เรื่องไฟตัดหมอก ผมว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์นะ ถ้าเปิดในเวลาฝนตก มีหมอก ทางที่มืดมากไม่มีไฟทางด้านข้าง หรือมีฝุ่นคลุ้งตามถนนอันนี้ผมว่าช่วยได้เยอะ เพราะจุดประสงค์คือไม่ได้เอาไว้ส่องทางเหมือนไฟหน้า แต่เปิดให้คันอื่นรู้ว่ามีรถวิ่งอยู่
ที่เคยลองถามก็บอกว่ามีแล้วมันต้องเปิดสิ เด๋วมันจะไม่เท่ ไม่โก้ ไม่หรู โดยเฉพาะบรรดารถซิ่งตัวน้อย ติดไฟตัดหมอกเป็นซีนอน สีฟ้าบ้าง ส้มบ้าง ชมพูบ้าง ไฟตัดหมอกหลังเอาไปเปลี่ยนหลอดให้วัตต์สูงขึ้นเนี่ย ตัวดีเลย รำคาญลูกกะตามาก เดี๋ยวนี้มีอัพเกรดกันไปอีก ติดเลเซอร์หลังรถ ไฟตัดหมอกกระพริบได้(นึกว่าขับF1รึไง)ติดไฟตรงกระจกหลังเป็นรูปวัดรอบแถมกระพริบได้ด้วย ปวดเบ้าตาหนักกว่าเดิมอีก
เวลาเข้าห้องอบรมก่อนสอบใบขับขี่น่าจะมีกฏเกี่ยวกับการเปิดไฟตัดหมอกได้แล้วนะ ควรจะเปิดตอนสถานการณ์ไหนบ้างไม่ใช่เปิดพร่ำเพรื่อแบบที่เห็นทุกวันนี้
ผมอ่านพี่แล้วผมอยากให้พี่พิจารณาใหม่ดีๆอะครับ ถือว่าช่วยกัน
ที่เขาทรมานกับไฟตัดหมอกก็เพราะช่วงเวลาแสงน้อย ม่านตาคนเราจะขยายเพื่อรับแสง ถ้าเราเจอรถที่เปิดไฟตัดหมอกมันทำให้การมองเห็นลำบากขึ้นเพราะความเปรียบต่างแสงมันมาก พูดง่ายๆคือถ้าเราเพ่งบริเวณที่มืดม่านตาขยายก็จะแสบตาหรือตาพร่าได้จากแสงที่มีความเข้มสูง แต่ถ้าเราโฟกัสที่จุดสว่างคือไฟท้าย ม่านตาจะหดลงทำให้ความสามารถในการมองจุดที่มีแสงน้อยกว่าลดลง
ดังนั้นยิ่งสิ่งแวดล้อมรอบข้างมืดมากเท่าไหร่ยิ่งไม่ควรเปิด มืดมากๆไฟท้ายธรรมดาก็เห็นชัดเจนแล้วครับ ยิ่งอากาศเคลียร์มากเท่าไหร่ยิ่งไม่ควรเปิด ตอนกลางวันมีหมอกหนาหรือฝุ่นจัดแบบลุยลูกลังฝุ่นตลบหรือไฟไหม้ข้างทางอันนี้เปิดเลยครับเต็มที่
แต่พอเป็นกลางคืนอันนี้ก็ไม่จำเป็น ฝนตกหนักธรรมดาหรือถนนรอบข้างมืดมากอันนี้ไม่ควรเปิดอย่างยิ่งเพราะคนรอบข้างต้องเพ่งอยู่แล้ว ยิ่งเจอตัดหมอกหลังจบกันครับ