Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: norrarac ที่ มิถุนายน 20, 2017, 10:43:52
-
Camry เครื่อง 2400cc. ประหยัดกว่า 2000cc. รึเปล่าครับ ???
เห็นมีคนบอกกันว่าน้ำหนักรถเยอะ เครื่องใหญ่จะกินน้ำมันน้อยกว่า แต่บางทีก็มีคนแย้งว่า กระบอกสูบเล็ก ก็น่าจะประหยัดน้ำมันมากกว่า
แต่จริงๆมีผลทดลองอัตรการกินน้ำมันที่เป็นตัวเลขมั้ยครับ ว่า 2400cc. กินกี่ Km/L แล้ว 2000cc. กินกี่ Km/L
หรือเพื่อนๆมีใครเคยเทสมั้ยครับ ???
-
ผมใช้ 2.4 วิ่งชานเมือง 9 กม/ลิตร
ในเมืองอาจหล่นไปถึง 2-3 กิโลเมตร/ลิตรได้ ถ้ารถติดหนักๆ
แต่ส่วนใหญ่ก็แถวๆ 5 กิโลเมตร/ลิตร
ส่วนทำได้ดีสุด 14 กิโลเมตร/ต่อลิตร แต่ก็นานมากแล้วครับ
ใช้น้ำมัน 95 E10 และเพียวเบนซิน 95 สลับกัน แต่เหมือนรถจะถูกกับเบนซิน 95 ปกติมากกว่าแบบรู้สึกได้
-
เรื่องนี้ดู CRV ตัวที่แล้ว ก็น่าจะพอเป็นแนวทางได้ เครื่อง 2.4 ทั้งแรงและประหยัดกว่า 2.0 เยอะเลย :-X
ผลการทดสอบดูได้จากกระทู้ปักหมุดด้านบนเลยครับ 8)
-
Camry เครื่อง 2.0 กับน้ำหนักตัว 1.5 ตัน เครื่องมันไม่ค่อยไหวครับ
จะเร่งทีนึง มันเค้นเครื่องต้องลากรอบไปสูงๆ ขณะที่ 2.4-2.5 แตะนิดๆมันพุ่งแล้ว
-
ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
ถ้ารถติดๆในกทม. จอดนานๆ 2.0 ประหยัดกว่า
แต่ถ้าวิ่งเกินร้อยบ่อยๆรถไม่ค่อยติด 2.4 ประหยัดกว่า เพราะรอบเครื่องต่ำ แบกตัวถังน้อยกว่า
-
ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
ถ้ารถติดๆในกทม. จอดนานๆ 2.0 ประหยัดกว่า
แต่ถ้าวิ่งเกินร้อยบ่อยๆรถไม่ค่อยติด 2.4 ประหยัดกว่า เพราะรอบเครื่องต่ำ แบกตัวถังน้อยกว่า
เห็นด้วยครับ ขึ้นกับลักษณะการใช้งาน
ที่ยุคนี่ใช้เครื่องเล็กลง ติดTurbo เลยเหมาะกับการใช้งานทั้งรถวิ่งนอกเมือง และรถติดในเมืองครับ
-
พ่อขับ 2.0 ปี 2007 อยู่ ไม่เคยจับว่าได้กี่โลลิตรนะครับ เท่าที่จำได้ น้ำมัน V-Power 95 1 ถังไป-กลับ กทม. หัวหินได้ แต่ไป-กลับ กทม.-เขาใหญ่ ไม่ได้ ต้องเติมขากลับช่วงประมาณตัวเมืองครับ 2.0 มันได้เกียร์ 4 Speed แต่ 2.4 ได้ 5 Speed น่าจะมีผลมาจากตรงนี้แหละครับ
ปล 2.0 ตัว ACV40 เติมได้เฉพาะ 95 กับ แก๊ส 95 นะครับ 2.4 เติม 91 ได้ ส่วน E20 ตัวรถปี 08 ขึ้นถึงจะเติมได้
-
ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาตอบครับ
สงสัยจะต้องไปทาง 2.4 ซะแล้ว อิอิ
-
ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
ถ้ารถติดๆในกทม. จอดนานๆ 2.0 ประหยัดกว่า
แต่ถ้าวิ่งเกินร้อยบ่อยๆรถไม่ค่อยติด 2.4 ประหยัดกว่า เพราะรอบเครื่องต่ำ แบกตัวถังน้อยกว่า
เห็นด้วยครับ ขึ้นกับลักษณะการใช้งาน
ที่ยุคนี่ใช้เครื่องเล็กลง ติดTurbo เลยเหมาะกับการใช้งานทั้งรถวิ่งนอกเมือง และรถติดในเมืองครับ
ก็น่าจะเป็นแบบนั้นครับ
สมัยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว พ่อผมให้ 325i น้องผมใช้ไปเรียนม.แถวราม
ส่วนผมใช้ 320i ที่ใหม่กว่าหน่อยนึงไปเรียนแถวทุ่งรังสิต
คือ ค่าน้ำมันผมเยอะมาก
เลยลองสลับกับน้องชายใช้เดือนนึง ปรากฏว่า ต้องสลับกันยาวเลยครับ เพราะ 325i ประหยัดกว่าเยอะ เมื่อต้องใช้ไปทุ่งรังสิต
ส่วนของน้องก็ประหยัดขึ้นเหมือนกันเพราะรถติดๆ มันจะซดน้ำมันน้อยกว่าเครื่องใหญ่
-
ถ้าหมายถึง 2.0 ตัวเก่า ลองดูในตารางท้ายรีวิวนี้ดู
http://www.headlightmag.com/ทดลองขับ-toyota-camry-hybrid/
2.0 ได้ 11 กว่าๆ ขณะที่ 2.4 ได้ 14 กว่า ทดสอบตามมาตรฐานเวป
-
2.0 ใช้เเถวชลบุรีชานเมือง+ในเมือง(รถไม่ติดมาก)ได้ประมาณ 10โลลิตรครับ ถ้ารถติดๆเลยก็ 7 โลลิตรครับ ส่วนมากสุดที่เคยทำได้ 16.3 โลลิตร ที่ความเร็ว 75 กิโลเมตร/ชม ระยะทาง 30 โล**ทั้งหมดเป็นค่าที่ขึ้นจากจอนะครับ** :-X
-
ถ้าตัว ACV41 จริงครับ
สมัยผมใช้ 2.0 G Extremo กินน้ำมันมาก แต่พวกพี่ที่ใช้ 2.4 ประหยัดกว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ
อาจเนื่องมาจากจำนวนของเกียร์ด้วย ที่ 2.0 มีแค่ 4 จังหวะเอง
-
2.4 ดีกว่าครับ หรือเอา 2.4h ประหยัดสุดถ้าไม่รังเกียจเกียร์หนังกะติ๊ก
-
ถ้า 2.4 จะประหยัดว่าก็เพราะเกียร์ 5 สปีดแหล่ะครับ
2.0 ผม นั่ง 2 คน วิ่งนอกเมืองเข้าเมือง ไป - กลับทุกวัน เติม E20 ครั้งละ 700 บาท
เฉลี่ยวิ่งได้ ประมาณ 230-250 โล นี่คือรถติด ๆ เลยนะครับ เร่ง ๆ เบรก ๆ ถนนโล่งก็ขับเร็ว
สำหรับผมเครื่อง 2.0 มันไม่ได้อืดอย่างที่คิดครับ
ถ้ามองว่ามันคือรถนั่งสบาย ๆ กว้างขวาง ก็ถือว่าแรงพอตัวมันครับ
แต่ถ้าอัดเต็มเท้า ลากรอบจะซิ่งเมื่อไหร่ ก็ถือว่าอืดครับ
เครื่องโตต้าแรงบิดรอบต่ำกับกลางค่อนข้างดีครับ ใช้คันเร่งไม่ต้องเยอะ ก็วิ่งได้ไปเรื่อย ๆ
ในเมืองขับไวไว ไม่เคยใช้รอบเกิน 3 พัน
อย่างในรูป เติมเต็มถัง นั่ง 5 คนไปนครนายก กลับมาใช้ใน กทม. อีกครึ่งวัน 400 โล ในเกจ์เหลือครึ่งถัง
(แต่พอมารถติด ๆ ใน กทม. ครึ่งถังที่เหลือ ใช้ได้ไม่ถึง 200 โล)
-
รถติดหนักๆ 2.0 ประหยัดกว่า
รถวิ่งๆ 2.4 ประหยัดกว่า
-
Camry ผมไม่เคยมี 2.0 แต่ Accord เทียบระหว่าง 2.0 กับ 2.4 ผมลองยังไง 2.0 ก้ประหยัดกว่า ในเมือง นอกเมือง ซัดความเร็วสูงมากๆ 2.0 ก้ยังประหยัดกว่าอยู่ดี
-
จริง acv40-41
2.0 Automatic 4speed ลากในเมืองรถติดเกียร์ลากรอบนานกว่ส 2.4 5speed
นอกเมือง 2.4 วิ่ิง 100นึรอบเครื่องไม่ถึง2000 แต่ 2.0รอบเครื่อง 2200รอบได้ครับ
2.4นอกเมือง ไปเชียวใหม่ เต็มถังผมวิ่งได้8ร้อยกว่าโล ยังไม่หมดถังครับ 2.0 ไฟเตือนขึ้นตั้งแต่6ร้อยกว่าโลแล้ว
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=51457.0
-
จริงครับ
เคยเจอเองกับตัวยังเสียดายไม่หายที่ดันซื้อ 2.0
-
พ่อขับ 2.0 ปี 2007 อยู่ ไม่เคยจับว่าได้กี่โลลิตรนะครับ เท่าที่จำได้ น้ำมัน V-Power 95 1 ถังไป-กลับ กทม. หัวหินได้ แต่ไป-กลับ กทม.-เขาใหญ่ ไม่ได้ ต้องเติมขากลับช่วงประมาณตัวเมืองครับ 2.0 มันได้เกียร์ 4 Speed แต่ 2.4 ได้ 5 Speed น่าจะมีผลมาจากตรงนี้แหละครับ
ปล 2.0 ตัว ACV40 เติมได้เฉพาะ 95 กับ แก๊ส 95 นะครับ 2.4 เติม 91 ได้ ส่วน E20 ตัวรถปี 08 ขึ้นถึงจะเติมได้
เขาใหญ่ไปกลับเต็มที่ก็ 500 กม. ...แว๊บไปเที่ยวนั่นนี่หรือเปล่า....
-
จริง น่ามาจากเกียร์ Camry 4 speed
เพราะอีก2เจ้า ตัว 2.0 ประหยัดกว่าตัว 2.4,2.5
-
เครื่องเล็กลากตัวถังใหญ่ครับ มันต้องเปลืองกว่าอยู่แล้ว
-
คำถามเดียวกับผมเลยเจ้า Harrier ตอนซื้อมี 2.4 กับ 3.0 ยังชั่งใจว่าแบบไหนประหยัดกว่า แต่ด้วยพลัง ผบ. ยืนกรานฝังใจกับ FTN 3.0 ว่ากินน้ำมันโคตรๆ จะเอา 2.4 อย่างเดียว ก็เลยได้ 240G มา เคยไปอ่านรีวิวเทียบ RX350 (เครื่อง 3.5 Lexus) ของพี่จิมมี่ดูตัวเลขมันไม่ค่อยต่างกันเลย 555
-
2.4V ปี 08 ในเมืองบ้างนอกเมืองบ้างรถติดไม่หนักมากอยู่ประมาณ 9km/L. ครับ
ติดแก็สแล้วเหลือ 7.5km/L.
วิ่งยาวๆที่ 110km/H ได้สูงสุด 14km/L. ครับ
ผมว่าตัวนี้เกียร์น่าจะมีผลค่อนข้างมากครับ 2.4 5speed, 2.0 4speed
-
ถ้าขับในเมืองจ๋าๆ รถติดบ่อยและนาน ยังไง2.0ก็ประหยัดกว่าพอสมควร
แต่ถ้าขับทางไกลบ่อย ชานเมือง ขยี้บ่อย ขับโหด หรือขับเรื่อยๆรถไม่ติด ผมว่าไม่ต่างอ่ะ 2.4รับภาระน้อยกว่าด้วย 2.0ต้องเค้นเยอะ
2.4ได้ออฟชั่นมากกว่า แทรคชั่นมี ม่านถุงลมมี ราคาไม่ต่างกันจะเล่น2.0ทำไม
-
ปี10 2.0g กับ 2.4g ออฟชั่นไม่ต่างกันครับคือโล้นๆ ต่างเครื่องกับเกียร์ แต่ถ้าเทียบกับ 2.4v อันนั้นยอมออฟชั่นเยอะแต่ปีเก่ากว่าครับ เพราะฉนั้นถ้ามี 2.4g จัดเลยครับ รถปี 06-08 2.4v รู้สึกว่าจะเติม e20 ไม่ได้ (ไม่แนะนำเติม แต่มีหลายคนก็เติม) ข้อมูลผิดถูกขออภัย
-
ACV30 ก็เหมือนกันครับ 2.4 ประหยัดกว่า 2.0 แทบจะทุกกรณี
โอเคว่าถ้ารถติดมากๆ 2.0 จะเซพกว่า แต่ไม่ก็ไมไ่ด้มากมาย
แต่ถ้าขับจริงๆ 2.0 กินกว่าเยอะ เพราะอัตราทดของเกียร์ 4 Speed ด้วย ทำให้รอบเครื่องสูง ยิ่งเร่งแซง หรือนั่งหลายคนนี่รู้สึกตึงมือมากๆ