Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Smith686 ที่ มิถุนายน 02, 2019, 19:34:30
-
เผยสาเหตุการเสียชีวิตของ โฮเซ่ อันโตนิโอ เรเยส นักเตะชื่อดังวัย 35 ปีซึ่งเคยค้าแข้งกับทีมระดับท็อปของโลกเนื่องจากขับรถเร็วกว่ากฏหมายกำหนดถึง 50 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้านเชสก์ ฟาเบรกาส โพสต์อาลัยเพื่อนรัก
เรเยส กำลังเดินทางไปยังอูเตรล่า ในเซบีญ่า บ้านเกิด หลังไม่มีชื่อในทีมเอ็กเตรมาดูร่า ในเกมพบกัน กาดิซ โดยขับรถเมอร์เซเดส บราบัส เอส 550 วี มาด้วยความเร็ว 120 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 193 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าสูงกว่าความเร็วสูงสุดตามกฏหมายที่ทางด่วน เอ376 กำหนดถึง 50 ไมล์ต่อชั่วโมง และรถเกิดเสียหลักและพลิกคว่ำไฟลุกท่วมเป็นลูกไฟ ทำให้ทั้งเรเยส เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ พร้อมกับ โจนาธาน เรเยส ลูกพี่ลูกน้องวัย 23 ปีที่นั่งเบาะหลัง ส่วนฮวน มานูเอล กัลเดรอน ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างกายถูกไฟคลอกระดับ 1 กว่า 60 เปอร์เซนต์ของร่างกายก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ด้านเชสก์ ฟาเบรกาส อดีตนักเตะทีมชาติสเปน ซึ่งปัจจุบันค้าแข้งกับโมนาโก และสนิทสนมกับเรเยส ตั้งแต่วัยรุ่นเมื่อครั้งมาค้าแข้งกับอาร์เซนอลด้วยกัน โพสต์ถึงเพื่อนรักว่า เพื่อนรักคนแรกในโลกฟุตบอลของผม, เพื่อนร่วมห้องที่เปิดแอร์นอนตลอดแม้จะอากาศ -10 องศา, คนเรียบง่ายแต่มีรอยยิ้มให้ทุกคนเสมอ ผมตื่นมารู้ข่าวดีด้วยความรู้สึกที่ย่ำแย่ ผมจะไม่ลืมเลยตอนที่นายและครอบครัวต้อนรับผมในคริสต์มาสแรกที่อังกฤษ ตอนนั้นผมอายุแค่ 16 ปี เราจะไม่ลืมเกมเทนนิส ฟุตบอลในยิมที่เล่นกันช่วงซ้อม ผมพูดอยู่เสมอว่านายคือหนึ่งในแข้งพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในฟุตบอลของเราและผมรู้ว่าผมพูดไม่ผิด เมื่อ 2 วันก่อนผมพูดถึงคุณในการให้สัมภาษณ์ ผมจะไม่มีทางลืมคุณ ขอให้ไปสู่สุคตินะโฮเซ่ อันโตนิโอ เรเยส รักนายเป็นอย่างมาก
สำหรับเรเยสเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังจากการเป็นเด็กปั้นของเซบีญา ก่อนขึ้นทีมชุดใหญ่ปี 2000 ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวกลายเป็นนักเตะประวัติศาสตร์ของสโมสร เมื่อทำสถิติแข้งอายุน้อยสุดที่ได้ประเดิมลงเล่นทีมชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 16 ปีเท่านั้น
จากนั้นเรเยสย้ายไปเล่นให้ ปืนใหญ่อาร์เซนอล แห่งอังกฤษ เมื่อปี 2004 นอกจากนี้ยังเคยเล่นให้สโมสรดังอย่างเรอัล มาดริด, แอตเลติโก มาดริด, เบนฟิกา, เอสปันญอล โดยก่อนเสียชีวิตเจ้าตัวเล่นกับเอ็กซ์เตรมาดูรา ในเซกุนดา ดิวิชัน
นอกจากนี้เรเยสยังติดทีมชาติสเปนไป 21 นัด ยิงได้ 4 ประตู โดยมีชื่อติดทีมลุยศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนีเป็นเจ้าภาพด้วย
https://www.khaosod.co.th/sports/news_2576515 (https://www.khaosod.co.th/sports/news_2576515)
-
อยากจะฝากถึงพี่ๆที่ขับรถเร็วเกินกำหนดไปเยอะเหมือนกันครับ เช่นมอเตอร์เวย์กำหนด120 คนที่ขับมากกว่า150++ ไป เวลาเกิดอุบัติเหตุมาอาจทำให้คนอื่นได้รับอุบัติเหตุตามไปด้วย ขับรถมีสติอย่าคึกคะนองนึกถึงหน้าคนที่บ้านไว้ครับ นักเตะคนคนนี้ก็เปนที่ชื่นชอบของผมด้วย R.I.P ครับ
-
สำหรับคนในบ้านเรา ต้องแก้เรื่องวินัยการขับขี่ให้ได้ก่อน แค่นั้นก็ดีขึ้นเยอะแล้วครับ
อุบัติเหตุกว่า 80% ที่เห็น ไม่ได้เกิดตอนความเร็วสูงกว่ากฎหมายกำหนดเลย ดูจากคลิปที่ดูๆกันก็เห็นได้ชัด
แต่เกิดจากพวกขับรถไร้วินัย ขับแบบ.......แล้วก็เมาแล้วขับเสียมากกว่าครับ
-
สำหรับคนในบ้านเรา ต้องแก้เรื่องวินัยการขับขี่ให้ได้ก่อน แค่นั้นก็ดีขึ้นเยอะแล้วครับ
อุบัติเหตุกว่า 80% ที่เห็น ไม่ได้เกิดตอนความเร็วสูงกว่ากฎหมายกำหนดเลย ดูจากคลิปที่ดูๆกันก็เห็นได้ชัด
แต่เกิดจากพวกขับรถไร้วินัย ขับแบบ.......แล้วก็เมาแล้วขับเสียมากกว่าครับ
+10 ครับ
แก้ตรงนี้ก่อน พอถนนกลับมาเป็นถนนที่ควรเป็นจริงๆ อุบัติเหตุจะลดไปพอสมควร
กับรู้รถ รู้ตัวเอง รู้ถนน ถึงค่อยใช้ความเร็วเป็นปัญหาถัดมาครับ 3 อย่างนี้มันไม่สัมพันธ์กันถึงเกิดอุบัติเหตุ
-
เห็นด้วยครับ ประมาท ทำผิดเห็นแก่ตัว เมาแล้วขับ สามเหตุนี้เป็นสาเหตุหลักอุบัติเหตุบ้านเรา
สำหรับคนในบ้านเรา ต้องแก้เรื่องวินัยการขับขี่ให้ได้ก่อน แค่นั้นก็ดีขึ้นเยอะแล้วครับ
อุบัติเหตุกว่า 80% ที่เห็น ไม่ได้เกิดตอนความเร็วสูงกว่ากฎหมายกำหนดเลย ดูจากคลิปที่ดูๆกันก็เห็นได้ชัด
แต่เกิดจากพวกขับรถไร้วินัย ขับแบบ.......แล้วก็เมาแล้วขับเสียมากกว่าครับ
-
สำหรับคนในบ้านเรา ต้องแก้เรื่องวินัยการขับขี่ให้ได้ก่อน แค่นั้นก็ดีขึ้นเยอะแล้วครับ
อุบัติเหตุกว่า 80% ที่เห็น ไม่ได้เกิดตอนความเร็วสูงกว่ากฎหมายกำหนดเลย ดูจากคลิปที่ดูๆกันก็เห็นได้ชัด
แต่เกิดจากพวกขับรถไร้วินัย ขับแบบ.......แล้วก็เมาแล้วขับเสียมากกว่าครับ
กรมทางหลวง สรุปอุบัติเหตุบนทางหลวง 6 เดือนแรกของปี 2561 อุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 6% ทางตรงเกิดเหตุสูงสุด สาเหตุหลับใน เพิ่มขึ้น พร้อมขอความร่วมมือผู้ใช้ทางปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
กรมทางหลวง โดยสำนักอำนวยความปลอดภัย ได้สรุปรายงานข้อมูลอุบัติเหตุบนทางหลวงทั่วประเทศประจำงวดครึ่งปี (1 มกราคม 30 มิถุนายน 2561) จากการรายงานอุบัติเหตุทางระบบ HAIMS พบว่า ได้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบนทางหลวงในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง จำนวน 8,839 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,449 คน ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 8,141 คน จำนวนรถที่เกิดอุบัติเหตุ 13,271 คัน เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของกรมทางหลวงเสียหายประมาณ 148 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบสถิติอุบัติเหตุประจำงวดครึ่งปี 2560 กับ 2561 พบว่า ภาพรวมจำนวนอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 6% ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 7% บาดเจ็บลดลง 16% จำนวนรถที่เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 6% ซึ่งสาเหตุหลักการเกิดอุบัติเหตุมาจากผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ากฎหมายกำหนด 71% (6,274 ครั้ง) รองลงมา ได้แก่ การตัดหน้าระยะกระชั้นชิด 10% (874 ครั้ง) หลับใน 7% (643 ครั้ง) และอุปกรณ์รถบกพร่อง 4% (353 ครั้ง)
สำหรับอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดบริเวณทางตรง 65% (5,761 ครั้ง) รองลงมา คือ ทางโค้งปกติ 13% (1,165 ครั้ง) และทางแยกระดับเดียวกัน 7% (619 ครั้ง) ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่ ได้แก่ รถปิคอัพบรรทุก 4 ล้อ 32% (4,213 คัน) รถยนต์นั่ง 26% (3,428 คัน) และรถจักรยานยนต์ 18% (2,452 คัน) ซึ่งหากจำแนกตามภาคของ การเกิดอุบัติเหตุพบว่าเส้นทางในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเกิดอุบัติเหตุสูงสุด 23% รองลงมาได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 22% และภาคใต้ 15% หากจำแนกตามรายจังหวัดพบว่าจังหวัดนครราชสีมา เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 536 ครั้ง กรุงเทพมหานคร 437 ครั้ง และจังหวัดตาก 313 ครั้ง ตามลำดับ
ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้มีมาตรการแก้ไขที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องร่วมกับตำรวจทางหลวงในการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตรวจจับความเร็วยานพาหนะที่วิ่งบนทางหลวง ซึ่งเป็นมาตรการที่สำคัญในการลดและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลต่างๆ อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนน ขับช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัด ขับขี่รถด้วยความระมัดระวัง เคารพกฎจราจร เพื่อความปลอดภัยของท่านและผู้ใช้รถใช้ถนนในการเดินทาง
หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลการเดินทาง สภาพการจราจร หรือแจ้งอุบัติเหตุสามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) สายด่วนมอเตอร์เวย์ 1586 กด 7 และ ตำรวจทางหลวง 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง
16 สิงหาคม 2561
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
ดูของปี60 เลื่อนไปดูตารางหน้า6
www.otp.go.th/uploads/tiny_uploads/PDF/2561-07/25610726-analyze.pdf
คงน่าเชื่อถือกว่าสำนักยูทูป
-
อยากจะบอกว่า ความเร็ว 193 กิโลเมตร/ชั่วโมง ต่อให้รถดีๆ แพงๆ อย่างมายบัค ก็ตายยกคันครับ เพราะฉะนั้นคนที่ขับรถด้วยความเร็วสูงขนาดนั้นต้องปลงไว้ล่วงหน้าเลย
-
ข่าวจากคุณ bodin ค่อนข้างชัดเจนว่าความเร็วมีความเกี่ยวข้องกับกับอุบัติเหตุ แต่อยากให้ช่วยกันวิเคราะห์กันสักนิดว่าเหตุเพราะอะไรครับ ตามข่าวคือ ขับรถด้วยความเร็ว และอุบัติเหตุมากสุดเกิดขึ้นในทางตรง ผมแค่นึกภาพไม่ออกว่า ทำไมขับรถเร็วในทางตรงแล้วถึงเกิดอุบัติเหตุกันได้ และเกิดขึ้นเยอะที่สุดด้วยครับ เพราะการหลุดโค้ง หรือมีรถคันอื่นมาตัดหน้าก็ถูกแยกหัวข้อไปแล้ว ที่เหลือที่ผมคิดออกก็คือ การหลับในแค่นั้นรึเปล่า แต่ขับไวๆก็ไม่น่าจะหลับในได้เพราะร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา ยังไงรบกวนท่านอื่นช่วยวิเคราะห์ด้วยครับ
-
สรุปเรื่องขับเกินกฎหมายกำหนดของไทยเป็นการสรุปโดยไม่มีการพิสูจน์ครับ ไม่ต้องเอามาคิดมากเลย ถ้าไม่เมาเค้าตีเป็นขับเร็วเกินกำหนดหมด ถ้าไม่มีอะไรมาพิสูจน์หรือมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด
ตอนสรุปสำนวนจะเน้นแค่ผลเลือด กับพยานแวดล้อมเช่นคนบอกเล่า แต่ไม่ได้พิสูจน์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ แทบจะทุกเคส ถ้าไม่คดีคนตายเยอะจริงเค้าก็สรุปตามพยานแวดล้อมครับ
ตามนี้นะครับเรื่องสถิติในไทย ประมาณว่าสรุปแบบมักง่ายมากกว่าสาเหตุจริงๆ เพราะอุบัติเหตุมันเกิดจากหลากหลายสาเหตุ ความเร็วมันแค่ส่วนประกอบที่ทำให้ เหตุการณ์นั้นรุนแรงมากขึ้น ป้ายจราจรที่จำกัดความเร็ว 30 แต่มีรถเกิดอุบัติเหตุที่ความเร็ว 40 ชาวบ้านเห็นเหตุการณ์มองว่ารถคันนั้นเร็วแล้วรถคันนั้นเกิดอุบัติเหตุไปชนจักรยานตาย สถิติไปนับความเร็วนะครับ หรือถ้ามีแอลกอฮอล์เข้ามาเค้าสรุปว่าเมาแล้วขับ แม้จะต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ
-
....
การขับรถเร็วเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด ก็ถือเป็นเรื่องวินัยด้วยครับ
เป็นวินัยในเรื่องของการเคารพกฏจราจร เคารพกฏกติการของสังคมที่เราอยู่ร่วมกัน
ถ้าไม่เห็นด้วยกับกฏหมายข้อใด ก็ต้องเสนอตัวเข้าไปทำหน้าที่ออกกฏหมาย
แล้วก็ต้องรับผิดชอบต่อกฏหมายที่ตัวเองออกด้วยครับ เพราะกฏหมายบังคับใช้กับทุกคน
เพื่อให้ทุกคนในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขและปลอดภัย ไม่ได้ออกกฏมาเพื่อให้ถูกใจตัวเองคนเดียว
หรือเพื่อคนกลุ่มเดียว
เอาอุทาหรณ์ของคนที่ชอบขับรถเร็ว มาเล่าให้คนที่ชอบขับรถเร็วฟังก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ
คนที่ชอบขับรถเร็ว ยังไงก็จะหาข้ออ้างมาเข้าข้างตัวเองเพื่อที่จะได้ขับรถเร็วต่อไป
ตราบเท่าที่ยังไม่เกิดเหตุอะไร เพราะมันสนุก...
ต่อเมื่อได้รับผลกระทบจากอุทาหรณ์อันนั้นแล้ว ถึงจะได้รู้ซึ้ง ถึงจะเสียใจ
ถึงจะเปิดการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถึงจะร้องไห้ ถึงจะขอโทษสังคม
ขอให้เอาเหตุของตัวเองเป็นอุทาหรณ์ ขอให้สังคมอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง <สเต็ปเดิม ๆ>
ซึ่งวัตถุประสงค์ของคนเตือน เขาไม่อยากให้มันถึงวันนั้นก่อนแล้วค่อยมาเข้าใจรู้ซึ้งหรอกครับ
คนเรา สามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของผู้อื่นได้ครับ ไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดกับตัวเองและคนใกล้ชิดครับ
// กราบ.. ขออภัยถ้าทำให้ขุ่นเคืองใจครับ /\
-
ผมขับรถบนถนนระหว่างจังหวัด ใช้ระบบควบคุมความเร็วที่ 100 ประมาณว่า รถที่แซงผม 90 ใน100 ที่ผมแซงได้ 9 คัน...
คิดเอาเองได้ครับ
-
ขอบคุณครับ ผมเองเป็นคนขับรถเร็วก็พยายามขับรถให้ช้าลง
-
รถถ้าเป็น s class กด 180 ยังรู้สึกว่ามันช้าเลยครับ ต้องดูที่ตัวเลขแทน
-
โห
-
....
การขับรถเร็วเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด ก็ถือเป็นเรื่องวินัยด้วยครับ
เป็นวินัยในเรื่องของการเคารพกฏจราจร เคารพกฏกติการของสังคมที่เราอยู่ร่วมกัน
ถ้าไม่เห็นด้วยกับกฏหมายข้อใด ก็ต้องเสนอตัวเข้าไปทำหน้าที่ออกกฏหมาย
แล้วก็ต้องรับผิดชอบต่อกฏหมายที่ตัวเองออกด้วยครับ เพราะกฏหมายบังคับใช้กับทุกคน
เพื่อให้ทุกคนในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขและปลอดภัย ไม่ได้ออกกฏมาเพื่อให้ถูกใจตัวเองคนเดียว
หรือเพื่อคนกลุ่มเดียว
เอาอุทาหรณ์ของคนที่ชอบขับรถเร็ว มาเล่าให้คนที่ชอบขับรถเร็วฟังก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ
คนที่ชอบขับรถเร็ว ยังไงก็จะหาข้ออ้างมาเข้าข้างตัวเองเพื่อที่จะได้ขับรถเร็วต่อไป
ตราบเท่าที่ยังไม่เกิดเหตุอะไร เพราะมันสนุก...
ต่อเมื่อได้รับผลกระทบจากอุทาหรณ์อันนั้นแล้ว ถึงจะได้รู้ซึ้ง ถึงจะเสียใจ
ถึงจะเปิดการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถึงจะร้องไห้ ถึงจะขอโทษสังคม
ขอให้เอาเหตุของตัวเองเป็นอุทาหรณ์ ขอให้สังคมอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง <สเต็ปเดิม ๆ>
ซึ่งวัตถุประสงค์ของคนเตือน เขาไม่อยากให้มันถึงวันนั้นก่อนแล้วค่อยมาเข้าใจรู้ซึ้งหรอกครับ
คนเรา สามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของผู้อื่นได้ครับ ไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดกับตัวเองและคนใกล้ชิดครับ
// กราบ.. ขออภัยถ้าทำให้ขุ่นเคืองใจครับ /\
ของผมเกิดกับญาติครับ
แนวความคิดแบบชนเผ่าแชมป์โลกตายจากอุบัติเหตุ รถกูแพง รถกูดี รถกูช่วงล่างเทพ กูขับเก่ง ทักษะกูดี 3ศพ คาที่
ตั้งแต่ญาติตายผมยังไม่กล้าขับเร็วอีกเลย แทบไม่เกิน100มาหลายปีแล้ว ตรงๆคือผมกลัว
รถในประเทศด้อยพัฒนาผมเชื่อว่าโดนลดspecความปลอดภัยแทบทุกรุ่นครับโดยเฉพาะรถอ้ายยุ่น ดูง่ายๆทำไมน้ำหนักเบากว่าspec US
-
แต่ซุปเปอร์ไฮเวย์ 4 เลนให้ขับ 90 นี่ไม่ไหวจริงๆ ครับ
-
....
การขับรถเร็วเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด ก็ถือเป็นเรื่องวินัยด้วยครับ
เป็นวินัยในเรื่องของการเคารพกฏจราจร เคารพกฏกติการของสังคมที่เราอยู่ร่วมกัน
ถ้าไม่เห็นด้วยกับกฏหมายข้อใด ก็ต้องเสนอตัวเข้าไปทำหน้าที่ออกกฏหมาย
แล้วก็ต้องรับผิดชอบต่อกฏหมายที่ตัวเองออกด้วยครับ เพราะกฏหมายบังคับใช้กับทุกคน
เพื่อให้ทุกคนในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขและปลอดภัย ไม่ได้ออกกฏมาเพื่อให้ถูกใจตัวเองคนเดียว
หรือเพื่อคนกลุ่มเดียว
เอาอุทาหรณ์ของคนที่ชอบขับรถเร็ว มาเล่าให้คนที่ชอบขับรถเร็วฟังก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ
คนที่ชอบขับรถเร็ว ยังไงก็จะหาข้ออ้างมาเข้าข้างตัวเองเพื่อที่จะได้ขับรถเร็วต่อไป
ตราบเท่าที่ยังไม่เกิดเหตุอะไร เพราะมันสนุก...
ต่อเมื่อได้รับผลกระทบจากอุทาหรณ์อันนั้นแล้ว ถึงจะได้รู้ซึ้ง ถึงจะเสียใจ
ถึงจะเปิดการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถึงจะร้องไห้ ถึงจะขอโทษสังคม
ขอให้เอาเหตุของตัวเองเป็นอุทาหรณ์ ขอให้สังคมอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง <สเต็ปเดิม ๆ>
ซึ่งวัตถุประสงค์ของคนเตือน เขาไม่อยากให้มันถึงวันนั้นก่อนแล้วค่อยมาเข้าใจรู้ซึ้งหรอกครับ
คนเรา สามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของผู้อื่นได้ครับ ไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดกับตัวเองและคนใกล้ชิดครับ
// กราบ.. ขออภัยถ้าทำให้ขุ่นเคืองใจครับ /\
เห็นด้วยครับผม ผมเดาไว้แต่แรกแล้วว่าต้องมีคนโพสบอกให้แก้อย่างอื่นให้ได้ก่อน แล้วก็มีจริงๆ
คือถึงคุณขับ F1 มาก่อน ไม่พลาดแน่นอน แล้วเพื่อนร่วมทางเป็นคนธรรมดา เค้าก็พลาดได้ครับ
แล้วทีนี้ End up คือจากที่ขับไม่เร็วมาก เสียหายน้อย เป็นขับเร็วเพราะเราเก่ง รถดี กลายเป็นเสียหายมาก
จนถึงเสียชีวิต ทีนี้มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมาเถียงกันครับว่าใครพลาด
-
อุบัติเหตูบางครั้งมันทำให้เดือดร้อนคนอื่นไปด้วย ซึ่งไม่ดีเลยจริงๆ
-
ผมไม่เถียงว่า การขับรถเร็วมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าการขับไม่เร็ว
แต่จากสถิติที่พูดๆ กัน ตัวเลขก็อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด ยกตัวอย่าง
รถที่เกิดอุบัติเหตุบางคันอาจจะขับตามกฎหมายกำหนด แต่มีรถตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด คนขับตกใจ หักลงข้างทางชนต้นไม้ คันที่ตัดหน้ารอดตัวไป
จนท. มาถึงที่เกิดเหตุ เห็นแค่ตอนที่ชนต้นไม้ไปแล้ว ก็อาจจะระบุสาเหตุว่า ขับมาเร็วจึงเสียหลักลงข้างทาง ก็เป็นได้ครับ
-
....
การขับรถเร็วเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด ก็ถือเป็นเรื่องวินัยด้วยครับ
เป็นวินัยในเรื่องของการเคารพกฏจราจร เคารพกฏกติการของสังคมที่เราอยู่ร่วมกัน
ถ้าไม่เห็นด้วยกับกฏหมายข้อใด ก็ต้องเสนอตัวเข้าไปทำหน้าที่ออกกฏหมาย
แล้วก็ต้องรับผิดชอบต่อกฏหมายที่ตัวเองออกด้วยครับ เพราะกฏหมายบังคับใช้กับทุกคน
เพื่อให้ทุกคนในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขและปลอดภัย ไม่ได้ออกกฏมาเพื่อให้ถูกใจตัวเองคนเดียว
หรือเพื่อคนกลุ่มเดียว
เอาอุทาหรณ์ของคนที่ชอบขับรถเร็ว มาเล่าให้คนที่ชอบขับรถเร็วฟังก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ
คนที่ชอบขับรถเร็ว ยังไงก็จะหาข้ออ้างมาเข้าข้างตัวเองเพื่อที่จะได้ขับรถเร็วต่อไป
ตราบเท่าที่ยังไม่เกิดเหตุอะไร เพราะมันสนุก...
ต่อเมื่อได้รับผลกระทบจากอุทาหรณ์อันนั้นแล้ว ถึงจะได้รู้ซึ้ง ถึงจะเสียใจ
ถึงจะเปิดการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถึงจะร้องไห้ ถึงจะขอโทษสังคม
ขอให้เอาเหตุของตัวเองเป็นอุทาหรณ์ ขอให้สังคมอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง <สเต็ปเดิม ๆ>
ซึ่งวัตถุประสงค์ของคนเตือน เขาไม่อยากให้มันถึงวันนั้นก่อนแล้วค่อยมาเข้าใจรู้ซึ้งหรอกครับ
คนเรา สามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของผู้อื่นได้ครับ ไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดกับตัวเองและคนใกล้ชิดครับ
// กราบ.. ขออภัยถ้าทำให้ขุ่นเคืองใจครับ /\
ของผมเกิดกับญาติครับ
แนวความคิดแบบชนเผ่าแชมป์โลกตายจากอุบัติเหตุ รถกูแพง รถกูดี รถกูช่วงล่างเทพ กูขับเก่ง ทักษะกูดี 3ศพ คาที่
ตั้งแต่ญาติตายผมยังไม่กล้าขับเร็วอีกเลย แทบไม่เกิน100มาหลายปีแล้ว ตรงๆคือผมกลัว
รถในประเทศด้อยพัฒนาผมเชื่อว่าโดนลดspecความปลอดภัยแทบทุกรุ่นครับโดยเฉพาะรถอ้ายยุ่น ดูง่ายๆทำไมน้ำหนักเบากว่าspec US
เรื่องลดสเปคผมเชื่อนะ คุณต้องลองมาเล่นรถที่มีขายทั้งในไทยและยุ่น เปิดสมุดเบิกอะไหล่ทีไรบันเทิงใจทุกที เหมือนประเทศเราซื้อโครงเหล็กวิ่งได้
-
เห็นด้วยครับ บนถนนบ้านเรานี่เจอบ่อยมากครับ คนที่ขับรถราคาแพงแล้วคิดว่าขับเร็วแล้วจะปลอดภัย
บางทีบนถนนมีรถเยอะ แต่เห็นมาเร็วๆตามช่องว่างๆบ่อยมากครับ บางทีผมก็เสียวแทน เพราะรถ 2 ล้อก็เยอะ
ที่บ้านผมใช้รถตั้งแต่ B-Segment ยันรถ 6 สูบ 8 สูบ ยังไม่เคยมีใครในบ้านขับเกิน 120 เลยครับ
บางทีขับอยู่บนถนนโล่งๆ ยังมีคนวิ่งข้ามถนนกระทันหัน มีรถพุ่งกลับรถออกมากระทันหันเลยครับ
-
....
การขับรถเร็วเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด ก็ถือเป็นเรื่องวินัยด้วยครับ
เป็นวินัยในเรื่องของการเคารพกฏจราจร เคารพกฏกติการของสังคมที่เราอยู่ร่วมกัน
ถ้าไม่เห็นด้วยกับกฏหมายข้อใด ก็ต้องเสนอตัวเข้าไปทำหน้าที่ออกกฏหมาย
แล้วก็ต้องรับผิดชอบต่อกฏหมายที่ตัวเองออกด้วยครับ เพราะกฏหมายบังคับใช้กับทุกคน
เพื่อให้ทุกคนในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขและปลอดภัย ไม่ได้ออกกฏมาเพื่อให้ถูกใจตัวเองคนเดียว
หรือเพื่อคนกลุ่มเดียว
เอาอุทาหรณ์ของคนที่ชอบขับรถเร็ว มาเล่าให้คนที่ชอบขับรถเร็วฟังก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ
คนที่ชอบขับรถเร็ว ยังไงก็จะหาข้ออ้างมาเข้าข้างตัวเองเพื่อที่จะได้ขับรถเร็วต่อไป
ตราบเท่าที่ยังไม่เกิดเหตุอะไร เพราะมันสนุก...
ต่อเมื่อได้รับผลกระทบจากอุทาหรณ์อันนั้นแล้ว ถึงจะได้รู้ซึ้ง ถึงจะเสียใจ
ถึงจะเปิดการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถึงจะร้องไห้ ถึงจะขอโทษสังคม
ขอให้เอาเหตุของตัวเองเป็นอุทาหรณ์ ขอให้สังคมอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง <สเต็ปเดิม ๆ>
ซึ่งวัตถุประสงค์ของคนเตือน เขาไม่อยากให้มันถึงวันนั้นก่อนแล้วค่อยมาเข้าใจรู้ซึ้งหรอกครับ
คนเรา สามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของผู้อื่นได้ครับ ไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดกับตัวเองและคนใกล้ชิดครับ
// กราบ.. ขออภัยถ้าทำให้ขุ่นเคืองใจครับ /\
ของผมเกิดกับญาติครับ
แนวความคิดแบบชนเผ่าแชมป์โลกตายจากอุบัติเหตุ รถกูแพง รถกูดี รถกูช่วงล่างเทพ กูขับเก่ง ทักษะกูดี 3ศพ คาที่
ตั้งแต่ญาติตายผมยังไม่กล้าขับเร็วอีกเลย แทบไม่เกิน100มาหลายปีแล้ว ตรงๆคือผมกลัว
รถในประเทศด้อยพัฒนาผมเชื่อว่าโดนลดspecความปลอดภัยแทบทุกรุ่นครับโดยเฉพาะรถอ้ายยุ่น ดูง่ายๆทำไมน้ำหนักเบากว่าspec US
เรื่องลดสเปคผมเชื่อนะ คุณต้องลองมาเล่นรถที่มีขายทั้งในไทยและยุ่น เปิดสมุดเบิกอะไหล่ทีไรบันเทิงใจทุกที เหมือนประเทศเราซื้อโครงเหล็กวิ่งได้
พูดได้น่ากลัวมากๆครับ
-
อยากจะฝากถึงพี่ๆที่ขับรถเร็วเกินกำหนดไปเยอะเหมือนกันครับ เช่นมอเตอร์เวย์กำหนด120 คนที่ขับมากกว่า150++ ไป เวลาเกิดอุบัติเหตุมาอาจทำให้คนอื่นได้รับอุบัติเหตุตามไปด้วย ขับรถมีสติอย่าคึกคะนองนึกถึงหน้าคนที่บ้านไว้ครับ นักเตะคนคนนี้ก็เปนที่ชื่นชอบของผมด้วย R.I.P ครับ
ใช่ครับไม่ใช่เดือดร้อนแค่ตัวเองคนเดียวครับ
....
การขับรถเร็วเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด ก็ถือเป็นเรื่องวินัยด้วยครับ
เป็นวินัยในเรื่องของการเคารพกฏจราจร เคารพกฏกติการของสังคมที่เราอยู่ร่วมกัน
ถ้าไม่เห็นด้วยกับกฏหมายข้อใด ก็ต้องเสนอตัวเข้าไปทำหน้าที่ออกกฏหมาย
แล้วก็ต้องรับผิดชอบต่อกฏหมายที่ตัวเองออกด้วยครับ เพราะกฏหมายบังคับใช้กับทุกคน
เพื่อให้ทุกคนในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขและปลอดภัย ไม่ได้ออกกฏมาเพื่อให้ถูกใจตัวเองคนเดียว
หรือเพื่อคนกลุ่มเดียว
เอาอุทาหรณ์ของคนที่ชอบขับรถเร็ว มาเล่าให้คนที่ชอบขับรถเร็วฟังก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ
คนที่ชอบขับรถเร็ว ยังไงก็จะหาข้ออ้างมาเข้าข้างตัวเองเพื่อที่จะได้ขับรถเร็วต่อไป
ตราบเท่าที่ยังไม่เกิดเหตุอะไร เพราะมันสนุก...
ต่อเมื่อได้รับผลกระทบจากอุทาหรณ์อันนั้นแล้ว ถึงจะได้รู้ซึ้ง ถึงจะเสียใจ
ถึงจะเปิดการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถึงจะร้องไห้ ถึงจะขอโทษสังคม
ขอให้เอาเหตุของตัวเองเป็นอุทาหรณ์ ขอให้สังคมอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง <สเต็ปเดิม ๆ>
ซึ่งวัตถุประสงค์ของคนเตือน เขาไม่อยากให้มันถึงวันนั้นก่อนแล้วค่อยมาเข้าใจรู้ซึ้งหรอกครับ
คนเรา สามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของผู้อื่นได้ครับ ไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดกับตัวเองและคนใกล้ชิดครับ
// กราบ.. ขออภัยถ้าทำให้ขุ่นเคืองใจครับ /\
เห็นด้วยครับ คนขับรถเร็วเค้ามักจะมีเหตุผลของเค้าที่เค้าย่อมไม่รับฟังในเหตุผลที่การขับเร็วก่ออถบัติเหตุครับ
-
รายงานตำรวจเผยรถ เรเยส ยางระเบิด
https://www.matichon.co.th/sport/footballinter/news_1522404 (https://www.matichon.co.th/sport/footballinter/news_1522404)
-
ส่วนตัวผมเชื่อว่าขับรถเร็ว ไม่ใช่สาเหตุหลักครับ อยู่ที่คนขับล้วนๆเลยครับ
ดูตัวอย่าง auto bahn ที่ german สถิติ การเกิดอุบัติเหตุน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่มีกฏตั้ง speed limit ในทวีปยุโรปด้วยกัน
-
เห็นด้วยครับ อันไหนแก้ด้วยตัวเองได้ก็ทำเลยไม่เห็นต้องรอโน่นนั่นนี่ ที่มีข้ออ้างว่าแก้อย่างอื่นก่อนมันก็แค่พวกไม่คิดจะสนใจเท่านั้นล่ะครับ
-
สรุปเรื่องขับเกินกฎหมายกำหนดของไทยเป็นการสรุปโดยไม่มีการพิสูจน์ครับ ไม่ต้องเอามาคิดมากเลย ถ้าไม่เมาเค้าตีเป็นขับเร็วเกินกำหนดหมด ถ้าไม่มีอะไรมาพิสูจน์หรือมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด
ตอนสรุปสำนวนจะเน้นแค่ผลเลือด กับพยานแวดล้อมเช่นคนบอกเล่า แต่ไม่ได้พิสูจน์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ แทบจะทุกเคส ถ้าไม่คดีคนตายเยอะจริงเค้าก็สรุปตามพยานแวดล้อมครับ
ตามนี้นะครับเรื่องสถิติในไทย ประมาณว่าสรุปแบบมักง่ายมากกว่าสาเหตุจริงๆ เพราะอุบัติเหตุมันเกิดจากหลากหลายสาเหตุ ความเร็วมันแค่ส่วนประกอบที่ทำให้ เหตุการณ์นั้นรุนแรงมากขึ้น ป้ายจราจรที่จำกัดความเร็ว 30 แต่มีรถเกิดอุบัติเหตุที่ความเร็ว 40 ชาวบ้านเห็นเหตุการณ์มองว่ารถคันนั้นเร็วแล้วรถคันนั้นเกิดอุบัติเหตุไปชนจักรยานตาย สถิติไปนับความเร็วนะครับ หรือถ้ามีแอลกอฮอล์เข้ามาเค้าสรุปว่าเมาแล้วขับ แม้จะต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ
และผมไม่ได้บอกว่าขับเร็วดีนะ แต่ผมจะบอกว่าขับให้พอๆกับรถรอบตัวนั่นแหละดี ไม่ช้า ไม่เร็วไปกว่ากันเกิน 30 km/h นั่นแหละความปลอดภัยของตัวคุณเอง
ที่ตายๆกันเพราะประมาท เห็นโล่งหน่อย แต่จราจรรอบตัวเค้าขับกัน 80 แต่ตัวเองมา 120 แบบนี้แหละที่อันตราย
แต่ถ้าเค้าขับกัน 110 แต่ตัวเองมา 120 แบบนี้เออ ไม่มีอะไร ไหลๆไป
-
ถ้าคิดตามตัวเลขวิทยาศาสตร์แล้วได้ผล
มาคิดแบบ...
ถ้าคนจะเจ็บ จะตาย จะถึงที่ ยังไงก็โดนอยู่ดีครับ
เหมือนกับกรรมเค้ากำหนดให้แล้ว
ขับช้าเป็นเต่าคลานเต่ากัดยาง นึกเหรอครับว่าจะรอด
ขับเร็วเป็นจรวด ยิ่งไม่รอดใหญ่
คิดมาก ปวดหัว อย่าเอาความคิดตัวเองไปยัดเยียดหรือเปลี่ยนแปลงคนอื่นเลยครับ เถียงยังไงก็ไม่จบ
-
เห็นคนสูงอายุ ขับกัน 190-200 ที่ออโตบาร์น วินัยดี แซงแล้วกลับเลน ไม่มีแช่
ถนนดี เรียบ ข้างทางไม่มีหมาแมวคนตัด ก็ไม่ค่อยเห็นเกิดอุบัติเหตุ
ตัดกลับมาบ้านเรา กำหนด 90 กม/ชมทางด่วน 120 อุบัติเหตุเพียบ หึหึ มันมีปัจจัยอื่นประกอบร่วมด้วยเยอะครับ ผมว่า
-
จะขับความเร็วเท่าไหร่ให้ปลอดภัยขึ้นอยู่กับตัวผู้ขับว่าไม่ประมาทและตื่นตัวต่อการจราจรรอบตัวอยู่ตลอดเวลาดีที่สุดครับ
ส่นตัวขับทางไกลแล้วใช้ความเร็ว 80-100 นี่ไม่ไหวครับ รู้สึกง่วงน่าเบื่อแล้วทำให้ความระมัดระวังลดลงเยอะเลย เกือบเๆกิดอุบัตเหตุในช่วงความเร็วนี้บ่อยครั้งมากๆ เลยขยับมาใช้ช่วงความเร็ว 100-120 ก็จะรู้สึกทะมัดทะแมงตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
-
เคส CLS250 ล่าสุดที่มันชนวินาศสันตะโร ก็เพราะขับเร็วแล้วมุดไม่ทัน จะโทษใครดี รถ เหล้า(ตรวจไม่พบ) ขับเร็ว หรือแก้วน้ำ?
-
แชร์ประสบการณ์จากคนเฉียดตายนะครับ..
ขอบอก3คำ. อย่า. ขับ. เร็ว
ไม่ต้องอ้างอะไรมากมาย. ขับช้าๆ. มีลดความเสี่ยงได้เยอะมาก
-
ข่าวจากคุณ bodin ค่อนข้างชัดเจนว่าความเร็วมีความเกี่ยวข้องกับกับอุบัติเหตุ แต่อยากให้ช่วยกันวิเคราะห์กันสักนิดว่าเหตุเพราะอะไรครับ ตามข่าวคือ ขับรถด้วยความเร็ว และอุบัติเหตุมากสุดเกิดขึ้นในทางตรง ผมแค่นึกภาพไม่ออกว่า ทำไมขับรถเร็วในทางตรงแล้วถึงเกิดอุบัติเหตุกันได้ และเกิดขึ้นเยอะที่สุดด้วยครับ เพราะการหลุดโค้ง หรือมีรถคันอื่นมาตัดหน้าก็ถูกแยกหัวข้อไปแล้ว ที่เหลือที่ผมคิดออกก็คือ การหลับในแค่นั้นรึเปล่า แต่ขับไวๆก็ไม่น่าจะหลับในได้เพราะร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา ยังไงรบกวนท่านอื่นช่วยวิเคราะห์ด้วยครับ
ง่ายมากเลยครับ ก็เพราะบนถนนที่ขับเร็วนั้น มันมีคนกลับรถในที่ห้ามกลับ
มีมอไซค์ขี่ข้ามถนน มีรถขับช้าแช่ขวา มีคนออกจากซอยชิดขวาเลย
มีคนคุยโทรศัพท์ไปขับรถไป เวลาขับมาเร็วก็แก้ไม่ทัน
แต่เวลาบอกสาเหตุเค้าไม่บอกหรอกครับ ว่าขับมาเร็วแล้วเจอมอไซค์ชั่วๆ
เค้าก็สรุปเอาว่าขับเร็ว ผมไปขับรถที่เยอรมัน / อังกฤษ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ยังรู้สึกปลอดภัยกว่าขับ 110 ที่เมืองไทยเลย
-
คนที่ขับเร็ว เขาก็จะบอกว่า ก็ขับเร็วมาตั้งนาน ไม่เห็นเป็นไรเลย เขามีความสามารถมาพอ
แต่อยากบอกว่า ความสามารถ กับ ผิดกฏหมาย ต่อให้มีเป็นนักขับรถแข่งอาชีพ ความเร็วเกินกฏหมายกำหนด คือ ผิด นะ
ส่วนกฏหมายจะให้ขับไม่เกิน 80, 90, 100, 110, 120 ก็ว่าตามนั้นครับ
หลักใหญ่ใจความ คือ คนขาดวินัย ทำผิดกฏหมาย แล้วมองเป็นเรื่องธรรมดา ขาดจิตสำนัก ใครอื่นทำผิดเรื่องใหญ่ แต่ตัวเองทำผิดแล้วเฉยๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ควรจะแก้ไขโดยการสร้างจิตสำนึกที่ถูกต้อง มากกว่า จะการไล่จับครับ เพราะจับไปจ่ายเงินจบ จิตสำนึกไม่เปลี่ยน คนกลุ่มนี้ก็ยังขับรถแบบนี้ไปเรื่อยๆ
-
จะขับความเร็วเท่าไหร่ให้ปลอดภัยขึ้นอยู่กับตัวผู้ขับว่าไม่ประมาทและตื่นตัวต่อการจราจรรอบตัวอยู่ตลอดเวลาดีที่สุดครับ
ส่นตัวขับทางไกลแล้วใช้ความเร็ว 80-100 นี่ไม่ไหวครับ รู้สึกง่วงน่าเบื่อแล้วทำให้ความระมัดระวังลดลงเยอะเลย เกือบเๆกิดอุบัตเหตุในช่วงความเร็วนี้บ่อยครั้งมากๆ เลยขยับมาใช้ช่วงความเร็ว 100-120 ก็จะรู้สึกทะมัดทะแมงตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
เห็นด้วยเลยครับ ขับต่ำกว่า 100 ง่วงมาก ยิ่งรถใหม่ ๆ มันเงียบ วิ่งไว ก็เกิน กม.กำหนดอีก เที่ยงคืน ตี 1 ตี 2 รถก็แทบไม่มี จะให้วิ่ง 90 มันคงไม่ใช่ น่าจะแก้ได้แล้ว กฏหมายความเร็ว
-
จะขับความเร็วเท่าไหร่ให้ปลอดภัยขึ้นอยู่กับตัวผู้ขับว่าไม่ประมาทและตื่นตัวต่อการจราจรรอบตัวอยู่ตลอดเวลาดีที่สุดครับ
ส่นตัวขับทางไกลแล้วใช้ความเร็ว 80-100 นี่ไม่ไหวครับ รู้สึกง่วงน่าเบื่อแล้วทำให้ความระมัดระวังลดลงเยอะเลย เกือบเๆกิดอุบัตเหตุในช่วงความเร็วนี้บ่อยครั้งมากๆ เลยขยับมาใช้ช่วงความเร็ว 100-120 ก็จะรู้สึกทะมัดทะแมงตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
เห็นด้วยเลยครับ ขับต่ำกว่า 100 ง่วงมาก ยิ่งรถใหม่ ๆ มันเงียบ วิ่งไว ก็เกิน กม.กำหนดอีก เที่ยงคืน ตี 1 ตี 2 รถก็แทบไม่มี จะให้วิ่ง 90 มันคงไม่ใช่ น่าจะแก้ได้แล้ว กฏหมายความเร็ว
ขับช้าแล้วง่วง เลยต้องขับเร็ว เพื่อจะได้ไม่ง่วง
ผมว่าความคิดแบบนี้ น่าจะไม่ใช่มั้งครับ เห็นบางคนพูดแบบนี้บ่อย
การง่วง เกิดจากร่างกายอ่อนเพลีย อยากพักผ่อน ถ้าง่วงจอดนอนครับ แค่นี้ก็จบ น่าจะถูกกว่าไหมครับ
-
จะขับความเร็วเท่าไหร่ให้ปลอดภัยขึ้นอยู่กับตัวผู้ขับว่าไม่ประมาทและตื่นตัวต่อการจราจรรอบตัวอยู่ตลอดเวลาดีที่สุดครับ
ส่นตัวขับทางไกลแล้วใช้ความเร็ว 80-100 นี่ไม่ไหวครับ รู้สึกง่วงน่าเบื่อแล้วทำให้ความระมัดระวังลดลงเยอะเลย เกือบเๆกิดอุบัตเหตุในช่วงความเร็วนี้บ่อยครั้งมากๆ เลยขยับมาใช้ช่วงความเร็ว 100-120 ก็จะรู้สึกทะมัดทะแมงตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
เห็นด้วยเลยครับ ขับต่ำกว่า 100 ง่วงมาก ยิ่งรถใหม่ ๆ มันเงียบ วิ่งไว ก็เกิน กม.กำหนดอีก เที่ยงคืน ตี 1 ตี 2 รถก็แทบไม่มี จะให้วิ่ง 90 มันคงไม่ใช่ น่าจะแก้ได้แล้ว กฏหมายความเร็ว
ขับช้าแล้วง่วง เลยต้องขับเร็ว เพื่อจะได้ไม่ง่วง
ผมว่าความคิดแบบนี้ น่าจะไม่ใช่มั้งครับ เห็นบางคนพูดแบบนี้บ่อย
การง่วง เกิดจากร่างกายอ่อนเพลีย อยากพักผ่อน ถ้าง่วงจอดนอนครับ แค่นี้ก็จบ น่าจะถูกกว่าไหมครับ
การตัดสินคนอื่นด้วยการเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่บรรทัดฐานที่ดีนะครับ
ผมเล่นเกมส์ยิงปืนสู้คนอื่นไม่ได้ ผมก็ไม่เคยบอกว่า เค้าเล่นแบบบู๊ล้างผลาญเกินไปนะครับ
ประสาทเค้าอาจจะไวกว่าเรา ประสาทเราอาจจะรับรู้ช้ากว่าเค้า เผลอๆถ้าให้เค้าเล่นรอเรา เค้าอาจจะโดนศัตรูยิงตายก็ได้นะครับ
ฉันใดก็ฉันนั้นการขับรถก็เช่นกัน ผมขับ 100-120 มาตั้งแต่เด็ก เกิดให้ผมต้องมาขับ 80 ผมก็ทำไม่ได้เช่นกัน สมองผมตื่นตัวที่ตรงนั้น เมื่อขับ 80 สมองผมก็จะตื่นตัวน้อยลง แต่เมื่อทุกครั้งที่ผมต้องขับรถอะไรที่ไม่ใช่รถตัวเอง ผมก็ขับช้าลงโดยอัตโนมัติเช่นกันครับ เพราะผมต่องเอาสมองไปเรียนรู้กับรถคันนั้นๆ
ผมว่าคนที่ขับรถเป็น ย่อมรู้ถึงจุดสูงสุดและต่ำสุดอยู่แล้วล่ะครับ
การขับเร็วไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่ขับประมาทต่างหากคือคำตอบ
ผมยกตัวอย่างอีกอันแล้วกัน เช่น ถ้าขับยาริสเดิมๆที่ 160-170 สำหรับผม นั่นคือโฆตรประมาทเลยล่ะครับ
เกิดอะไรตัดหน้า เอาไม่อยู่ นั่นคือหายนะชัดๆ แต่ถ้ารถสมรรถนะดีๆ ส่วนควบพร้อมๆ การขับด้วยความเร็วขนาดนั้น ผมก็คิดว่าปกตินะ แต่อย่างที่บอกครับ ทุกอย่างขึ้นกับตัวคนขับครับ
-
ถามจริงๆ วิ่งไม่เกิน 90 กม./ชม.
ระยะทาง 700-1,000 กม. วิ่งไม่เกิน 90 ได้ตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นตอนแซงหรือตอนขับปกติ
มีใครในนี้ทำได้จริงๆ บ้างครับ
ถ้ามี ผมขอคารวะครับ
-
จะขับความเร็วเท่าไหร่ให้ปลอดภัยขึ้นอยู่กับตัวผู้ขับว่าไม่ประมาทและตื่นตัวต่อการจราจรรอบตัวอยู่ตลอดเวลาดีที่สุดครับ
ส่นตัวขับทางไกลแล้วใช้ความเร็ว 80-100 นี่ไม่ไหวครับ รู้สึกง่วงน่าเบื่อแล้วทำให้ความระมัดระวังลดลงเยอะเลย เกือบเๆกิดอุบัตเหตุในช่วงความเร็วนี้บ่อยครั้งมากๆ เลยขยับมาใช้ช่วงความเร็ว 100-120 ก็จะรู้สึกทะมัดทะแมงตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
เห็นด้วยเลยครับ ขับต่ำกว่า 100 ง่วงมาก ยิ่งรถใหม่ ๆ มันเงียบ วิ่งไว ก็เกิน กม.กำหนดอีก เที่ยงคืน ตี 1 ตี 2 รถก็แทบไม่มี จะให้วิ่ง 90 มันคงไม่ใช่ น่าจะแก้ได้แล้ว กฏหมายความเร็ว
ขับช้าแล้วง่วง เลยต้องขับเร็ว เพื่อจะได้ไม่ง่วง
ผมว่าความคิดแบบนี้ น่าจะไม่ใช่มั้งครับ เห็นบางคนพูดแบบนี้บ่อย
การง่วง เกิดจากร่างกายอ่อนเพลีย อยากพักผ่อน ถ้าง่วงจอดนอนครับ แค่นี้ก็จบ น่าจะถูกกว่าไหมครับ
การตัดสินคนอื่นด้วยการเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่บรรทัดฐานที่ดีนะครับ
ผมเล่นเกมส์ยิงปืนสู้คนอื่นไม่ได้ ผมก็ไม่เคยบอกว่า เค้าเล่นแบบบู๊ล้างผลาญเกินไปนะครับ
ประสาทเค้าอาจจะไวกว่าเรา ประสาทเราอาจจะรับรู้ช้ากว่าเค้า เผลอๆถ้าให้เค้าเล่นรอเรา เค้าอาจจะโดนศัตรูยิงตายก็ได้นะครับ
ฉันใดก็ฉันนั้นการขับรถก็เช่นกัน ผมขับ 100-120 มาตั้งแต่เด็ก เกิดให้ผมต้องมาขับ 80 ผมก็ทำไม่ได้เช่นกัน สมองผมตื่นตัวที่ตรงนั้น เมื่อขับ 80 สมองผมก็จะตื่นตัวน้อยลง แต่เมื่อทุกครั้งที่ผมต้องขับรถอะไรที่ไม่ใช่รถตัวเอง ผมก็ขับช้าลงโดยอัตโนมัติเช่นกันครับ เพราะผมต่องเอาสมองไปเรียนรู้กับรถคันนั้นๆ
ผมว่าคนที่ขับรถเป็น ย่อมรู้ถึงจุดสูงสุดและต่ำสุดอยู่แล้วล่ะครับ
การขับเร็วไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่ขับประมาทต่างหากคือคำตอบ
ผมยกตัวอย่างอีกอันแล้วกัน เช่น ถ้าขับยาริสเดิมๆที่ 160-170 สำหรับผม นั่นคือโฆตรประมาทเลยล่ะครับ
เกิดอะไรตัดหน้า เอาไม่อยู่ นั่นคือหายนะชัดๆ แต่ถ้ารถสมรรถนะดีๆ ส่วนควบพร้อมๆ การขับด้วยความเร็วขนาดนั้น ผมก็คิดว่าปกตินะ แต่อย่างที่บอกครับ ทุกอย่างขึ้นกับตัวคนขับครับ
ที่ผมบอกว่า การง่วง เกิดจากร่างกายอ่อนเพลีย อยากพักผ่อน ผมไม่ได้คิดไปเอง หรือ เอาตัวเองเป็นตัวตั้งครับ ลองไปหาข้อมูลดูละกัน มันเป็นวิทยาศาสตร์ครับ ไม่ใช่ความคิดผม
และเรื่องขับได้ ประมาทหรือไม่ประมาท รถแรงสมรรถณะดี หรือ รถกำลังน้อยสมรรถณะด้อย ผมเชื่อว่าหลายคนขับได้ครับ ผมเชื่อ ผมก็เคยขับเกินไม่ใช่ไม่เคย แต่บางจังหวะจริงๆ ไม่ใช่การขับแบบนั้นเป็นอาจิน
แต่ต้องแยกเรื่องกฏหมาย กับ พฤติกรรม ครับ
คุณขับรถตั้งแต่เด็กเกินกฏหมายกำหนด ก็คือ คุณทำผิดกฏหมายครับ
แล้วกฏหมายจำเป็นต้องปรับเพิ่มการจำกัดความเร็ว ปีละ +1 ไปเรื่อยๆ ตามสมรรถณะรถหรือเทคโนโลยีไหมครับ คุณคิดแบบนั้นจริงๆ เหรอครับครับ ประเทศที่เขามีวินัย มีความพร้อม ถนนดีกว่าบ้านเรา เขายังไม่ทำเลย ความเร็วที่จำกัดก็พอๆ กับเราเลย บางประเทศต่ำกว่าประเทศไทยด้วยซ้ำ
กฏหมายบังคับใช้กับทุกคน ไม่ใช่แค่ตัวคุณครับ คุณบอกคุณมีศักยภาพเพียงพอในการขับรถที่ความเร็ว 120, 140, 160, 180 แล้วคุณคิดว่า คนที่ขับรถตามหลังคุณ ด้วยความเร็วพอๆ กับคุณเนี่ยะ เขามีความศักยภาพหรือความสามารถเพียงพอไหมครับ? ใครตอบได้? ถ้าเขาไปเกิดอุบัตเหตุขึ้นมา เขาเจ็บหรือตายเดียวอาจจะเสียแค่ครอบครัวเขา แต่ถ้าไปโดนรถคันอื่น หรือ คนเดินข้างถนน หรือใครก็แล้วแต่ บาดเจ็บ ล้มตาย ด้วยเนี่ยะ คิดว่าไงดี?
นักขับรถแข่ง เขาใช้รถบนถนนหลวง เขายังขับที่ความเร็วปกติ ตามกฏหมายกำหนด ได้เลยครับ คิดดูละกัน
-
จะขับความเร็วเท่าไหร่ให้ปลอดภัยขึ้นอยู่กับตัวผู้ขับว่าไม่ประมาทและตื่นตัวต่อการจราจรรอบตัวอยู่ตลอดเวลาดีที่สุดครับ
ส่นตัวขับทางไกลแล้วใช้ความเร็ว 80-100 นี่ไม่ไหวครับ รู้สึกง่วงน่าเบื่อแล้วทำให้ความระมัดระวังลดลงเยอะเลย เกือบเๆกิดอุบัตเหตุในช่วงความเร็วนี้บ่อยครั้งมากๆ เลยขยับมาใช้ช่วงความเร็ว 100-120 ก็จะรู้สึกทะมัดทะแมงตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
เห็นด้วยเลยครับ ขับต่ำกว่า 100 ง่วงมาก ยิ่งรถใหม่ ๆ มันเงียบ วิ่งไว ก็เกิน กม.กำหนดอีก เที่ยงคืน ตี 1 ตี 2 รถก็แทบไม่มี จะให้วิ่ง 90 มันคงไม่ใช่ น่าจะแก้ได้แล้ว กฏหมายความเร็ว
ขับช้าแล้วง่วง เลยต้องขับเร็ว เพื่อจะได้ไม่ง่วง
ผมว่าความคิดแบบนี้ น่าจะไม่ใช่มั้งครับ เห็นบางคนพูดแบบนี้บ่อย
การง่วง เกิดจากร่างกายอ่อนเพลีย อยากพักผ่อน ถ้าง่วงจอดนอนครับ แค่นี้ก็จบ น่าจะถูกกว่าไหมครับ
อาจจะตกคำว่าความเร็วตามกฏหมายกำหนด และท่านก็เน้นตรงขับช้าแล้วง่วงอย่างเดียวมาชี้ประเด็น ลองอ่านให้ครบทั้งหมดอีกทีนะครับ