ 80 - 100 นัึง
มีหลายครั้งที่ ผมตัดสินใจยกเลิก ไม่ทำตัวเลขความเร็วสูงสุด....
ด้วยเหตุหผลที่ว่า รถไม่พร้อม หรือสภาพอากาศรอบข้างไม่พร้อม
ถ้าฝนตก ผมไม่ทำ หรือแม้แต่ยางไม่พร้อม
และมีหลายครั้ง ที่ผมต้องยกเลิกเอง เพราะ ตัวผมเองนี่แหละที่ไม่พร้อม
สิ่งที่อยู่ในคลิป นั่นคือ การทำให้คุณดู หลังจากเราทดลองเรื่องทั้งหมด
ตามหัวข้อต่างๆมาหมดแล้ว การถ่ายคลิป คือสิ่งสุดท้ายที่เราจะทำ
นั่นคือ เราต้องเรียนรู้ และอยู่กับรถมาพอสมควรแล้ว ถึงจะถ่ายทำคลิป
เว้นแต่บางกรณี ที่อาจจะยังไม่ได้จับเวลาอัตราเร่ง แต่หลักๆ ก็มีแค่นั้น
หลังๆมานี้ รถอะไรก็ตาม ที่ความเร็วสูงสุด เกิน 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ผมไม่ทำท็อปสปีด แล้วนะครับ อันนี้ ก็เป็นอีก นโยบายหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
นี่คือสิ่งที่ผม คงพอจะแชร์ให้ได้อ่านกันได้
ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ
แต่...ผมคงทนไม่ได้ ถ้าต้องเห็นเด็กวัยรุ่นวัยคะนอง เอารถรุ่นเดียวกัน
ทำความเร็วสูงแบบนี้ ด้วยความอยากรู้ แล้วพลาด.....
ผมถึงได้เขียนบอกไปว่า
ขอ ทำให้ดูเองดีกว่า จะได้รู้กันไปเลย และจะได้ไม่ต้องไปลองทำเองที่ไหนกันอีก
ผิดกฎหมาย ก็ยอมรับครับ ว่าผิด ถ้าเจ้าหน้าที่เจอ ก็เรียกมาละกัน ยินดีจ่ายค่าปรับให้
แต่ในเมื่อ ประเทศนี้ ไม่มีสนามทดสอบความเร็วสูง ที่ปลอดภัยพอให้ผม
ขับวนเล่นในนั้นได้ยาวต่อเนื่อง เหมือนสนาม Nardo ที่อิตาลี
สนาม Higashi-Fuji ของ Toyota หรือ สนาม Tochigi ของ Honda
ก็ต้องทำใจละครับ
อย่าไปคาดหวังกับพื้นผิวสนามบิน ไม่มีใครเขาเปิดให้คุณใช้ฟรีกันหรอก
-
ชื่นชม 2 วรรคนี้ มากๆครับพี่
" แต่...ผมคงทนไม่ได้ ถ้าต้องเห็นเด็กวัยรุ่นวัยคะนอง เอารถรุ่นเดียวกัน
ทำความเร็วสูงแบบนี้ ด้วยความอยากรู้ แล้วพลาด.....
ผมถึงได้เขียนบอกไปว่า
ขอ ทำให้ดูเองดีกว่า จะได้รู้กันไปเลย และจะได้ไม่ต้องไปลองทำเองที่ไหนกันอีก "
-
ชื่นชม 2 วรรคนี้ มากๆครับพี่
" แต่...ผมคงทนไม่ได้ ถ้าต้องเห็นเด็กวัยรุ่นวัยคะนอง เอารถรุ่นเดียวกัน
ทำความเร็วสูงแบบนี้ ด้วยความอยากรู้ แล้วพลาด.....
ผมถึงได้เขียนบอกไปว่า
ขอ ทำให้ดูเองดีกว่า จะได้รู้กันไปเลย และจะได้ไม่ต้องไปลองทำเองที่ไหนกันอีก "
ช่วยได้เยอะ ลองเองแล้วเกิดพลาด อาจพาลพารถคันอื่นซวยไปด้วยนี่ซิสาระสำคัญ
+1 ครับ ผมให้ผ่าน อย่างห่วงๆก็แล้วกันครับ top speed คงต้องมี แต่ภายใต้สภาพเงื่อนไขทุกอย่างต้องพร้อมเท่านั้น
-
เป็นห่วงเช่นกันครับ แต่เชื่อมั่นในฝีมือของทีมงานและเห็นว่าใช้เส้นทางที่ควบคุมตัวแปรที่ไม่คาดคิดได้ จึงอยากให้คงไว้เหมือนเดิมครับ
-
ผมว่ากระทู้นี้น่าจะอยู่ห้อง Suggestion นะครับ
ส่วนเรื่อง Top Speed จะมีหรือไม่มีก็ได้ครับ เชื่อว่าทีมงานมีการไตร่ตรองกันแล้ว
อ่านเหตุผลที่คุณจิมมี่ชี้แจงแล้วก็เข้าใจครับ รับทราบตั้งแต่ตอนไม่ลงคลิปTop Speedแล้วอันนั้นเห็นด้วยอย่างยิ่ง
แต่ถ้าไม่เหลือบ่าฝ่าแรง ถ้าทำTop Speedแล้วถ่ายรูปเข็มไมล์มาลงก็ดีครับ
-
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าทำเอง ผมไม่เชื่อหรอกครับว่าจะไม่มีใครเลยที่เห็นคุณ Jimmy ทำ Top Speed แล้วจะไม่อยากลองทำบ้าง มันต้องมีบ้างแหละ สำหรับผมแล้ว เป็นแค่คนใช้รถธรรมดา ฉะนั้น ข้อมูลเรื่องความเร็วสูงสุดจึงไม่มีประโยชน์อะไรกับผม ไม่ใช่แค่มีก็ดี แต่ไม่มีเลยก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ก็เข้าใจว่าคงมีคนอยากรู้ ก็แล้วแต่คุณจิมมี่ก็แล้วกันครับ ห่วงล่ะก็ห่วงอยู่
-
ผมว่าควรมี
แต่ไม่ควรเป็นบนทางด่วน
แต่ที่ไหนในไทยหว่า ที่มีถนนยาวๆเป็นสิบกิโลให้ลอง....
-
ถ้าไม่ทดสอบความเร็วสูงสุด ก็คงไม่ใช่รีวิวแล้วละครับ ถ้าไม่มีพี่จิมมี่หลายๆท่านเองก็ไม่ทราบว่ารถที่เท่าขับอยู่นั้น มีลิมิตอยู่แค่ไหน
ไปต่อได้แค่ไหน แค่ไหนควรพอ แค่ไหนควรหยุด ขับแค่ไหนถึงปลอดภัย ต่อตัวเองและคนอื่นๆ
-
ผมว่าควรมี
แต่ไม่ควรเป็นบนทางด่วน
แต่ที่ไหนในไทยหว่า ที่มีถนนยาวๆเป็นสิบกิโลให้ลอง....
อุดร-สกลครับ ;D ;D ;D ตอนดึกๆโล่งมาก ทางตรงยาวๆเลย
-
เห็นด้วยครับ เปลี่ยนจากtop speed เป็นความเร็วเดินทางดีกว่า เช่น 120-140รู้สึกอย่างไร 180รู้สึกอย่างไร (น่าจะเป็นความเร็วเดินทางสูงสุดสำหรับถนนเมืองไทย)
เห็นด้วย เพราะนอกจากเพื่อความปลอดภัยของทีมงานแล้ว ยังต้องห่วงเพื่อนร่วมถนนด้วยค่ะ
แล้วก็ความเร็วมากๆขนาดนั้น ในชีวิตการใช้งานจริง ขับไม่เร็วขนาดนั้น(ไม่ควรขับให้เร็วขนาดนั้นด้วยค่ะ)
-
เห็นด้วยอีกเสียงครับ
แต่ฟังคุณจิมมี่ก็มีเหตุผลของเค้า เสนอแนะว่าลิมิตกันที่ 200 ดีไหม ไม่ต้องเกินกว่านี้
เกินจุดนี้ให้ต่างคนต่างรับผิดชอบกันเอง ถึงแม้ทำให้ดู แต่ความคันส่วนตัวมันห้ามกันยากครับ
ส่วนตัวผมเห็นว่าข้อมูลเรื่องความเร็วสูงสุดนั้น ผมให้น้ำหนักน้อยกว่าอัตราเร่งที่ใช้งานปกติเยอะมาก
เข้าใจและชื่นชมความตั้งใจครับ
-
.
.
.
เห็นด้วยว่ากระทู้นี้น่าจะอยู่ห้อง Suggestion ครับ
ส่วนเรื่อง top speed ถึงผมจะห่วง jimmy ในฐานะน้องรักคนนึง
แต่ก็ยังอยากให้ทำต่อไปครับ ;D
-
ผมอยากให้มีครับ เพราะผมเชื่อมั่นคุณ J!MMYว่าการที่เขาจะทำอะไรสักอย่างจะต้องมีการไต่ตรองอย่างดีแล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานอะไรมาแสดงก็ได้ เวลาเปิดคลิปคุณ J!MMY จะบอกรายละเอียดทุกอย่าง แค่บอกว่า top speed เท่าใหร่ผมก็พอแล้ว ถ้าถามว่าเป็นห่วงมั้ย เป็นห่วงครับแต่การจะทำอะไรสักอย่างนั้นมันควรจะมีความสมบูณร์ เพราะการขับที่ 120 กับความเร็วสูงสุดนั้นมันต้องมีความเเตกต่างเเน่นอน
-
ผมมี 2 มุมมองที่แย้งกันในตัว (สำหรับตัวผมเอง)
-ความปลอดภัยของผู้ทดสอบทั้งหมดก็ห่วงครับ
-Top Speed จริงจากการทดสอบก็อยากเห็นครับ
ไม่ได้อยากเห็นจากกระดาษของโรงงานรถ
คนเคยขับความเร็วมากกว่า 200 อยู่บ่อยครั้ง จะรู้สึกเฉยๆ กับความเร็วนั้น
แต่สำหรับคนไม่เคย จะใจหวิว+เหงื่อขึ้นมือแน่ๆ
จะแบบไหนก็แล้วแต่ มี/ไม่มี แล้วแต่คุณจิมมี่จะเห็นสมควร
ผมในฐานะคนอ่าน ก็ยังอ่านเหมือนเดิม
-
มีต่อไปดีแล้วครับ
ผมเชื่อว่า พี่จิมมี่คิดและไตร่ตรองอย่างดีแล้วว่าสมควรทำ top speed หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผมเองก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกันครับ
-
บ่อยครั้ง ที่ตัวเลขจากโรงงาน มันคลาดเคลื่อนจากความจริง
บางคัน เข็มไมล์อ่อน ตัวเลขทำได้ดีกว่านั้น
และหลายครั้งเหมือนกัน ที่รถบางคัน ตัวเลขทำไม่ด้เท่ากับที่ผู้ผลิตเคลมไว้
หนักกว่านั้น บางคัน ห่างไกลมาก เช่นผู้ผลิตบอกว่า ได้ 200 ถ้วนๆ
แต่ขับจริง กดให้ตาย ได้แค่ 180
มันคือการจับโกหกอีกรูปแบบหนึ่ง
การทำตัวเลขความเร็วสูงสุดนั้น
ทันทีที่เราตัดสินใจทำ นั่นคือ รถคันนั้น ต้องพร้อมมากๆ ผมถึงจะยอมทำครับ
เราดูกันพอสมควร
เส้นทางที่ใช้ มันไม่ได้มีแค่เส้นเดียว ขึ้นอยู่กับ เวลา จังหวะต่างๆ
ต้องโล่งจริงๆ เท่านั้น ทันทีที่เห็นรถข้างหน้า แต่ไกล หรือไก่โห่
ผมยกคันเร่งออกทันที ไม่ฝืนต่อ เพราะไอ้ที่พลาดๆกันหนะ
คือ ความรู้สึกในตอนขับ มันมีกิเลสมายุเราว่า "อีกนิดนึงน่า อีกนิดนึงน่า"
ไอ้อีกนิดนึงน่า นี่ละครับ พาคนไปตายมาเยอะแล้ว เพราะมันคือความ "ประมาท"
เมื่อไหร่ ที่มีความรู้สึกที่ว่าเกิดขึ้น ผมถอนเท้าจากคันเร่ง ไปแตะเบรกทันที
ไม่ต้องรอ
การไต่ความเร็วจนถึงท็อปสปีด นั้น ไต่ขึ้นไปเสร็จ ถ้าเข็มนิ่ง ใน 5 วินาที
จำตัวเลข หรือบันทกภาพได้ ผมถอนเท้าแล้วเบรกทันทีเช่นกัน
ถือว่า ภาระกิจจบแล้ว ไต่ไปถึงแค่นั้นพอ
รถบางคัน เช่น ActiveHybrid 3 ผมชอบมาก เพราะ การไต่ความเร็วขึ้นไปจนสุด
เกิดขึ้นในเวลารวดเร็วมาก ผมไม่ต้องอยู่กับความเร็วสูงๆแบบนั้นนานๆ
อยู่เพียงไม่เกิน 1-2 นาที ด้วยซ้ำ ก็ถอนเท้า และเบรกแล้ว กลับมาวิ่งอยู่
แถวๆ 80 - 100 นัึง
มีหลายครั้งที่ ผมตัดสินใจยกเลิก ไม่ทำตัวเลขความเร็วสูงสุด....
ด้วยเหตุหผลที่ว่า รถไม่พร้อม หรือสภาพอากาศรอบข้างไม่พร้อม
ถ้าฝนตก ผมไม่ทำ หรือแม้แต่ยางไม่พร้อม
และมีหลายครั้ง ที่ผมต้องยกเลิกเอง เพราะ ตัวผมเองนี่แหละที่ไม่พร้อม
สิ่งที่อยู่ในคลิป นั่นคือ การทำให้คุณดู หลังจากเราทดลองเรื่องทั้งหมด
ตามหัวข้อต่างๆมาหมดแล้ว การถ่ายคลิป คือสิ่งสุดท้ายที่เราจะทำ
นั่นคือ เราต้องเรียนรู้ และอยู่กับรถมาพอสมควรแล้ว ถึงจะถ่ายทำคลิป
เว้นแต่บางกรณี ที่อาจจะยังไม่ได้จับเวลาอัตราเร่ง แต่หลักๆ ก็มีแค่นั้น
หลังๆมานี้ รถอะไรก็ตาม ที่ความเร็วสูงสุด เกิน 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ผมไม่ทำท็อปสปีด แล้วนะครับ อันนี้ ก็เป็นอีก นโยบายหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
นี่คือสิ่งที่ผม คงพอจะแชร์ให้ได้อ่านกันได้
ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ
แต่...ผมคงทนไม่ได้ ถ้าต้องเห็นเด็กวัยรุ่นวัยคะนอง เอารถรุ่นเดียวกัน
ทำความเร็วสูงแบบนี้ ด้วยความอยากรู้ แล้วพลาด.....
ผมถึงได้เขียนบอกไปว่า
ขอ ทำให้ดูเองดีกว่า จะได้รู้กันไปเลย และจะได้ไม่ต้องไปลองทำเองที่ไหนกันอีก
ผิดกฎหมาย ก็ยอมรับครับ ว่าผิด ถ้าเจ้าหน้าที่เจอ ก็เรียกมาละกัน ยินดีจ่ายค่าปรับให้
แต่ในเมื่อ ประเทศนี้ ไม่มีสนามทดสอบความเร็วสูง ที่ปลอดภัยพอให้ผม
ขับวนเล่นในนั้นได้ยาวต่อเนื่อง เหมือนสนาม Nardo ที่อิตาลี
สนาม Higashi-Fuji ของ Toyota หรือ สนาม Tochigi ของ Honda
ก็ต้องทำใจละครับ
อย่าไปคาดหวังกับพื้นผิวสนามบิน ไม่มีใครเขาเปิดให้คุณใช้ฟรีกันหรอก
ขอบคุณ คุณ Jimmy ครับ ที่อุตส่าห์เข้ามาตอบชี้แจงให้ฟัง
ถ้าว่าตามจริงแล้ว แกไม่ต้องตอบหรือเสียเวลามาอธิบายผมเลยก็ได้นะครับ
ดูเหมือนดุ แต่ผมว่าแกแอบใจดีนะเนี่ย ;D
เชื่อว่ามันเป็นส่วนที่ทีมงานน่าจะคิดกันมาดีแล้้ว
ผมไม่ได้ไปอยู่ในฟิลด์ทดสอบจริงๆของเค้า มันคงมีรายละเอียดมากกว่าที่เห็นในคลิปอีกเยอะ
ผมไม่รู้หรือเข้าใจเท่าทีมงานของ HLM แน่นอน
ที่ผมอดห่วงไม่ได้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอาชีพที่ผมทำเหมือนทำงานอยู่ในสุสานทุกวัน
ได้เห็น burden ที่เกิดขึ้นจาก accident มากมายนับไม่ถ้วน
ไม่ใช่แค่เสียชีวิตอย่างเดียว ร่างกายขยับไม่ได้ ขับถ่ายไม่ได้ตลอดชีวิต เป็นต้น
ก็เลยพาลคิดเอาเอง ไปว่าถ้าอะไรที่มันสามารถลดความเสี่ยงลงไปได้บ้างก็น่าจะดีกว่า
ถ้ามันไม่ได้จำเป็นมากนัก
ให้เกียรติการตัดสินใจของคุณ Jimmy และทีมงานเสมอครับ
ผมหน่ะ ชอบอยู่แล้วถ้ามี top speed ให้ดูในรีวิว
ถ่ายคลิปให้ดูด้วยยิ่งอยากดู
ถ้าเอาความมันส์ส่วนตัวผมจริงๆ มันต้องอัด top speed บนทางด่วนนี่แหละ
จัดในสนามหรือรันเวย์ มันไม่ได้อารมณ์เท่า
ขอให้ทีมงานทุกคนแคล้วคลาดปลอดภัย ครับผม
-
มีน่ะดีแล้ว ทุกวันนี้มีวัยรุ่นหน้าใหม่อีกเยอะที่เอารถไปลองเพื่อหาท็อปสปีดเอง โดยที่ตัวเองไร้วุฒิภาวะอย่างแรง หลายๆคนไปแต่ใส่กล่องยัดโบเพิ่มด้วยซ้ำ แล้วขับกันไม่ห่วงตัวเองเลย
การมีคลิปเหมือนช่วยบอกอย่างนึงว่า Limited รถมันแค่ไหนความเร็วแค่ไหนเริ่มไม่ปลอดภัยสำหรับรุ่นนั้น ซึ่งคุณจิมมี่ได้บอกตลอดในรีวิวว่าอย่าไปลองเอง และบอกว่ามันเริ่มอันตรายตั้งแต่ความเร็วไหนด้วยซ้ำ
มีเหมือนเดิมดีแล้วครับ ไม่ใช่ไม่ห่วงทีมงาน แต่มันเป็นสิ่งที่ปกติอยู่แล้วทุกรีวิวไม่ว่าที่ไหน
-
ใช่เลยครับ ไอ้อีกนิดหนึงๆ นี่อันตรายมากๆๆ เลยครับ
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
จงดลบันดาลให้คุณ J!MMY คุณแพน และทีมงานHEADLIGHT ทุกคน
จงปลอดภัย ไร้อุปสรรคในการทำงาน สมหวังทุกประการครับ
-
เป็นห่วงเรื่องการบันทึกภาพภายในรถในช่วงขณะขับรถเวลากลางคืนครับ เกรงว่าจะตาพล่าครับ
-
ผมคงเป็นอีกหนึ่งคน ที่อยากจะทราบ top speed ของรถแต่ละคัน
เพราะการทดสอบ top speed นั้นสามารถบอกอะไรเราได้หลายอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นการบังคับควบคุม ในช่วงที่ไต่ความเร็วขึ้นไป มีควาแตกต่างมากน้อยแค่ไหน
อัตราเร่ง ไหลลื่น ต่อเนื่องดีหรือไม่
เวลาเบรกที่ความเร็วสูง มีการตอบสนองเป็นอย่างไร
ตัวเลขต่างๆ พวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วสูงสุดในแต่ละเกียร์ ผมดูเอาไว้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบ รถใน segment นั้นๆ และเป็นการดูการพัฒนาการของเครื่องยนต์ และ เกียร์ของ model นั้นๆ ด้วย
รวมทั้งผมเอาไว้เทียบเคียงตัวเลขกับพวกนิตยสารอื่นที่ทดสอบเอาไว้ ว่าเหมือน หรือ แตกต่างกันมาน้อยแค่ไหน
ที่คุณจิมมี่ทดสอบ ก็เป็นการทำครั้งเดียวแล้วถอน ไม่ได้แช่ไว้ตลอดทาง หรือว่าไปซิ่งอัดกับใคร
รวมถึงเส้นทางที่ทดสอบก็โล่งพอสมควร
เรื่องของอุบัติเหตุนั้น ผมมองว่าขึ้นอยู่กับตัวผู้ขับขี่เป็นหลัก ที่เหลือก็เป็นเรื่องของดวง ถ้าใครก็แล้วแต่ ขับรถโดยประมาท ไม่มีสติ
จะวิ่งแค่ 80 ก็มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้เหมือนกัน
และเหนือสิ่งอื่นใด มันคือ เสน่ห์อย่างหนึ่งของ review นะครับ
ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป ก็เหมือนขาดเสน่ห์ในตัวของมัน
ตอนนี้สื่อไทยที่ทดสอบรถได้แบบนี้ นอกจาก HLM แล้ว ก็มีแค่นิตยสารในเครือยานยนต์ และ ก็เวป motortrivia ที่ทำได้แบบนี้
-
เห็นด้วยครับ เปลี่ยนจากtop speed เป็นความเร็วเดินทางดีกว่า เช่น 120-140รู้สึกอย่างไร 180รู้สึกอย่างไร (น่าจะเป็นความเร็วเดินทางสูงสุดสำหรับถนนเมืองไทย)
เห็นด้วย เพราะนอกจากเพื่อความปลอดภัยของทีมงานแล้ว ยังต้องห่วงเพื่อนร่วมถนนด้วยค่ะ
แล้วก็ความเร็วมากๆขนาดนั้น ในชีวิตการใช้งานจริง ขับไม่เร็วขนาดนั้น(ไม่ควรขับให้เร็วขนาดนั้นด้วยค่ะ)
ผมได้เขียนไปแล้ว ถึงคอนดิชันที่ผมต้องดจนมั่นใจแล้ว ถึงตัดสินใจทำ
ไม่ใช่พวกแว๊นคะนองคันเร่งหรอกครับ
ก็เพราะห่วงเพื่อนร่วมถนนไงครับ ผมถึงต้องเลือกทำเฉพาะเวลากลางคืน
และจะไม่ทำความเร็วในช่วงเวลากลางวัน "เป็นอันขาด" เว้นเสียแต่ว่า
เป็นทริป อยู่ต่างจังหวัด บนถนนโล่งๆ เช่น เซาเทิร์น ซีบอร์ด ในบางช่วง
อันนั้น ก้โอเค พอได้ครับ
คนที่ขับอยู่ในช่วงความเร็วสูงอยู่ประจำ จะชินแล้ว อย่างที่คุณผู้อ่านบอกละครับ
จิต และสมาธิต้องนิ่ง และสมองต้องคิดอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างมากๆ ในเวลานั้น
-
เป็นห่วงเรื่องการบันทึกภาพภายในรถในช่วงขณะขับรถเวลากลางคืนครับ เกรงว่าจะตาพล่าครับ
ตาจะพร่า ได้อย่างไรครับ? ในเมื่อ ไม่ได้ใช้แสงไฟจ้าขนาดเท่าการถ่ายทำละครทีวี?
-
ผมเห็นด้วยพีจิมมีหละครับขนาดตัวผมเองเคยขับเจ้าIS250 ขึ่นทางด่านรามอินทรา ทีแรกว่าอยากทำtop speedในตอนกลางวันแต่สุดท้ายผมกลัวเลยทำความเร็วแค่170กิโลเมตรพอนอกนันผมขับแค่120ถึง140แค่นันครับ
-
ชื่นชมความตั้งใจในการทำงานครับ
เมื่อตัดสินใจแล้วก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองครับ
-
ผมว่าควรมี
แต่ไม่ควรเป็นบนทางด่วน
แต่ที่ไหนในไทยหว่า ที่มีถนนยาวๆเป็นสิบกิโลให้ลอง....
ผมว่าบนทางด่วนปลอดภัยกว่าครับ
ไปวิ่งต่างจังหวัดมืดๆ หมาตัดหน้า มอเตอร์ไซค์ไม่เปิดไฟตัดหน้า กิ่งไม้ปลิว ถนนเป็นหลุม เสี่ยงเยอะกว่าครับ
-
บ่อยครั้ง ที่ตัวเลขจากโรงงาน มันคลาดเคลื่อนจากความจริง
บางคัน เข็มไมล์อ่อน ตัวเลขทำได้ดีกว่านั้น
และหลายครั้งเหมือนกัน ที่รถบางคัน ตัวเลขทำไม่ด้เท่ากับที่ผู้ผลิตเคลมไว้
หนักกว่านั้น บางคัน ห่างไกลมาก เช่นผู้ผลิตบอกว่า ได้ 200 ถ้วนๆ
แต่ขับจริง กดให้ตาย ได้แค่ 180
มันคือการจับโกหกอีกรูปแบบหนึ่ง
การทำตัวเลขความเร็วสูงสุดนั้น
ทันทีที่เราตัดสินใจทำ นั่นคือ รถคันนั้น ต้องพร้อมมากๆ ผมถึงจะยอมทำครับ
เราดูกันพอสมควร
เส้นทางที่ใช้ มันไม่ได้มีแค่เส้นเดียว ขึ้นอยู่กับ เวลา จังหวะต่างๆ
ต้องโล่งจริงๆ เท่านั้น ทันทีที่เห็นรถข้างหน้า แต่ไกล หรือไก่โห่
ผมยกคันเร่งออกทันที ไม่ฝืนต่อ เพราะไอ้ที่พลาดๆกันหนะ
คือ ความรู้สึกในตอนขับ มันมีกิเลสมายุเราว่า "อีกนิดนึงน่า อีกนิดนึงน่า"
ไอ้อีกนิดนึงน่า นี่ละครับ พาคนไปตายมาเยอะแล้ว เพราะมันคือความ "ประมาท"
เมื่อไหร่ ที่มีความรู้สึกที่ว่าเกิดขึ้น ผมถอนเท้าจากคันเร่ง ไปแตะเบรกทันที
ไม่ต้องรอ
การไต่ความเร็วจนถึงท็อปสปีด นั้น ไต่ขึ้นไปเสร็จ ถ้าเข็มนิ่ง ใน 5 วินาที
จำตัวเลข หรือบันทกภาพได้ ผมถอนเท้าแล้วเบรกทันทีเช่นกัน
ถือว่า ภาระกิจจบแล้ว ไต่ไปถึงแค่นั้นพอ
รถบางคัน เช่น ActiveHybrid 3 ผมชอบมาก เพราะ การไต่ความเร็วขึ้นไปจนสุด
เกิดขึ้นในเวลารวดเร็วมาก ผมไม่ต้องอยู่กับความเร็วสูงๆแบบนั้นนานๆ
อยู่เพียงไม่เกิน 1-2 นาที ด้วยซ้ำ ก็ถอนเท้า และเบรกแล้ว กลับมาวิ่งอยู่
แถวๆ 80 - 100 นัึง
มีหลายครั้งที่ ผมตัดสินใจยกเลิก ไม่ทำตัวเลขความเร็วสูงสุด....
ด้วยเหตุหผลที่ว่า รถไม่พร้อม หรือสภาพอากาศรอบข้างไม่พร้อม
ถ้าฝนตก ผมไม่ทำ หรือแม้แต่ยางไม่พร้อม
และมีหลายครั้ง ที่ผมต้องยกเลิกเอง เพราะ ตัวผมเองนี่แหละที่ไม่พร้อม
สิ่งที่อยู่ในคลิป นั่นคือ การทำให้คุณดู หลังจากเราทดลองเรื่องทั้งหมด
ตามหัวข้อต่างๆมาหมดแล้ว การถ่ายคลิป คือสิ่งสุดท้ายที่เราจะทำ
นั่นคือ เราต้องเรียนรู้ และอยู่กับรถมาพอสมควรแล้ว ถึงจะถ่ายทำคลิป
เว้นแต่บางกรณี ที่อาจจะยังไม่ได้จับเวลาอัตราเร่ง แต่หลักๆ ก็มีแค่นั้น
หลังๆมานี้ รถอะไรก็ตาม ที่ความเร็วสูงสุด เกิน 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ผมไม่ทำท็อปสปีด แล้วนะครับ อันนี้ ก็เป็นอีก นโยบายหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
นี่คือสิ่งที่ผม คงพอจะแชร์ให้ได้อ่านกันได้
ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ
แต่...ผมคงทนไม่ได้ ถ้าต้องเห็นเด็กวัยรุ่นวัยคะนอง เอารถรุ่นเดียวกัน
ทำความเร็วสูงแบบนี้ ด้วยความอยากรู้ แล้วพลาด.....
ผมถึงได้เขียนบอกไปว่า
ขอ ทำให้ดูเองดีกว่า จะได้รู้กันไปเลย และจะได้ไม่ต้องไปลองทำเองที่ไหนกันอีก
ผิดกฎหมาย ก็ยอมรับครับ ว่าผิด ถ้าเจ้าหน้าที่เจอ ก็เรียกมาละกัน ยินดีจ่ายค่าปรับให้
แต่ในเมื่อ ประเทศนี้ ไม่มีสนามทดสอบความเร็วสูง ที่ปลอดภัยพอให้ผม
ขับวนเล่นในนั้นได้ยาวต่อเนื่อง เหมือนสนาม Nardo ที่อิตาลี
สนาม Higashi-Fuji ของ Toyota หรือ สนาม Tochigi ของ Honda
ก็ต้องทำใจละครับ
อย่าไปคาดหวังกับพื้นผิวสนามบิน ไม่มีใครเขาเปิดให้คุณใช้ฟรีกันหรอก
มืออาชีพจริงๆครับ :)
-
สุดยอดรีวิว ทำจากใจ ก็ที่นี่แหละครับ ที่ผมตามอ่าน ไม่บ้าจี้ตามสปอนเซอร์ ไม่เชื่อข้อมูลฝรั่งหรือยุ่น
ขอบคุณครับสำหรับงานรีวิวที่ออกมา
ผมว่ารถดีๆ ทั้งหลาย น่ากลัวอย่างเดียวคือยาง
-
ความเห็นส่วนตัวนะครับ....
คือจริงๆมันก็มีวิธีทดสอบความเร็วสูงสุด และปลอดภัยกับทั้งจิมมี่และแพนมากที่สุดนะ
นั่นคือ การวิ่งบน "ไดโน"
จะกดให้หมดไมล์ยังไงก็ไม่อันตรายครับ แม้ความเร็วสูงสุดอาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้าง
เพราะไม่มีแรงลมประทะ และอาจจะความคลาดเคลื่อนของการคาลิเบทไดโนเอง
แต่อย่างน้อยๆ ชีวิตเพื่อนๆผมก็ไม่ต้องไปเสี่ยงบนถนนทุกๆอาทิตย์
แลกกับเงินไม่ถึง 1,000 บาทต่อรัน อาจจะฟังดูเข้าท่ากว่า
ยิ่งวิ่งทุกอาทิตย์ผมว่ามันแค่หลักร้อยต่อรันครับ
ข้อดีคือได้ทราบกราฟแรงม้าแรงบิด มาเป็นของแถมประกอบบทความด้วย
ไม่ต้องใช้ความรู้สึกจับ ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย
ดีกว่ามั๊ยหล่ะ ลองเอาไปทบทวนดู อาจจะดิวกับไดโนเรื่องราคา หรือโปรโมชั่น หรืออะไรก็แล้วแต่อีกทีก็ยังได้
-
ขอขอบคุณ คุณ J!MMY และ ทีมงานทุกๆ ท่าน ที่ทุ่มเทให้กับพวกเรา แต่ยังไงพวกเราหลายคนก็คงมีความห่วงใยให้กับทุกๆ ท่านจากใจครับ
-
ความเห็นส่วนตัวนะครับ....
คือจริงๆมันก็มีวิธีทดสอบความเร็วสูงสุด และปลอดภัยกับทั้งจิมมี่และแพนมากที่สุดนะ
นั่นคือ การวิ่งบน "ไดโน"
จะกดให้หมดไมล์ยังไงก็ไม่อันตรายครับ แม้ความเร็วสูงสุดอาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้าง
เพราะไม่มีแรงลมประทะ และอาจจะความคลาดเคลื่อนของการคาลิเบทไดโนเอง
แต่อย่างน้อยๆ ชีวิตเพื่อนๆผมก็ไม่ต้องไปเสี่ยงบนถนนทุกๆอาทิตย์
แลกกับเงินไม่ถึง 1,000 บาทต่อรัน อาจจะฟังดูเข้าท่ากว่า
ยิ่งวิ่งทุกอาทิตย์ผมว่ามันแค่หลักร้อยต่อรันครับ
ข้อดีคือได้ทราบกราฟแรงม้าแรงบิด มาเป็นของแถมประกอบบทความด้วย
ไม่ต้องใช้ความรู้สึกจับ ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย
ดีกว่ามั๊ยหล่ะ ลองเอาไปทบทวนดู อาจจะดิวกับไดโนเรื่องราคา หรือโปรโมชั่น หรืออะไรก็แล้วแต่อีกทีก็ยังได้
ดีนะครับ ลองดีลดูเผลอๆจะได้โควต้าวิ่งฟรี แลกกับได้เครดิตว่าคุณจิมมี่ใช้ทดสอบ ไดโนไหนจะไม่สนได้ลงในรีวิวทีคนอ่านเยอะที่สุดในประเทศ
-
ความเห็นส่วนตัวนะครับ....
คือจริงๆมันก็มีวิธีทดสอบความเร็วสูงสุด และปลอดภัยกับทั้งจิมมี่และแพนมากที่สุดนะ
นั่นคือ การวิ่งบน "ไดโน"
จะกดให้หมดไมล์ยังไงก็ไม่อันตรายครับ แม้ความเร็วสูงสุดอาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้าง
เพราะไม่มีแรงลมประทะ และอาจจะความคลาดเคลื่อนของการคาลิเบทไดโนเอง
แต่อย่างน้อยๆ ชีวิตเพื่อนๆผมก็ไม่ต้องไปเสี่ยงบนถนนทุกๆอาทิตย์
แลกกับเงินไม่ถึง 1,000 บาทต่อรัน อาจจะฟังดูเข้าท่ากว่า
ยิ่งวิ่งทุกอาทิตย์ผมว่ามันแค่หลักร้อยต่อรันครับ
ข้อดีคือได้ทราบกราฟแรงม้าแรงบิด มาเป็นของแถมประกอบบทความด้วย
ไม่ต้องใช้ความรู้สึกจับ ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย
ดีกว่ามั๊ยหล่ะ ลองเอาไปทบทวนดู อาจจะดิวกับไดโนเรื่องราคา หรือโปรโมชั่น หรืออะไรก็แล้วแต่อีกทีก็ยังได้
ผมชอบความเห็นนี้นะครับ
วิ่งบนไดโนเทส ปลอดภัยกว่าแบบวิ่งบนทางด่วนเยอะ
ค่้าความเร็วสูงสุดที่ได้อาจคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่แลกกับความเสี่ยงที่น้อยลงก็น่าจะคุ้มค่ากว่านะครับ ::)
-
ความเห็นส่วนตัวนะครับ....
คือจริงๆมันก็มีวิธีทดสอบความเร็วสูงสุด และปลอดภัยกับทั้งจิมมี่และแพนมากที่สุดนะ
นั่นคือ การวิ่งบน "ไดโน"
จะกดให้หมดไมล์ยังไงก็ไม่อันตรายครับ แม้ความเร็วสูงสุดอาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้าง
เพราะไม่มีแรงลมประทะ และอาจจะความคลาดเคลื่อนของการคาลิเบทไดโนเอง
แต่อย่างน้อยๆ ชีวิตเพื่อนๆผมก็ไม่ต้องไปเสี่ยงบนถนนทุกๆอาทิตย์
แลกกับเงินไม่ถึง 1,000 บาทต่อรัน อาจจะฟังดูเข้าท่ากว่า
ยิ่งวิ่งทุกอาทิตย์ผมว่ามันแค่หลักร้อยต่อรันครับ
ข้อดีคือได้ทราบกราฟแรงม้าแรงบิด มาเป็นของแถมประกอบบทความด้วย
ไม่ต้องใช้ความรู้สึกจับ ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย
ดีกว่ามั๊ยหล่ะ ลองเอาไปทบทวนดู อาจจะดิวกับไดโนเรื่องราคา หรือโปรโมชั่น หรืออะไรก็แล้วแต่อีกทีก็ยังได้
ชอบความเห็นนี้ครับ ได้รู้ถึงแรงบิด แรงม้า
อันนี้จะเป็นตัวเลข จริงๆเลย ที่ไม่ใช่กระดาษจากโรงงาน สมมติแรงบิดจากโรงงานบอกไว้ 470 มาทดสอบจริงๆ อาจจะโชว์แค่ 400 หรือต่ำกว่านั้น...
แต่มันก็เปลือง....
-
เข้าเข้าแจ่มแจ้งเลยหลังจากได้อ่านคำชี้แจงของคุณจิมมี่
ขอบคุณมากครับ ที่ทุ่มเทเพื่อเค้นเอาประสิทธิภาพรถ 1 คันมาให้เราได้เห็นกันในทุกมุมมอง
-
ชื่นชม 2 วรรคนี้ มากๆครับพี่
" แต่...ผมคงทนไม่ได้ ถ้าต้องเห็นเด็กวัยรุ่นวัยคะนอง เอารถรุ่นเดียวกัน
ทำความเร็วสูงแบบนี้ ด้วยความอยากรู้ แล้วพลาด.....
ผมถึงได้เขียนบอกไปว่า
ขอ ทำให้ดูเองดีกว่า จะได้รู้กันไปเลย และจะได้ไม่ต้องไปลองทำเองที่ไหนกันอีก "
ผมคนนึงเลยล่ะครับ ที่ไม่ทำ Top speed เพราะว่าพี่ jimmy ได้ทำไว้แล้ว
คิดว่าสิ่งที่พี่ jimmy ได้กล่าวไว้ ไม่เกินความเป็นจริงเลย อย่างน้อยก็ผมคนนึง "คนอื่นลองทำให้รู้แล้วก็เลยไม่ลองทำเอง"
อย่างน้อยที่สุดพี่ก็ได้ save ชีวิตผมไปแล้ว 1 คน
ขอขอบคุณมากครับ จากใจจริง
-
เออ ประเด็นนี้ดีครับ เคยคิดๆเหมือนกัน แต่ลืมไปไม่เคยได้พูดกะ 2คนนั้นเลย
เวลาเปลี่ยนไป เทคโนโลยี่เปลี่ยน สภาพแวดล้อมเปลี่ยน ผมว่า มรึงสองคนเปลี่ยนไปเล่นกันบนไดโนเหอะ เฉพาะส่วนหา top speed นะ
แล้วชดเฉยค่า Coefficient drag เอา คำนวน ความเร็วกะแรงต้านอากาศ vs แรงพลักของล้อ อาจไม่เป๊ะ แต่ u still get the idea.
ปล: อย่ามาถามสูตร คำนวนกะ gu นะ gu ลืมไปหมดละ จำได้แต่ Fnet = m*a 55555