...........
พอหมด era ของเฟียต พันห้า ในปี 1990 (2533) ก่อนรัฐประหาร พลเอก สุจินดา หนึ่งปี ผมได้รับข่าวดีจากพ่อว่า ที่ทำงานพ่อ (ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ สีลม) มีการนำรถของบริษัท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถเก๋งประจำตำแหน่งของผู้จัดการแบงค์กรุงเทพที่ตกรุ่นแล้วในสมัยนั้น มาประมูล
รุ่นที่นำมาประมูลตอนนั้นหลักๆ ก็ fiat 131 เยอะที่สุด สีขาว ได้มาจากการเอารถมาไถ่หนี้ก่อน บ.เจ๊ง ของ กรรณสูต, peugeot 505 รถยุโรป mid-size sedan ยอดนิยมในสมัยนั้น, และรถหรู bmw 520i e12 , นอกจากนั้นก็เป็นรถกระบะ รถขนของอย่างอื่น
แน่นอนพนักงานส่วนใหญ่จับจ้อง bmw พ่อผมก็เช่นกัน เพราะถ้าได้มาขับตอนนั้นคงเท่น่าดู....แต่ด้วยความที่ว่า ถ้าเอา bmw อาจต้องเสียค่าดูแลรักษามาก ซ่อมแพงแน่ๆ ซึ่งพ่อต้องส่งลูกเรียนสองคนตอนนั้น ทำให้พ่อสนใจ fiat 131 มากกว่า เพราะคุ้นเคยกับอู่ และแหล่งอะไหล่ รถเฟียตอยู่แล้ว
ในตอนนั้น ก่อนวันประมูล พ่อก็พาผมไปสำรวจรถคร่าวๆ ไปดูสภาพ กดโช้ค เคาะตัวถัง เพื่อดูคันที่น่าจะสมบูรณ์ที่สุด ...ผมจำได้เลยว่าครั้งแรกที่เห็น fiat 131 สีขาว ทรงเหลี่ยมๆ กันชน fiber สีเทา และมี skirt สีเทาตัดกับตัวถังสีขาว ....มันสวยและดูเท่มากในตอนนั้น ยิ่งได้ทราบว่ามันเป็นเครื่อง twincam และมีดีกรีเป็นรถบ้านที่เครื่องแรงเป็นอันดับต้นๆ ในสมัยนั้นก็ยิ่งทำให้ชอบมากขึ้นไปอีก
ในที่สุดครอบครัวเราก็ประมูล fiat 131 1600 twincam มาได้ ด้วยราคาสุดท้าย 130,000 บาท ผมรู้สึกดีใจมากอย่างบอกไม่ถูก เพราะรู้สึกชอบมันมาตั้งแต่แรกเห็นแล้ว
เฟียต 1500 มีพระที่วัดสนใจซื้อไปให้ลูกชาย จึงขายไปในราคาสองหมื่น
สมัยได้มาใหม่ๆ จำได้ว่าพ่อชวนผมออกไปล้างรถที่วัดทุกวันเสาร์ (ฝากจอดรถไว้ที่วัด) เวลารถมีปัญหาอะไรถึงแม้เล็กๆ น้อยๆ ก็เอารถออกไปให้ช่างดูแล ซ่อมแซม โดยผมมักจะตามพ่อออกไปด้วย ทุกวันเสาร์ มันเลยทำให้ผมมีความผูกพันธ์กับรถคันนี้เป็นอย่างมากในวัย ประถมตอนปลาย ถึงมัธยมตอนต้น... และคันนี้ทำให้เราสามารถวางแผนออกไปเที่ยวไกลๆ คือภูเก็ต ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ไปเที่ยวไกลๆ เลย
ตัวรถจะมีปัญหาหลักๆ คือ ผุง่าย รวมท่อไอเสีย และระบบไฟรวนบ่อย และ ความร้อนขึ้นจากพัดลมไฟฟ้าที่ให้มาไม่พอ แต่เครื่องยนต์ ระบบน้ำมัน และช่วงล่างทนมากกกก ...คิดดูตั้งแต่ได้มันมา จนถึงปัจจุบัน ผมเปลี่ยนโช้คหน้า คู่ ไปแค่ครั้งเดียว โช้คหลังไม่เคยเปลี่ยนเลย เครื่องก็วิ่งมาน่าจะมากกว่า 5 แสนโลละ (รถใช้เกือบทุกวันมา 20+ ปี) overhaul เครื่องไปสองรอบ เปลี่ยนพัตลมไฟฟ้าเป็นของ toyota ,
ที่ทำให้เจ็บตัวมากที่สุด ก็คงเป็นทองขาว ตอนแรกที่ได้มาตัวเครื่องยังใช้ระบบจุดระเบิดแบบทองขาวอยู่ ซึ่งอะไหล่หายาก และวิ่งเพียงไม่กี่ หมื่นโลก็พังแล้ว สุดท้ายเลยมาเปลี่ยนระบบมาเป็นคอยล์ไฟฟ้า
...........
ช่วง ม.ปลาย เป็นจังหวะเดียวกับปี 2540 ซึ่งบ้านผมก็ได้รับผลกระทบเหมือนกับหลายๆ คน กอปรกับบ้านผมมีคนป่วยพร้อมกันสองคน คือย่า และแม่ผมเอง ช่วงเวลานั้นเหมือน lost period ผมไม่ค่อยได้สนใจรถเลย + กับผมต้องตั้งใจเรียนเพื่อสอบ entrance เพื่อจบมาทำงานช่วยเหลือครอบครัวที่ลำบากให้ได้
พ่อก็ยังใช้ fiat ไปทำงานเหมือนเดิม ซึ่งตอนนั้นด้วยสถานะของเรา ก็ทำได้แค่ซ่อมให้พอใช้ต่อได้เท่านั้น ซ่อมกับช่างร้านแถวบ้านธรรมดา ไม่มีปัญญาจะไปซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ๆ แพงๆ (ช่างเฟียตแท้ๆ คิดแพงนะครับ) หรือทำสีให้สวย ได้เลย
แต่ด้วยตัวรถที่ค่อนข้างทนทาน (ยกเว้นผุ) ทำให้ใช้ได้โดยเปลี่ยนอะไหล่สิ้นเปลืองธรรมดาเท่านั้น ส่วนสภาพรถภายนอกก็เสื่อมไปตามสภาพและการดูแล
.........