Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: deertesla ที่ พฤศจิกายน 06, 2021, 17:51:34
-
เห็นรถหลายรุ่น. โดยเฉพาะค่ายจีนและวอลโว่+ยุโรปอื่นๆ ที่จับปุ่มปรับแอร์ปรับเครื่องเสียงทั้งหลายลงจอ เวลาใช้งานจริงต้องเข้าไปจิ้มที่เมนูต่างๆ เห็นแล้วใช้งานยากกว่าแบบปุ่มโบราณๆมากเลยครับ บางทีทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้เพราะเสียสามาธิไปด้วย อีกทั้งการใช้คำสั่งเสียงบางคนพูดไม่ชัดหรือติดสำเนียงภาคต่างๆอาจใช้งานไม่ได้ดีเท่าที่ควรครับ ยิ่งหากเป็นคนที่เป็นไข้หวัดไม่มีเสียง. โรคถุงลมโปร่งพองเจาะคอหรือเป็นผู้พิการพูดไม่ได้หรือเป็นใบ้นี่จะใช้งานได้อย่างไรครับ. ถ้าเกิดหนาวๆขับรถอยากลดแอร์ อยากเปิดฮีตเตอร์นี่น่าจะลำบากน่าดู
(https://s.isanook.com/au/0/rp/r/w728/ya0xa0m1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2F1LzAvdWQvMTYvODAwMTUvaGF2YWxfaDZfMTEuanBn.jpg)
(https://carwow-uk-wp-3.imgix.net/XC40-interior-dashboard-scaled.jpg?auto=format&cs=tinysrgb&fit=clip&ixlib=rb-1.1.0&q=60&w=1125)
(https://s.isanook.com/au/0/rp/rc/w850h510/yatxacm1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2F1LzAvdWQvMTEvNTk3NjEvMjAxLmpwZw==.jpg)
-
ไม่ "บางที" หรอกครับ จอทัชนี่ยังไงก็ต้องละสายตานานกว่าแบบปุ่มๆ ยิ่ง function ที่ต้องใช้บ่อยๆนี่ไม่ควรเลย
อีกอย่างคือรถบางคันทำเป็นปุ่มก็จริง แต่เรียบเท่ากันหมด แบบนี้ก็กดยากเหมือนกัน
ปล ระบบ voice ของรถบางรุ่นใช้วิธีบันทึกคำสั่งตามเสียงเจ้าของเลย และจะใช้คำอะไรก็ได้ (คำสั่งเชื่อมต่อ bluetooth ของ sti ใหม่เป็นแบบนั้น) .. ก็จะแก้ปัญหาที่ท่านว่ามาได้ แต่ก็จะมีปัญหาใหม่คือนอกจากเจ้าของแล้วคนอื่นสั่งไม่ได้
-
ลำลากจริงครับ ค่อนข้างเสียสมาธิ ต้องใช้เวลาระยะนึงถึงจะชินครับ จะทำอะไรต้องปัดจอด
ไปมาค่อนข้างรำคาญเหมืออนกันครับ
-
แบบปุ่มเยอะๆนี่ใช้ง่ายสุดล่ะครับ
อาทิพวกเฟียตต้า ดูเยอะแต่ใช้ง่าย
ผมไม่ชอบจอยาวๆใหญ่ๆอย่าง mercedes เลยครับ
เหมือนเข้าไปในสมาร์ทโฟนเคลื่อนที่
-
มันควรแค่เครื่อวเสียวพอครับ ที่เหลืออปุ่มเถอะ
-
สำหรับผมแค่คำสั่งเสียงกับปุ่มบนพวงมาลัยก็พอครับ
เรื่องเครื่องปรับอากาศ ผมขับคนเดียวไม่เคยปรับเลย เซ็ทเท่าเดิมตั้งแต่ป้ายแดงยันขาย :P
-
ปรับตัวหน่อยสักพักก็เริ่มชินครับ ยิ่งถ้าใช้ประจำจะไม่เป็นปัญหาเลย หลายครั้งที่ไม่ได้ปรับอะไรเลยทั้งทริปครับ การที่มีจอมันทำให้ดึงเอาฟังก์ชั่นต่างๆมาไว้ใกล้ๆมือได้..ใช้คู่กับจินตนาการนิดๆหน่อยๆในจังหวะที่ปลอดภัย เราใช้คาร์เพลย์เปิดเพลงดูแผนที่ได้ก็ควรจะใช้ควบคุมเมนูอื่นๆได้ครับ
-
มีครบทุกอย่างดีกว่า
มีทั้งปุ่ม จะทัชก็ได้ แอร์ก็มีปุ่มปรับแยกออกมา แต่จะแสดงผลแยกหรือรวมบนจอก็ได้
ทุกวันนี้จะเลื่อนเพลง ใช้ปุ่มบนพวงมาลัย แต่พอจะเปลี่ยนโฟรเดอร์งานเข้าทุกที
คือเปลี่ยนได้ ทัชได้ แต่กดหลายครั้งมากกว่าจะได้เปลี่ยน
-
ขอแอร์ปุ่มกด กับควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
ไม่สวยไม่เป็นไร เน้นใช้งานสะดวก
-
ปัญหาของ UI จอ GWM รถไทยที้ง H6 และ Good Cat เท่าที่ไปลองวันนี้คือ
ทุกอย่างมันอยู่คล้าย Smart Phone มากไปครับ
H6 อ่ะยังดีมีปุ่มรวมรถให้ (แต่ไม่มี Apple CarPlay และ Good Cat ที่มีก็มาแทนที่ปุ่มรวมรถไป)
แต่สุดท้ายเมนูหลักมันต้องเลือกมาจากขอบซ้ายที่เป็นเมนูคล้าย Tablet ที่ต้องมองตลอดเวลาใช้
แต่จอรถต้องอาศัยการมองให้น้อยที่สุด กลายเป็นต้องละสายตามากดจากซ้ายไล่เข้ามา
แม้จะมีแถบด้านบนให้สไลด์ลงมาเป็นทางลัดเปิดปิด แต่ก็ต้องละตามาดูเช็คชัวร์อยู่ดีว่าลากมาติดมั้ย มือตรงปุ่มรึเปล่า
กลายเป็นต้องใช้เวลาและสมาธิกับมันเกินความจำเป็น
ปล. แต่แอร์ Mazda 2/CX-3 รูปสุดท้ายนี่ ตำแหน่งของมันก็อยู่ต่ำกว่ามือเยอะอยู่ครับ
คลำๆ แบบไม่มองมา 5 ปีก็ยังมีหลายรอบที่ไม่โดน แถมโดนแล้วก็ไม่ชัวร์อีกว่าจับวงไหนเพราะมันชิดกัน
เลยยังต้องละมามองมันอยู่ดีครับ ยิ่งอุณหภูมิถ้าหมุนไม่มองนี่มันมีล็อกปรับทุกๆ แค่ 0.5°C กลายเป็นไม่ตรงตามที่ต้องการอีก
-
มีครบทุกอย่างดีกว่า
มีทั้งปุ่ม จะทัชก็ได้ แอร์ก็มีปุ่มปรับแยกออกมา แต่จะแสดงผลแยกหรือรวมบนจอก็ได้
ทุกวันนี้จะเลื่อนเพลง ใช้ปุ่มบนพวงมาลัย แต่พอจะเปลี่ยนโฟรเดอร์งานเข้าทุกที
คือเปลี่ยนได้ ทัชได้ แต่กดหลายครั้งมากกว่าจะได้เปลี่ยน
ใช่ครับ. คนซื้อจะได้ใช้สะดวกกัน เหลือแต่จอแบบนี้ผมว่าลดต้นทุนมากกว่า. แถมปุ่มไฟฉุกเฉินยังเล็กกดยากอีก
ปัญหาของ UI จอ GWM รถไทยที้ง H6 และ Good Cat เท่าที่ไปลองวันนี้คือ
ทุกอย่างมันอยู่คล้าย Smart Phone มากไปครับ
H6 อ่ะยังดีมีปุ่มรวมรถให้ (แต่ไม่มี Apple CarPlay และ Good Cat ที่มีก็มาแทนที่ปุ่มรวมรถไป)
แต่สุดท้ายเมนูหลักมันต้องเลือกมาจากขอบซ้ายที่เป็นเมนูคล้าย Tablet ที่ต้องมองตลอดเวลาใช้
แต่จอรถต้องอาศัยการมองให้น้อยที่สุด กลายเป็นต้องละสายตามากดจากซ้ายไล่เข้ามา
แม้จะมีแถบด้านบนให้สไลด์ลงมาเป็นทางลัดเปิดปิด แต่ก็ต้องละตามาดูเช็คชัวร์อยู่ดีว่าลากมาติดมั้ย มือตรงปุ่มรึเปล่า
กลายเป็นต้องใช้เวลาและสมาธิกับมันเกินความจำเป็น
ปล. แต่แอร์ Mazda 2/CX-3 รูปสุดท้ายนี่ ตำแหน่งของมันก็อยู่ต่ำกว่ามือเยอะอยู่ครับ
คลำๆ แบบไม่มองมา 5 ปีก็ยังมีหลายรอบที่ไม่โดน แถมโดนแล้วก็ไม่ชัวร์อีกว่าจับวงไหนเพราะมันชิดกัน
เลยยังต้องละมามองมันอยู่ดีครับ ยิ่งอุณหภูมิถ้าหมุนไม่มองนี่มันมีล็อกปรับทุกๆ แค่ 0.5°C กลายเป็นไม่ตรงตามที่ต้องการอีก
ขอบคุณมากครับที่ไปลองมาและเล่าให้ฟัง สรุปว่าคือมันใช้งานลำบากกว่าปุ่มธรรมดาๆหมุนๆน่าดู ส่วนปุ่มต่างๆของมาสด้าผมยอมรับเลยว่าวางตำแหน่งใช้งานยากกดยากลำบากต้องละสายตาและใช้สมาธิในการงมหาพอสมควรครับ. เป็นมันทุกรุ่นเลยรถยี่ห้อมาสด้านี้ ตำแหน่งควบคุมการขับดีมากขับขี่ควบคุมได้ดี แต่การวางตำแหน่งปุ่งต่างๆสอบตกครับแค่ไฟฉุกเฉินก็จะจิ้มแบบงมๆยากเพราะเล็กและอยู่ต่ำมากครับ
แบบปุ่มเยอะๆนี่ใช้ง่ายสุดล่ะครับ
อาทิพวกเฟียตต้า ดูเยอะแต่ใช้ง่าย
ผมไม่ชอบจอยาวๆใหญ่ๆอย่าง mercedes เลยครับ
เหมือนเข้าไปในสมาร์ทโฟนเคลื่อนที่
นั่นสิครับ กลายเป็นว่าไม่ต่างจากรถจีนแถมใช้งานยากด้วย ส่วนฟอร์ดปุ่มเยอะจริงครับ หลายปุ่มช่วยให้ใช้งานง่ายแต่บางปุ่มก็ไม่น่าไปไว้ตรงนั้นเช่นปุ่มล็อคประตู แต่ทั้งนี้จอเล็กสังเกตุยากมากครับ
(https://img.khaorot.com/resize/480x-/2018/11/25/rGTHyD9i/ford-fiesta-2014-3-e420.jpg)
-
สำหรับผมแค่คำสั่งเสียงกับปุ่มบนพวงมาลัยก็พอครับ
เรื่องเครื่องปรับอากาศ ผมขับคนเดียวไม่เคยปรับเลย เซ็ทเท่าเดิมตั้งแต่ป้ายแดงยันขาย :P
มันเป็นปัญหากับคนใช้เสียงไม่ได้เช่นคนใบ้ คนเป็นหวัด คนที่ลิ้นไก่สั้นพูดไม่ชัด และใช้รถคันเดียวแต่มีหลายคนสลับกันใช้ครับ
ไม่ "บางที" หรอกครับ จอทัชนี่ยังไงก็ต้องละสายตานานกว่าแบบปุ่มๆ ยิ่ง function ที่ต้องใช้บ่อยๆนี่ไม่ควรเลย
อีกอย่างคือรถบางคันทำเป็นปุ่มก็จริง แต่เรียบเท่ากันหมด แบบนี้ก็กดยากเหมือนกัน
ปล ระบบ voice ของรถบางรุ่นใช้วิธีบันทึกคำสั่งตามเสียงเจ้าของเลย และจะใช้คำอะไรก็ได้ (คำสั่งเชื่อมต่อ bluetooth ของ sti ใหม่เป็นแบบนั้น) .. ก็จะแก้ปัญหาที่ท่านว่ามาได้ แต่ก็จะมีปัญหาใหม่คือนอกจากเจ้าของแล้วคนอื่นสั่งไม่ได้
ใช่ครับเห็นด้วยกับที่กล่าวมา ทำปุ่แต่ราบเรียบนี่จะคลำกดยังไงกันครับ ผมว่าตัดปุ่มไปหมดนี่ผมมองว่าเป็นการลดต้นทุนด้วยจะได้ไม่ต้องออกแบบอะไรและชิ้นส่วนน้อยลงครับ
ปรับตัวหน่อยสักพักก็เริ่มชินครับ ยิ่งถ้าใช้ประจำจะไม่เป็นปัญหาเลย หลายครั้งที่ไม่ได้ปรับอะไรเลยทั้งทริปครับ การที่มีจอมันทำให้ดึงเอาฟังก์ชั่นต่างๆมาไว้ใกล้ๆมือได้..ใช้คู่กับจินตนาการนิดๆหน่อยๆในจังหวะที่ปลอดภัย เราใช้คาร์เพลย์เปิดเพลงดูแผนที่ได้ก็ควรจะใช้ควบคุมเมนูอื่นๆได้ครับ
เข้าใจครับในเรื่องเทรนด์ตอนนี้เป็นจอโตๆ มาเดี่ยวๆปุ่มหายหมด แถมปุ่มกดไฟฉุกเฉินยังเล็กกดยากอีก อยากปรับแอร์ณตอนนั้น เวลาอากาศเปลี่ยน ฝ้าขึ้นกระจกระหว่างขับรถการที่ตัดปุ่มไปผมมองว่าคนออกแบบเค้าคิดตื้นมากครับ และไม่น่าจะได้ขับรถด้วยซ้ำครับ มันทำให้เกิดอันตรายระหว่างขับรถได้ รวมไปถึงถ้าจอพังเราจะไปตั้งค่าอะไรไม่ได้ ผมมองว่าแอร์ควรอยู่ในส่วนของมัน มีปุ่มให้ปรับง่ายๆส่วนเครืีองเสียงถ้ามีปุ่มพวงมาลัย ปุ่มปรับลดเสียงอบบปรับง่ายๆและมีระบบใช้เสียงมาซัพพอร์ตจะดีมาก กับอีกอย่างคนที่ใช้รถทุกคนไม่ได้สุขภาพเสียงดีทุกคน บางคนเสียงหายจากหวัดหรือผ่าตัดกล่องเสียงหรือเจาะคอเพราะเป็นถุงลมโปร่งพองบางคนลิ้นได้สั้นพูดไม่ชัดครับ ไม่อยากให้ค่ายรถมองข้ามคนเหล่านี้ไป. บางยี่ห้อระบบคำสั่งเสียงใช้งานยากอีกต่างหากนะครับ
ขอแอร์ปุ่มกด กับควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
ไม่สวยไม่เป็นไร เน้นใช้งานสะดวก
ใช่ครับ ผมว่าหลายรุ่นหลายยี่ห้อออกแบบปุ่มปรับแอร์ได้สวยมากนะครับ. กับเห็นเชยๆแบบนี้เวลาพังก็พังเฉพาะส่วนแถมค่าซ่อมถูกครับ
มันควรแค่เครื่อวเสียวพอครับ ที่เหลืออปุ่มเถอะ
ใช่ครับผมว่าค่ายรถลดต้นทุนด้วยแหละ ขี้เกียจจ้างoem ผลิตชิ้นส่วน และออกแบบการจัดวางปุ่มทั้งหลาย
ลำลากจริงครับ ค่อนข้างเสียสมาธิ ต้องใช้เวลาระยะนึงถึงจะชินครับ จะทำอะไรต้องปัดจอด
ไปมาค่อนข้างรำคาญเหมืออนกันครับ
ใช่ครับ สงสัยเค้าจ้างเด็กเนิร์ดที่รักด้านไอทีไม่ค่อยขับรถมาออกแบบแน่ๆ. ว่าคนขับรถจริงๆมันใช้ยาก
-
ปัญหาของ UI จอ GWM รถไทยที้ง H6 และ Good Cat เท่าที่ไปลองวันนี้คือ
ทุกอย่างมันอยู่คล้าย Smart Phone มากไปครับ
H6 อ่ะยังดีมีปุ่มรวมรถให้ (แต่ไม่มี Apple CarPlay และ Good Cat ที่มีก็มาแทนที่ปุ่มรวมรถไป)
แต่สุดท้ายเมนูหลักมันต้องเลือกมาจากขอบซ้ายที่เป็นเมนูคล้าย Tablet ที่ต้องมองตลอดเวลาใช้
แต่จอรถต้องอาศัยการมองให้น้อยที่สุด กลายเป็นต้องละสายตามากดจากซ้ายไล่เข้ามา
แม้จะมีแถบด้านบนให้สไลด์ลงมาเป็นทางลัดเปิดปิด แต่ก็ต้องละตามาดูเช็คชัวร์อยู่ดีว่าลากมาติดมั้ย มือตรงปุ่มรึเปล่า
กลายเป็นต้องใช้เวลาและสมาธิกับมันเกินความจำเป็น
ปล. แต่แอร์ Mazda 2/CX-3 รูปสุดท้ายนี่ ตำแหน่งของมันก็อยู่ต่ำกว่ามือเยอะอยู่ครับ
คลำๆ แบบไม่มองมา 5 ปีก็ยังมีหลายรอบที่ไม่โดน แถมโดนแล้วก็ไม่ชัวร์อีกว่าจับวงไหนเพราะมันชิดกัน
เลยยังต้องละมามองมันอยู่ดีครับ ยิ่งอุณหภูมิถ้าหมุนไม่มองนี่มันมีล็อกปรับทุกๆ แค่ 0.5°C กลายเป็นไม่ตรงตามที่ต้องการอีก
Mazda2นี่ผมเลิกปิดแอร์ไปเลย เพราะต้องมองว่าปิดยังไง
พอจะเปิดก็ต้องมาเกร็งว่าอยู่ที่ออโต้นะ เพราะหมุนแรงมันเลย
ทุกวันนี้ตั้งไว้ แล้วไม่ปรับใดๆเลยนอกจากอุณหภูมิ
-
จอ Touch sceen นี่ถ้าขับรถบนถนนคอนกรีตหรือถนนที่ไม่ค่อยเรียบ เป็นลอนคลื่น ผมกดพลาดประจำเลย
เพราะรถไม่ได้จอดนิ่งๆ มือเราก็ขึ้นๆลงๆตลอด กดจอมือถือระหว่างขับรถยังไม่ยากเท่านี้
-
ยังไม่เคยมีรถ จอใหญ่ๆแบบนั้น
ผมว่ามันเป็นไปตาม Fashion แหละ เหมือน Smart phone
ความรู้สึกคือ มันก็สวยดีนะครับ
อาจจะไม่ชินมากกว่า
-
จริงครับ แล้วยิ่งถ้า mg Gwm พวกที่ต้องเปิดแอร์จากจอ นี่โคดน่ารำคาญครับ
-
จอทัชสกรีนของ Volvo ตอนแรกผมก็คิดว่าใช้ยากครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมเพิ่งเอารถ Volvo V60 มาทดลองขับ พอดีเอาคันเก่าเข้า service เลยขอมาลองขับจนกว่ารถจะ service เสร็จ ได้เอามาลอง 3 วัน ก็พบว่าถ้าเรา set ค่าของรถตามแบบที่เราจะใช้แล้วแทบจะไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับทัชสกรีนอีกเลย ตั้งค่าอุณหภูมิระบบเซฟตี้ต่างๆก่อนออกรถ หรือแม้แต่จะปรับตอนขับรถก็กดปุ่ม pilot assist ให้รถมันขับเองค่อยมาดูที่ทัชสกรีนได้ ซึ่งผมพอมาใช้จริงก็ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนที่คิดไว้ครับ
-
จอทัชสกรีนของ Volvo ตอนแรกผมก็คิดว่าใช้ยากครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมเพิ่งเอารถ Volvo V60 มาทดลองขับ พอดีเอาคันเก่าเข้า service เลยขอมาลองขับจนกว่ารถจะ service เสร็จ ได้เอามาลอง 3 วัน ก็พบว่าถ้าเรา set ค่าของรถตามแบบที่เราจะใช้แล้วแทบจะไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับทัชสกรีนอีกเลย ตั้งค่าอุณหภูมิระบบเซฟตี้ต่างๆก่อนออกรถ หรือแม้แต่จะปรับตอนขับรถก็กดปุ่ม pilot assist ให้รถมันขับเองค่อยมาดูที่ทัชสกรีนได้ ซึ่งผมพอมาใช้จริงก็ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนที่คิดไว้ครับ
ผมขับ XC60 คนเดียวเป็นหลัก ไม่รู้สึกเป็นปัญหาใดๆเช่นกัน แอร์ปรับอยู่บ่อยๆเวลาไปเล่นกีฬา ก็ปรับก่อนออกรถแค่นั้น ไม่เป็นปัญหา ส่วนเครื่องเสียง มีทั้งปุ่มปรับแยกและที่พวงมาลัย สะดวกดีครับ ใช้แล้วอดรู้สึกไม่ได้ว่าวอลโวเขาออกแบบโดยพิจารณาการใช้งานจริงได้เหมาะสมมากแทบทุกฟังก์ชั่น
-
อย่างน้อย จอ Touch Screen ก็ดีกว่าจอแบบมีปุ่มหลายปุ่มซึ่งก็ต้องคลำหาปุ่ม แทบจะยุ่งยากกว่าครับ
-
แต่ HR-V e:HEV ก็ได้จอกลางขนาดเล็กแบบมีปุ่ม (แอบกั๊ก option) อย่างน้อยจอกลาง HR-V ใหม่ก็ใช้ง่ายกว่า Civic ใหม่เล็กน้อย
-
ใช้ของ tesla ไม่มีความยุ่งยากเลยครับ ใช้ถนัดกว่าแบบปุ่มเดิมๆอีก หน้าจอก็ลื่นไหลมากๆไม่ต่างกับมือถือตัวท็อป
-
ผมปรับตัวกับมันมา7ปีจับยังจิ้มพลาดจิ้มวืดตอนรถวิ่งอยู่เลย กะบแอร์ระบบtouch city 2014เนี่ย จอก็ด้วยพอกันทั้งคู่
-
อาจจะเป็นช่วงอายุมั่งครับ ผม 40+ ขอปุ่มปรับง่ายๆล่ะกัน ไม่ชินกับกดทัสอย่างเดียว 55
-
ยังไงก็ใช้ยากกว่าปุ่มกดครับ เพราะต้องละสายตามามองจอ ไม่เหมือนปุ่มหรือลูกบิด ที่แทบไม่ต้องมองนานๆก็ปรับได้ ถ้าไม่ทำจอสัมผัสแบบไม่ต้องมองก็ต้องเป็นคำสั่งเสียงที่มีความแม่นยำละครับ
-
จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่ายครับ อยู่ที่ขนาดจอ, การออกแบบอินเทอเฟส, การไหลลื่นของหน้าจอ อย่างเช่นถ้าทำจอให้ใหญ่ลากนิ้วทะแยงหน้าจอเป็น short cut เข้าสู่การปรับแอร์ มีปุ่มปรับแอร์ใหญ่ๆเป็นต้น ไม่แน่นะต่อไปเราอาจจะปรับตะแกรงปรับทิศทางลมแอร์ได้จากหน้าจอเพียงแค่การลากนิ้วก็เป็นได้
ผมว่าช่วงนี้อยู่ในช่วงระยะเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี่ ในอนาคตมันก็จะมาในแนวทางจิ้มบนจอกันหมดแหละ เราก็ต้องปรับตัวแต่บ.รถก็ต้องปรับเหมือนกัน คือทำให้ใช้ง่าย เสถียร สวยงาม คนก็จะไม่กลัวกันในที่สุดครับ
แต่ถ้า ณ.ปัจจุบันยังชอบปุ่มปรับอยู่ครับ แต่ถ้าให้ดีก็คือทำให้มันปรับได้จากทั้งสองอย่างเลยจะดีที่สุด เพราะบางทีการจิ้มจอครั้งเดียวก็ไวกว่าการมากด + หมุนปุ่มคอมมานด์ที่คอนโซลกลางหลายสเต็ปกว่าจะสั่งการได้
-
gwm คำสั่งเสียงโอเคนะคนับ สั่งการรู้เรื่อง ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากในการสั่งแอร์
สั่งให้ปรับอุณหภูมิแอร์ ความแรงลมนี่สบายเลย
แต่โหมดการขับขี่ยังไม่เคยลองสั่งการ แต่เดาว่าอาจจะพอสั่งได้นะ ในเมื่อมันก็เป็นเมนูในหน้าจอเช่นเดียวกัน แต่ต้องทำความคุ้นเคยกับมันมากหน่อย
-
ปรับแอร์ แรงลม เสียงวิทยุ ควรเป็นปุ่ม
-
ไหนๆ มันต้องมีและมันมีมาแล้ว
แก้ไขด้วยการ "สั่งงานด้วยเสียง" เอาซิครับ
แค่นี้ก็ไม่ต้องคลำแล้ว
-
จอทัชสกรีนของ Volvo ตอนแรกผมก็คิดว่าใช้ยากครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมเพิ่งเอารถ Volvo V60 มาทดลองขับ พอดีเอาคันเก่าเข้า service เลยขอมาลองขับจนกว่ารถจะ service เสร็จ ได้เอามาลอง 3 วัน ก็พบว่าถ้าเรา set ค่าของรถตามแบบที่เราจะใช้แล้วแทบจะไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับทัชสกรีนอีกเลย ตั้งค่าอุณหภูมิระบบเซฟตี้ต่างๆก่อนออกรถ หรือแม้แต่จะปรับตอนขับรถก็กดปุ่ม pilot assist ให้รถมันขับเองค่อยมาดูที่ทัชสกรีนได้ ซึ่งผมพอมาใช้จริงก็ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนที่คิดไว้ครับ
ผมขับ XC60 คนเดียวเป็นหลัก ไม่รู้สึกเป็นปัญหาใดๆเช่นกัน แอร์ปรับอยู่บ่อยๆเวลาไปเล่นกีฬา ก็ปรับก่อนออกรถแค่นั้น ไม่เป็นปัญหา ส่วนเครื่องเสียง มีทั้งปุ่มปรับแยกและที่พวงมาลัย สะดวกดีครับ ใช้แล้วอดรู้สึกไม่ได้ว่าวอลโวเขาออกแบบโดยพิจารณาการใช้งานจริงได้เหมาะสมมากแทบทุกฟังก์ชั่น
ใช้ง่ายจริงครับ เมนูการใช้งานจริง เค้าทำออกมาใช้ง่ายมาก เห็นรีวิวหลายช่องบอกไม่ถนัด ใช้ยาก คงเพราะ รีวิวรถแค่นั้น สั้นๆ ไม่ได้ทำการปรับตัวคุ้นชินกับการใช้งาน
-
ส่วนตัวมองว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ทัชสกรีน ปัญหาอยู่ที่กว่าจะเข้าไปปรับแต่งอะไรได้ มันต้องเข้าไปหลายชั้น
ถ้าจะไม่มีปุ่มให้กด อย่างน้อยจอทัชกรีนควรใหญ่ ถึงใหญ่มา เพื่อให้จบใน one touch
ถ้าแบบ Haval คือต้องกดเข้าเมนูไป 3 4 5 ชั้น กว่าจะสามารถปรับอะไรได้
-
ใช้ไม่สะดวกจริงๆครับ อย่างบางยี่ห้อ แค่ปรับทิศทางลม มันต้องปรับที่จอ ผมว่ามันยุ่งยากเกินไป
และบางยี่ห้อ ราคาหลักสิบล้าน ปรับแอร์ต้องปรับที่จอ แล้วจอมันค้างบ่อย รู้สึกไม่สะดวกเลยครับ
-
มีในจอก็ดีและมีปุ่มด้วยจะดีกว่า
ถ้าทัชสกรีนลื่นๆ ไม่หลอน เสถียรๆแบบ iPhone iPad แจ่มเลย
ถ้าหน่วงๆ หลอนๆ เหมือนมือถือ3-4พัน นี่ก็ไม่ไหวนา
-
ไม่ถูกใจเหมือนกันครับ อย่างน้อย ส่วนที่ใช่งานบ่อยๆควรมีปุ่ม บ้างเช่นระบบเเอร์ทั้งหมด ไล่ฝ้า ปรับเครื่องเสียง ( จริงที่มีปุ่มที่พวงมาลัย เเต่บางที คนนั่งก็ควรปรับได้ด้วย )