ผู้เขียน หัวข้อ: คนที่เรียนหรือทำงานด้านสิ่งแวดล้อม และสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ขับรถอะไรกันครับ  (อ่าน 8905 ครั้ง)

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
อยากถามดูครับ ในฐานะที่ตนเองเรียนต่อโทสาขาที่เกี่ยวข้องกับ สิ่งแวดล้อม (สุขศาสตร์อุตสาหกรรม หรือ ความปลอดภัยในการทำงาน)

โดยส่วนตัว ไม่ค่อยเห็นใครขับรถ แรงๆ กัน โดยมากจะเป็น city แบบพี่จิมมี่

แต่ตัวผมเอง ขับ March (ตกรุ่นไปแล้ว)

โดยรวมผมชอบ Hybrid แต่ผมไม่ชอบดีเซลเท่าไร (ผมไม่ชอบตรงสั้น ดัง และไอเสีย)

แล้วเพื่อนๆ ที่เจอ มักจะขับรถอะไรกันครับ :)

preme123

  • บุคคลทั่วไป
สงสัยเช่นกันครับ แล้วกลุ่มที่รักโลกมากๆ ขับรถอะไรกันครับ

พวกเขาเหล่านั้นเชื่อจริงๆหรือเปล่าว่า Hybrid / Eco-car ช่วยรักษาโลกหน่ะครับ

 :)

ออฟไลน์ Wayfarer-R

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,560
นั่งรถไฟฟ้าครับ ไม่ซื้อรถ ช่วยโลกประหยัด  :D :D

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 677
    • อีเมล์
อยากถามดูครับ ในฐานะที่ตนเองเรียนต่อโทสาขาที่เกี่ยวข้องกับ สิ่งแวดล้อม (สุขศาสตร์อุตสาหกรรม หรือ ความปลอดภัยในการทำงาน)

โดยส่วนตัว ไม่ค่อยเห็นใครขับรถ แรงๆ กัน โดยมากจะเป็น city แบบพี่จิมมี่

แต่ตัวผมเอง ขับ March (ตกรุ่นไปแล้ว)

โดยรวมผมชอบ Hybrid แต่ผมไม่ชอบดีเซลเท่าไร (ผมไม่ชอบตรงสั้น ดัง และไอเสีย)

แล้วเพื่อนๆ ที่เจอ มักจะขับรถอะไรกันครับ :)
เห็นควันดำแบบนั้น แต่จริงๆ ผมว่าความเป็นพิษในไอเสียของดีเซลน้อยกว่าเบนซินนะครับ

มลพิษไอเสียที่มักเป็นที่พูดถึง จะมีอยู่ก็คือ

-CO คาร์บอนมอนออกไซด์ สัตว์มีเลือดรับก๊าซนี้เข้าไปตายเกือบทันที เกิดขึ้นจากการฉีดเชื้อเพลิงหนา และการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์
 มลพิษตัวนี้ เบนซินปล่อยมากกว่าดีเซล 2-3 เท่า

-NOx ไนโตรเจนออกไซด์ รับก๊าซนี้เข้าไปตาย แต่ช้ากว่าCO หลายเท่าตัว มีอันตรายทางอ้อมจากการเกิดฝนกรด มาจากอุณหภูมิเผาไหม้สูงเกินไป
 ตัวนี้ ดีเซลปล่อยมากกว่าเบนซิน 3 เท่า

-เขม่าควันดำ เกิดจากการผสมน้ำมันอากาศที่ไม่สม่ำเสมอ ระยะสั้นคือระคายเคืองจมูก ระยะยาวคือมะเร็ง ไม่สามารถทำให้ตายทันทีได้
 ดีเซลปล่อยมากกว่าเบนซินหลายเท่ามาก

-Unburned HydroCarbon สาเหตุจากการใช้เชื้อเพลิงหนา และการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ไม่ตาย แต่ทำให้เกิดฝนกรด
 เบนซินปล่อยมากกว่าดีเซลหลายเท่ามาก

-CO2 คาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ใช่แก๊สพิษแต่ทำให้โลกร้อน ขึ้นกับประสิทธิภาพการเผาไหม้ในห้องเครื่องยนต์
 เบนซินปล่อยมากกว่าดีเซล 10-50%



เทียบๆ กันแล้ว ผมว่าดีเซลจะปล่อยมลพิษที่มีพิษทางอ้อม และสามารถติด EGR และจูน ECU ลดมลพิษจากการเผาไหม้ต้นทางได้

แต่เบนซิน ปล่อยมลพิษที่มีพิษโดยตรง ฆ่าสิ่งมีชีวิตได้เร็ว และเกิดจากการสันดาปภายในซึ่งทำได้เพียงการติดCat กรองที่ปลายทางเท่านั้น

(การลดไอเสียที่ต้นทางจะกระทบซึ่งอาจทำให้เครื่องเบนซินเดินไม่เรียบ จึงทำได้เพียงติด Cat)



เครื่องดีเซล สั่น และ ดังครับ แต่ไอเสียมัน มีพิษน้อยกว่าเบนซิน ควันดำนั่นแค่หลอกตาครับ

ผมไม่ได้เรียนด้านสิ่งแวดล้อม แต่ขออนุญาตแสดงมุมมองไว้แบบนี้ครับ

-EcoCar ประหยัดได้เพราะขนาด ไม่ใช่เพราะการปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ ถ้าส่องไฟขยายส่วนโดเรมอนลงไปมันก็จะกินพอๆ กับรถทั่วไป

-Hybrid เบนซิน ประหยัดเพราะลดการสูญเสียที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะการขับในเมือง และบางยี่ห้อจูนให้เครื่องทำงานเฉพาะในย่านที่มีประสิทธิภาพสูง
 แล้วก็เพิ่มประสิทธิภาพเกียร์อีกหน่อย แต่ไม่ได้ไปยุ่งกับเครื่องมาก

-GAS ประหยัดเพราะราคาเชื้อเพลิง ไม่ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพใดๆ ทั้งสิ้น

-Diesel คือหนึ่งเดียวที่ประหยัดมาจากประสิทธิภาพการเผาไหม้ในห้องเครื่อง การใช้งานในสภาวะเดียวกันไม่ว่าจะเป็นแบบใดดีเซลประหยัดกว่าเสมอ
 ไอเสียไม่เป็นพิษเท่าเบนซิน รถใครที่เป็นดีเซลแล้วเปลืองน้ำมัน ต้องมองอีกมุมว่าถ้ารถคันนั้นเป็นเบนซินมันจะหนักกว่านี้
 นี่คือรถที่รักษ์โลกจริงๆ คิดดูว่า F30 320d คันเบ้อเริ่มปล่อย CO2 117g/km ในขณะที่อีโคคาร์ปล่อย 120g/km



แต่ดีเซลหนีการสูญเสียที่ไม่จำเป็นอย่างพวกรถติดไม่พ้น ตอนนี้เครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงจริงๆ ผมเห็นว่ามีแต่ Diesel Hybrid ครับผม

ออฟไลน์ balance04779

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 59
    • อีเมล์
ใช้รถตามที่เราชอบครับ

ปล.ผมเองก็อยากช่วยโลกนะครับ อยากขับพรีอุส อยากขับพวกรถไฮบริด แต่ก็แพงเสียเหลือเกินรักโลกไม่ไหวเลยขับแค่ EXพอครับ 555+

ออฟไลน์ Emission-Tester

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 358
ผมขับ civic FD ครับ

และเป็นนักวิจัยด้าน มลพิษไอเสียจากยานพาหนะ

ผมจะบอกว่า "รถยนต์ทุกคัน ยังไงก็ต้องปล่อยไอเสีย แต่มากน้อยต่างกัน"

ถ้าเกิดว่ามีรถ ที่สะอาดรักโลกจริงๆ --->> ผมคงตกงาน อ่ะครับ (ฮา)

ปล. เผื่อมีคนสนใจ ตัวอย่างมาตรฐานไอเสีย ยูโร 4 (ตอนนี้บ้านเราใช้ตัวนี้อยู่ครับ)
ที่มา: http://aqnis.pcd.go.th/node/2084
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 25, 2013, 22:18:15 โดย Emission-Tester »
Emission Laboratory Testing

ออฟไลน์ f1rstgot

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
    • อีเมล์
อยากถามดูครับ ในฐานะที่ตนเองเรียนต่อโทสาขาที่เกี่ยวข้องกับ สิ่งแวดล้อม (สุขศาสตร์อุตสาหกรรม หรือ ความปลอดภัยในการทำงาน)

โดยส่วนตัว ไม่ค่อยเห็นใครขับรถ แรงๆ กัน โดยมากจะเป็น city แบบพี่จิมมี่

แต่ตัวผมเอง ขับ March (ตกรุ่นไปแล้ว)

โดยรวมผมชอบ Hybrid แต่ผมไม่ชอบดีเซลเท่าไร (ผมไม่ชอบตรงสั้น ดัง และไอเสีย)

แล้วเพื่อนๆ ที่เจอ มักจะขับรถอะไรกันครับ :)
เห็นควันดำแบบนั้น แต่จริงๆ ผมว่าความเป็นพิษในไอเสียของดีเซลน้อยกว่าเบนซินนะครับ

มลพิษไอเสียที่มักเป็นที่พูดถึง จะมีอยู่ก็คือ

-CO คาร์บอนมอนออกไซด์ สัตว์มีเลือดรับก๊าซนี้เข้าไปตายเกือบทันที เกิดขึ้นจากการฉีดเชื้อเพลิงหนา และการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์
 มลพิษตัวนี้ เบนซินปล่อยมากกว่าดีเซล 2-3 เท่า

-NOx ไนโตรเจนออกไซด์ รับก๊าซนี้เข้าไปตาย แต่ช้ากว่าCO หลายเท่าตัว มีอันตรายทางอ้อมจากการเกิดฝนกรด มาจากอุณหภูมิเผาไหม้สูงเกินไป
 ตัวนี้ ดีเซลปล่อยมากกว่าเบนซิน 3 เท่า

-เขม่าควันดำ เกิดจากการผสมน้ำมันอากาศที่ไม่สม่ำเสมอ ระยะสั้นคือระคายเคืองจมูก ระยะยาวคือมะเร็ง ไม่สามารถทำให้ตายทันทีได้
 ดีเซลปล่อยมากกว่าเบนซินหลายเท่ามาก

-Unburned HydroCarbon สาเหตุจากการใช้เชื้อเพลิงหนา และการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ไม่ตาย แต่ทำให้เกิดฝนกรด
 เบนซินปล่อยมากกว่าดีเซลหลายเท่ามาก

-CO2 คาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ใช่แก๊สพิษแต่ทำให้โลกร้อน ขึ้นกับประสิทธิภาพการเผาไหม้ในห้องเครื่องยนต์
 เบนซินปล่อยมากกว่าดีเซล 10-50%



เทียบๆ กันแล้ว ผมว่าดีเซลจะปล่อยมลพิษที่มีพิษทางอ้อม และสามารถติด EGR และจูน ECU ลดมลพิษจากการเผาไหม้ต้นทางได้

แต่เบนซิน ปล่อยมลพิษที่มีพิษโดยตรง ฆ่าสิ่งมีชีวิตได้เร็ว และเกิดจากการสันดาปภายในซึ่งทำได้เพียงการติดCat กรองที่ปลายทางเท่านั้น

(การลดไอเสียที่ต้นทางจะกระทบซึ่งอาจทำให้เครื่องเบนซินเดินไม่เรียบ จึงทำได้เพียงติด Cat)



เครื่องดีเซล สั่น และ ดังครับ แต่ไอเสียมัน มีพิษน้อยกว่าเบนซิน ควันดำนั่นแค่หลอกตาครับ

ผมไม่ได้เรียนด้านสิ่งแวดล้อม แต่ขออนุญาตแสดงมุมมองไว้แบบนี้ครับ

-EcoCar ประหยัดได้เพราะขนาด ไม่ใช่เพราะการปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ ถ้าส่องไฟขยายส่วนโดเรมอนลงไปมันก็จะกินพอๆ กับรถทั่วไป

-Hybrid เบนซิน ประหยัดเพราะลดการสูญเสียที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะการขับในเมือง และบางยี่ห้อจูนให้เครื่องทำงานเฉพาะในย่านที่มีประสิทธิภาพสูง
 แล้วก็เพิ่มประสิทธิภาพเกียร์อีกหน่อย แต่ไม่ได้ไปยุ่งกับเครื่องมาก

-GAS ประหยัดเพราะราคาเชื้อเพลิง ไม่ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพใดๆ ทั้งสิ้น

-Diesel คือหนึ่งเดียวที่ประหยัดมาจากประสิทธิภาพการเผาไหม้ในห้องเครื่อง การใช้งานในสภาวะเดียวกันไม่ว่าจะเป็นแบบใดดีเซลประหยัดกว่าเสมอ
 ไอเสียไม่เป็นพิษเท่าเบนซิน รถใครที่เป็นดีเซลแล้วเปลืองน้ำมัน ต้องมองอีกมุมว่าถ้ารถคันนั้นเป็นเบนซินมันจะหนักกว่านี้
 นี่คือรถที่รักษ์โลกจริงๆ คิดดูว่า F30 320d คันเบ้อเริ่มปล่อย CO2 117g/km ในขณะที่อีโคคาร์ปล่อย 120g/km



แต่ดีเซลหนีการสูญเสียที่ไม่จำเป็นอย่างพวกรถติดไม่พ้น ตอนนี้เครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงจริงๆ ผมเห็นว่ามีแต่ Diesel Hybrid ครับผม
ถูกใจครับ

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,085
เพื่อนผมเรียนโทสิ่งแวดล้อม ขับยาริสครับ >_<

อยากถามดูครับ ในฐานะที่ตนเองเรียนต่อโทสาขาที่เกี่ยวข้องกับ สิ่งแวดล้อม (สุขศาสตร์อุตสาหกรรม หรือ ความปลอดภัยในการทำงาน)

โดยส่วนตัว ไม่ค่อยเห็นใครขับรถ แรงๆ กัน โดยมากจะเป็น city แบบพี่จิมมี่

แต่ตัวผมเอง ขับ March (ตกรุ่นไปแล้ว)

โดยรวมผมชอบ Hybrid แต่ผมไม่ชอบดีเซลเท่าไร (ผมไม่ชอบตรงสั้น ดัง และไอเสีย)

แล้วเพื่อนๆ ที่เจอ มักจะขับรถอะไรกันครับ :)
เห็นควันดำแบบนั้น แต่จริงๆ ผมว่าความเป็นพิษในไอเสียของดีเซลน้อยกว่าเบนซินนะครับ

มลพิษไอเสียที่มักเป็นที่พูดถึง จะมีอยู่ก็คือ

-CO คาร์บอนมอนออกไซด์ สัตว์มีเลือดรับก๊าซนี้เข้าไปตายเกือบทันที เกิดขึ้นจากการฉีดเชื้อเพลิงหนา และการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์
 มลพิษตัวนี้ เบนซินปล่อยมากกว่าดีเซล 2-3 เท่า

-NOx ไนโตรเจนออกไซด์ รับก๊าซนี้เข้าไปตาย แต่ช้ากว่าCO หลายเท่าตัว มีอันตรายทางอ้อมจากการเกิดฝนกรด มาจากอุณหภูมิเผาไหม้สูงเกินไป
 ตัวนี้ ดีเซลปล่อยมากกว่าเบนซิน 3 เท่า

-เขม่าควันดำ เกิดจากการผสมน้ำมันอากาศที่ไม่สม่ำเสมอ ระยะสั้นคือระคายเคืองจมูก ระยะยาวคือมะเร็ง ไม่สามารถทำให้ตายทันทีได้
 ดีเซลปล่อยมากกว่าเบนซินหลายเท่ามาก

-Unburned HydroCarbon สาเหตุจากการใช้เชื้อเพลิงหนา และการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ไม่ตาย แต่ทำให้เกิดฝนกรด
 เบนซินปล่อยมากกว่าดีเซลหลายเท่ามาก

-CO2 คาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ใช่แก๊สพิษแต่ทำให้โลกร้อน ขึ้นกับประสิทธิภาพการเผาไหม้ในห้องเครื่องยนต์
 เบนซินปล่อยมากกว่าดีเซล 10-50%



เทียบๆ กันแล้ว ผมว่าดีเซลจะปล่อยมลพิษที่มีพิษทางอ้อม และสามารถติด EGR และจูน ECU ลดมลพิษจากการเผาไหม้ต้นทางได้

แต่เบนซิน ปล่อยมลพิษที่มีพิษโดยตรง ฆ่าสิ่งมีชีวิตได้เร็ว และเกิดจากการสันดาปภายในซึ่งทำได้เพียงการติดCat กรองที่ปลายทางเท่านั้น

(การลดไอเสียที่ต้นทางจะกระทบซึ่งอาจทำให้เครื่องเบนซินเดินไม่เรียบ จึงทำได้เพียงติด Cat)



เครื่องดีเซล สั่น และ ดังครับ แต่ไอเสียมัน มีพิษน้อยกว่าเบนซิน ควันดำนั่นแค่หลอกตาครับ

ผมไม่ได้เรียนด้านสิ่งแวดล้อม แต่ขออนุญาตแสดงมุมมองไว้แบบนี้ครับ

-EcoCar ประหยัดได้เพราะขนาด ไม่ใช่เพราะการปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ ถ้าส่องไฟขยายส่วนโดเรมอนลงไปมันก็จะกินพอๆ กับรถทั่วไป

-Hybrid เบนซิน ประหยัดเพราะลดการสูญเสียที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะการขับในเมือง และบางยี่ห้อจูนให้เครื่องทำงานเฉพาะในย่านที่มีประสิทธิภาพสูง
 แล้วก็เพิ่มประสิทธิภาพเกียร์อีกหน่อย แต่ไม่ได้ไปยุ่งกับเครื่องมาก

-GAS ประหยัดเพราะราคาเชื้อเพลิง ไม่ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพใดๆ ทั้งสิ้น

-Diesel คือหนึ่งเดียวที่ประหยัดมาจากประสิทธิภาพการเผาไหม้ในห้องเครื่อง การใช้งานในสภาวะเดียวกันไม่ว่าจะเป็นแบบใดดีเซลประหยัดกว่าเสมอ
 ไอเสียไม่เป็นพิษเท่าเบนซิน รถใครที่เป็นดีเซลแล้วเปลืองน้ำมัน ต้องมองอีกมุมว่าถ้ารถคันนั้นเป็นเบนซินมันจะหนักกว่านี้
 นี่คือรถที่รักษ์โลกจริงๆ คิดดูว่า F30 320d คันเบ้อเริ่มปล่อย CO2 117g/km ในขณะที่อีโคคาร์ปล่อย 120g/km



แต่ดีเซลหนีการสูญเสียที่ไม่จำเป็นอย่างพวกรถติดไม่พ้น ตอนนี้เครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงจริงๆ ผมเห็นว่ามีแต่ Diesel Hybrid ครับผม

คุณเข้าใจผิดแล้วครับ มาตรฐานน้ำมันยูโร 4 เป็นต้นมา ดีเซลกับเบนซินสเปคจะใกล้ๆกัน

ไอเสียต่างๆ ทั้ง CO NOX SOX มันโดนแคตฯ รีดิวส์กับออกซิไดส์ จนกลายเป็น CO2 กับน้ำ ไปหมดแล้ว ประเด็นนี้ตัดไปได้เลย

ส่วนของดีเซลจะมีพิษจาก Small particle หรือเขม่า เสมอ  เพราะงั้น ต่อให้เป็นโคตร Series 0.001 ตัวเล็กสุดๆ จาก BMW ยังไงมันก็มีเขม่า ซึ่งเบนซินไม่มีครับ  เพราะงั้น โดยสากลถือว่าดีเซลมีมลพิษต่อรางกายมากกว่าครับ  

น้ำมันยิ่งเบายิ่งสะอาด ลองเทียบกับ NGV ไปเลยจะยิ่งชัดครับ  ยังไงเครื่องโคตรดีเซลไฮบริดยังไง ไอเสียมันก็มีมลพิษมากกว่า NGV (แต่เรื่อง CO2 มันอีกเรื่อง อย่าเอามาปนกันครับ)

ดีเซลมีประสิทธิภาพสูงกว่าเบนซินจริง แต่ที่มันดูเยอะเพราะเราไปเทียบ ต่อลิตร  ซึ่งตรงนี้ไม่ยุติธรรมกับเบนซินเท่าไร  ต้องเทียบต่อมวล ถึงจะพบว่าความแตกต่างไม่ได้มากมายอะไรนักครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 25, 2013, 23:08:50 โดย 6162002 »

ออฟไลน์ PumpNISMO

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 638
รู้สึกว่าWHOประกาศว่าไอเสียจากดีเซลเป็นสารก่อมะเร็งเมื่อหลายเดือนก่อนนะครับ

ความเห็นส่วนตัว อย่าไปคิดอะไรมากเลยครับ ;D

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ผมกลัวเขม่ามากกว่าครับ ซึ่งอยู่ในไอเสีย

สารก่อมะเร็ง ครับ

แต่ไม่มาก เท่า สั่นและดัง

อันนี้ไม่ไหวจริงๆ

ออฟไลน์ Emission-Tester

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 358
เสริมให้นะครับ

ไอเสียจากรถยนต์ เบนซินกับดีเซล ---> มีตัวมลพิษต่างกัน 1 ตัว ที่เด่นๆ

คือ เครื่องยนต์ดีเซล จะปลดปล่อย *ฝุ่นละอองขนาดเล็กมาก (Particulate Matter, PM) และควันดำ (Black Smoke) เมื่อเผาไหม้ไม่สมบูรณ์

*ฝุ่นละอองขนาดเล็ก --->> จะลอยในอากาศได้นาน --->> คนอยู่ริมถนน สูดเข้าปอด+อาจป่วย เป็นโรคทางเดินหายใจ
*ฝุ่นละอองขนาดเล็ก --->> มีสารก่อมะเร็ง เกาะอยู่ --->> ชื่อ Benzo(a)pyrene (จากงานวิจัยของ WHO)

ปล. คนในรถน่ะ ไม่เป็นไร ...แต่คนอยู่ริมถนน น่ะเสี่ยง ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 25, 2013, 23:29:07 โดย Emission-Tester »
Emission Laboratory Testing

promt

  • บุคคลทั่วไป
เห็นทั้งคนเรียนและคนสอน ทั้ง 3 ระดับ คือ ป.ตรี โท และเอก

ก็ขับรถธรรมดาๆ ตลาดๆ ครับ

ออฟไลน์ mathician

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 667

ออฟไลน์ Lammerison

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 942
    • อีเมล์
ผม วิศวกรสิ่งแวดล้อม

ใช้รถเก่าๆ ครับ Sunny B-14 สำหรับเดินทางข้ามจังหวัดกลับบ้าน ที่ตจว.

ตอนนี้ก็เล็งๆไว้อยู่ครับ ว่าจะหารถที่ใช้งานได้ครอบคลุมการใช้งานหน่อย ประมาณ Ertiga นี่แหละ พอดีๆ

ส่วนการเดินทางใกล้ๆ 5 กม. 8 กม. ปั่นจักรยานครับ

ออฟไลน์ grev

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 322
เพื่อนผมอยู่ศูนย์วิจัยเกี่ยวกะพืช ต้นไม้นี่ละครับ
รักษ์โลกของจริง ปั่นจักรยาน ข้ามจังหวัด -*-
แต่ตอนนี้มีลูกเมียแล้วก็ขับ รถยนต์

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,846
  • *** HLM.COM ***
พ่อผมปั่นจักรยาน เป็นว่าเล่นครับ

ออฟไลน์ gresailda

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 36
  • Emission Analytiker
PM หรือ Particulate Matter นั้น มีในทั้งเครื่องยนต์ดีเซล และ เบนซินนะครับ ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ในเครื่องดีเซล :)
ซึ่งถ้าจะขยายความให้ลึกขึ้นในเครื่องเบนซินนั้นจะมี PM เกิดขึ้นในเครื่องยนต์แบบ GDI หรือ Gasoline Direct Injection นั่นเองครับ เนื่องจากเครื่องที่เป็น DI นั้นเชื้อเพลิงบริเวณหัวฉีดนั้นจะหนากว่าค่าเฉลี่ยในห้องเผาใหม้เลยทำให้เกิดเขม่าบริเึวณนี้นั่นเอง
จะเห็นได้จากมาตรฐานไอเสีย EURO EMISSION: EURO V นั้น
กำหนดให้เครื่องยนต์เบนซินในตัวถังรถยนต์นั่ง (Passenger Car) มีค่ามาตรฐานของ PM เข้ามาด้วยนั่นเอง ;D

อ้างอิง
http://en.wikipedia.org/wiki/European_emission_standards
'09 Mazda 2 1.5 MZR
'09 Kia Soul 1.6 CRDI
'14 Nissan Juke 1.6 HR

ออฟไลน์ Twiggy

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 3

ออฟไลน์ Emission-Tester

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 358
PM หรือ Particulate Matter นั้น มีในทั้งเครื่องยนต์ดีเซล และ เบนซินนะครับ ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ในเครื่องดีเซล :)
ซึ่งถ้าจะขยายความให้ลึกขึ้นในเครื่องเบนซินนั้นจะมี PM เกิดขึ้นในเครื่องยนต์แบบ GDI หรือ Gasoline Direct Injection นั่นเองครับ เนื่องจากเครื่องที่เป็น DI นั้นเชื้อเพลิงบริเวณหัวฉีดนั้นจะหนากว่าค่าเฉลี่ยในห้องเผาใหม้เลยทำให้เกิดเขม่าบริเึวณนี้นั่นเอง
จะเห็นได้จากมาตรฐานไอเสีย EURO EMISSION: EURO V นั้น
กำหนดให้เครื่องยนต์เบนซินในตัวถังรถยนต์นั่ง (Passenger Car) มีค่ามาตรฐานของ PM เข้ามาด้วยนั่นเอง ;D

อ้างอิง
http://en.wikipedia.org/wiki/European_emission_standards

ขอบคุณครับ

ทำให้รู้เลยว่า ปัจจุบัน ไทยยังใช้ มาตรฐานยูโร4 อยู่ (เริ่มใช้ปี 2555)
--->> (ในส่วนรถยนต์เบนซิน ยังไม่กำหนดค่า ฝุ่น PM)
ซึ่งผมคิดว่า อีกหลายปี ไทยถึงจะขยับขึ้นเป็น ยูโร5

รถยนต์ที่ออกใหม่ๆ ในบ้านเรา จึงยังไม่เปลี่ยนเทคโนโลยีเครื่องยนต์ เพราะต้นทุนจะสูงขึ้น
--->> คือ ขายเครื่องแค่ผ่าน ยูโร 4 เท่านั้นเอง!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 26, 2013, 11:12:44 โดย Emission-Tester »
Emission Laboratory Testing

ออฟไลน์ nattapollo

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 64
ข้อมูลด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับ Diesel Exhaust ครับ

http://www.cancer.org/cancer/cancercauses/othercarcinogens/pollution/diesel-exhaust

http://www.un.org/apps/news/story.asp?NewsID=42204&Cr=cancer&Cr1#.UVESFxeLBDQ

http://www.iarc.fr/en/media-centre/pr/2012/pdfs/pr213_E.pdf

ยืนยันแล้วว่า Diesel Exhaust เป็น Carcinogen นะครับ

ผู้ขับรถ Diesel ไม่ได้รับผลโดยตรงครับ แต่ผู้สัมผัสควันบนท้องถนนบ่อยๆ ก็มีความเสี่ยงต่อสุขภาพอยู่บ้างครับ

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,047
นั่งรถไฟฟ้าครับ ไม่ซื้อรถ ช่วยโลกประหยัด  :D :D
อาผมคนหนึ่งก็ทำเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมครับ ขับแอคคอร์ด 2.0 gen ก่อน แต่คอนโดก็ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดิน จึงสลับกันใช้ตามสมควร
ส่วนอาอีกคน ทำงานใกล้เคียงกัน ก็เคยเจอที่ป้ายรถเมล์ครับ

ออฟไลน์ bojung

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 378
ผมวิศวกรไฟฟ้าครับ ทำด้านพลังงานทดแทนอยู่ รถขับประจำก็พรีอุสครับ ผมชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ ชอบอะไรที่มันไฮเทค น่าค้นหา อยากรู้ว่ามันทำงานยังไง ถ้ารถที่ทำงานก็ขับวีโก้ครับ เอาพรีอุสไปลุยดินลูกรังไม่ไหว เอารถบริษัทไปลุยมันส์กว่าเยอะ ตอนนี้จะถอยซีวิคอีกคันมาให้แฟนขับ

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 677
    • อีเมล์
คุณเข้าใจผิดแล้วครับ มาตรฐานน้ำมันยูโร 4 เป็นต้นมา ดีเซลกับเบนซินสเปคจะใกล้ๆกัน

ไอเสียต่างๆ ทั้ง CO NOX SOX มันโดนแคตฯ รีดิวส์กับออกซิไดส์ จนกลายเป็น CO2 กับน้ำ ไปหมดแล้ว ประเด็นนี้ตัดไปได้เลย

ส่วนของดีเซลจะมีพิษจาก Small particle หรือเขม่า เสมอ  เพราะงั้น ต่อให้เป็นโคตร Series 0.001 ตัวเล็กสุดๆ จาก BMW ยังไงมันก็มีเขม่า ซึ่งเบนซินไม่มีครับ  เพราะงั้น โดยสากลถือว่าดีเซลมีมลพิษต่อรางกายมากกว่าครับ 

น้ำมันยิ่งเบายิ่งสะอาด ลองเทียบกับ NGV ไปเลยจะยิ่งชัดครับ  ยังไงเครื่องโคตรดีเซลไฮบริดยังไง ไอเสียมันก็มีมลพิษมากกว่า NGV (แต่เรื่อง CO2 มันอีกเรื่อง อย่าเอามาปนกันครับ)

ดีเซลมีประสิทธิภาพสูงกว่าเบนซินจริง แต่ที่มันดูเยอะเพราะเราไปเทียบ ต่อลิตร  ซึ่งตรงนี้ไม่ยุติธรรมกับเบนซินเท่าไร  ต้องเทียบต่อมวล ถึงจะพบว่าความแตกต่างไม่ได้มากมายอะไรนักครับ
ความแตกต่างของ CO NOx ระหว่างเบนซินและดีเซลยังเยอะอยู่ครับ ยังตัดไม่ได้ ดูได้จากมาตรฐานไอเสียยูโร 4-5

http://en.wikipedia.org/wiki/European_emission_standards



เริ่มจาก CO ด้วยเกณฑ์ปัจจุบัน EUTO5 กำหนดลิมิตในเบนซินไว้สองเท่าของลิมิตดีเซล ถ้าประเด็นเรื่อง CO ถูกแคตกรองสามารถตัดได้

คงไม่กำหนดลิมิตไว้ต่างกันเช่นนี้ พูดง่ายๆ ผมคิดว่าถึงแม้เบนซินมีแคต ก็ยังปล่อย CO สูงเป็นสองเท่าของดีเซลหรือมากกว่าครับ

เพราะอย่างแรกคือดีเซลมี CO น้อยมาจากกระบวนการสันดาปที่ต้นทาง และแคต ไม่สามารถกรอง CO ได้ในกรณีการทำงานแบบดีเซล

แคตของดีเซลจึงไม่ได้กรอง CO แต่ดีเซลยังปล่อย CO น้อยกว่า เพราะลักษณะกระบวนการสันดาป

นอกจากนี้ มองไปลึกกว่านั้น แคต คือแผ่นธาตุที่ช่วยเปลี่ยน CO เป็น CO2 ที่ปลายทาง ไม่ได้ไปปรับปรุงที่กระบวนการสันดาปต้นทาง

แผ่นธาตุ มีเสื่อมอายุ ซึ่งเสื่อมแล้วเสื่อมเลย ประสิทธิภาพของแคตลดลง ช่องว่างก็กว้างขึ้น ถ้าคุณเคยเดินท่อไอเสียใหม่ทั้งหมดหลังจากใช้รถมา 15 ปี

ท่อเก่าผุทั้งหมด คุณเห็นสภาพแคต แล้วจะรู้ว่าทำไมผมพูดแบบนี้ครับ



ตามด้วย NOx ลิมิตของดีเซลเป็นสามเท่าของลิมิตเบนซิน เพราะอุณหภูมิการเผาไหม้ที่สูงของดีเซลทำให้เกิด NOx ได้ง่าย

การแก้ไขของดีเซลคือใส่ EGR ซึ่งเปลี่ยนส่วนผสมไอดีมาจากต้นทาง ลดอุณหภูมิการเผาไหม้

ซึ่งเป็นการปรับปรุงที่ต้นทาง การเก่า เสื่อม สามารถปรับปรุงได้ ต่างจากกรณีของแคต

ดังนั้น CO NOx ยังไม่ใช่ประเด็นที่ตัดทิ้งได้ครับ และที่สำคัญ เบนซิน ปล่อยไอเสียที่อันตรายกว่าดีเซล และมีแนวโน้มจะปล่อยเพิ่มขึ้นตามอายุด้วย



เขม่า PM เบนซินปกติไม่มีครับ ยกเว้นเบนซินฉีดตรง แบบ Focus 2.0 นะ เพราะเขม่า มันเกิดจากส่วนผสมไม่สม่ำเสมอ

เครื่องที่เป็นฉีดตรงทั้งเบนซินและดีเซล ผสมไม่ทันแน่นอนครับ เขม่าออกมาเหมือนกัน แต่ว่า มันไม่อันตรายมากนัก

มันสะสมก่อให้เกิดมะเร็ง แต่คุณนั่งขับอยู่นะครับ สตาร์ตเครื่อง ยันถึงที่หมาย รับเขม่าไปนิดเดียวเองครับ

ในแง่สิ่งแวดล้อม เขม่าก็ทำให้บุคคลรอบข้างเกิดมะเร็งได้ แต่เทียบกับฝนกรดจาก NOx และก๊าซพิษCOที่ชอบไปแย่งที่ออกซิเจนในเลือด

อะไรแรงกว่าล่ะครับ เรื่องเขม่านี่ผมมองเป็นเรื่องเล็กไปเลย นี่คือสาเหตุที่ผมยังถือหางดีเซลว่าไอเสียสะอาดกว่า ทั้งๆ ที่บ้านผมไม่มีเครื่องดีเซลสักคัน



ประสิทธิภาพของดีเซล มากกว่าเบนซิน เสมอครับ ไม่ว่าจะเทียบในหน่วยใด

งานที่ได้ เทียบความร้อนจากการเผาไหม้ (จูลต่อจูล) ดีเซลก็สูงกว่า เพราะกระบวนการสันดาปที่กำลังอัดสูงกว่า

งานที่ได้ เทียบมวลน้ำมัน (จูลต่อกิโลกรัม) ดีเซลก็สูงกว่า เพราะดีเซล 1 กิโลกรัมเผาไหม้ได้ความร้อนเท่าเบนซิน 1 กิโลกรัม

งานที่ได้ เทียบปริมาตรน้ำมัน (จูลต่อลิตร) ดีเซลก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก เพราะดีเซลมีความหนาแน่นหนักกว่า หนึ่งลิตรได้มวลมากกว่า จึงหนุนขึ้นไปอีก



ลองเทียบดูก็ได้ครับ ความหนาแน่นเบนซิน 745g/l ดีเซล 832g/l

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=3463:ford-focus-20-tdci-18-4at-20-5at-320d&catid=64:c-segment-1600-2000-cc&Itemid=76

รีวิวฟอร์ด โฟกัส รุ่นเก่า

เบนซิน 1.8 อัตราสิ้นเปลือง 13.66 กิโลเมตรต่อลิตร/0.745=18.34กิโลเมตรต่อกิโลกรัมเบนซิน

เบนซิน 2.0 อัตราสิ้นเปลือง 12.21 กิโลเมตรต่อลิตร/0.745=16.39กิโลเมตรต่อกิโลกรัมเบนซิน

ดีเซล 2.0 อัตราสิ้นเปลือง 17.03 กิโลเมตรต่อลิตร/0.832=20.47กิโลเมตรต่อกิโลกรัมดีเซล

เชฟโรเลต ครูซ เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู ไม่ว่าจะยี่ห้อใดก็ตาม ประสิทธิภาพเครื่องดีเซลดีกว่าเสมอ ไม่ว่าจะเทียบลิตร กิโลกรัม หรือแม้แต่จูลความร้อนก็ตามครับ

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องเขม่านี้พูดยากจริงๆ ครับ แต่อาจารย์ที่สอนผมหลายๆ ท่านก็ยังไม่ตอบเต็มปากเรื่องประเด็นนี้เพราะมันเป็นสิ่งที่เราต้องใช้ทุกวัน แต่ก็มีงานวิจัยปรับอันดับขึ้นมา

แต่ยังไง ผมก็เลือก ไม่ใช้ไว้ก่อนครับ ขอเบนซินตัวเล็กๆ ดีกว่า ;)

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 677
    • อีเมล์
ความชอบส่วนบุคคลผมไม่ขอวิจารณ์นะครับ แต่ละคนมีความจำเป็นต่างๆ กันไป สิ่งที่ผมพูด คือพูดใน

ข้อเท็จจริงผสมความเห็นส่วนตัวลงไป

ความเห็นส่วนตัวก็เช่น เรื่องเขม่า ความร้ายแรงของก๊าซแต่ละตัว แบบนี้เป็นต้น

ข้อเท็จจริงก็คือประสิทธิภาพการเผาไหม้ (ดีเซลสูงกว่าเบนซินทุกกรณี โดยเฉพาะที่รอบเดินเบา) เครื่องอะไรปล่อยก๊าซตัวไหนมาก

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาสาระสำคัญคือ เขม่า เกิดในเครื่องเบนซินได้ ในเบนซินฉีดตรง GDI ซึ่งการเกิดเขม่าแลกมาด้วยด้านดีอื่นๆมหาศาล

จนหลายคนก็พยายามมองหา หรือแสดงความผิดหวังเมื่อรถใหม่ที่เปิดตัวไม่ได้ใช้เครื่อง GDI



เบนซินตัวเล็ก ก็มลพิษน้อยได้ครับ อย่างที่ผมบอก ถึงแม้ประสิทธิภาพต้นทางจะไม่ได้ถูกปรับปรุง แต่ประหยัดได้ด้วยขนาดที่พอเพียงครับ :)

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ความชอบส่วนบุคคลผมไม่ขอวิจารณ์นะครับ แต่ละคนมีความจำเป็นต่างๆ กันไป สิ่งที่ผมพูด คือพูดใน

ข้อเท็จจริงผสมความเห็นส่วนตัวลงไป

ความเห็นส่วนตัวก็เช่น เรื่องเขม่า ความร้ายแรงของก๊าซแต่ละตัว แบบนี้เป็นต้น

ข้อเท็จจริงก็คือประสิทธิภาพการเผาไหม้ (ดีเซลสูงกว่าเบนซินทุกกรณี โดยเฉพาะที่รอบเดินเบา) เครื่องอะไรปล่อยก๊าซตัวไหนมาก

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาสาระสำคัญคือ เขม่า เกิดในเครื่องเบนซินได้ ในเบนซินฉีดตรง GDI ซึ่งการเกิดเขม่าแลกมาด้วยด้านดีอื่นๆมหาศาล

จนหลายคนก็พยายามมองหา หรือแสดงความผิดหวังเมื่อรถใหม่ที่เปิดตัวไม่ได้ใช้เครื่อง GDI



เบนซินตัวเล็ก ก็มลพิษน้อยได้ครับ อย่างที่ผมบอก ถึงแม้ประสิทธิภาพต้นทางจะไม่ได้ถูกปรับปรุง แต่ประหยัดได้ด้วยขนาดที่พอเพียงครับ :)

ขอบคุณครับ สรุป ง่ายๆ คือ GDI มันก็ทำให้เกิด เขม่า ได้ใช้ไหมครับ

แต่อันนี้คงต้องรอ เพราะตอนนี้ เครื่อง GDI ยังน้อยมากในท้องตลาดครับ

จนยังไม่มีอันดับเรื่อง สารก่อมะเร็งเลย

ออฟไลน์ Maman_Haheinz

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 318
    • อีเมล์
จักรยานครับ


ไม่ใช่เพราะรักโลกอะไรหรอก.......... ไม่มีตังตะหาก
T_T
โห ยี้ โห ยี้ โหยยยยย
หิววววววววว!!!!!!

ออฟไลน์ Emission-Tester

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 358
ในแง่สิ่งแวดล้อม --->> คิด แบบ Mass Transport ตามขนาดรถบนถนน -->> ที่ส่งผลต่อคน
ขอเน้นที่ฝุ่นละออง (PM)+ควันดำ นะครับ

ในอดีต...
---->> รถเครื่องยนต์ดีเซล ปล่อยมลพิษสูง กว่าเบนซิน ครับ
...เพราะ "ขนาดเครื่องยนต์"
- รถดีเซล มีทั้ง รถเมล์ดีเซล รถบรรทุกดีเซล รถตู้ดีเซล รถเก๋งดีเซล (มีหลาย Segment + จำนวนมากกว่า รถเบนซิน)
- ขนาดความจุกระบอกสูบ ประมาณ  2500-12000 cc.
- ตรวจวัดไอเสีย ด้วยวิธีมาตรฐาน คือ วัดไอเสียที่ปลายท่อ โดยห้องปฏิบัติการ + จำลองการขับขี่จริง

*ตอนน้ำมันดีเซล ราคาถูก
การควบคุมไอเสียไม่ค่อยดี เพราะรถมันเก่า ครับ -->> ปล่อยไอเสียสูง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

*ในปัจจุบัน น้ำมันดีเซลราคาแพง -->> รถดีเซล เปลี่ยนมาใช้ Bi-fuel คือ ก๊าซ NGV เพื่อลดต้นทุน
พบว่า ไอเสียสะอาดขึ้น เพราะเผาก๊าซ NGV (แทนน้ำมัน) -->> ฝุ่นน้อยลง (อย่างมีนัยสำคัญ)

แต่....บ้านเรา ก็ยังคงใช้รถเมล์เก่า เครื่องยนต์เดิม บิ้วหลายรอบ (คงเป็นเครื่องยนต์ ไม่เกินมาตรฐาน ยูโร-3)
...รถเมล์ไทยเรา จะเน้นสะอาดต้องเครื่องยนต์ ยูโร-4 ขึ้นไป สำหรับน้ำมันดีเซล (หรือ ใช้ระบบ Gas NGV เป็นอย่างน้อย) ครับ

" แก๊ส NGV นี่พระเอกเลยครับ ทำให้รถขนาดใหญ่ๆ  (ที่ไม่ใช่รถบ้าน) ปล่อยมลพิษตัวที่อันตราย เช่น ฝุ่น PM ลดน้อยลง"  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 26, 2013, 22:57:00 โดย Emission-Tester »
Emission Laboratory Testing

ออฟไลน์ nodano

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 161
อยู่ที่ความชอบส่วนบุคคล และกำลังเงินที่มีมากกว่า ส่วนตัวไม่ได้เรียนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แต่ก็รักโลกนะ ใช้พลังงานเท่าที่จำเป็น อย่างไปทำงานก็นั่งบีทีเอส วันหยุดถึงจะขับรถ แต่ถ้าไปแค่ห้างแถวบ้านก็นั่งรถกระป๋อง สบายไม่ต้องหาที่จอด

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,085

ความแตกต่างของ CO NOx ระหว่างเบนซินและดีเซลยังเยอะอยู่ครับ ยังตัดไม่ได้ ดูได้จากมาตรฐานไอเสียยูโร 4-5

http://en.wikipedia.org/wiki/European_emission_standards



เริ่มจาก CO ด้วยเกณฑ์ปัจจุบัน EUTO5 กำหนดลิมิตในเบนซินไว้สองเท่าของลิมิตดีเซล ถ้าประเด็นเรื่อง CO ถูกแคตกรองสามารถตัดได้

คงไม่กำหนดลิมิตไว้ต่างกันเช่นนี้ พูดง่ายๆ ผมคิดว่าถึงแม้เบนซินมีแคต ก็ยังปล่อย CO สูงเป็นสองเท่าของดีเซลหรือมากกว่าครับ

เพราะอย่างแรกคือดีเซลมี CO น้อยมาจากกระบวนการสันดาปที่ต้นทาง และแคต ไม่สามารถกรอง CO ได้ในกรณีการทำงานแบบดีเซล

แคตของดีเซลจึงไม่ได้กรอง CO แต่ดีเซลยังปล่อย CO น้อยกว่า เพราะลักษณะกระบวนการสันดาป

นอกจากนี้ มองไปลึกกว่านั้น แคต คือแผ่นธาตุที่ช่วยเปลี่ยน CO เป็น CO2 ที่ปลายทาง ไม่ได้ไปปรับปรุงที่กระบวนการสันดาปต้นทาง

แผ่นธาตุ มีเสื่อมอายุ ซึ่งเสื่อมแล้วเสื่อมเลย ประสิทธิภาพของแคตลดลง ช่องว่างก็กว้างขึ้น ถ้าคุณเคยเดินท่อไอเสียใหม่ทั้งหมดหลังจากใช้รถมา 15 ปี

ท่อเก่าผุทั้งหมด คุณเห็นสภาพแคต แล้วจะรู้ว่าทำไมผมพูดแบบนี้ครับ



ตามด้วย NOx ลิมิตของดีเซลเป็นสามเท่าของลิมิตเบนซิน เพราะอุณหภูมิการเผาไหม้ที่สูงของดีเซลทำให้เกิด NOx ได้ง่าย

การแก้ไขของดีเซลคือใส่ EGR ซึ่งเปลี่ยนส่วนผสมไอดีมาจากต้นทาง ลดอุณหภูมิการเผาไหม้

ซึ่งเป็นการปรับปรุงที่ต้นทาง การเก่า เสื่อม สามารถปรับปรุงได้ ต่างจากกรณีของแคต

ดังนั้น CO NOx ยังไม่ใช่ประเด็นที่ตัดทิ้งได้ครับ และที่สำคัญ เบนซิน ปล่อยไอเสียที่อันตรายกว่าดีเซล และมีแนวโน้มจะปล่อยเพิ่มขึ้นตามอายุด้วย



เขม่า PM เบนซินปกติไม่มีครับ ยกเว้นเบนซินฉีดตรง แบบ Focus 2.0 นะ เพราะเขม่า มันเกิดจากส่วนผสมไม่สม่ำเสมอ

เครื่องที่เป็นฉีดตรงทั้งเบนซินและดีเซล ผสมไม่ทันแน่นอนครับ เขม่าออกมาเหมือนกัน แต่ว่า มันไม่อันตรายมากนัก

มันสะสมก่อให้เกิดมะเร็ง แต่คุณนั่งขับอยู่นะครับ สตาร์ตเครื่อง ยันถึงที่หมาย รับเขม่าไปนิดเดียวเองครับ

ในแง่สิ่งแวดล้อม เขม่าก็ทำให้บุคคลรอบข้างเกิดมะเร็งได้ แต่เทียบกับฝนกรดจาก NOx และก๊าซพิษCOที่ชอบไปแย่งที่ออกซิเจนในเลือด

อะไรแรงกว่าล่ะครับ เรื่องเขม่านี่ผมมองเป็นเรื่องเล็กไปเลย นี่คือสาเหตุที่ผมยังถือหางดีเซลว่าไอเสียสะอาดกว่า ทั้งๆ ที่บ้านผมไม่มีเครื่องดีเซลสักคัน



ประสิทธิภาพของดีเซล มากกว่าเบนซิน เสมอครับ ไม่ว่าจะเทียบในหน่วยใด

งานที่ได้ เทียบความร้อนจากการเผาไหม้ (จูลต่อจูล) ดีเซลก็สูงกว่า เพราะกระบวนการสันดาปที่กำลังอัดสูงกว่า

งานที่ได้ เทียบมวลน้ำมัน (จูลต่อกิโลกรัม) ดีเซลก็สูงกว่า เพราะดีเซล 1 กิโลกรัมเผาไหม้ได้ความร้อนเท่าเบนซิน 1 กิโลกรัม

งานที่ได้ เทียบปริมาตรน้ำมัน (จูลต่อลิตร) ดีเซลก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก เพราะดีเซลมีความหนาแน่นหนักกว่า หนึ่งลิตรได้มวลมากกว่า จึงหนุนขึ้นไปอีก



ลองเทียบดูก็ได้ครับ ความหนาแน่นเบนซิน 745g/l ดีเซล 832g/l

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=3463:ford-focus-20-tdci-18-4at-20-5at-320d&catid=64:c-segment-1600-2000-cc&Itemid=76

รีวิวฟอร์ด โฟกัส รุ่นเก่า

เบนซิน 1.8 อัตราสิ้นเปลือง 13.66 กิโลเมตรต่อลิตร/0.745=18.34กิโลเมตรต่อกิโลกรัมเบนซิน

เบนซิน 2.0 อัตราสิ้นเปลือง 12.21 กิโลเมตรต่อลิตร/0.745=16.39กิโลเมตรต่อกิโลกรัมเบนซิน

ดีเซล 2.0 อัตราสิ้นเปลือง 17.03 กิโลเมตรต่อลิตร/0.832=20.47กิโลเมตรต่อกิโลกรัมดีเซล

เชฟโรเลต ครูซ เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู ไม่ว่าจะยี่ห้อใดก็ตาม ประสิทธิภาพเครื่องดีเซลดีกว่าเสมอ ไม่ว่าจะเทียบลิตร กิโลกรัม หรือแม้แต่จูลความร้อนก็ตามครับ
เอาทีละประเด็นนะครับ ผมขอเป็นคำถามแล้วกัน จากที่คุณ Ji.Cl. บอกเลย ว่า ดีเซลให้ NOx มากกว่าสามเท่า
- แล้ว CO อันตรายกว่า NOx อย่างไรเหรอครับ? ยิ่งถ้านึกถึงโลกร้อน ตาม GWP CO แทบไม่เป็นปัญหาเลยด้วยซ้ำ
- สารพิษที่บอกว่าเบนซินปล่อยมากกว่าคือตัวไหนเหรอครับ?   สารก่อมะเร็งในเบนซินคืออะโรมาติก แต่หลังๆ อะโรมาติกในเบนซินต่ำมากๆ ยิ่งหลังจากมี เอทานอลแล้ว ยิ่งต่ำเข้าไปใหญ่

ส่วนเขม่า ผมมองว่า จะมาคิดว่าอยู่ในรถ รับไปนิดเดียวไม่ได้ครับ เพราะมลพิษ มันหมายถึงอากาศโดยรวม ไม่ใช่อากาศในรถ
ในเมื่อคุณ Ji.Cl. บอกเองว่า NOx อันตราย  แต่เครื่องดีเซลสุดเทพยังไง ก็ยังปล่อย NOx มากกว่า แล้วอย่างนี้ดีเซลปลอดภัยกว่าอย่างไรเหรอครับ?
อย่าลืมว่า ที่เขาบอกว่า เขม่าดีเซลเป็นปัญหา เพราะมันสะสมอยู่ในบรรยากาศบริเวณที่เราอยู่อาศัย ไม่ได้กระจายขึ้นไปสุดฟากฟ้าเหมือน NOx CO

- ดีเซลประสิทธิภาพดีกว่า อันนี้เรื่องธรรมดาครับ แต่ไม่ใช่เพราะกำลังอัด Thermal Efficiency ขึ้นกับ อุณหภูมิ ไม่ใช่ความดันครับ
- ส่วนหน่วย จูลต่อจูล คือหน่วยอะไรเหรอครับ ไม่เคยได้ยิน อ้างอิงจากอะไร?  เคยเห็นแต่ เทียบต่อมวล ต่อโมล ต่อปริมาตร





โดยสรุป
- ผมไม่ได้เห็นต่างเรื่องดีเซลประหยัดกว่าเบนซิน แต่ในทางน้ำหนักแล้ว มันไม่ได้ต่างกันมากอะไร ถ้า Convert มาเป็น CO2 ต่อ กิโล
- ผมยังหาไม่เจอว่า สรุปสารพิษอะไรในเบนซิน ที่คุณบอกว่ามันร้ายแรงกว่าในดีเซลครับ ขอให้ช่วยบอกให้ชัดเจน จะได้ Discuss กันได้ตรงประเด็นครับ
- ค่า NOx ที่กำหนดไว้นั้น มันรวมการมี EGR แล้วครับ

และที่สำคัญ เรื่องประเด็นที่ว่า ดีเซล ถูกมองว่าก่อปัญหามากกว่า มันเป็น "ข้อเท็จจริง" ไม่ใช่ "ความเห็น" ครับ ต้องแยกให้ถูก เพราะ
1. สัดส่วนความต้องการของดีเซล ต่อ เบนซิน ทั่วโลกสูงขึ้น (ยกเว้นอินเดีย ซึ่งเป็นที่เดียวในโลก ที่ความต้องการเบนซิน เพิ่มมากกว่าดีเซล)
2. เขม่าไม่สามารถ Convert ต่อได้
3. NOx ทำปฎิกิริยากับไฮโดรคาร์บอนอื่นๆ และแสงแดด ทำให้เกิด urban smog ขึ้น  ซึ่งมันเห็นได้ชัด และทั้งหมดนี้มาจากดีเซล

CO ไม่เคยเป็นปัญหาอะไรกับทั้งผู้ผลิตน้ำมันและผู้ผลิตเครื่องยนต์ะครับ
 ค่า Emission ที่ถูกพูดถึงหลักๆคือ CO2 NOx และ PM ซึ่งทั้งหมดนี้ ดีเซลมันเยอะกว่า ค่าอื่นๆมันถือว่าเล็กน้อย และแทบไม่มีผลอะไร เพราะถ้ามันจะลดลงได้เอง ถ้าสามตัวแรกลดลงได้
- ถ้าเป็นเครื่องยนต์ มันทำให้อยู่ในสเปคไม่ยาก ไม่ต้องลงทุนมาก
- ถ้าเป็นน้ำมัน พูดถึงแค่ Sulfur content (เพราะทำยากที่สุด ต้นทุนสูงที่สุด)



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 28, 2013, 13:19:43 โดย 6162002 »