Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: YenChar ที่ กรกฎาคม 28, 2011, 07:52:44
-
อยากถามเป็นความรู้ครับ
ช่วงนี้เพื่อนๆผมเริ่มซื้อรถ ผ่อนรถกันแล้ว
(โบนัสออก) เริ่มดาวน์รถกันมาแล้วล่ะ
ทีนี้...
ส่วนตัวผมกับคุณแฟนอยากจะรู้ว่า
เด็กจบใหม่อย่างพวกผม ทำงานมาแค่ราวๆ 1ปี
กับช่วงเรทเงินเดือนราวๆ 15,000-20,000
พอจะผ่อนอีโค้คาร์อย่างมาชร์หรือรถเล็กๆอย่างวีออสกันไหวมั้ยครับ??
โดยมีเคสดังต่อไปนี้
- เริ่มจากเพื่อนผมทำงานอยู่ PWC
มันกำลังจะออกรถเร็วๆนี้(น่าจะเดือนหน้า) เห็นมันเล็งซิตี้มานานแล้ว
คาดว่าคงเป็นซิตี้ ตัวท๊อป
เรทเงินเดือนราวๆ 20,000 นิดๆไม่รวม Per diem กับ OT ไม่มีภาระ
พอไหวมั้ยครับ ถ้าจะดาวน์ต่ำๆ แต่ผ่อนระยะยาวเอา
- คุณแฟนผม ก็เรทเงินเดือนราวๆ 20,000 เค้าว่าอีก 1ปี คือราวๆ กรกฎาคมปีหน้า
คุณเธอจะออกมาชร์ตัวรองท๊อปไว้ขับบ้าง ไม่มีภาระเช่นกัน
มีเงินเย็นเป็นก้อนอยู่แล้ว อยากทราบว่า จะไหวมั้ยครับ??
(คุณเธอไหวแน่นอน เพราะถ้าเงินหมด มันเดือนร้อนผมแน่ๆ T^T)
จะใช้วีธีดาวน์ แล้วผ่อนเอา หรือว่าซื้อสดดีครับ ดอกเบี้ยต่างกันมากมั้ย??
- และยังมีหลายๆคนอีกมากมาย เงินเดือน 15-17k
เล็งๆว่าจะออกอัลติสมาขับบ้าง แจ๊สบ้าง บริโอ้บ้าง กลายเป็นเรื่องคุยกันไป
โชคดีที่เพื่อนผมแต่ล่ะคนไม่มีภาระอะไร เพียงแค่พ่อแม่จะดาวน์ให้เท่านั้น
แล้วไปลองผ่อนเอาเอง(ดูซิ๊ว่าจะรอดมั้ย)
กับเด็กจบใหม่อย่างนี้ ไม่อยากให้เล่นรถมือ2 เพราะไม่มีประสบการณ์
แต่ก็กังวลว่า จะไหวกันมั้ยครับ กำลังจะสร้างหนี้ก้อนโตกันแล้ว??
-
ของผมเงินเดือน 15,000 กลางๆเอง ทำงานมา 3 ปีแล้ว
ที่ทำงานบอกว่าเงินเดือนเยอะแล้ว(เพราะคนอื่นๆ 9 พัน)
กำลังจะผ่อน March CVT ครับ
แต่ให้พ่อแม่ซื้อแล้วเราผ่อนให้ 3 พัน 2 ร้อย ก็น่าจะพอไหว
แต่ผมให้เงินก้อนเยอะเพราะความที่บริษัทอยู่นอกเมือง
รายจ่ายค่าอาหารไม่เยอะ(ข้าวจานละ 20 บ.) ;)
-
มันมีหลายปัจจัยครับ ตอบยาก
1 ต้องทำบัญชีค่าใช้จ่ายของตัวเองดูก่อนเช่น
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่อเดือน 5000
- ค่ีาที่พัก 3000 บาท
- ภาระทางบ้านให้พ่อแม่ 2000
- ค่าเที่ยว ชอปปิ้ง 2000
- เงินออมสะสม 2000
2. ประมาณการค่าใช้จ่ายในการมีรถ
- ค่าผ่อนรถ 7000 (x 60 เดือน สมมติว่ารถราคา 500000 ต้องดาวน์ 120000)
- ค่าน้ำมัน วิ่ง 50 กม/วัน x 30 วัน x 36 บาทต่อลิตร /12 กมต่อลิตร = 4500 บาทต่อเดือน
- ค่าซ่อมบำรุง 1500 กมต่อเดือน ประมาณ 1000 บาท
- ประกันชั้นหนึ่ง 15000 ต่อปี = 1250
รวมทั้งหมด = 27750 บาท/เดือน
ประมาณนี้ครับ
ถ้าความเห็นส่วนตัวนะ มีรถคันแรกควรจะมีเงินเดือน 30000 บาทขึ้นไป
ยกเว้นจะมีคนมาร่วมหารหรือมีภรรยานั้นเอง ซึ่งก็จะต้องรวมรายรับรายจ่ายของภรรยาด้วย
ผมเองมีรถคันแรกตอนเงินเดือน 19000 มือ2 เมือ 12 ปีที่แล้ว รถราคา470000 แม่ออกให้ก่อน
แลัวผ่อนให้แม่แทน ปรากฎว่าผ่อนได้ 4-5 เดือนเท่านั้นครับ รับภาระไม่ไหว คุณแม่เลยยกให้เลย ;D
แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่ภาระของแต่ละบุคคลครับ
-
ผมว่ารายจ่ายสำคัญนะครับ เช่นเงินเดือน 19,000
อยู่ในเมืองหรืองาน office อันนี้สังคมก็จะมีค่าใช้จ่ายเยอะหน่อย
แต่อย่างผมตอนนี้เงินเดือนน้อยกว่า แต่ว่าภาษีสังคมต่ำ
ไม่ค่อยไปไหน ที่ทำงานใกล้บ้าน ไม่เสียค่ารถไฟฟ้า ค่าอาหารก็ถูก
เลยพออยู่ได้ ผ่อนได้
แต่ต้องหางานเสริมครับ ;)
-
ผมคิดว่าคนที่ได้เงินเดือน rate เดียวกับนโยบายหาเสียง ถ้าไม่จำเป็นมาก ก็อย่าพึ่งดีกว่า
มีรถใครๆ ก็อยากมีไว้ใช้ เพื่อความสะดวกสบาย แต่ก็ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีๆ
ผ่อนรถ ตีซะว่าเดือนละประมาณ 8-9 พัน ผมคิดค่าข้าว + ค่าน้ำมัน ให้ทุกวันๆ ละ 200 ทำงานเดือนนึง 22-23 วัน
เสาร์ อาทิตย์ คิดซะว่าอยู่บ้านไม่ต้องจ่าย แล้วอย่าลืมว่าต้องเจียดเงินเป็นค่าบำรุงรักษา ค่าประกันภัย ต่อทะเบียนประจำปีอีก
และแน่นอน สังคมทำงาน หลีกเลี่ยงไม่ได้กับ party กินข้าว สังสรรค์ มื้อนึงเดี๋ยวนี้ก็ใช่ย่อย
เด็กจบใหม่ เงินเดือน 15,000 ถ้าไม่มีที่บ้านช่วย ยังแทบไม่พอเลยครับ ผมเห็นมาเยอะแล้ว
-
ไหวอยู่นะครับแต่พี่ เคยผ่านตรงนี้มานะ เหนื่อยโคตรๆ14000เราต้องคิดขั้นต่ำเพื่อไม่ได้อย่างที่หวังไว้ ค่าน้ำมัน3000/เดือน =5เดือนเปลี่ยนของเหลวในรถ มาร์ชกินประมาณ กิโลละ 2.3-2.5บาท ค่าบำรุงรักษา ต่อปี 5000บ ประกัน 18000ป.1 เดียวมาพิมพ์ต่อ
ต่อ ถ้าไม่จำเป็นก็ใช้รถแท๊กซี่ดีกว่าครับ บางครั้งบางคราวไหนจะต้องเก็บเงินแต่งเมียอีก เยอะมากเลยนะครับค่าใช้จ่าย
เวลาลองคิดให้ดีๆนะครับ ถ้าจำเป็นก็เอาถ้าไม่จำเป็นก็พักไว้ก่อน
ต้องคิดอยู่เสมอว่าถ้าเราจะคิดมีครอบครัว หรือแต่งงาน เราทำตามกระแสสังคมไม่ได้นะครับ ต้องดูครอบครัว ดูตัวเราไว้ก่อน
อย่างเอาคนอื่นเป็นเกณฑ์ภาระแต่ละคนมันไม่เท่ากัน คิดไกลๆไว้นะครับ ถ้าเราผ่อนไม่ไหวใครจะซัพพอร์ทเราได้บ้าง
ยังไงก็ฝากไว้นะครับ
ขอบคุณครับ
-
จริงครับมีหลายปัจจัย
เช่น
-ทำงานในเมือง/นอกเมือง ค่าอาหารแพง ค่าที่จอดรถตามสถานที่ต่างๆ
-อาศัยกับครอบครัวรึเปล่า ถ้าอาศัยกับครอบครัวก็ทุ่นค่าที่ัพักไปได้ ค่าอาหารอีกเดือนละหลายมื้อ
รถยนต์ส่วนตัวนั้นไม่ได้มาแค่เงินผ่อนต่อเดือนอย่างเดียว
แต่มาทั้งค่าน้ำมันอีกเดือนละหลายพัน
ึค่าบำรุงรักษาตามระยะทาง เช่น น้ำมันเครื่อง ยาง ค่าล้างรถ(หรืออุปกรณ์ล้างรถเอง) ประกันภัย ภาษี
ยกตัวอย่างว่า ถ้าผมเงินเดือน20k ทำงานในกรุงเทพต้องเช่าหอพัก กินอยู่เอง ปกติใช้รถไฟฟ้าหรือรถเมล์ไปทำงาน ไม่มีภาระทางบ้าน แต่ทางบ้านก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรมากนักปล่อยให้เลี้ยงดูตัวเอง มีแฟนแต่แยกรายจ่าย(เผื่อเลิก 555)
ผมไม่ซื้อแน่ๆครับลำพังค่าครองชีพก็เยอะอยู่แล้ว ถ้าต้องผ่อนรถรวมน้ำมันตีถ้วนๆสักหนึ่งหมื่นแล้วเก็บอีกหมื่นไว้ใช้ในกรุงเทพ ผมว่าต้องประหยัดสุดๆเลยกินข้าว เงินเหลือเก็บคงมีแต่น้อยแน่ๆ แทบซื้อของเกินจำเป็นอะไรไมไ่ด้เลย เผลอๆจะไม่พอกินเอา ปกติแบบนี้มักจะซื้อพวกอสังหาริมทรัพย์กันเป็นอันดับแรกครับ
แต่ถ้าผมเงินเดือน15kทำงานอยู่ต่างจังหวัด อาศัยอยู่กับครอบครัว(กับพ่อแม่ มีข้าวกิน มีบ้านอยู่) การเดินทางไปทำงานไม่สะดวกนักต้องซิ่งแว้นไป หรือเอารถของครอบครัวไปใช้ เงินเดือนส่วนใหญ่จะใช้เก็บหรือส่วนตัว เพราะอาศัยอยู่กับพ่อแม่ค่าใช้จ่ายอื่นๆออกให้หมด(เผลอๆมีแถม) แบบนี้ผมคงออกสักคันครับ เพราะภาระต่างจากกรณีบนสุดๆ เงินเดือนนั้นแทบจะเก็บเต็มๆ หรือต่อให้มีปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลังทางบ้านก็ยังช่วยเหลือได้
-
อีกอย่างพอคุณมีรถ หลายจ่ายหลายๆอย่างจะตามมาอย่างคาดไม่ถึง
เช่น
อยากเที่ยวไปเที่ยว แต่เพื่อนไม่แชร์ค่าน้ำมัน >:(
ค่าจอดรถตามสถานที่ต่างๆ
จ่ายค่าน้ำมันไม่ไหวอยากติดแก๊ส
อยากแต่งรถ
ประสบการณ์ส่วนตัวครับ
-
อันดับแรก,,, ผมอยากให้มองที่ "ความจำเป็น" มากกว่า "เรื่องเงิน" ครับ
คือ ถ้ารถ มีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตของท่าน รถช่วยท่านหาเงิน
ยังไงมันก็ต้องไหว ยังไงมันก็ต้องซื้อแหละครับ แล้วค่อยไปประหยัดในส่วนอื่นเอา
แต่ถ้ารถ,,, ไม่ได้มีความจำเป็น ไม่ได้ช่วยหาเงิน อยากจะเอาสบายอย่างเดียว
ซ้ำยังจะสร้างดอกเบี้ย(ซึ่งตอนนี้แพงมาก) ให้ท่านต้องจ่ายอีก
ผมว่า เก็บเงินเย็นไว้ก่อน เผื่อมีโอกาสดีๆ เข้ามา จะได้ฉกฉวยได้ครับ
เพื่อนผมคนนึง,,, นั่งรถเมล์จาก นนท์ ไปทำงาน บ้านหม้อ ทุกวัน
เงินเดือนก็ประมาณ 2 หมื่น มันเก็บเงินเย็นของมัน ไปเล่นหุ้น
ตอนนี้ ก็ได้อีกประมาณ 1-2 หมื่น ต่อเดือน
ผมถามมัน "ไม่ซื้อรถหลอ" มันบอก "จะซื้อมาทำไม"
สรุป,,, ถ้ามีความจำเป็น ยังไงก็ต้องซื้อ ก็ซื้อเถอะครับ
หรือถ้ามีเงินเย็น ไม่รู้จะเอาไปทำไร จะซื้อสด ก็น่าจะได้
แต่ถ้าไม่จำเป็น แล้วต้องเสียดอกเบี้ยอีก ก็คิดให้หนักละกันครับ :-X
-
อีกอย่างพอคุณมีรถ หลายจ่ายหลายๆอย่างจะตามมาอย่างคาดไม่ถึง
เช่น
อยากเที่ยวไปเที่ยว แต่เพื่อนไม่แชร์ค่าน้ำมัน >:(
ค่าจอดรถตามสถานที่ต่างๆ
จ่ายค่าน้ำมันไม่ไหวอยากติดแก๊ส
อยากแต่งรถ
ประสบการณ์ส่วนตัวครับ
จริงครับมีหลายปัจจัย
เช่น
-ทำงานในเมือง/นอกเมือง ค่าอาหารแพง ค่าที่จอดรถตามสถานที่ต่างๆ
-อาศัยกับครอบครัวรึเปล่า ถ้าอาศัยกับครอบครัวก็ทุ่นค่าที่ัพักไปได้ ค่าอาหารอีกเดือนละหลายมื้อ
รถยนต์ส่วนตัวนั้นไม่ได้มาแค่เงินผ่อนต่อเดือนอย่างเดียว
แต่มาทั้งค่าน้ำมันอีกเดือนละหลายพัน
ึค่าบำรุงรักษาตามระยะทาง เช่น น้ำมันเครื่อง ยาง ค่าล้างรถ(หรืออุปกรณ์ล้างรถเอง) ประกันภัย ภาษี
ยกตัวอย่างว่า ถ้าผมเงินเดือน20k ทำงานในกรุงเทพต้องเช่าหอพัก กินอยู่เอง ปกติใช้รถไฟฟ้าหรือรถเมล์ไปทำงาน ไม่มีภาระทางบ้าน แต่ทางบ้านก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรมากนักปล่อยให้เลี้ยงดูตัวเอง มีแฟนแต่แยกรายจ่าย(เผื่อเลิก 555)
ผมไม่ซื้อแน่ๆครับลำพังค่าครองชีพก็เยอะอยู่แล้ว ถ้าต้องผ่อนรถรวมน้ำมันตีถ้วนๆสักหนึ่งหมื่นแล้วเก็บอีกหมื่นไว้ใช้ในกรุงเทพ ผมว่าต้องประหยัดสุดๆเลยกินข้าว เงินเหลือเก็บคงมีแต่น้อยแน่ๆ แทบซื้อของเกินจำเป็นอะไรไมไ่ด้เลย เผลอๆจะไม่พอกินเอา ปกติแบบนี้มักจะซื้อพวกอสังหาริมทรัพย์กันเป็นอันดับแรกครับ
แต่ถ้าผมเงินเดือน15kทำงานอยู่ต่างจังหวัด อาศัยอยู่กับครอบครัว(กับพ่อแม่ มีข้าวกิน มีบ้านอยู่) การเดินทางไปทำงานไม่สะดวกนักต้องซิ่งแว้นไป หรือเอารถของครอบครัวไปใช้ เงินเดือนส่วนใหญ่จะใช้เก็บหรือส่วนตัว เพราะอาศัยอยู่กับพ่อแม่ค่าใช้จ่ายอื่นๆออกให้หมด(เผลอๆมีแถม) แบบนี้ผมคงออกสักคันครับ เพราะภาระต่างจากกรณีบนสุดๆ เงินเดือนนั้นแทบจะเก็บเต็มๆ หรือต่อให้มีปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลังทางบ้านก็ยังช่วยเหลือได้
น่าจะ case เดียวกับผมเลยครับ ทำงานชานเมืองที่จอดรถฟรี(แต่ตากแดด) รถไม่ติด แต่นั่งรถเมล์ไปลำบากมากๆ
ค่าอาหารไม่แพง(20 บ.) บางวันก็เอาอาหารไปกินเอง ภาษีสังคมไม่เยอะ เพราะพี่ๆส่วนใหญ่มีครอบครัว ไม่ค่อยเที่ยวกลางคืน
ไม่มีกินเหล้า มีแต่จ่ายค่างานศพบ้าง :o เสาร์-อาทิตย์ก็อยู่บ้านอ่านหนังสือ(เรียนเนติ)
ผมเก็บได้เดือนละ 10,000 กว่าๆ ทั้งที่เงินเดือนประมาณ 15,000+เงินพิเศษอื่นๆ
ผมเลยตัดสินใจซื้อรถเพราะ จะเอาค่าน้ำมันที่จ่ายกับคันเก่ามาผ่อนรถ(Eco car) และไม่ต้องเสียค่าซ่อม(รถเก่าครับ) ;)
จาการคำนวนของผม เท่ากับว่าผมอาจจ่ายค่าผ่อนรถจริงๆ ประมาณ 2 พันครับ :D
-
ตอนผมเงินเดือน 15000-20000 ผมใช้มือสอง ติดแก๊สครับ
ใช้มา 9 ปี ถึงมีเงินเหลือมาดาวน์ป้ายแดง
ถ้าซื้อแล้วมันตึงเกินไปก้หามือสองสภาพดีๆไปก่อนก็ได้ครับ เพราะตึงไป ชีวิตจะเครียดเกิน วัยทำงานต้องมีสังคมอะไรอีกหลายอย่าง
ถ้าเป็นผู้ชายสนับสนุนให้หามือสองมาลองเล่นก่อน ใช้ไป ซ่อมบ้างก็สนุกดี เป็นประสบการณ์ชีวิต
ถ้าเป้นผู้หญิงสนับสนุนป้ายแดง เท่าที่จะสามารถผ่อนได้ครับ
-
ดอกเบี้ย,,, รถมือ 2 แพงกว่า รถใหม่ มากอยู่นนะครับ
พอผ่อนหมด,,, รถมือ 2 อาจจะแพงกว่าอะ
ลองไปคำนวณดุก่อน (http://i658.photobucket.com/albums/uu306/IncarRus/88.gif)
-
ไหวนะครับ แต่บางทีต้องตัดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยบางอย่างออกไปบ้าง และที่สำคัญมีรถแล้วจะไม่ค่อยมีเงินเก็บนะครับ ถ้าไม่หาอาชีพเสริม ;D
-
เด็กจบใหม่ได้เงินเท่านี้ถือว่ามากแล้วครับ............เมื่อเทียบกับผมเมื่อ 5 ปีที่แล้ว หุหุ
ถ้าคนเดียวนี่ท่าทางจะเหนื่อย.........มันไม่ใช่แค่ผ่อนรถอย่างเดียว อื่นๆจะตามมาหลายๆ อย่าง
ขนาดผมทำงานเก็บเงินมา 5 ปี และเพิ่งแต่งงานเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ต้องมาคำนวนรายจ่ายทั้งหมด ว่าเดือนหนึ่งเหลือเงินเท่าไร......จะพอผ่อนหรือไม่
จะต้องเหลือเก็บต่อเดือนกี่บาท...มันไม่ใช่ผ่อนรถเดือนชนเดือนเท่านั้น
เพราะเงินดาวน์รถก็ช่วยกันเก็บกับแฟน.............ดาวน์รถจนเงินหมดก็ไม่ได้
ต้องสำรองไว้ยามฉุกเฉินอีก....พาพ่อ แม่ ไปหาหมอบ้าง
แนะนำอย่างนี้ครับ หากมีเงินดาวน์ไม่เดือดร้อน แต่ต้องมีเงินเหลือเก็บไว้บ้างนะครับ หลังจากหักค่าใช้จ่ายค่าผ่อนรถไปแล้วมีเงินเหลือซัก 4 พันบาท อันนี้คงออกได้แล้วครับ
หากมันพอดีเกินไป.........อย่าเพิ่งมีภาระตอนนี้เลยครับ รอซัก 2-3 ปี เมื่อพร้อมกว่านี้จะดีกว่า
-
ขอบคุณครับ
เป็นมุมมองที่ดีครับ
ส่วนของเพื่อนๆผมคงปล่อยมันแหละครับ
อย่างว่า เพื่อนผมมองที่ความโก้ การมีรถขับคงดูเท่
แต่สำหรับผม คุณพ่อให้ขับตั้งแต่สมัยเรียนเพราะไม่อยากให้อยู่หอ
เนื่องจากกลัวเสียการเรียน
กลายเป็นว่า มีรถคือภาระ เพราะต้องเติมน้ำมัน ค่าใช้จ่ายมากมาย
คาดว่า เด๋วเพื่อนผมคงรู้สึกเอง 555+
ส่วนของแฟนผม คงให้ซื้อปีหน้า เพราะจำเป็นครับ
แถวรามอินทราไม่มีรถไฟฟ้าอะไรเลย ต้องพึ่งรถจริงๆ เหอะๆ
-
อยากเทห์จัดไปครับ ไหวแน่นอน
แต่ตอนผมจบใหม่ผมซื้อบ้าน2m+ ที่ต่างจังหวัด ไม่อยากเช่าเค้าอยู่
ตอนนี้ทำงานมา 3ปี พึ่งจะออกรถป้ายแดงครับ ก่อนหน้านั้นใช้เก่าของพ่อ ;D
-
ก่อนที่คิดจะซื้อรถ ผมขอถามคำเดียวก่อนครับ
สมเหตุสมผลไหมที่จะมีรถ อันนี้เป็นกรณีตัวอย่างนะครับ
เพราะว่าก็มีเพื่อนบางคนของผมเหมือนกัน
ประมาณกรณีที่เจ้าของกระทู้ว่ามาเลยครับ
ทำงานได้แป็ปนึงอยากมีรถ คิดว่าผ่อนไหว
ก็ไปดาว์มาผ่อนไป แต่สุดท้ายหลังจากหายบ้าเห้อรถแล้ว
ก็กลับกลายเป็นจอดไว้กับบ้านแล้วก็นั่งรถไฟฟ้าเหมือนเดิม
ผมถามกลับไปว่าทำไมไม่ใช้รถล่ะซื้อมาแล้วไม่ใช่เหรอ
เค้าตอบกลับมาว่า นั่งรถไฟฟ้าดีกว่า เพราะค่าน้ำมันก็แพง
ขับเข้ามาในเมืองรถก็ติดทำให้ต้องตื่นเช้ากว่าเดิม
มาถึงตึกที่ทำงานก็โดนเก็บค่าที่จอดรถอีก ฯลฯ
คิดไปคิดมานั่งรถไฟฟ้าเหมือนเดิมสะดวกกว่า
ถูกกว่าด้วย....สุดท้ายแล้วก็เท่ากับว่าซื้อรถมาจอดไว้เฉยๆ
แต่ต้องผ่อนทุกเดือน+จ่ายค่ารักษาต่อไป
อาทิตย์นึงได้ขับแค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น
ดังนั้นถ้าคิดว่าซื้อมาแล้วจะเป็นแบบกรณีของเพื่อนผม
ผมอยากจะแนะนำว่าให้คิดดีๆนะครับ....คิดยาวๆ
มีรถแล้วก็เหมือนมีภาระเพิ่มอีกอย่างนะครับ
ปล.นี่เป็นแค่ความคิดส่วนตัวจากประสบการณ์จริงเท่านั้นครับ
-
ไหว เพราะจัดสันเงินได้+หาเงินเก่ง แต่ก็ซื้อรู่นเบส เพราะหวังแค่เดินทาง ไม่บ้าออฟชั่น แต่ไม่ค่อยได้ใช้ แถมปีที่แล้วงานเข้าอีก
แต่ผ่อนจริงมีรายการกินมาม่า ปลากระป๋องสามวันสุดท้ายเกือบทุกเดือน -..-"
-
สองหมื่นก็เยอะแล้วนะ
แต่ผมว่าได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับรายจ่ายมากกว่า
-
ไม่มีภาระหมายความว่า อยู่กับพ่อแม่ ไม่มีภาระอะไรเลยประมาณนี้ใช่มั้ยครับ? ค่าใช้จ่ายอื่นไม่มีเลย?
ถ้าแบบนี้โอกาศรอดมีสูงครับ แต่อย่าลืมค่าประกันภัย การใช้จ่ายอื่นๆ อีกนะครับ
อ้อ รอได้รอนโยบายลดภาษีรถยนต์คันแรกของพรรค พท. ด้วยนะครับ อย่างน้อยก็อาจจเอาตรงนั้นมาจ่ายเป็นค่าประกันภัยชั้น 1 ได้ 5 ปี
-
อันดับแรก,,, ผมอยากให้มองที่ "ความจำเป็น" มากกว่า "เรื่องเงิน" ครับ
คือ ถ้ารถ มีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตของท่าน รถช่วยท่านหาเงิน
ยังไงมันก็ต้องไหว ยังไงมันก็ต้องซื้อแหละครับ แล้วค่อยไปประหยัดในส่วนอื่นเอา
แต่ถ้ารถ,,, ไม่ได้มีความจำเป็น ไม่ได้ช่วยหาเงิน อยากจะเอาสบายอย่างเดียว
ซ้ำยังจะสร้างดอกเบี้ย(ซึ่งตอนนี้แพงมาก) ให้ท่านต้องจ่ายอีก
ผมว่า เก็บเงินเย็นไว้ก่อน เผื่อมีโอกาสดีๆ เข้ามา จะได้ฉกฉวยได้ครับ
เพื่อนผมคนนึง,,, นั่งรถเมล์จาก นนท์ ไปทำงาน บ้านหม้อ ทุกวัน
เงินเดือนก็ประมาณ 2 หมื่น มันเก็บเงินเย็นของมัน ไปเล่นหุ้น
ตอนนี้ ก็ได้อีกประมาณ 1-2 หมื่น ต่อเดือน
ผมถามมัน "ไม่ซื้อรถหลอ" มันบอก "จะซื้อมาทำไม"
สรุป,,, ถ้ามีความจำเป็น ยังไงก็ต้องซื้อ ก็ซื้อเถอะครับ
หรือถ้ามีเงินเย็น ไม่รู้จะเอาไปทำไร จะซื้อสด ก็น่าจะได้
แต่ถ้าไม่จำเป็น แล้วต้องเสียดอกเบี้ยอีก ก็คิดให้หนักละกันครับ :-X
เห็นด้วยเลยครับ
อาจจะพอใช้แต่คงเหลือเก็บน้อยมากครับ
ชีวิตมันไม่แน่นอนครับต้องมีสำรองไว้เสมอครับ..
-
ขอออกความคิดเห็นหน่อยนะครับ
เวลาจะคิดรายรับ ให้คิดเฉพาะรายได้ประจำที่ได้แน่ๆทุกเดือนครับ อย่าไปรวมโอที หรือเงินได้พิเศษที่ได้บ้างไม่ได้บ้าง
มันจะกลายเป็นว่าดูเหมือนรายได้เยอะ แต่พอมีรถจริงๆกลายเป็นหมุนเงินไม่ทันครับ
ขอฝากไว้ให้ลองคิดดูครับ ;D
-
ผมก็เพิ่งจบใหม่เหมือนกันครับ
แต่ผมว่าอย่าเพิ่งสร้างภาระให้ตัวเองจะดีกว่านะครับ เก็บเงินไว้เรียนต่อจะดีกว่า
ถ้าท่านเจ้าของกระทู้ทำงานบัญชี ต้องเปลี่ยน Job งานเรื่อยๆ
ไปกับบริษัทดีกว่า เพราะการขับรถในกรุงเทพ เหนื่อยนะครับ
เวลาที่เคยใช้นอนบนรถ ต้องเปลี่ยนเป็นเวลาขับรถซึ่งจะนอนไม่ได้ครับ
ไหนจะค่าประกัน ค่าบำรุงรักษา ค่าที่จอดรถ อีกเยอะเลย เดือนๆนึงแพงกว่าอยู่หออีกครับ
ตัวผมเองก็อยู่บ้านใช้รถที่ทางบ้านมีอยู่แล้ว อยู่บ้านก็สบายหน่อย แต่ก็ยังพอๆกับค่าหออยู่ดี
สรุปนะครับ ถ้าทำงานอยู่ในกรุงเทพอยู่ดีมีความสุข แนะนำว่า ยังไม่ควรซื้อครับ อดทนเพื่อนๆเค้าโม้กันไปก่อน แล้วจะพบอะไรดีๆอีกเยอะ
ขอบคุณครับ
เป็นมุมมองที่ดีครับ
ส่วนของเพื่อนๆผมคงปล่อยมันแหละครับ
อย่างว่า เพื่อนผมมองที่ความโก้ การมีรถขับคงดูเท่
แต่สำหรับผม คุณพ่อให้ขับตั้งแต่สมัยเรียนเพราะไม่อยากให้อยู่หอ
เนื่องจากกลัวเสียการเรียน
กลายเป็นว่า มีรถคือภาระ เพราะต้องเติมน้ำมัน ค่าใช้จ่ายมากมาย
คาดว่า เด๋วเพื่อนผมคงรู้สึกเอง 555+
ส่วนของแฟนผม คงให้ซื้อปีหน้า เพราะจำเป็นครับ
แถวรามอินทราไม่มีรถไฟฟ้าอะไรเลย ต้องพึ่งรถจริงๆ เหอะๆ
แถวรามอินทรา รถตู้ขับเร้วกว่ารถไฟฟ้าเยอะครับ ^^ 55
-
สำหรับผมเงินเดือน 18000 รวมนู้นนี่นั่นก็ 24000 ยังขับมือสองอยู่เลยครับ สามห่วงปี 95 ไม่กล้าที่จะออกรถใหม่อยากได้เหมือนกันแต่มันไม่จำเป็น เท่าที่มีก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะออกรถใหม่ก้มีอย่างเดียวเป็นหลักคือ ให้รางวัลชีวิตกับตัวเอง บางคนกว่าจะได้นั่งรถที่อยากได้จริงๆก็เกษียนแล้วก็มี ล่อเทียน่า แอคคอร์ด แคมรี่กันเยอะ สำหรับผมไม่ถือว่าสิ้นเปลืองหรือฟุ่มเฟือยเพราะมันคือรางวัลชีวิตทำงานมานานเพียงแต่ผมไม่อยากให้รางวัลผมมันนานเกินไป ทำงานมา 8 ปีล่ะ กะจะให้รางวัลกับตัวเองตอนทำงานครบ 10 ปี (หลายๆที่รวมกันนะ) แต่ไม่ถึงขั้น D Segment หรอก กะรอดูทีด้าใหม่พอดีเลย ตอนนี้ก็เอาเงินที่มีทั้งหมดไปลงทุนกะจะให้มันงอกเงย แล้วเอาไอ้ที่งอกไปดาว์นแล้วก็เป็นเงินผ่อนทุกๆเดือน เท่ากับว่าผมไม่เสียตังเลยแต่ก็ไม่รวยขึ้น เงินก้อนนั่นก็อยู่เป็นเงินทุน เงินใช้ยามฉุกเฉิน เป็นเงินเก็บต่อไป
แต่สำหรับเด็กจบใหม่แล้วอยากเห่อ อยากได้รถใหม่ไปอวดชาวบ้านผมถือว่าฟุ่มเฟีอยเลยล่ะ ควรสร้างรากฐานชีวิตตนเองให้แน่นก่อนทำงานไปสักพักเก็บเงินได้ก้อนนึงมั่นใจแล้วว่ารากฐานแน่นพอก็ค่อยให้รางวัลกับตัวเองจะมีคุณค่ากว่า เห็นมากเยอะพวกจบใหม่หรือเงินเดือนน้อยๆได้โบนัสมาก็เอาไปดาว์นรถสุดท้ายไม่มีปัญญาผ่อนต้องเดือนร้อนพ่อแม่ เลี้ยงมาจนโตส่งเสียจนเรียนจบแล้วยังไม่มีปัญญาเลี้ยงตัวเองอีก เอาเงินที่หามาได้ไปฟุ่มเฟีอยในสิ่งไม่จำเป็น บางคนก็โดนไฟแนนท์ยึด บางคนก็เร่ขายดาว์นขาดทุนบาน บางคนก็จอดทิ้งไว้อยู่บ้านเป็นเครื่องประดับบ้านไปเสีย บางคนมีปัญญาผ่อนก็จริงแต่ต้องเบียดเบียนความสุขในชีวิตส่วนตัวไป เช่นไม่มีเงินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน กินแต่มาม่า อยากได้อะไรก็ซื้อไม่ได้ สร้างนี้สร้างสินเพิ่มเติมเป็นงูกินหาง ชิวิตนี้คาดหวังกับโบนัสอย่างเดียว
อันนี้ผมพูดเฉพาะคนที่ไม่จำเป็นต้องใช้นะครับส่วนคนที่จำเป็นต้องใช้มันก็จำเป็นล่ะครับเหตุผลคล้ายๆกับทุกๆท่าน แต่เพิ่มอีกนิด บางคนทำให้มันเป็นบวกด้วยการสร้างแรงขับเคลื่อนตัวเองให้พยายามหาตังมาผ่อนรถ กลายเป็นว่าอาจเปลี่ยนจากคนไม่มีอะไรมาเป็นคนขยันคนมีความรับผิดชอบซะงั้นก็มี มันก็ไม่มีอะไรเป็นข้อดีข้อเสียไปทุกด้านหรอกครับ
-
ผมว่าลองเก็บเงินดูครับเดือนละ 10000 แล้วพ่เก็บไหวได้ชักประมาณ 2แสนแล้วค่อยนำไปดาวน์ ยอดผ่อยต่อเดือน
จะได้ไม่หนัก
-
สำหรับผมเงินเดือน 18000 รวมนู้นนี่นั่นก็ 24000 ยังขับมือสองอยู่เลยครับ สามห่วงปี 95 ไม่กล้าที่จะออกรถใหม่อยากได้เหมือนกันแต่มันไม่จำเป็น เท่าที่มีก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะออกรถใหม่ก้มีอย่างเดียวเป็นหลักคือ ให้รางวัลชีวิตกับตัวเอง บางคนกว่าจะได้นั่งรถที่อยากได้จริงๆก็เกษียนแล้วก็มี ล่อเทียน่า แอคคอร์ด แคมรี่กันเยอะ สำหรับผมไม่ถือว่าสิ้นเปลืองหรือฟุ่มเฟือยเพราะมันคือรางวัลชีวิตทำงานมานานเพียงแต่ผมไม่อยากให้รางวัลผมมันนานเกินไป ทำงานมา 8 ปีล่ะ กะจะให้รางวัลกับตัวเองตอนทำงานครบ 10 ปี (หลายๆที่รวมกันนะ) แต่ไม่ถึงขั้น D Segment หรอก กะรอดูทีด้าใหม่พอดีเลย ตอนนี้ก็เอาเงินที่มีทั้งหมดไปลงทุนกะจะให้มันงอกเงย แล้วเอาไอ้ที่งอกไปดาว์นแล้วก็เป็นเงินผ่อนทุกๆเดือน เท่ากับว่าผมไม่เสียตังเลยแต่ก็ไม่รวยขึ้น เงินก้อนนั่นก็อยู่เป็นเงินทุน เงินใช้ยามฉุกเฉิน เป็นเงินเก็บต่อไป
แต่สำหรับเด็กจบใหม่แล้วอยากเห่อ อยากได้รถใหม่ไปอวดชาวบ้านผมถือว่าฟุ่มเฟีอยเลยล่ะ ควรสร้างรากฐานชีวิตตนเองให้แน่นก่อนทำงานไปสักพักเก็บเงินได้ก้อนนึงมั่นใจแล้วว่ารากฐานแน่นพอก็ค่อยให้รางวัลกับตัวเองจะมีคุณค่ากว่า เห็นมากเยอะพวกจบใหม่หรือเงินเดือนน้อยๆได้โบนัสมาก็เอาไปดาว์นรถสุดท้ายไม่มีปัญญาผ่อนต้องเดือนร้อนพ่อแม่ เลี้ยงมาจนโตส่งเสียจนเรียนจบแล้วยังไม่มีปัญญาเลี้ยงตัวเองอีก เอาเงินที่หามาได้ไปฟุ่มเฟีอยในสิ่งไม่จำเป็น บางคนก็โดนไฟแนนท์ยึด บางคนก็เร่ขายดาว์นขาดทุนบาน บางคนก็จอดทิ้งไว้อยู่บ้านเป็นเครื่องประดับบ้านไปเสีย บางคนมีปัญญาผ่อนก็จริงแต่ต้องเบียดเบียนความสุขในชีวิตส่วนตัวไป เช่นไม่มีเงินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน กินแต่มาม่า อยากได้อะไรก็ซื้อไม่ได้ สร้างนี้สร้างสินเพิ่มเติมเป็นงูกินหาง ชิวิตนี้คาดหวังกับโบนัสอย่างเดียว
อันนี้ผมพูดเฉพาะคนที่ไม่จำเป็นต้องใช้นะครับส่วนคนที่จำเป็นต้องใช้มันก็จำเป็นล่ะครับเหตุผลคล้ายๆกับทุกๆท่าน แต่เพิ่มอีกนิด บางคนทำให้มันเป็นบวกด้วยการสร้างแรงขับเคลื่อนตัวเองให้พยายามหาตังมาผ่อนรถ กลายเป็นว่าอาจเปลี่ยนจากคนไม่มีอะไรมาเป็นคนขยันคนมีความรับผิดชอบซะงั้นก็มี มันก็ไม่มีอะไรเป็นข้อดีข้อเสียไปทุกด้านหรอกครับ
อันนี้ขอพูดนิดนึงนะครับ ในฐานะใช้ สามห่วง 1.6GXI Auto เหมือนกัน
ว่า ผมว่าพยายามอย่าใช้รถเกิน 20 ปีนะครับ เพราะผมรู้สึกว่า สามห่วง แบบเดียวกัน
ตอนนี้เริ่มขายยากแล้วครับ ถ้าเป็นไปได้ หากพอไหว ก็เปลี่ยนดีกว่าครับ อนาคตจะปล่อยยากขึ้น
ผมลงใน Net นี่รู้เลย ว่ามีคน PM มาสนใจ แต่สุดท้ายก็ไม่มาดู เพราะดอกรถเก่ากว่าปี 96 แพงมาก
ส่วนใหญ่เข้าไฟแนนส์ห้องแถว คนเลยไม่ซื้อกัน และพวกที่ซื้อ ก็ต่อแล้วต่ออีก จนบางทีการ turn ศูนย์จะดีกว่าด้วยซ้ำ
เช่น turn ศูนย์ ได้ 1.2 แสน ขายเอง 1.4 แต่ยังต่ออีก จะเอาให้ถึง 1.3 แสนให้ได้ แบบนี้ผมจะขายตรงไปทำไมไม่รู้
เสียค่าโทรไป 50 บ. ค่าน้ำมันอีก มีแต่ขาดทุน
และอนาคต จะต้องซ่อมอะไรอีกก็ไม่รู้ และจุดอ่อนของสามห่วง ของพวกเราคือ แลคพวงมาลัย ซึ่ง นับวันของมันก็จะหายากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะส่วนใหญ่รั่วกันทุกคันครับ(ของผมเปลี่ยนมาแล้ว)
ยังไงถ้าพอไหว และไม่เป็นภาระมาก ก็ลองเปลี่ยนไปเป็นพวก Eco car หรือ B-Seg ดีกว่าครับ :)
-
ผมเนี่ยรายได้เดือนละ 36K-40K
รายจ่ายที่นอนมาเลยทุกเดือน เดือนละ 11 K
กินใช้ตั้งงบไว้เดือนละ 10 K (เป็นที่ประหลาดใจยิ่ง เมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัย เดือนละ 4000 รวมค่าหอ อยู่ได้ ทำไมตอนนี้กินใช้อย่างเดียว หมื่นนึงไม่พอ บางเดือนมีรูดบัตรเพิ่มอีก)
ดูเหมือนว่าอย่างน้อยที่สุดผมก็จะเหลือเดือนละ 15 K
ดูแล้วผ่อนรถได้สบายๆ
แต่เชื่อไหมว่ารถผมไม่ได้ผ่อน
และเงิน 15 K ที่ว่าก็ไม่เหลือ
มันแปลงร่างกลายเป็น เครื่องเสียง รองเท้า กางเกงยีนส์ ของเล่นไร้สาระ ไฟฉาย มีด เครื่องมือช่าง
เพื่อนๆที่ทำงานมาพร้อมๆกันเค้าผ่อนรถหมดกันแล้ว
ฉะนั้นผมอยากให้ผ่อนครับ ถ้าผ่อนไหว มันจะเป็นแรงขับดัน เป็นพลังให้ขยันทำงาน
ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
กลายเป็นคนที่สาวๆไม่อยากฝากชีวิตไว้
T_T
-
ตอนนี้ผม เงินเดือน 21,000 รวมโอทีด้วย ก็ได้ประมาณ 35,000+ ยังคิดไม่ตกเลยครับ เพราะว่าต้องผ่อนบ้าน 7500 ให้เเม่ 7000 ค่านมลูกอีก
ไหนจะค่าใช้จ่ายอย่างอื่นอีก ก็ได้เเต่คิดว่าอยากจะได้ซักคัน เเต่พอคิดไปเเล้วว่า ถ้าซื้อรถใหม่ก็ต้อง มีค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 12000+
ก็เลยยังข่มใจตัวเองไปก่อนซักพักหน่ะครับ ไว้ปีหน้าค่อยว่ากัน 55555
-
ผมยกตัวอย่างตัวเองแล้วกัน
ผมซื้อรถหลังจากทำงานได้ราวๆ 1 ปีครับ
โดยตอนนั้นเงินเดือนประมาณ 13,xxx บาท รวมกับค่าโอทีก็ได้แถว 18,000 -20,000 บาท ต่อเดือน
ที่ต้องซื้อเพราะจำเป็น ต้องใช้เดินทางระหว่าง แปดริ้ว - ชลบุรี
โดยคุณแม่ผมออกเงินดาวน์ให้ 65% แล้วผมผ่อนเองเดือนละ 6,100 บาท 3 ปี
ตอนนั้นผมไม่มีภาระอะไร กินอยู่ที่บ้าน จ่ายเฉพาะค่าน้ำมัน
ซึ่งก่อนซื้อคิดคร่าวๆ ว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
แต่พอซื้อมาใช้แล้ว ค่าใช้จ่ายซ่อนเร้น มันมี เช่น ค่าเช็คระยะ ประกัน
เชื่อไหม 3 ปี ที่ผมต้องเป็นหนี้ ผมใช้รถแบบไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ กังวลว่าเงินเดือนจะไปรอดไหม ความตั้งใจที่จะให้เงินเดือนคุณแม่ใช้ ก็พลอยอดไปด้วย เพราะตัวเองก็เดือนชนเดือนอยู่แล้ว
จนผมเปลี่ยนที่ทำงานได้เงินเดือนเยอะขึ้น ค่อยหายใจโล่งหน่อย
-
ถ้าผมมีดิบๆ 15000-20000
ขายคันปัจจุบัน กู้เงินแม่ มาโปะคันใหม่
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว(ค่ากิน) 3500/เดือน
ผ่อนคืนแม่ตัวเอง 3000-4000/เดือน ดอกไม่มี กำหนดเวลาไม่ต้อง
น้ำมัน 4000/เดือน
ที่เหลือเก็บ
-
ถ้าเรตเงินเดือนขนาดนี้คงต้องพึ่งเงินดาวน์สูงๆ ละครับ
ราคารถ - เงินดาวน์ = ยอดจัด
เอายอดจัด x อัตราดอกเบี้ย x จำนวนปีที่ผ่อน
__________________________________
100
= ดอกเบี้ย เอาดอกเบี้ยมา + ยอดจัด
______________________
จำนวนเดือนที่ผ่อน
= ค่างวดต่อเดือน แล้วลองดูว่าไหวไหม
ยกตัวอย่าง Vios J Auto นะครับ
ราคารถ 549,000 ดาวน์ 20 % = 109,800
จะได้ยอดจัด 549,000-109,800 = 439,200
อัตราดอกเบี้ย สมมติ 2.65 = 439,200 x 2.65 x 5 สมมติ 5 ปี
__________________________
100
= 439,200 + 58,194 = 497,394
= 497,394
__________
60
= 8,290 บาทต่อเดือน ลองคำนวณดูว่าคุณจะหักเงินไว้แปดพันหย่อนเก้าพันนิดๆ เอาไว้สำหรับค่ารถได้มั้ย ^-^
-
ลองไปตามนี้ดูครับ
คำนวณค่างวด Toyota
http://www.tlt.co.th/CalculationSystem/front/dreamcar.aspx (http://www.tlt.co.th/CalculationSystem/front/dreamcar.aspx)
ถ้าผมลองคำนวณ Vios J A/T นะ
เงินดาวน์ 20% 109,800 บาท ผ่อน 60 เดือน
จะผ่อนงวดละ 8,345 บาทครับ........เหลือค่าใช้จ่ายประมาณ 6,600 บาท
หรือนี่ จะค้นหารถตามความสามารถในการผ่อนของเราเลยครับ
http://www.tlt.co.th/CalculationSystem/front/affordmoney.aspx (http://www.tlt.co.th/CalculationSystem/front/affordmoney.aspx)
ส่วนนี่ของฮอนด้าครับ
http://www.hondaleasing.co.th/calculator_advance.php (http://www.hondaleasing.co.th/calculator_advance.php)
-
ผมก็เหมือนกันน้องนะครับ เพิ่งจบทำงานมาได้ 3 เดือน
เงินเดือนประจำประมาณ 4 หมื่น OT อีก 4 - 5 หมื่น อยู่ 15 วัน/เดือน
ตอนจบผมก็เหมือนทุก ๆ คน อยากได้รถใหม่
ตั้งแต่ออกรถมาเกือบ 3 เดือนแล้ว แทบไม่ได้ขับไปไหนเลย
จนตากแดดทิ้งไว้เฉย ๆ นาน ๆ ก็ขับกลับบ้านที
ผมคิดไปคิดมา รู้สึกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องออกรถเลย ใช้คันเก่าก็ได้
เพื่อน ๆ ผม ที่จบพร้อมกัน ออกรถเหมือนผม จอดกันเป็นแถว ไม่ได้ไปไหน ป้ายแดงทั้งนั้น
ต้องชั่งใจดูระหว่าง ความอยาก กับความจำเป็นแหละครับ
ผ่อนรถ เงินหายไปเยอะนะครับ แล้วมันไม่ใช่แค่เดือน 2 เดือน มันเป็นปี
ต้องดูว่าทนไหวหรือป่าว ถ้าเกิดจำเป็นต้องใช้เงินฉุกเฉิน
ต้องเอาไว้ใช้ทำงานเช่น notebook แล้วไม่มีเงินซื้อจะทำอย่างไรครับ
ผ่อนทั้งรถ ทั้งคอมพ์ ไม่ไหวหรอกครับ จะไม่มีกินเอา
ถ้าจำเป็นผมว่ามองรถมือสอง หรือ Ecocar ก็ได้นะครับ แต่ต้องมีเงินดาวน์เยอะ ๆ
สุดท้ายผมว่ามันอยู่ ที่ความจำเป็น มากกว่าความต้องการ
เงินที่ผ่อนรถผมเดือนละเกือบ 2 หมื่น ซึ่งผมว่ามันเอาไปลงทุน คุ้มค่ากว่าเยอะ
ผมว่าถ้าจะซื้อรถ ต้องดาวน์เยอะ ๆ ผ่อนน้อยปี จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยโดยไม่จำเป็นครับ
-
ผมแนะนำอย่ารีบร้อนครับ ระวังเจอเงินช็อตแล้วจะหนาวครับ
แนะนำเก็บเงินดาวสูงๆดีกว่าครับ
ผมก็พึ่งเรียนจบมา ไปออกเทียน่า แต่ผมดาวไป 9 แสน เลยสบายเลย
-
สงสัยว่าผมต้องเปลี่ยนงานแล้วหรือเปล่า
ทำไมคนที่นี่จบใหม่ได้ตั้ง 2-3 หมื่นกัน ตอนผม start แรกๆ ได้1.3หมื่น พ้นโปร+สิ้นปีได้มา 1.4 หมื่น
ตอนนี้ได้ 15,410 บ. รู้สึกว่าน้อยจังเลย คนอื่นๆเขาไปไกลกันหมดแล้ว
เพื่อนผมได้ 2 หมื่นกันหมด
เพื่อนทำราชการพนักงานราชการได้ 1.2 หมื่น
คิดว่าผมต้องเปลี่ยนงานหรือไม่ครับ ;D
-
ผมว่างาน อย่ามองแค่ตัวเงินและระยะเวลาการทำงานเลยครับ เพราะต่างคนต่างทำงานกันคนละแบบ ผลตอบแทนย่อมที่จะมากน้อยต่างกันเป็นธรรมดา
ผมทำงานมา 7 ปีแล้ว เงินเดือนยังไม่ถึง 3 หมื่นเลยครับ
ถ้าเรารักงานของเรา ก็หารถที่มันพอดีกับเราน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ผมเองเก็บเงินดาวน์ มา 2 ปีกว่าและ แล้วจะได้ 4แสนละ ผมรู้ตัวว่าถ้าผมดาวน์น้อยผมตายแน่ๆๆ
ผมขอบคุณเจ้าของกระทู้มากที่ตั้งกระทู้เตือนสติหลายๆคน และผมก็เห็นแนวทางดีๆเพียบเลย
;)
-
ผมรับปริญญาตอนอายุ 22 กว่าจะได้ทำงานก็ 24 เปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ ตอนนี้รับราชการเงินเดือนหมื่นนิดๆ รถคันแรกในชีวิตเป็นรถมือสองครับ ตอนเลือกก็พยายามเลือกรถที่ประหยัดค่าโสหุ้ยหน่อย ไม่จุกจิก ตอนนี้เปลี่ยนรถแล้วก็ยังคงคอนเซ็ปเดิมคือเน้นบำรุงรักษาง่ายและไม่แพง เอาไว้รายได้สูงกว่านี้อีกนิดค่อยขยับหารถที่ชอบจริงๆ ตอนนี้ก็อยู่ได้สบายๆ
แต่หักค่าใช้จ่ายอื่นๆแล้วนอกจากส่งค่างวดรถแล้ว ก็หน้ามืดเหมือนกัน เดือนๆเหลือใช้สามสี่พันบาท
-
ผมโชคดีหน่อยตอนจบมาใหม่ๆ เงินเดือน 27000 แต่คำนวนแล้วยังไงก็ไม่กล้าผ่อนรถ เลยทำงานเก็บเงินไปเรื่อย ดันไปซื้อคอนโดก่อนอีก แบกค่าผ่อนคอนโด พอดีตอนต้นปีวางแผนกับแฟนแล้วว่าจะซื้อรถ ทำงานเก็บเงินมาสามปีกว่าแล้ว ผมเงินเดือนตอนนี้สี่หมื่นนิด รวมกับแฟนแล้วได้ประมาณหกหมื่น ผ่อนรถเดือนละหมื่น ผ่อนคอนโดเดือนละ 7000 ดูยังไงก็สบายๆ ส่งที่บ้านได้ ส่งน้องเรียนได้
แต่ตอนนี้ออกรถได้ 3 เดือนแล้วก็ค้นพบความจริงว่า ไอ้ที่ว่าสบายๆ มันไม่ได้สบายอย่างที่คิดเลย จากที่เคยมีเงินเที่ยว ซื้อของที่อยากได้ ตอนนี้แค่ค่าใช้จ่ายประจำ ค่ากิน ค่าผ่อนรถ ผ่อนคอนโด ส่งครอบครัว ส่งน้อง ค่าน้ำมัน นี่ก็กินเกือบหมดเงินเดือนสองคนแล้ว เที่ยวก็ไม่ค่อยได้เที่ยว หุ้นก็ไม่เหลือเงินไว้เล่น แถมเงินเก็บแต่ละเดือนยังเหลือน้อยลงอีก อยากจะเตือนว่าจะซื้อให้ซื้อเพราะความจำเป็นนะครับ อย่าซื้อเพราะความอยากได้ ของผมดีที่ซื้อเพราะจำเป็น อย่างน้อยก็สบายใจว่าซื้อเพื่อหน้าที่การงาน(ของแฟน) มันพอช่วยเป็นแรงขับดันให้ทำงานหาเงินมาผ่อนคันนี้ต่อไปจนหมด (อีก 57 งวด T-T)
-
ความเห็นส่วนตัวผมนะ
เริ่มจากดูฐานะทางบ้านของ จขกท ก่อนเลยว่าอยู่ช่วงไหน เช่น
- ต้องให้เงินดูแลพ่อแม่ในแต่ละเดือนไหม
- ต้องช่วยทางบ้านผ่อนหนี้สินไหม
ถ้าเริ่มต้นด้วยคำตอบว่ามีภาระดังกล่าว การเริ่มผ่อนรถตอนนี้ ถือว่า ไม่ควรเลยครับ
หากทางบ้านไม่มีภาระ ก็เริ่มมาดูตัวเราเองเลยครับ เช่น
- พร้อมที่จะอดทนผ่อนรถ 2 - 5 ปี ไหม
- พร้อมที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับรถ น้ำมันรถ ค่าserviceตามระยะทาง ค่าที่จอดรถ ประกันรถยนต์
- อนาคตอันใกล้ ยังไม่คิดจะแต่งงานมีครอบครัว เพราะการมีครอบครัว ค่าใช้จ่ายทั้งก่อนแต่งและหลังแต่งเยอะมาก
ถ้าพร้อม ก็ซื้อเถอะครับ มันเป็นความสุขของคนชอบรถจริงๆนะ
-
ผมเนี่ยรายได้เดือนละ 36K-40K
รายจ่ายที่นอนมาเลยทุกเดือน เดือนละ 11 K
กินใช้ตั้งงบไว้เดือนละ 10 K (เป็นที่ประหลาดใจยิ่ง เมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัย เดือนละ 4000 รวมค่าหอ อยู่ได้ ทำไมตอนนี้กินใช้อย่างเดียว หมื่นนึงไม่พอ บางเดือนมีรูดบัตรเพิ่มอีก)
ดูเหมือนว่าอย่างน้อยที่สุดผมก็จะเหลือเดือนละ 15 K
ดูแล้วผ่อนรถได้สบายๆ
แต่เชื่อไหมว่ารถผมไม่ได้ผ่อน
และเงิน 15 K ที่ว่าก็ไม่เหลือ
มันแปลงร่างกลายเป็น เครื่องเสียง รองเท้า กางเกงยีนส์ ของเล่นไร้สาระ ไฟฉาย มีด เครื่องมือช่าง
เพื่อนๆที่ทำงานมาพร้อมๆกันเค้าผ่อนรถหมดกันแล้ว
ฉะนั้นผมอยากให้ผ่อนครับ ถ้าผ่อนไหว มันจะเป็นแรงขับดัน เป็นพลังให้ขยันทำงาน
ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
กลายเป็นคนที่สาวๆไม่อยากฝากชีวิตไว้
T_T
เป็นผมนะ เก็บ 15K สัก 2 เดือน เอาไปเล่นแผลงๆเช่นพวกหุ้นหรือราคาทอง ล้มก็เสมอตัวยังไงก็หมด ได้ก็ดี ;D
-
เออ... ตัวผมไม่ได้ซื้อครับ - -''
ยังน้องออสเก่าๆของตัวเองต่อไป คงใช้ได้อีกราวๆ 6ปี
แค่มาขอความเห็นเฉยๆ
กะว่าอีก 6ปี เก็บเงินไปเรื่อยๆ ค่อยซื้อทีเดียวครับ
แต่ก็ขอบคุณครับ ได้มุมมองดีๆขึ้นเยอะเลย
-
สำหรับผม จบมาสองปี(ตอนนี้อายุ26) ทำงานเงินเดือน ก็ในระดับหนึ่งที่พอจะสร้างหนี้ได้(บ้าง) แต่ขอแชร์นิดนึงละกันครับ
ผมเป็น Recruitment Specialist จะบอกว่า ตลาดแรงงาน บ้านเรา ตอนนี้ ฐานเงินเดือนมัน หดตัวลง ตำแหน่งงานระดับ entry เนี่ย ตอนนี้ ปริญญาตรี เริ่มที่ 9K นะครับ --
ขนาดธนาคารหัวนอก จ้าง ตอนนี้ก็ 10500 เท่านั้น บัญชีเนี่ย จบใหม่ ถ้าไม่ภาษาดีมาก หรือ มี motivation แรงๆ ก็เริ่มที่12K เท่านั้น และ มีคนบอกว่า มหาลัยที่ดี การันตี ผม ขอบอกได้เลยครับ ว่า ไม่เสมอไป ผมเพิ่ง interview คนนึงที่ จบ บัญชี จากมหาลัย top3 ของบ้านเรา ทำงานมา3ปี เงินเดือนก็ยัง 18-19k อยู่เลย
ปัจจัย การ ปรับเงินเดือนมันขึ้นอยู่กับหลายๆสิ่ง
แต่สำหรับ ตอนนี้ ถ้าเงินเดือนใน ระดับ 15-20k ผมว่า อย่าเพิ่ง จะดีกว่าครับ เพราะ ยังไง น่าจะรอให้ มีการ hopping ไป บริษัทอื่นเพื่อให้เงินเดือนมัน สูงขึ้น สักนิดนึง เพราะ การ hopping โดย ปกติ ก็จะสามารถขยับ ฐานเงินเดือนได้ ถึง 30% อยู่แล้ว
ยิ่งสภาพบ้านเราตอนนี้ เก็บเงินสด ไว้ก่อนดีกว่าครับ
เพราะ เมื่อเริ่มเป็นหนี้ ต้องไม่ลืมนะครับ ว่ามันม่จบภายใน เดือน หรือสองเดือน แต่มันอาจจะมากกว่า 48เดือน หรือ 4ปี เลย ต้องถามตัวเองว่า พร้อมรึเปล่ากับการบำเพ็ญเพียร นานๆขนาดนั้น :P
ปล.อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ^^
-
สงสัยว่าผมต้องเปลี่ยนงานแล้วหรือเปล่า
ทำไมคนที่นี่จบใหม่ได้ตั้ง 2-3 หมื่นกัน ตอนผม start แรกๆ ได้1.3หมื่น พ้นโปร+สิ้นปีได้มา 1.4 หมื่น
ตอนนี้ได้ 15,410 บ. รู้สึกว่าน้อยจังเลย คนอื่นๆเขาไปไกลกันหมดแล้ว
เพื่อนผมได้ 2 หมื่นกันหมด
เพื่อนทำราชการพนักงานราชการได้ 1.2 หมื่น
คิดว่าผมต้องเปลี่ยนงานหรือไม่ครับ ;D
เพื่อนผมสตาททำงานโรงงาน seagate ผลิต HDD อะสตามตั้ง 28,000 เงินเดือน 20000 ค่าทำงานนอกสถานที่ 8000
โปรแกรมเมอร์ หรือ วิศคอมส่วนมากเงินเดือนสตาทจะสูงถ้าเก่งจริงไม่ต้องเก่งมากสามารถทำงานได้ก็ 18000+ ครับ แล้วแต่ความสามารถในการเรียกเอาเงิน
-
ตอบคุณ SilverG
จริงๆก็อยากเปลี่ยนอย่างแรงเลยล่ะครับ แผนเดิมที่วางไว้กะจะออกตอนต้นปีหน้า แต่พอดีคุณภรรยาท้องซะก่อนก็เลยต้องเปลี่ยนแผน ตอนนี้แฟนทำงานที่ กทม มาตอนวันหยุดกะหางานได้ก่อนสิ้นปีจะได้ไม่มีปัญหา แต่ลูกอยากมาหาก่อนก็เลยต้องทำงานที่เดิมแล้วผมกะว่าหลังครบกำหนดลาคลอด 3 เดือนแล้วจะให้ลาออกมาเลี้ยงลูกอย่างน้อย 6 เดือน (ตำราเค้าว่าไว้ ลูกควรกินนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน) จากนั้นค่อยลำบากคุณแม่ยายช่วยเลี้ยง แล้วค่อยหางานใหม่ แต่ใจจริงผมอยากให้ค้าขายเล็กๆน้อยๆแล้วเลี้ยงลูกเองตลอดจะดีกว่า อยากเห็นหน้าลูกเมียทุกวันหน่ะครับ ซึ่งเท่ากับว่าผมจะหาเงินคนเดียวเกือบปีแต่ต้องเลี้ยงลูกเมียด้วย ถ้าจะลงทุนให้ภรรยาผมค้าขายก็ต้องมีเงินก้อนนึงมาเป็นทุนอยู่ดี ดังนั้นสถานะการเงินของผมตอนนี้ยังไม่นิ่งเลย ดีที่มีเงินก้อน 5 แสน แต่ก็เหมือนเป็นเงินกู้เพราะผมซื้อคอนโดให้เช่า 3 ห้องกู้เกินมา 4.5 แสน เลยต้องจ่ายส่วนต่างทุกๆเดือนเพราะเก็บค่าเช่าได้น้อยกว่าค่าผ่อน (ก็กู้เกินมาเยอะ) แต่ผมก็เอามาลงทุน 4 แสนซื้อรถมือสองมา 3 คันขายที่เต้นท์พ่อผม และก็เล่นหุ้นอีก 1 แสน ซึ่งผมไม่อยากแตะเงินลงทุนในส่วนนี้อยากให้มันงอกขึ้นเรื่อยๆเพื่ออนาคต เฉพาะเงินเดือนไม่ไหวแน่ๆ 24000 ค่าบ้าน 4300 น้ำไฟกินอยู่จิปาถะ เหลือเดือนล่ะ 10000 จ่ายค่าส่วนต่างคอนโดอีก 2000 เหลือ 8000 ดีที่น้องจบแล้วไม่ต้องส่งเดือนล่ะ 4000
ทุกวันนี้ผมก็เหมือนโรคจิตอ่อนๆแล้วล่ะครับ เข้าเว็ปนี้มาติดตามข่าวสารรถใหม่ๆตลอด ตอนเช้าก็ออกมารอรถตู้บริษัทก่อน 5 นาทีมองดูรถที่ผ่านไปผ่านมาตาละห้อย บางทีอดไม่ได้ก็แวะเข้าโชว์รูมดับกิเลสซักหน่อยจนจะหมดแถวนี้แล้ว ที่บ้านมีใบราคา โบร์ชัวร์ไว้ดูย้อมใจเล่นๆเพียบ เฮ้อ สู้ต่อไปจนกว่าวันนั้นจะเป็นของเรา
-
คุณเริ่มต้นทำงานดีกว่าผมตั้งเยอะ............อย่าเพิ่งไปมองจำนวนตัวเลขเพียงอย่างเดียวครับ
หากที่คุณอยู่แล้วมีความสุขในการทำงาน ไม่มีปัญหากับเพื่อร่วมงาน มีความรู้สึกว่าอยากไปทำงานทุกวัน มันก็อยากที่จะทำงานที่นี่ต่อไป.....แต่หากเงินไม่เยอะและสภาพการทำงานไม่น่าอยู่ อันนี้แนะนำหาที่ใหม่ได้ครับ
แต่หากคุณได้เงินเยอะมากกว่าที่แรกมากๆ สมมุติ 25,000 บาทอัพ คุณก็ต้องไม่ลืมว่า เขาจ้างคุณด้วยจำนวนเงินที่สูง ความคาดหวังในตัวคุณมันก็สูงไปด้วย ความกดดันมันก็กลับมาที่คุณเหมือนกันครับ คุณจะมีความสุขในการทำงานหรือเปล่า :-\
ค่อยๆ หาประสบการณ์ครับ ความสุขมันหาซื้อไม่ได้ด้วยเงินทุกอย่างไปนะครับ หากทำอะไรแล้วใจมีความสุขและไม่เดือดร้อนตัวเองกับคนอื่น.......ทำเลยครับ
อย่างผมนี่เพิ่งจะออกรถมา 3 เดือน ผ่อนไปแล้ว 4 เดือน เดือนละ 10,153 บาท ช่วยกันกับแฟน มีเหลือบ้างไว้ยามจำเป็น แต่มันก็มีความสุขกันทั้ง 2 คนนะครับ
ลองนำไปคิดดูครับ... :D
-
คุณเริ่มต้นทำงานดีกว่าผมตั้งเยอะ............อย่าเพิ่งไปมองจำนวนตัวเลขเพียงอย่างเดียวครับ
หากที่คุณอยู่แล้วมีความสุขในการทำงาน ไม่มีปัญหากับเพื่อร่วมงาน มีความรู้สึกว่าอยากไปทำงานทุกวัน มันก็อยากที่จะทำงานที่นี่ต่อไป.....แต่หากเงินไม่เยอะและสภาพการทำงานไม่น่าอยู่ อันนี้แนะนำหาที่ใหม่ได้ครับ
แต่หากคุณได้เงินเยอะมากกว่าที่แรกมากๆ สมมุติ 25,000 บาทอัพ คุณก็ต้องไม่ลืมว่า เขาจ้างคุณด้วยจำนวนเงินที่สูง ความคาดหวังในตัวคุณมันก็สูงไปด้วย ความกดดันมันก็กลับมาที่คุณเหมือนกันครับ คุณจะมีความสุขในการทำงานหรือเปล่า :-\
ค่อยๆ หาประสบการณ์ครับ ความสุขมันหาซื้อไม่ได้ด้วยเงินทุกอย่างไปนะครับ หากทำอะไรแล้วใจมีความสุขและไม่เดือดร้อนตัวเองกับคนอื่น.......ทำเลยครับ
อย่างผมนี่เพิ่งจะออกรถมา 3 เดือน ผ่อนไปแล้ว 4 เดือน เดือนละ 10,153 บาท ช่วยกันกับแฟน มีเหลือบ้างไว้ยามจำเป็น แต่มันก็มีความสุขกันทั้ง 2 คนนะครับ
ลองนำไปคิดดูครับ... :D
จริงที่สุดคับ เรื่อง ความสุข จากการทำงาน และ เรื่องของเงิน ก่อนหน้านี้ผม ไปนั่งทำงานที่ Recruitment Agency ที่หนึ่ง ให้เงิน ผมเยอะสุดๆ แต่ไม่มีความสุข สุดท้ายก็ต้องออกก TT
-
ผมจบมาเงินเดือน 7 พันบาทเองอ่ะ ตอนสมัยเงินเดือน หมื่นห้าถึงสองหมื่นยังไม่กล้าผ่อนรถเลยอ่ะ กลัวมันไปเบียดเบียนค่าสุราอันเหลือน้อยนิดของเรา ไม่มีหนี้ไม่มีเงินเก็บไม่มีบัตรเครดิต ไม่มีแฟนเลยไม่ได้ห่วงอะไร ตอนเงินเดือนสี่หมื่นก็กะจะซื้อรถแต่ตัวก็อยู่ลาวไม่รู้จะซื้อไปทำไม 2 เดือนกลับบ้าน 4 วัน ก็เก็บแต่เป็นเงินสดไปเรื่อยๆ ไม่เคยน้อยใจเลยว่าทำไมเราไม่มีอะไร ทั้งๆที่คนอื่นมีกันไปหมดแล้ว แต่ที่แน่ๆคือเราไม่มีหนี้
อยากจะบอกว่าแต่ละคนมีแนวทางของตัวเอง อย่าพยายามตามใครเขาเลย เหนื่อย เครียด คิดมาก เราอยู่อย่างสบายตัวดีกว่า มีเงินเก็บต่อเดือนมากกว่าค่าผ่อนก่อนก็ได้ ไม่เหนื่อย ไม่จน ไม่เครียด
-
ขอบคุณพี่เจ้าของกระทู้ และพี่ๆทุกคนที่เข้ามาแชร์ความรู้สึก ความคิดเห็นมากๆเลยครับ
ช่วยให้คนวัยผมที่กำลังจะจบหรือพึ่งจบ มีสติขึ้นเยอะเลย รู้และเห็นคุณค่าของเงินขึ้นเยอะ
เป็นกระทู้ที่ให้ความรู้ ให้มุมมองที่ดีมากๆเลยครับ
ได้รู้ ได้คิด ได้เห็นอะไรเยอะแยะเลย :o
สุดท้ายผมประมวลผมและสรุปได้ว่า แม้เราๆจะรัก และชอบอยากได้รถมากเพียงใด แต่ยังไงก็ต้องดูความหมาะสม ดูอะไรหลายๆอย่างเลย
ที่สำคัญผมว่า"รถเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแต่ไม่ได้เป็นทั้งหมดของชีวิต" ;D
-
ถ้าตอบต่างประเด็นจากท่านอื่น ๆ ผมแนะนำ ให้ถามตัวเองว่า ถ้าชื้อรถมาแล้วได้ใช้อย่างคุ้มค่าหรือไม่?
อาจจะไม่ต้องเอาไปบรรทุกของ หรือ รับจ้างหาเงิน แต่หมายถึง จำเป็นจะต้องเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือไม่?
เพราะเห็นบางคนซื้อรถมาจอด แต่เมื่อเดินทางใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เพราะสะดวกกว่าซะงั๊น แถมไม่ได้เดินทางเกิน 10 กม.เลย
เงินเดือนเท่าไหร่ไม่สำคัญ เท่ากับเราใช้มันยังไง?
ถ้ามีรถขับ แต่รายได้ไม่พอใช้ ต้องกินมาม่า แล้วมีความสุข ก็ซื้อได้ครับ ศูนย์เค้าพร้อมขายอยู่แล้ว
แต่ถ้ามีตังค์เหลือ ๆ ด้วยยิ่งมีความสุขกว่า หรือไม่? อันนี้ต้องตอบตัวเองครับ
-
ผมสตาร์ทบริษัทตัวเองด้วยเงินเดือน 15,000 วุฒิ ม.3
ผ่านมา 1 ปีเงินเดือนยังไม่ขยับเลยครับกินแต่คอมมิชชันจากพ่อ :D
แต่ผมกะว่าจะเวลาที่ไปผ่อนรถหนะเก็บไว้ แล้วไปซื้อสดทีเดียวดีกว่าครับ
ผมไม่อยากมีดอกเบี้ยรัดตัว
-
ขออนุญาติแชร์ความคิดนะครับ
ถ้านับแต่รายได้ผมผ่อน แคมรี่ หรือ BMW สบายๆ
แต่ Fix course ในแต่ละเดือนผมเยอะ
ตอนยังไม่มีรถก็อยากได้
พอมีรถก็คิดได้ ว่าดาวน์รถอะไรก็ได้แต่ต้องผ่อนเดือนละ 4-5 พันพอ
การเงินมันจะสะดวกมากเลยครับ
แต่ถ้ามองมุมกลับบ้าง
เด็กจบใหม่ ไฟแรง แรงยังมีในการทำงาน ซื้อเก็บไว้ก็ดีครับรถ (ถ้ามันจำเป็นต้องใช้)
ไม่งั้นมันจะเสียไปกับอะไรที่เรายังไม่มีตอนเรียน เราจะเสียเงินในจุดนั้นเยอะไปพร่ำเพื่อ
-
ตอนผมเองเป็นเด็กจบใหม่ ผมก็อยากได้รถ แต่ไม่ไหวครับ ใช้รถที่บ้านก่อน
จนคุณพ่อจะขอรถคืน มีรถคันเดียว ก็เลยต้องหารถมือสอง โชคยังดีที่คุณพ่อซื้อให้
ก็เลยเลือกที่มันราคาน่าคบกับรูปทรงโดนใจ มาเป็นเจ้า Nx คันปัจจุบันเนี่ยแหละครับ
ตอนแรกได้งบมา 4.5แสน แต่ให้คืนคุณพ่อไป 2.5แสน เหลือสองแสนไว้ซื้อรถ+ซ่อม
ผมว่ามันเหมาะกับฐานะดีครับ
รถคันต่อไปที่ผมจะเก็บเงินซื้อก็คงราคาไม่ถึงครึ่งล้านครับ อยากได้มือสองสภาพสวยๆ
เอามาเซทโบ ;D
ผมว่าเงินเดือนเด็กจบใหม่ ถ้าไม่มีภาระใดๆ ยังอยู่ยากในเมืองใหญ่เลยครับ ยกเว้นจะประหยัดโคตรๆจริงๆ
ผมเองเงินเดือน หมื่นเกือบกลาง ค่ากินค่าเที่ยวเดือนนึงก็ 5 พันละ เก็บเข้าธนาคารอีกสามพัน เหลือไว้อีก 3 พันเติมน้ำมัน-แก๊ซ/ซ่อม
เกือบหมดละเงินเดือน ... นี่คือผมไม่มีภาระค่าเช่าบ้านค่าน้ำค่าไฟนะครับ
-
ตอบคุณ SilverG
จริงๆก็อยากเปลี่ยนอย่างแรงเลยล่ะครับ แผนเดิมที่วางไว้กะจะออกตอนต้นปีหน้า แต่พอดีคุณภรรยาท้องซะก่อนก็เลยต้องเปลี่ยนแผน ตอนนี้แฟนทำงานที่ กทม มาตอนวันหยุดกะหางานได้ก่อนสิ้นปีจะได้ไม่มีปัญหา แต่ลูกอยากมาหาก่อนก็เลยต้องทำงานที่เดิมแล้วผมกะว่าหลังครบกำหนดลาคลอด 3 เดือนแล้วจะให้ลาออกมาเลี้ยงลูกอย่างน้อย 6 เดือน (ตำราเค้าว่าไว้ ลูกควรกินนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน) จากนั้นค่อยลำบากคุณแม่ยายช่วยเลี้ยง แล้วค่อยหางานใหม่ แต่ใจจริงผมอยากให้ค้าขายเล็กๆน้อยๆแล้วเลี้ยงลูกเองตลอดจะดีกว่า อยากเห็นหน้าลูกเมียทุกวันหน่ะครับ ซึ่งเท่ากับว่าผมจะหาเงินคนเดียวเกือบปีแต่ต้องเลี้ยงลูกเมียด้วย ถ้าจะลงทุนให้ภรรยาผมค้าขายก็ต้องมีเงินก้อนนึงมาเป็นทุนอยู่ดี ดังนั้นสถานะการเงินของผมตอนนี้ยังไม่นิ่งเลย ดีที่มีเงินก้อน 5 แสน แต่ก็เหมือนเป็นเงินกู้เพราะผมซื้อคอนโดให้เช่า 3 ห้องกู้เกินมา 4.5 แสน เลยต้องจ่ายส่วนต่างทุกๆเดือนเพราะเก็บค่าเช่าได้น้อยกว่าค่าผ่อน (ก็กู้เกินมาเยอะ) แต่ผมก็เอามาลงทุน 4 แสนซื้อรถมือสองมา 3 คันขายที่เต้นท์พ่อผม และก็เล่นหุ้นอีก 1 แสน ซึ่งผมไม่อยากแตะเงินลงทุนในส่วนนี้อยากให้มันงอกขึ้นเรื่อยๆเพื่ออนาคต เฉพาะเงินเดือนไม่ไหวแน่ๆ 24000 ค่าบ้าน 4300 น้ำไฟกินอยู่จิปาถะ เหลือเดือนล่ะ 10000 จ่ายค่าส่วนต่างคอนโดอีก 2000 เหลือ 8000 ดีที่น้องจบแล้วไม่ต้องส่งเดือนล่ะ 4000
ทุกวันนี้ผมก็เหมือนโรคจิตอ่อนๆแล้วล่ะครับ เข้าเว็ปนี้มาติดตามข่าวสารรถใหม่ๆตลอด ตอนเช้าก็ออกมารอรถตู้บริษัทก่อน 5 นาทีมองดูรถที่ผ่านไปผ่านมาตาละห้อย บางทีอดไม่ได้ก็แวะเข้าโชว์รูมดับกิเลสซักหน่อยจนจะหมดแถวนี้แล้ว ที่บ้านมีใบราคา โบร์ชัวร์ไว้ดูย้อมใจเล่นๆเพียบ เฮ้อ สู้ต่อไปจนกว่าวันนั้นจะเป็นของเรา
ผมซื้อมาแล้วละครับ มันจำเป็นเพราะรถผมเริ่มจะเยอะแล้ว ทั้งลูกหมาก แลค ไม่ได้ใช้ของแท้เพราะงบจำกัดมาก
รอเปลี่ยนใหม่ทีเดียวดีกว่า :)
-
ขนาดวิศวะเคมีโดยทั่วไป ป.ตรี สตาร์ท25000 มีโบนัส ค่าต่างจังหวัด บลาๆ รวม 35000ต่อเดือน พอโบนัสปีที่สองออกก็ดาวน์รถ ส่วนมาก ก็มาขับเท่อยู่ไม่นานก็จอดไว้บ้านเพราะสู้ค่าน้ำมันไม่ไหวเหมือนกันครับ
ผมเลยมองว่า โอเคถ้าผ่อน เงิน15k ไหวอยู่ แต่ถ้าเจอค่าน้ำมัน ไม่ไหวแน่ๆเลยครับ ยกเว้นทำงานใกล้มากๆ (แบบนี้ก็น่าจะขี่มอไซค์เอามากกว่า)
-
ต้องดูว่ารายรับหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือเท่าไหร่
คิดค่าน้ำมันรถ ค่าบำรุงรักษาเข้าไปด้วย
ตอยผมออกรถเงินเดือน 17,xxx + OT 3,000-7,000 ไม่แน่นอน
รถราคา 6 แสนนิดๆดาวน์ 250,000 ผ่อนเดือนละ 7,000 5 ปี ผ่อนบ้านเดือนละ 3,000
ก็ยังอยู่ได้แต่ปลายปีมีโบนัสมาช่วยตอนต่อภาษีต่อประกัน
-
ผมทำอาชีพส่วนตัวครับค้าขาย โดนส่วนตัวผมคิดว่าถ้าออกรถมาแล้ว เปรียบเสมีอนมือเท้านำเราไปหาตังค์ได้เพื่มก็จะออก
แต่ถ้าออกมาแล้ว มาเป็นภาระเพื่มรายจ่ายก็คิดให้ดีๆนะครับ เฉพาะค่าน้ำมันแต่ละวันๆ คูณออกมาต่อเดือนก็ไม่น้อยนะครับ
ยิ่งเป็นรถคันแรกไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องค่าใช้จ่ายกับค่าดูแลรักษารถ ต้องหาข้อมูลเยอะหน่อยนะครับ
ส่วนเรื่องผ่อนไหว หรือไม่ไหวนั้นผมคิดว่าควรมีเงินเดือนอย่างน้อยสามเท่าของค่างวดครับ ตรงนี้ประมาณแบบคร่าวๆนะครับ
เพราะค่าครองชืพของแต่ละคนไม่เท่ากัน
ปล.ถ้าผมไม่จำเป็นต้องใช้รถส่งของ ผมจะนั้งรถไฟฟ้า หรือรถเมล์ครับไม่ต้องเจอรถติด อย่างน้อยก็ไม่ต้องขับ
-
อ่านดูแล้วชีวิตแต่ละคน เหนื่อยมากจริงๆ
ถ้าฝรั่ง กับญี่ปุ่น ในบริษัทรถบ้านเรา มันเข้าใจความจริงตรงนี้
ว่าคนไทย กว่าจะได้รถมาคันนึง ยากลำบากขนาดไหน
ทำไมถึงต้องถือว่า การม่ีรถคันนึง เปรียบได้กับการยกระดับทางสังคม
คงจะเริ่มคิดได้ และทำอะไรให้มันดีๆกับลูกค้าในบ้านเรามากกว่านี้กันเสียที...
-
เห็นด้วยกับพี่ จิมมี่เลย ครับ เพราะกว่าจะได้มาคันนึง ลำบากจริงๆนะ สำหรับ จขกท. ส่วนตัวผม คิดว่า มองระยะยาวก่อนก็น่าจะดีนะครับ เก็บเงินไว้ดาวน์สูงๆ ผ่อนสบายๆดีกว่า แล้วอาจจะเก็บเผื่อฉุกเฉิน เผื่อมีเหตุสุดวิสัยไว้บ้างก็ดีนะครับ
-
ส่วนตัวผมกำลังจะจบแล้วครับ ตอนแรกก็คิดๆว่าออกออกรถสักคันไว้พาแม่ไปไหนมาไหนสบายๆกับเค้าบ้าง
แต่มาคิดถึงฐานเงินเดือนตัวเองเล่นๆ+หนี้ที่รอผ่อนคืนอยู่ (พวกหนี้กยศ. น่ะครับ) เลยต้องปลง พับแผนไปเรียบร้อย
การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐครับ T^T
-
ขอบคุณครับ
ได้มุมมองดีๆเยอะขึ้นมากๆ
เมื่อ4ปีก่อน คุณพ่อซื้อวีออสให้ขับไปเรียน
ก็แอบนึกในใจ อยากได้รถใหญ่กว่านี้ ผมเรียนเอแบค
เพื่อนๆผมขับอีโว มินิ ฟอร์จูนเนอร์ หรืออย่างต่ำๆก็วีออสแต่งเป็นแสน
แอบน้อยใจลึกๆ
พอจบมา ตอนนี้เข้าใจคุณพ่อแล้วครับ
เงินนั้นหายากขนาดไหน เมื่อก่อนผมแบมือขอตังพ่อ เป็นอะไรที่ได้เงินง่ายมากๆ
เป็นกำลังใจ สู้ต่อไปครับทุกท่าน
เชื่อว่าคนที่นี่ส่วนใหญ่คงอายุไล่ๆกันไม่มาก วัยทำงานวัยเรียนทั้งนั้น
ขอบคุณที่มาช่วยแชร์กัน
-
โห....เด็กเยอะอ่ะ
ตอนจบใหม่ๆ ผมจำไม่ได้แล้วสิ นานมากเลย 5 5 5 แต่รถคันแรกๆเป็นมือสองหมดครับ
มีป้ายแดงก็ตอนเริ่มทำงานแล้วเนี่ยหล่ะครับ
แต่ก่อนรายได้ประมาณ 1.5-2 หมื่น ขับเปอโยต์ 405 มือสอง ตอนนั้นค่าน้ำมันยังไม่เท่าไหร่ รถซื้อสดครับ
สองแสนกว่าบาท ใช้ดีจนมิดไปนั่นแหละ ใช้ไปซ่อมไป เลยเข้าใจเครื่องยนต์ขึ้นอีกเยอะเลย
ตอนนี้....ผมว่ามันน่าเครียดว่าแต่ก่อนอีก
เพราะอิมเพรสซ่า เล่นหวดค่าน้ำมันเดือนละ 9,000 ครับ เนี่ยเพิ่งบวกเล่น....ยอดบัตรเครดิตนะ
คิดดูว่ามันใช้เงินมากเสียกว่า ค่าใช้จ่ายบิ๊กซี ซะอีก
ปัจจุบันผมมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 70,000-80,000 ต่อเดือน
ผ่อนรถต่อไปน่าจะสองคัน คือ อิมกับมาร์ช ตกเดือนละ 16,000 ผมยังเครียดนิดๆเลยครับ
แต่ในแพลนผมคิดว่า ช่วงตั้งแต่ต้นปีหน้า ผมจะเริ่มตัดรายจ่ายหลัก
เชื่อมั๊ยครับ รายจ่ายหลักๆ ของผมคือ ของแต่งรถ....เหมือนเป็นยาเสพติดเลย ลงทีเป็นหมื่นทำได้....
มานั่งคิด แม่งเปลืองชิบเลยว่ะ ปีหน้าว่าจะไป ถ่ำกระบอก เลิกเสพของแต่งรถไม่รู้จะทำได้ป่าวนะ
แล้วพยามปิดยอด ซูบารุให้ได้ (ดาวน์ไปหกแสน ผ่อนรวมดอกเบี้ยหกแสน แต่ตอนนี้เหลือประมาณห้าแสน) กะจะโป๊ะเลย
ปีหน้าจะพยายาม 1 ปี โป๊ะให้ได้ (กู้ไว้ห้า ผ่อนมาปีเดียว ปีหน้าต้องโป๊ะ) เพื่อลดภาระหนี้สินต่อเดือน
เพราะแปลว่า ในหนึ่งเดือนผมจะลดค่าใช้จ่ายประจำ ฟิกซ์คอร์สลงได้ถึง 11000 ต่อเดือนเลย
แล้วเอาเงินก้อนนั้น เก็บไว้ใช้จ่ายยามจำเป็นครับ
ส่วนมาร์ชช่างมันครับ ผ่อนเดือนละ 4,800 บาทเท่านั้น ไอ้คันนี้ก็ดาวน์ซะเยอะเหมือนกัน รถ 4.5 แสน ดาวน์ไปสองแสน
สู้ๆครับ
-
อ่านดูแล้วชีวิตแต่ละคน เหนื่อยมากจริงๆ
ถ้าฝรั่ง กับญี่ปุ่น ในบริษัทรถบ้านเรา มันเข้าใจความจริงตรงนี้
ว่าคนไทย กว่าจะได้รถมาคันนึง ยากลำบากขนาดไหน
ทำไมถึงต้องถือว่า การม่ีรถคันนึง เปรียบได้กับการยกระดับทางสังคม
คงจะเริ่มคิดได้ และทำอะไรให้มันดีๆกับลูกค้าในบ้านเรามากกว่านี้กันเสียที...
เขียนบทความขึ้นมาเลยมั้ยครับ เกี่ยวกับเรื่องนี้แหละ ว่าคนไทยคนนึง กว่าจะได้รถมา 1 คัน กับราคาที่แสนจะแพง อะไรประมาณนี้
ตัวผมเอง รายได้ อยู่ในช่วง 24,000 บาท
- ผ่อนรถเดือนละ 10,000
- ให้ที่บ้าน 2,000
- ชำระหนี้บัตร เฉลี่ย 3,000 (เพราะเอาไปรูดติดแก้ส)
- ค่าที่พัก 3,500 รวมน้ำไฟ
- ค่า โทรศัพท์ 700
หรือ 4,800 คือค่ากิน และค่าเชื้อเพลิง (อนาตแท้ -_-')
- เงินเก็บไม่มี
- หาแฟนไม่ได้เพราะไม่มีเงินจีบสาว เพราะการจีบสาวมันต้องใช้เงินลงทุนกันบ้าง
- แล้วเมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี ภาษีรถครับผม รถ 2000cc ภาษีรวม พรบ. 3600บาท
- ค่าประกันภัยอีก 20,000+ แล้วยังมีค่า Maintenance อีก ไม่ต่ำกว่า 7,000 บาทต่อปีโดยเฉลี่ย
เพราะฉะนั้นต้องคิดให้ดีและเลือกเอานะครับ
ถ้าอยู่กับที่บ้าน แล้วภาระไม่เยอะ หรือไม่มีภาระ ก็ผ่อนได้ได้อยู่
แต่ถ้าต้องอยู่ด้วยตัวเอง ต้องเลือกเอา ว่าจะอยู่อย่างอดอยาก แล้วมีรถใช้ หรืออยู่ได้เรื่อยๆ แล้วมีเงินเก็บ
แล้วเมื่อฐานเงินเดือนขยับขึ้น ค่อยมาว่ากันใหม่
เพราะเงินเดือนแค่นี้ เหมาะที่จะใช้รถ TOYOTA มือ 2 ในงบ 2 แสนกลางๆ เพราะค่าดูแลมันถูก อะไหล่เทียบเยอะครับ
-
อ่านดูแล้วชีวิตแต่ละคน เหนื่อยมากจริงๆ
ถ้าฝรั่ง กับญี่ปุ่น ในบริษัทรถบ้านเรา มันเข้าใจความจริงตรงนี้
ว่าคนไทย กว่าจะได้รถมาคันนึง ยากลำบากขนาดไหน
ทำไมถึงต้องถือว่า การม่ีรถคันนึง เปรียบได้กับการยกระดับทางสังคม
คงจะเริ่มคิดได้ และทำอะไรให้มันดีๆกับลูกค้าในบ้านเรามากกว่านี้กันเสียที...
เขียนบทความขึ้นมาเลยมั้ยครับ เกี่ยวกับเรื่องนี้แหละ ว่าคนไทยคนนึง กว่าจะได้รถมา 1 คัน กับราคาที่แสนจะแพง อะไรประมาณนี้
ตัวผมเอง รายได้ อยู่ในช่วง 24,000 บาท
- ผ่อนรถเดือนละ 10,000
- ให้ที่บ้าน 2,000
- ชำระหนี้บัตร เฉลี่ย 3,000 (เพราะเอาไปรูดติดแก้ส)
- ค่าที่พัก 3,500 รวมน้ำไฟ
- ค่า โทรศัพท์ 700
หรือ 4,800 คือค่ากิน และค่าเชื้อเพลิง (อนาตแท้ -_-')
- เงินเก็บไม่มี
- หาแฟนไม่ได้เพราะไม่มีเงินจีบสาว เพราะการจีบสาวมันต้องใช้เงินลงทุนกันบ้าง
- แล้วเมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี ภาษีรถครับผม รถ 2000cc ภาษีรวม พรบ. 3600บาท
- ค่าประกันภัยอีก 20,000+ แล้วยังมีค่า Maintenance อีก ไม่ต่ำกว่า 7,000 บาทต่อปีโดยเฉลี่ย
เพราะฉะนั้นต้องคิดให้ดีและเลือกเอานะครับ
ถ้าอยู่กับที่บ้าน แล้วภาระไม่เยอะ หรือไม่มีภาระ ก็ผ่อนได้ได้อยู่
แต่ถ้าต้องอยู่ด้วยตัวเอง ต้องเลือกเอา ว่าจะอยู่อย่างอดอยาก แล้วมีรถใช้ หรืออยู่ได้เรื่อยๆ แล้วมีเงินเก็บ
แล้วเมื่อฐานเงินเดือนขยับขึ้น ค่อยมาว่ากันใหม่
เพราะเงินเดือนแค่นี้ เหมาะที่จะใช้รถ TOYOTA มือ 2 ในงบ 2 แสนกลางๆ เพราะค่าดูแลมันถูก อะไหล่เทียบเยอะครับ
ผมสนับสนุนนะครับ
พูดกันถึงความเป็นจริง(ที่โหดร้าย)ล้วนๆ
เชื่อว่า จะเป็นบทความที่มีสาระมากๆครับ
-
นกน้อยทำรังแต่พอตัว...
ผมว่าผมคิดถูกและที่ซื้อ มาร์ช เพราะผ่อนตกเดือนละ 5พันกว่า(4ปี) ค่าน้ำมันต่อเดือน 2พันกว่าๆ ค่าบำรุงรักษาก็มีแค่ น้ำมันเครื่อง(สังเคราะ100% 3 ลิตร 1200) พวกกรอง ๆลๆ อะไหล่เสีย มีประกัน 3 ปี สบายไป
ค่าประกันชั้น1 14000 ต่อปี ภาษีก็ถูก แล้วผมก็มีเงินเก็บส่วนนึง ก็เลยไม่เดือดร้อนเลย
ถ้าไปซื้อรถราคาสูงกว่านี้ พวก jazz 2 yaris ป่านนี้คงจะจุกไปแล้วล่ะคับ
อยู่อย่างพอเพียงนี่แหละ ดีที่สุด ;D
-
มาตอบเพิ่มอีกข้อนึง
คือ ต่อ 1ปี ปลายปีนึงก็มาแล้ว ค่า พรบ.+ ประกันชั้น 1 + ภาษี
แล้วเกิดปีไหนต้องเปลี่ยนยางไปพร้อมๆกันด้วยแล้ว มันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเท่าไร
เงินหายไปเปล่าๆหลายหมื่นเลยครับ
ไหนจะเสียเวลารับโทรศัพย์พวกมาขายประกันรถอีก ปลายๆปีมักโทรมาถี่
ทั้งๆที่ไม่ได้ไปให้เบอร์ใครเลยนะ มันรู้ๆได้ไง T_T
ปีนี้โทรมาตั้งแต่เดือนนี้เลย ฮ่าๆๆ ผมบอกยังไม่คิดต่อมันเพิ่งจะกลางปีเอง ฮ่าๆๆ
-
แนะนำมาร์ชครับ ราคาไม่สูงมาก ประหยัดน้ำมันด้วยครับ
ส่วนเรื่องการจัดการเงินของแต่ละคน คงไม่เหมือนกัน และหลายๆคนในนี้ก็แนะนำดีมากๆ ผมคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มนะครับ
-
ไม่มีใครแนะนำ BRIO บ้างเหรอครับ ;D