Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: kanekung ที่ มกราคม 23, 2010, 22:59:54
-
สอบถามพี่ๆ ทุกๆ ท่าน คัฟ
วันนี้ไปเชียงราย คุยกับเพื่อนผมไปๆมาๆ
มาคุยเรื่องเอ็นจิ้นเบรคเถียงกันไม่จบไม่สิ้น ...
เวลาเราขับรถไป ขึ้นเนิน ลงเนิน
เวลาลงเนินรถเราจะจ่าย น้พมันเชื้อเพลิง ตามรอบเครื่องยนต์หรือ จ่ายน้ำมันที่รอบเดินเบา
เพื่อให้มีแรงฉุด ของเครื่องยนต์
----------------------------***------------------------------
ในความคิดของผมนนะ ครับ
เวลาเราขับรถมาด้วยเกียร์ 4 ขับลงเนินมา รถจะลงเกียร์ 3 เพื่อมีเอ็นจิ้นเบรค
แล้วรอบเครื่อง พุ่งขึ้นไปที่ 5-6 พันรอบ ในตอนที่เครื่องพุ่งขึ้นไปที่ 5-6 พันรอบนี้
การจ่ายน้ำมันของเครื่อง คงจ่ายน้ำมันเท่าเป็นรอบเดินเบา เพื่อให้มีแรงฉุดของเครื่องยนต์ เพื่อให้มีแรงเบรค
การทำงานของเครื่องยนต์ เป็นแบบนี้หรือไม่
มองอีกมุม เหมือน เวลาเราขับมอไซด์ลงดอยที่สูงๆ ลงเนินมา ไม่ได้บิดคันเร่ง น้ำมันก็จะจ่ายที่รอบเดินเบา
รถยนต์จะเป็นอย่างนี้รึเปล่า ครับ
--------------------------***--------------------------
มาฟังความคิดของเพื่อนๆ ผม 2 คน
เพื่อนผมบอกว่า กาจ่ายน้ำมัน นั่นจะต้องเป็นไปตาม รอบของเครื่องยนต์
ยิ่งรอบสูง การจ่ายน้ำมัน ก็จะสูงตาม รอบของเครื่องยนต์
ทำให้เปลืองน้ำมันเพราะรอบเครื่องยนต์ สูง
----------------------------------***--------------------------------
ตกลงว่าเวลา เวลาลงเนิน เครื่องยนต์จะจ่ายน้ำมันแบบไหน กันแน่ เนี่ย
จะจ่าย น้ำมันแบบเดินเบาหรือตามรอบของเครื่องยนต์
แล้วการใช้เอ็นจิ้นเบรค จะทำให้สิ้นเปลือง น้ำมันเชื่อเพลิง มากขึ้นหรือไม่
เถียงกัน มายาวว เรื่องอัตราสิ้นเปลือง เพราะเพื่อนผมเถียงมากๆ ว่าเวลาใช้เอ็นจิ้นเบรค ทำให้เปลืองน้ำมัน
ไปเที่ยวด้วยกัน เถียงกัน ตอนกลับ ฮ่าๆ เรียนช่างยนต์เหมือนกันแท้ๆ ฮ่าๆ
ผมคิดว่าเครื่องยนต์จะจ่ายน้ำมันแบบเดินเบานะ
ตกลงใครผิดใครถูกันแน่ ...
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[
-
อยากรุ้มากๆๆๆ เช่นกันคับ
อยากรุ้ระบบ engine break ว่ามันทำงานอย่างไร
-
ผมไม่ได้เรียนช่างมานะ
แต่เห็นกระทู้นี้แล้วก็ตลกดี ถ้าเป็นอย่างที่เพื่อนคุณบอก
แปลว่าใช้เอนจิ้นเบรคแล้วเปลืองน้ำมันขึ้นสิ หุหุ
ผมก็เคยเถียงกับเพื่อนทำนองเนี้ย เข้าใจเลยว่าตอนนั้นขำไม่ออกเลย เถียงกันหน้าดำหน้าแดง สุดท้ายไม่ได้อะไร
จริงอยู่ว่าการจ่ายน้ำมันอาจไม่ได้จ่ายตามเท้าเราเหยียบเสมอไป
แต่ไม่ใช่ว่าพอรอบมันขึ้นสูงจะแปลว่าเครืื่่องยนต์ฉีดน้ำมันเพิ่มขึ้นนี่ครับ
ที่รอบมันสูงขึ้นเพราะมีการเปลี่ยนขนาดเฟืองต่างหาก รอบจึงสวิงสูงขึ้นไป
เพื่อนคุณอาจเห็นไม่ชัดเจน ลองเอนจิ้นเบรคบนทางราบให้เขาดูสิครับ
จะเห็นว่านอกจากรอบที่สวิงสูงขึ้นไปแล้ว เพียงครู่เดียวเท่านั้นความเร็วจะลดลงอย่างรวดเร็ว
เพราะ friction ที่เกิดขึ้นในเครื่องยนต์ที่เกิดขึ้นโดยการลดตำแหน่งเกียร์ของเรา
สองกรณีนี้ต่างกันตรงที่ว่า เมื่อลงทางชัน รอบเครื่องจะขึ้นไปสูงไว้นานกว่า เพราะมีทางชันเป็นตัวสู้กับ friction ที่เราสร้างขึ้น
ต่างกับทางราบ เมื่อเราถอนคันเร่ง ความเร็วจะลดลงเร็วกว่า และจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าเรายังคงลดเกียร์ลงเรื่อยๆ
ปล. อ่อ อย่าลืมบอกเพื่อนด้วยล่ะครับ ว่าเวลาคุณลดเกียร์เพื่อเอนจิ้นเบรค คุณไม่ได้เหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้นนี่ครับ คุณถอนคันเร่งต่างหาก
แล้วรถมันจะกินน้ำมันเพิ่มขึ้นได้อย่างไร จริงอยู่ว่าการเอนจิ้นเบรคอาจทำให้ตัวเลขการกินน้ำมันคุณมากขึ้นในบางขณะ และบางสถานการณ์จนสังเกตได้
แต่นั่นเป็นเพราะระยะทางสั้นลง ตัวเลข กม./ลิตร จึงได้น้อยลง เหมือนเราเหยียบเบรคแทนการปล่อยไหลน่ะครับ
แต่ไม่ได้กินน้ำมันขึ้นเพราะเครื่องยนต์จ่ายน้ำมันเพิ่มขึ้นมากเท่ากับที่เราเหยียบคันเร่งไปที่รอบที่สูงขึ้นครับ
-
ผมรู้แต่ว่ารถผมใช้ คาร์บู เคยเอา engine brake ลงเขายาวๆแล้ว น้ำมัน มันลดฮวบๆ เลยอ่ะครับ เกิน ๔ พันรอบนี่เห็นๆ เลย
รถหัวฉีดก็น่าจะอีหรอบเดียวกันนะครับ ผมว่าขึ้นอยู่กับรอบเครื่องยนต์ตอนใช้ เอนจิ้นเบรกมากกว่านะครับ
อ้อ มอไซด์เครื่องมันเล็ก สูบเดียว ใช้เอนจิ้นเบรกมันเลยไม่ค่อยเห็นว่ามันกินน้ำมันแตกต่างมากหรือเปล่า แต่รถผมอ่ะชัวร์ครับ ว่ากินขึ้นแน่ๆ
-
แนะนำให้อ่านบทความของคุณศิริบูรณ์ เนาว์ถิ่นสุข
http://www.thaidriver.com/siriboon.html (http://www.thaidriver.com/siriboon.html)
ตอนที่แนะนำให้อ่าน (เชนจ์เกียร์)
Thaidriver No. 095 ? เชนจ์เกียร์ช่วยเบรกยังไม่ยอมสูญพันธุ์อีกหรือ ตอนที่ 2 (http://www.thaidriver.com/PDF_files/no_95/95_siriboon.pdf) หน้า 153 (2 of 7) ด้านขวามือ
ตอนที่แนะนำให้อ่าน (Air/Fuel Ratio)
Thaidriver No. 085 ? คุยกันเรื่อง Air/Fuel Ratio, ทำไม A/F 14.7 แล้วไอเสียสะอาด? (http://www.thaidriver.com/PDF_files/no_85/85_siriboon.pdf)
Thaidriver No. 086 ? AF Ratio ภาคต่อ - เครื่องน็อกได้ 2 แบบ, Back Fire ยังมีให้เห็นอีกหรือ (http://www.thaidriver.com/PDF_files/no_86/86_siriboon.pdf)
Thaidriver No. 108 ? คำจำกัดความของเครื่องยนต์ Lean-Burn / EGR และ Twin Plug (http://www.thaidriver.com/PDF_files/no-108/108-siriboon-powersports.pdf)
ขอยกข้อความบางส่วนมาให้อ่านนะครับ แต่ถ้ามีเวลา ไปอ่านแบบเต็มๆดีกว่าครับ
ผมหมายความว่า ถ้าเป็นเครื่องยนต์ที่จุดสันดาปด้วยหัวเทียน
และใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง Stoichiometric Equilibrium อยู่ที่
14.7:1 (โดยน้ำหนัก) นั่นคือ 14.7 กรัมของอากาศที่เข้าไปในห้องเผา
ไหม้ ผสมกับ 1 กรัมของน้ำมันเบนซินที่ฉีดเข้าไปผสมกันเพื่อรอจุด
สันดาป...(สังเกตไหมว่าผมหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่า ?จุดระเบิด?)
เพราะฉะนั้น Stoichiometric Equilibrium จึงเป็นเส้นแบ่งว่า
เครื่องยนต์นั้นเป็น Lean- Burn หรือ Rich-Burn เช่น 16.0, 17.0, 18.0
หรือ 19.0:1 ก็เรียกได้ว่าเป็น Lean-Burn 16.0:1 เรียกว่า Lean นิดเดียว
ส่วน 19.0:1 เรียกว่าโคตร Lean
โดยทั่วไปถ้าส่วนผสมน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศอยู่ในเขต Lean
จะจุดสันดาปไม่ติด เครื่องยนต์ที่เป็น Spark-Ignition โดนคำสาปให้
ทำงาน Lean-Burn ไม่ค่อยได้ ต้องทำงานตรงที่เป็น Stoichiometric
Equilibrium หรือแก่กว่านั้น เช่น ถ้าใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง
แล้วต้องการให้ Power ดีที่สุด ส่วนผสมจะอยู่ที่ประมาณ 12.5-
13.0:1 ซึ่งจะเป็นช่วง Rich-Burn ตลอดเวลา
ผมเลยมาสรุปเอาเองว่า ถ้าจ่ายที่รอบเดินเบา Air/Fuel Ratio มันจะมากกว่า 14.7 ไปเยอะเลยนะครับ
ที่ Air/Fuel Ratio แบบนั้น จุดสันดาปไม่ได้ครับ (อาจจะได้ ถ้าเป็น Direct Injection)
ดังนั้น ไม่น่าจ่ายที่รอบเดินเบาครับ คงจะไปจ่ายใกล้ๆ Stoichiometric Equilibrium ขึ้นกับว่าใช้น้ำมันอะไร
กำลังเบรคที่ได้จากเครื่องก็มาจาก Pumping Loss / ความฝืดที่เกิดจากชิ้นส่วนเคลื่อนที่ต่างๆเช่นแหวนลูกสูบ / น้ำมันเครื่อง
-
engine brake ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ก็คือใช้รอบเครื่องยนต์ ณ เกียรนั้นๆ เป็นตัวลดความเร็ว หรือเปล่าเอ่ย??
ผมก็ชอบใช้เวลาลงเขานะ... เบรคทำงานน้อยดี และที่สำคัญไม่เสี่ยงต่อการไหม้ด้วย
ผมว่า ที่รอบเครื่องยนต์สูง ก็จะมีการจ่ายน้ำมันตามรอบเครื่่องยนต์มั้งนะคับ
ถ้าเ็ป็นเช่นนั้น
เวลาเราเร่งเครื่องที่เกียร์ 3 ที่ 3000 รอบ กับ การปล่อยรถไหลลงมาที่ 3000 รอบในเกียร์ 3 ก็มีค่าเท่ากัน...
เพราะผมอ้างถึงเวลาเราเหยียบคันเร่ง...เพื่อให้รอบไปถึง 3000 รอบ มันก็คือการจ่ายน้ำมัน เครื่องมีเสียงดังขึ้น ตื้อขึ้น มีแรงฉุด
แต่ถ้าหากเราเอารถเอนลงทางลาด แล้วรอบที่เครื่องยนต์เร่งไปแตะระดับเหมือนตอนเหยียบเครื่องยนต์ มีเสียงดังขึ้น ตื้อขึ้น มีแรงฉุดเหมือนกัน
ถ้างั้นมันก็น่าจะกินน้ำมันเหมือนกันนะครับ
;D
อยากรู้เช่นเดียวกัน
-
อ่านบทความของคุณศิริบูรณ์แล้วผมรู้สึกว่ามันเข้าประเด็น แต่ไม่เหมื่อนที่เจ้าของกระทู้เถียงกับเพื่อนน่ะครับ
ในบทความเหมือนจะเน้นว่าถ้าจะเอนจิ้นเบรค ใช้เบรคเท้าดีกว่า ได้แรงหน่วงดีกว่า
แต่ในกรณีขับรถลงเขา เบรครถธรรมดา มันเอาไม่อยู่น่ะสิครับ ถึงใช้เครื่องยนต์และเกียร์เป็นตัวช่วยลดภาระเบรค
เพราะถ้าเบรค fade น้ำมันเบรคเดือด ก็จบเห่ กระทืบจนมิดก็เอาไม่อยู่ครับ
จึงเกิดเป็นข้อถกเถียงกันว่า มันจะกินน้ำมันกว่าจนไม่ควรทำหรือไม่
ผมเข้าใจถูกรึเปล่าเนี่ยคุณเจ้าของกระทู้
-
อ่านบทความของคุณศิริบูรณ์แล้วผมรู้สึกว่ามันเข้าประเด็น แต่ไม่เหมื่อนที่เจ้าของกระทู้เถียงกับเพื่อนน่ะครับ
ในบทความเหมือนจะเน้นว่าถ้าจะเอนจิ้นเบรค ใช้เบรคเท้าดีกว่า ได้แรงหน่วงดีกว่า
แต่ในกรณีขับรถลงเขา เบรครถธรรมดา มันเอาไม่อยู่น่ะสิครับ ถึงใช้เครื่องยนต์และเกียร์เป็นตัวช่วยลดภาระเบรค
เพราะถ้าเบรค fade น้ำมันเบรคเดือด ก็จบเห่ กระทืบจนมิดก็เอาไม่อยู่ครับ
จึงเกิดเป็นข้อถกเถียงกันว่า มันจะกินน้ำมันกว่าจนไม่ควรทำหรือไม่
ผมเข้าใจถูกรึเปล่าเนี่ยคุณเจ้าของกระทู้
อ่านครบทั้งสี่บทความหรือยังครับ
ที่รอบเดียวกัน แต่เหยียบคันเร่งไม่เท่ากัน ลิ้นปีกผีเสื้อก็เปิดไม่เท่ากัน A/F Ratio ก็ต่างกัน
เช่นเหยียบมิด A/F Ratio อาจจะไปแถวๆ 7.5 (เบนซิน)
ขับเรื่อยๆ A/F Ratio อาจจะไปแถว 12-13 (เบนซิน)
ถอนคันเร่ง A/F Ratio อาจจะไปแถวๆ Stoichiometric Equilibrium
มันก็เลยกินน้ำมันต่างกัน กำลังที่ได้ก็ต่างกัน
แถมตอนถอนคันเร่ง Pumping Loss ก็มากขึ้นอีก
-
ไม่ได้เรียนมาเหมือนกัน แต่เชียร์ คุณ penalty สุดตัว
engine break ช่วยดึงรอบให้สูงขึ้น อากาศไหลเข้ามากขึ้น ถึงแม้ไม่เปิดลิ้นผีเสื้อกว้าง ก็ทำให้ดูดน้ำมันจากคาร์บูมากขึ้น ตามคุณ Quadrifoglio Verde
ถ้าหัวฉีด ก็จ่ายน้ำมันเพิ่มไม่งั้นเครื่องจะดับ เพราะน้ำมันน้อยจุดระเบิดไม่ติด ตามคุณ penalty
-
Engine Break กินน้ำมันขึ้นแน่นอนครับ
ยังไงมันก้อจ่ายตามรอบ
เหมือนรถคุณวิ่งเกียร์3ให้รอบมันสูงขึ้นโดยไม่ยอดเปลี่ยนเกียร์ซะที
มันก้อต้องกินน้ำมันกว่าเกียร์4ที่รอบต่ำอยู่แล้ว
เวลาเค้าขับแข่งประหยัดน้ำมัน
เค้าจะพยายามทำ"รอบต่ำสุดที่เกียร์สูงสุด"ครับ
มันจะเป็นจุดที่ประหยัดที่สุด
ส่วนการEngine Breake แม้ว่าเราจะไม่ได้กระทืบคันเร่ง
แต่เราใช้รอบเครื่องในการต้านแรงโน้มถ่วงทางชันครับ
มันต้องใช้รอบที่สูง+พลังงานที่สูง
ยังไงก้อกินน้ำมัน
แต่สถานการ์ณที่ต้องใช้Engine Break นั้น
อย่าเอาเรื่องกินน้ำมันมาคิดให้ปวดหัวเลยครับ
-
อ่านบทความของคุณศิริบูรณ์แล้วผมรู้สึกว่ามันเข้าประเด็น แต่ไม่เหมื่อนที่เจ้าของกระทู้เถียงกับเพื่อนน่ะครับ
ในบทความเหมือนจะเน้นว่าถ้าจะเอนจิ้นเบรค ใช้เบรคเท้าดีกว่า ได้แรงหน่วงดีกว่า
แต่ในกรณีขับรถลงเขา เบรครถธรรมดา มันเอาไม่อยู่น่ะสิครับ ถึงใช้เครื่องยนต์และเกียร์เป็นตัวช่วยลดภาระเบรค
เพราะถ้าเบรค fade น้ำมันเบรคเดือด ก็จบเห่ กระทืบจนมิดก็เอาไม่อยู่ครับ
จึงเกิดเป็นข้อถกเถียงกันว่า มันจะกินน้ำมันกว่าจนไม่ควรทำหรือไม่
ผมเข้าใจถูกรึเปล่าเนี่ยคุณเจ้าของกระทู้
อ่านครบทั้งสี่บทความหรือยังครับ
ที่รอบเดียวกัน แต่เหยียบคันเร่งไม่เท่ากัน ลิ้นปีกผีเสื้อก็เปิดไม่เท่ากัน A/F Ratio ก็ต่างกัน
เช่นเหยียบมิด A/F Ratio อาจจะไปแถวๆ 7.5 (เบนซิน)
ขับเรื่อยๆ A/F Ratio อาจจะไปแถว 12-13 (เบนซิน)
ถอนคันเร่ง A/F Ratio อาจจะไปแถวๆ Stoichiometric Equilibrium
มันก็เลยกินน้ำมันต่างกัน กำลังที่ได้ก็ต่างกัน
แถมตอนถอนคันเร่ง Pumping Loss ก็มากขึ้นอีก
ขอบคุณครับ ผมเพิ่งมาอ่านตรง A/F Ratio แล้วล่ะ แต่ไม่ค่อยเข้าใจนัก มึนกับตัวเลข
แต่สงสัยว่าเป็นแบบที่คุณ AIMU บอกหรือเปล่า คือถ้าทำให้รอบเครื่องยนต์สวิงขึ้นโดยไม่ได้เหยียบคันเร่ง (เอนจิ้นเบรค)
และหัวฉีดก็ไม่จ่ายน้ำมันเพิ่มขึ้น จ่ายเหมือนรอบเดินเบา เครื่องยนต์จะดับจริงรึเปล่าครับ
ผมทราบแต่ว่าไม่ได้จ่ายเหมือนรอบเดินเบา แต่ไม่รู้ Stoichiometric Equilibrium มันจ่ายแค่ไหน
และอีกกรณีหนึ่ง การที่ค่า A/F ในแต่ละบล็อค จูนมาแตกต่างกัน ก็ย่อมส่งผลให้บุึคลิกของเครื่องบล็อคนั้นๆ แตกต่างกันด้วย?
-
ท่านเจ้าของกระทู้ได้โปรดเอารูปในหลวงออกเถอะครับ เพราะมันเป็นการมิบังควร
-
อ่านมาแล้วมึน อย่างแรง
แต่ตอนนี้ผมคิดถึง "นิยาม" ของคำว่า "เครื่องยนต์ดับ" ว่ามันหมายความว่าอะไร
จากที่อ่านบทความของอาจารย์มา แรงของ Engine Brake มาจาก Friction ของเครื่องยนต์
แล้วถ้าต้องการ Engine Brake, Friction ทำไมต้องจ่ายน้ำมัน
ในเมื่อตอนรถลงเขา แรงจากล้อก็หมุนมาที่เครื่อง มีแรงมาหมุนอัลเตอเนเตอร์มาปั่นไฟใช้ในรถ (คิดคล้าย Hybrid)
ผมคิดง่ายๆจริงๆ
-
เท่าที่เข้าใจ แล้วแต่เครื่องยนต์ของคุณนะ มีสองกรณี
1) ถ้าเป็นเครื่องหัวฉีดรุ่นใหม่ เวลาคุณถอนเท้าจากคันเร่ง ระบบจะตัดการจ่ายเชื้อเพลิงทันที ดังนั้นจึงไม่กินน้ำมัน ให้ลองง่ายๆได้โดยการดูที่ตัวเลขอัตราการใช้น้ำมันของรถที่มีเครื่องวัดนี้ติดอยู่ มันจะเป็น 0 l/100 km หรือ 999 km/l
2) ถ้าเป็นรุ่นเก่า มันจะกินน้ำมันเท่ากับตอนจอดนิ่งกับที่แล้วเราไปเหยียบคันเร่งให้รอบขึ้นสูงเท่ารอบเครื่องในขณะเอ็นจิ้นเบรค ดังนั้น มันจะกินน้ำมันมากกว่าตอนไอเดิ้ลที่ 700-800 รอบ แต่ในเวลาลงเขาคุณก็ต้องเลือกเอาว่าจะประหยัดน้ำมันนิดหน่อยหรือจะตกเขาดี
ถ้าเป็นอย่างที่ว่ามาก็แสดงว่า ถูกทั้งคู่ ทั้งเพื่อนคุณและคุณ ทำให้มีเหตุผลเพียงพอให้ต้องไปฉลองแล้วหาเรื่องเถียงกันต่อเพื่อเอามาเป็นหัวข้อกระทู้ใหม่ให้พวกเราได้ขบคิดกัน
-
ไม่ทราบเหตุผลทางที่แท้จริง
แต่ที่สังเกตุรถตัวเองเวลาถอนคันเร่งตนลงทางลาดหรือปล่อยให้รถไหลเข้าแยกติดไฟแดง
ตัวเลขที่มิเตอร์วัดอัตราสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ค่าความสิ้นเปลืองที่ต่ำที่สุดของมิเตอร์
สันนิษฐานว่าจะเป็นความสิ้นเปลืองที่รอบเดินเบาที่เครื่องยนต์สามารถทำงานได้
แม้ว่าวัดรอบจะยังไม่ลงมาที่รอบเดินเบาก็ตาม
-
ลองดูตามรูปนะครับ
(http://image.ohozaa.com/i2/fuelmap.jpg)
รูปนี้เป็นตัวอย่าง Fuel Map หรือกราฟการจ่ายเชื้อเพลงตามรอบและคันเร่ง
คุณจะเห็นได้ว่า ที่คันเร่งต่ำๆ ต่อให้รอบขึ้นไปสูงเท่าไหร่
การจ่ายน้ำมัน ก็จะไม่เพิ่มขึ้น แถมลดลงอีกต่างหาก
ต่างกับตอนที่กดคันเร่งเยอะๆ
ส่วนเรื่องที่พูดถึง A/F นั้น ผมว่า ไม่น่า้เกี่ยวกับที่ จขกท. ถามนัก
เพราะตอนลงเขา แล้วรอบสูงๆ เครื่องมันไม่ดับแน่นอนครับ
-
ขอโทษด้วย อันนี้ผมเข้าใจผิดเอง
ที่ผมว่าไป มันใช้ได้กับ Carburettor เท่านั้น
แต่ถ้าเป็นหัวฉีด ก็ตามที่คุณ ZeroCoolZ ว่ามานั้นแหละครับ
-
ปวดหัวไปหมด ...
อ่านแล้วก็ยัง ง ง ๆ นะ
หรือว่าอ่านไม่ละเอียด จะลองอ่านดูอีกที
เรื่องเปรียบเทียบ รถมอไซด์ลงดอยผมยกตัวอย่างให้คิดง่ายๆ นะครับ
แต่รถยนต์เดียวนี้เป็นหัวฉีดหมดแล้ว ผมเลยอยากรู้การทำงานของหัวฉีด
แล้วก็เรื่องการจ่ายน้ำมัน
ใครมี ความรู้
เอามาแบ่งปันกัน หน่อยคร๊าบบ
:D :D :D :D
-
ใครก็ได้ครับ สรุปที!
-
เฮ้อ ยังไม่ได้คำตอบเลยครับ ^^
เป็นกระทู้ที่ดีกระทู้นึงเลยนะเนี่ย ความรู้ๆ
-
ผมไม่สงสัยเท่าไรหลอกครับ
เพราะสงสัยคงตกเขาตาย เบรคพัง
มันจะกินซักเท่าไรเชียว น้ำมันแค่จิดเดียวกับ ชีวิตหนึ่งชีวิต
ขออภัยนอกเรื่องสุดๆ แต่ผมว่า กินเท่ากับตอนรอบสูง
สังเกตุตอนล้างปั้มดีเซลเพราะยิ่งรอบสูงการจ่ายน้ำมันต่อวินาทีก็สูงตาม
-
ไม่มีความรู้เหมือนกันครับ
รู้แต่เพียงว่า ถ้าใช้เอ็นจิ้นเบรค เมื่อไหร่ เข็มน้ำมันลดลงหวบๆ เลยครับ
แต่ก็ยอม เพราะกลัวเบรคไหม้มากกว่า ยิ่งเครื่องเบนซินด้วย เอ็นจิ้นเบรคแทบไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
นอกจากเข้าเกียร์ 2 (AUTO) ไว้ตลอดแต่รอบก็โน่น 5-6 พันรอบ/นาที
-
วันนี้ผมไปถาม ศูนย์บริการที่ผมเอารถเข้าไปเช็ค
เขาบอกว่าจ่ายน้ำมันแค่รอบเดินเบา ไม่ได้จ่ายตาม รอบเครื่องยนต์
เพราะเวลาลงเขา ใช้เอ็นจิ้นเบรคเราไม่ได้ เหยียบคันเร่ง
เซ็นเซอร์คันเร่ง จับว่าไม่ได้เหยียบคันเร่ง น้ำมันก็จ่ายแค่รอบเดินเบา
เขาบอกมายังงี้ นะ
;D ;D ;D ;D
จะเอาไงดีกับคำตอบละครับเนี่ย
-
ต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่เคยแต่งรถ เพราะอยู่ต่างจังหวัด ไม่มีของพวกนี้
พวก tuning น้ำมัน อากาศ ผมเลยไม่เคยศึกษา
หลังจากได้เห็น fuel map ของคุณ ZeroCoolZ ก็ลองหาดู ส่วนใหญ่ก็มีแต่พวกขายเครื่อง tune ขาย programme
เลยหาข้อมูลว่าตัวเลขที่เติมมันมีหน่วยเป็นอะไร
พอจะมีที่หาได้บ้าง ลองไปอ่าน page นี้ดู
http://www.ecmspy.com/tuning_guide.shtml
พอมีอธิบายอยู่บ้าง แต่มันมี chart a/f map
ซึ่งจะขัดกับ fuel map ตามที่คุณ ZeroCoolZ แต่จะไปเหมือนกับที่คุณ penalty เข้าใจในตอนแรก
เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องหาว่าหน่วยใน fuel map คืออะไร
จะเป็น cc/min หรือ cc/cycle หรือเป็น % การจ่ายน้ำมัน อันนี้ต้องไปศึกษาต่อ
อันนี้เป็นอีก programme จะ set fuel map แล้ว จะแปรค่าเป็น a/f map ได้
http://tuneboy.com.au/Products/Products_Tuneedit.html
-
ออกตัวล้อฟรีก่อนว่าไม่ได้มีหลักการอะไรมากนะครับ เพราะรถผมเครื่องยนต์เป็นคาร์บิวโง่ๆตัวหนึ่ง
แล้วก็ไม่ได้ศึกษาอะไรมากมาย แต่อาศัยว่าใช้ Engine Brake บ่อยมากๆ (ทุกวัน)
ส่วนตัวแล้ว คิดว่าตอนที่เราใช้ Engine Brake นั้นมันไม่น่าจะจ่ายน้ำมันเพิ่มครับ
เพราะมันคือการใช้แรงหน่วงจากเครื่องยนต์ ที่กำลังจะดับแหล่มิดับแหล่นั่นแหละ
ที่ยางคนเห็นว่าน้ำมันลบฮวบฮาบ ผมเกรงว่ามันจะเป็นตอนที่เรามาถึงทางลาดขึ้น
แล้วเร่งส่งในเกียร์ต่ำหรือเปล่าครับ เพราะถ้าอยู่ในเกียร์ต่ำ สมมุติว่าเกียร์ 2 จะเร่ง
ให้ได้ความเร็วที่เกียร์ 3 ประมาณ 2 พันรอบนี่มันก็ต้องกดเยอะอยู่ใช่ไหมครับ
ส่วนตัวแล้ว Engine Brake มันน่าจะเป็นกลับกันของ เข็นสตาร์ทน่ะ
เคยเข็นสตาร์ทกันไหมครับ? มันก็เป็นการใช้แรงหน่วงเหมือนกัน