ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาของแต่ละคนคืออะไร? หนักขนาดไหน?
บางคน เครื่องเร่งไม่ออก เกียร์เปลี่ยนไม่ปกติ ยังไม่รู้ตัวว่ามีปัญหา แต่สีกันชนพ่นมาไม่เงาเท่ารถ กลายเป็นปัญหา
รถในบ้านผมจะมีสมาชิกเป็น Honda อย่างน้อย 2 คันมาตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ไม่มีคันไหนเคยตายกลางทาง
รวมถึงคันที่ใช้เกิน 200,000 ก.ม....ยกเว้น CR-V Gen2 ที่หม้อน้ำรั่วต้องลากกลับบ้านตอน 200,000 ก.ม.
และ Compressor แอร์ พังที่ 80,000 ก.ม. เปลี่ยนมือสอง ก็อยู่ได้ปีครึ่ง เลยกัดฟันซื้อคอมห้าง Honda
ผล? อยู่ต่อได้อีก 40,000 ก.ม.กว่าๆก็พัง ทั้งๆที่ราคาไม่ใช่ถูกๆ
เครื่องยนต์ส่วนอื่น เกียร์ ช่วงล่าง ใช้งานมาสบายหายห่วงทุกคัน เดินทางไกลสบายใจทุกคัน
CR-V Gen 1 คันแรก เป็นรถที่ใช้สบายใจกว่า 200,000 ก.ม. ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย
Civic ES คันที่ 1 มีเสียงดังจากชุดแผงคอนโซล ไม่มีช่างที่ไหนแก้หาย ต้องให้เพื่อนใจเย็นมาช่วยรื้อ
และทำให้ใหม่ หาย
Civic ES คันที่สอง ปั๊มเพาเวอร์เสียงดังมาก ตั้งแต่ 45,000 ก.ม. แผงประตู แผงคอนโซล ดังไปหมดทั้งคัน
การตอบสนองของเครื่องและเกียร์ ไม่เหมือนกัน ES คันแรก แต่ที่ศูนย์ Honda ตอบว่าปกติ (แปลว่ารถอีกคันของผมไม่ปกติ?)
นอกจากนี้ ES ทั้งสองคัน ประตูหลังกับหน้า สังเกตแนวโครเมียมขอบประตู จะไม่เท่ากัน และเป็นทั้งสองคัน
นั่นคือปัญหาที่เจอ และทำให้ไม่พอใจกับตัวรถ แต่มันยังไว้ใจได้ ขับสบาย แอร์เย็นอยู่
สำหรับคนที่ใช้รถรุ่นใหม่กว่าผม ..อาจจะได้เจออะไรหลายอย่างที่ไม่ได้แก้หรือทำใจง่ายมากเท่าผม
เช่นการซื้อรถ FD ป้ายแดงมา แล้วต้องรื้อเครื่องทำใหม่ทั้งที่รถยังใหม่อยู่
หรือการที่ City เคลือบแล็กเกอร์บางมากจนเจอน้ำยาห่วยๆรอบเดียวสีรถแทบจะต้องเรียกเทวดามาฟื้นฟูสภาพ
หรือการที่ CR-V ป้ายแดงคันนึงสีเป็นผดออกจากโรงงาน ทำให้เจ้าของที่เพิ่งจะใจเปิดขอลองเล่น Honda ได้รับ
ประสบการณ์แรกเริ่มที่ทำให้ไม่อยากกลับไปใช้แบรนด์นี้อีก
ที่พูดมาทุกอย่าง ไม่ได้พูดขึ้นมาลอยๆ มีเจ้าของรถเป็นตัวตนจริง ไม่ได้ดิสเครดิตเอามันส์ หรือเป็นเรื่องพวก "เขาเล่าว่า"
นี่คือเรื่องของคุณภาพของรถที่ออกจากโรงงานซึ่งหากแย่ลงไปกว่านี้ ผมว่า Honda ก็ไม่อยู่ในฐานะที่ปลอดภัย
เรื่องการตรวจสอบตัวรถก่อนส่งมอบลูกค้าก็เช่นกัน มันเป็นเรื่องที่โรงงานประกอบกับดีลเลอร์ไม่ควรจะมานั่งโยนขี้ใส่กัน
มันต้องช่วยกันทั้งคู่ ไม่ต้องมาปัดความรับผิดชอบ
ES คันแรกของผม รับรถมา แผงลำโพงด้านแดชบอร์ดคันนั่งประกอบไม่สนิท สะเทือนดังตลอดการขับ ศูนย์ปทุมธานีแก้ไขให้
ES คันที่สอง รับรถมา วิ่งไปจนน้ำมันใกล้หมด พบว่าคันชักเปิดฝาถังน้ำมันใช้การไม่ได้ โชคดีได้เพื่อนที่เคยรื้อ ES บอกวิธี
ให้รื้อพรมหลังซ้ายแล้วเอามือล้วงดึงคันชักเปิดฝาถังเองได้
CR-V 2.4 ของพ่อคันปัจจุบัน รับรถมา เพิ่งมาตรวจเจอตอนหลังว่า GPS เสีย ทางศูนย์ให้พ่อผมขับไปที่ปทุมธานีเพื่อถอด
เอาไปตรวจสอบ ก็พบว่าเสีย ก็บอกว่าแล้วจะเบิกอะไหล่มาใส่ให้ใหม่ ก็ขับมาอีกรอบมาใส่ พอใส่เสร็จ พอผมเพิ่งมาเห็นว่าเอาวิทยุของรถปี 2010 ต้นปีมาใส่ให้
ทางศูนย์ใส่ไปโดยไม่บอกพ่อผม แล้วบอกให้พ่อผมเอากลับไปใช้ก่อนเพราะเบิกอะไหล่มาผิด พ่อเลยวีนแตกกลางศูนย์เพราะหงุดหงิดที่ต้องขับรถ
มาไกล ที่ซื้อที่นี่เพราะรู้จักกัน และอุดหนุนรถ Honda ป้ายแดงจากที่นี่มา 3 คันแล้ว
พนักงาน ไม่มีใครกล้าฟันธง ต้องให้ผู้จัดการใหญ่มาเจรจาให้ พร้อมกับยื่นกุญแจรถ Demo ให้พ่อผมมาใช้ระหว่างรอ พร้อมน้ำมันเต็มถัง
เรื่องต่างๆกับศูนย์ Honda ยังมีอีกเยอะ ตั้งแต่โมโหนิดๆ ไปจนถึงขั้นต้องวีนแตกคาศูนย์โดยไม่จำเป็น
ถ้า Honda สามารถคงเทคโนโลยีของรถในวันนี้ไว้ได้ แต่ทำให้งานมันออกมาใช้แล้วไม่มีปัญหา ..เอาแบบสมัยยุคตาโตกับ CR-V หรือก่อนหน้านั้นได้ก็ดีนะ
เพราะผมจะได้มีความมั่นใจเวลาแนะนำให้ใครต่อใครซื้อ Honda
แค่ความเห็นเล็กๆน้อยๆจากตัวแทนของบ้านที่อุดหนุน Honda มา 5 คันในทศวรรษที่ผ่านมา