Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: e:smart Hybrid ที่ มิถุนายน 01, 2017, 17:11:04
-
:)
จาก http://www.headlightmag.com/pickup-double-cab-with-vsc-esc-esp/
และ http://www.headlightmag.com/pickup-cab-with-vsc-esc-esp-vdc-astc/
ผมสงสัยว่า ทำไมรถกระบะ ส่วนมาก ค่ายรถถึงยังไม่นำระบบ ESP TRC มาใส่ครับ
จะว่าต้นทุนมันแพง ก็คงไม่ใช่เพราะหลังๆ มามันแทบจะหลอมรวมระบบกับ ABS อยู่แล้ว
หรือเป็นเพราะการใช้กระบะของคนไทย ที่ยังมองว่า ระบบพวกนี้พังง่าย ไม่ใส่มาก็ดีแล้ว แบบที่คนมองว่า Revo ใส่ ABS มาถอดออกได้ไหม
อยากทราบสาเหตุจากทุกๆ ท่านครับ คิดว่าเป็นเพราะอะไรกัน
-
ผมว่ากั๊ก คำว่ากั๊กคืออะไรก็ได้ที่ยังไม่ให้ก่อน กลัวให้เยอะขายถูกจะเสียเหลี่ยมคู่แข่ง
ส่วนต้นทุน ผมมองว่าไร้สาระมาก เพราะที่ขายๆกัน ห่างไกลกับคำว่าต้นทุนเหลือเกิน การให้มามันก็ทำให้ขายได้เพิ่มด้วยซ้ำ
ส่วนเรื่องพังง่าย กลัวเสีย คงไม่ได้อยู่ในความคิดของคนเดี๋ยวนี้เท่าไหร่ครับ dmax ให้ระบบคุมทรงตัวในตัวtop ปี2012 ก็ยังขายได้ดีอยู่ ทั้งที่ลูกค้าเค้าเป็นกลุ่มประหยัด
และข้อเท็จจริงคือมันก็ไม่เสียง่ายด้วยสิจากประสบการณ์ตรงยังไม่เคยเจอเสียเลยสักคัน
-
ค่ายรถเองต้องมีบวก ลบ คูณ หาร คิดต้นทุน หักภาษี ทุกอย่างออกมาเป็นกำไรตลอดเวลาอยู่แล้ว
ผมเชื่อว่าอย่างไรแล้ว ณ ตอนนี้ไม่ใส่มากำไรรวมก็ยังมากกว่า
ลองกฎหมายระบุว่ารถทุกคันต้องมีระบบนี้ หรือถ้าอ่อนข้อกว่านั้นหน่อยก็รถคันไหนมีระบบนี้ ภาษีสรรพสามิตลดกี่ % ก็ว่าไป
แบบนั้นค่ายรถยิ่งกว่าจะประเคนให้ซะอีก เพราะเท่ากับต้นทุนเขาถูกลง ขายราคาเท่าเดิมก็ยังกำไรเยอขึ้น
-
ผมว่ารถกระบะน่าจะมีระบบพวกนี้นะครับ เพราะรถกระบะท้ายจะเบาอยู่แล้ว ยิ่งเวลาบรรทุกยิ่งอันตรายเนื่องจากน้ำหนักกดท้ายเยอะหน้าก็ลอย แล้วที่มีคนเอาเรนเจอร์ไปติด traction control เพิ่มเองใช้งานได้เหมือนติดจากโรงงานไหมครับ
-
ก็ไม่มีเหตุผลอะไรอื่นหรอกครับนอกจากลดต้นทุน
-
ถ้าผู้บริโภคพร้อมจ่าย บริษัทรถติดให้ได้ทั้งนั้นแหละ. ในความเป็นจริงมันมีระดับราคาค้ำคออยู่ นอกจากออกกฏหมายให้ส่วนลดภาษีผู้ผลิต
-
ในเมื่อไม่ติดแล้วยังขายได้ดีอยู่ ก็น่าจะเป็นแบบนี้ต่อไป :-X แต่ก็อยากให้ติดมาตั้งแต่รุ่นล่างสุดเลย จะได้ลดอุบัติเหตุผู้ร่วมทางด้วย
-
ต้นทุนถ้าใส่esp trc ต่อคันเพิ่มสองหมื่นในแง่การผลิตก็เยอะนะครับ ถ้าอัพราคาแพงๆคนอาจไปหาค่ายอื่นหรือถ้าไม่อัพราคาแต่ให้อุปกรณ์น้อยลงใครจะซื้อ อีกอย่างคือคนไทยเราอีกไม่น้อยก็ไม่ได้แบบอยากได้อุปกรณ์พวกนี้ขนาดนั้น คน่ไทยเราเน้นแต่ไฟled ตัดหมอกรอบคัน เบาะหนัง จอดีวีดี ล้อแมก มือจับโครเมียม ภายนอกหล่อๆภายในอุปกรณ์ครบหรูๆแค่นี้พอแล้ว ไม่ใช่แบบ ตปท. ที่ขนาดพวกรุ่นล้อกระทะกันชนดำเครื่องเสียงไม่มี ยังให้abs airbagข้างด้วย esp trc ครบๆ
ส่วนตัวผมมองว่ากระบะมีความจำเป็นถ้ารถใช้นอกเมืองวิ่งทางไกลคนขับเท้าหนัก ถ้าไม่มีระบบบพวกนี้ก็ใส่โช๊คดีๆช่วยเอาอย่างน้อยมีอะไรฉุกเฉินยังหักหลบเอาตัวรอดได้ เพราะกระบะรถขับหลังท้ายเบาบังคับรถยากกว่าเก๋งเตี้ยๆอยู่
-
ผมว่า พยายามบีบลูกค้าที่ต้องการ VSC/TRC ไปซื้อรุ่นท๊อปๆ แล้วขายพ่วง Option อื่นๆ เพราะถ้าใส่ให้ในรุ่นกลาง คนก็จะไม่ซื้อรุ่นสูง
ลูกค้ากลุ่มที่สนใจเรื่องความปลอดภัยก็น่าจะมีงบ ในการซื้อมากกว่าอยู่แล้ว
-
ขอถุงลม 6-7 ใบ ครบทุกรุ่นก่อนได้มั้ยครับ ทุกวันนี้ บางยี่ห้อมี 2 ใบ ตั้งแต่รุ่นล่าง ยันรุ่นท็อป ขายกัน ล้านต้นๆ
-
เรื่องสาเหตุที่แท้จริง พวกเราก็คงเดากันไปต่าง ๆ นานา แต่ด้วยสายตาพวกเรามักมองบริษัทรถยนต์
เป็นผู้ร้ายอยู่แล้ว ก็คงไม่พ้นที่จะเดาว่าเป็นเรื่องของการขูดรีดและค้ากำไร
แต่ผมอยากแชร์มุมมองของต้นทุนสักนิด ที่พวกเราส่วนใหญ่มองเห็นต้นทุนแค่ค่าวัสดุหรือแรงงานผลิตเท่านั้น
ว่าอุปกรณ์ไฟฟ้า ปั๊มไฮโดรลิก เซ็นเซอร์พวกนี้จะตัวละกี่ตังค์กันเชียว แต่ต้องไม่ลืมนะครับว่าอุปกรณ์เหล่านี้
ถ้าเราหามาติดเองได้ในราคาไม่กี่ตังค์ แต่มันจะทำงานไม่ได้เลยถ้าไม่มีโปรแกรมสั่งงาน
ซึ่งโปรแกรมสั่งงานนี่แหละเป็นตัวสำคัญ รถกระบะแต่ละรุ่นน้ำหนักไม่เท่ากัน การกระจายน้ำหนักก็ไม่เท่า
ดังนั้นการเขึยนโปรแกรมแก้อาการก็ต้องเป็นรุ่นใครรุ่นมัน ซึ่งต้องใช้การคำนวณ วิ่งทดสอบเก็บค่า
แก้ไข และทดสอบ วนเวียนแบบนั้น จนมั่นใจว่าครอบคลุมการใช้งานของลูกค้า
ยิ่งไปกว่านั้นในรถคันหนึ่ง ๆ ถ้ารถวิ่งตัวเปล่า น้ำหนักรถเปล่าค่านึง ต้องเขียนโปรแกรมให้ระบบแก้อาการแบบนึงตามค่า
ความเร็วต่าง ๆ แบบนึง
แล้วรถกระบะที่ต้องมีน้ำหนักบรรทุกมาเป็นตัวแปรที่หลากหลายกว่ารถนั่ง ก็ยิ่งต้องเขียนโปรแกรม แล้วทดสอบ
ให้ครอบคลุมเงื่อนไขที่มากมายเหล่านั้น
ค่าทีมงาน R&D พวกนี้ไม่ถูกครับ คล้าย ๆ กับระบบปฏิบัตการ Windows หรือ Software ลิขสิทธิ์อื่น ๆ
ที่เราซื้อของแท้มาใช้นั่นแหละ คิดดูสิครับว่า Windows น่ะใช้กันกี่ร้อยกี่พันล้านคนบนโลกใบนี้ ราคายังไม่ถูกเลย
ของพวกนี้ก็นับเป็นต้นทุนเช่นกันครับ
ต่ออีกนิด ลองจินตนาการดูสิครับว่า รถกระบะ พิกัดบรรทุก 1 ตันรุ่นหนึ่ง ถ้าบริษัทรถยนต์ ติดตั้งระบบ ESP TRC โดยเขียนโปรแกรม
และทดสอบการแก้ไขการทรงตัวที่เงื่อนไขรถวิ่งตัวเปล่าไปจนกระทั่งรถบรรทุกน้ำหนัก 2 ตัน (over spec) ได้
แล้ววันนึง ลูกค้าเอารถไปบรรทุกซะ 3 ตัน พอวิ่งแล้วรถไปเจอจังหวะเสียการทรงตัวและระบบเอาไม่อยู่ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างครับ
-
ผมไม่ใช่คนใน คงตอบสาเหตุที่แท้จริงให้ไม่ได้เพราะไม่ทราบจริงๆครับ
ได้แค่เดาว่าน่าจะเป็นต้นทุนนั่นล่ะครับ :-\
-
ผมว่าคงอีกไม่นานครับ ส่วนตัวก็รอให้มี ESP ในรถกระบะทุกรุ่นย่อยเหมือนกันครับ จะได้อุดหนุนมาขับวิ่งงานเอง
จะว่าไปเก๋งของพี่โต ก็แทบจะมีหมดทุกรุ่นนะครับ เดี๋ยว Yaris minorchange คงจะใส่มาสักที
พี่ฮอนก็ใส่มาทุกรุ่น (ไม่แน่ใจว่า Brio ได้ยังครับ)
เก๋ง Mazda ก็มีทุกรุ่นแล้ว
สาเหตุก็ต้นทุนแหละครับ และรัฐก็ไม่รู้จะสนันสนุนเพิ่มได้อย่างไร เพราะทุกวันนี้ก็ภาษีต่ำติดดินอยู่แล้วสำหรับตอนเดียว
-
เรื่องสาเหตุที่แท้จริง พวกเราก็คงเดากันไปต่าง ๆ นานา แต่ด้วยสายตาพวกเรามักมองบริษัทรถยนต์
เป็นผู้ร้ายอยู่แล้ว ก็คงไม่พ้นที่จะเดาว่าเป็นเรื่องของการขูดรีดและค้ากำไร
แต่ผมอยากแชร์มุมมองของต้นทุนสักนิด ที่พวกเราส่วนใหญ่มองเห็นต้นทุนแค่ค่าวัสดุหรือแรงงานผลิตเท่านั้น
ว่าอุปกรณ์ไฟฟ้า ปั๊มไฮโดรลิก เซ็นเซอร์พวกนี้จะตัวละกี่ตังค์กันเชียว แต่ต้องไม่ลืมนะครับว่าอุปกรณ์เหล่านี้
ถ้าเราหามาติดเองได้ในราคาไม่กี่ตังค์ แต่มันจะทำงานไม่ได้เลยถ้าไม่มีโปรแกรมสั่งงาน
ซึ่งโปรแกรมสั่งงานนี่แหละเป็นตัวสำคัญ รถกระบะแต่ละรุ่นน้ำหนักไม่เท่ากัน การกระจายน้ำหนักก็ไม่เท่า
ดังนั้นการเขึยนโปรแกรมแก้อาการก็ต้องเป็นรุ่นใครรุ่นมัน ซึ่งต้องใช้การคำนวณ วิ่งทดสอบเก็บค่า
แก้ไข และทดสอบ วนเวียนแบบนั้น จนมั่นใจว่าครอบคลุมการใช้งานของลูกค้า
ยิ่งไปกว่านั้นในรถคันหนึ่ง ๆ ถ้ารถวิ่งตัวเปล่า น้ำหนักรถเปล่าค่านึง ต้องเขียนโปรแกรมให้ระบบแก้อาการแบบนึงตามค่า
ความเร็วต่าง ๆ แบบนึง
แล้วรถกระบะที่ต้องมีน้ำหนักบรรทุกมาเป็นตัวแปรที่หลากหลายกว่ารถนั่ง ก็ยิ่งต้องเขียนโปรแกรม แล้วทดสอบ
ให้ครอบคลุมเงื่อนไขที่มากมายเหล่านั้น
ค่าทีมงาน R&D พวกนี้ไม่ถูกครับ คล้าย ๆ กับระบบปฏิบัตการ Windows หรือ Software ลิขสิทธิ์อื่น ๆ
ที่เราซื้อของแท้มาใช้นั่นแหละ คิดดูสิครับว่า Windows น่ะใช้กันกี่ร้อยกี่พันล้านคนบนโลกใบนี้ ราคายังไม่ถูกเลย
ของพวกนี้ก็นับเป็นต้นทุนเช่นกันครับ
ต่ออีกนิด ลองจินตนาการดูสิครับว่า รถกระบะ พิกัดบรรทุก 1 ตันรุ่นหนึ่ง ถ้าบริษัทรถยนต์ ติดตั้งระบบ ESP TRC โดยเขียนโปรแกรม
และทดสอบการแก้ไขการทรงตัวที่เงื่อนไขรถวิ่งตัวเปล่าไปจนกระทั่งรถบรรทุกน้ำหนัก 2 ตัน (over spec) ได้
แล้ววันนึง ลูกค้าเอารถไปบรรทุกซะ 3 ตัน พอวิ่งแล้วรถไปเจอจังหวะเสียการทรงตัวและระบบเอาไม่อยู่ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างครับ
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ระบบที่ว่าต้องสามารถปรับได้การยืดหยุ่นได้ตามนำ้หนักบรรทุก
คนเขียนโปรแกรมต้องใช้ ecu ที่มีขาเพิ่มขึ้นแน่ๆเลย
ในรถเก๋ง นน.บรรทุกน้อยสุดกับมากสุดต่างกันไม่เยอะ
แต่กระบะนี่ 1 ตัน up แน่นอน ถ้าเขียนหรือวิจัยโปรแกรมไม่ดี มีหวัง ^^ หากมันทำงานไม่ดี ก็โดนด่า
มีความเป็นไปได้สูงครับข้อนี้
-
แล้ววันนึง ลูกค้าเอารถไปบรรทุกซะ 3 ตัน พอวิ่งแล้วรถไปเจอจังหวะเสียการทรงตัวและระบบเอาไม่อยู่ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างครับ
ลูกค้าเอาไปบรรทุกเกินน้ำหนักที่กำหนดเอง ครับ...
-
ผมก็สงสัย
-
1. อย่างแรกคือ ต้นทุนเพิ่ม
2. เป็นหอกข้างแคร่ ย้อนกลับมาทำให้ความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ ลดความน่าเชื่อถือลง เมื่ออุปกรณ์ตัวนี้เสีย แล้วเวลาจะซ่อมให้ปกติ มักมีราคาสูง ทำให้ลูกค้าโจมตีว่ารถไม่ดีได้
เพราะผมทำงานเกี่ยวกับรถยนต์ คลุกคลีกับรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นมานาน วันนี้เริ่มเห็น toyota camry 2003 โฉมที่เริ่มใช้เครื่องยนต์ vvt-i เป็นรุ่นแรก และรุ่น top จัดเต็ม ใส่ vsc Trc มาครบ วันก่อนรถรุ่นนี้เข้ามาซ่อม ที่ร้าน มีปัญหาไฟ vsc trc โชว์ ถึงลบโค๊ดออก แต่พอรถเริ่มขยับ ไฟก็จะกลับมาโชว์อีก พอเข้าศูนย์จะซ่อมให้หาย ศูนย์บอก ค่าซ่อมแพง ให้ใช้ไปแบบนี้แหละ
สรุป มีได้ มีเสีย พอๆ กัน แต่ถ้ายื้อได้ ยื้อไปก่อน จนคู่แข่ง ขยับ แล้วค่อยใส่ตาม
-
เหตุผลคล้ายๆ กับ ทำไมสมัยก่อนไม่ใส่แอร์แบ็กมาเลยนั่นแหละครับ
ยิ่งตัวตอนเดียวนี่ ต้นทุนต่ำ ราคาต่ำ เมนเทแนนซ์ต่ำ ชนนิดชนหน่อยก็ไม่มีอะไหล่อะไรปูด กระแทกโน่นนี่ก็ไม่ต้องยัดกลับ ราวๆ นั้น
อีกอย่าง ต้นทุนเพิ่ม 10,000 ต่อคัน (สมมติ) ขายเดือนละหมื่นคันสำหรับเจ้าตลาดก็กี่บาทแล้ว คูณเข้าไปโลด
-
มันเป็นเรื่องสืบเนื่องจากการแข่งขันของระบบการค้าเสรี ที่การผลิตสินค้าขายให้ผู้ซื้อ/ผู้บริโภค
เพื่อให้แข่งขันขายได้นั้น ต้องปรับชั่งน้ำหนักให้สมดุลกันของสองสิ่งต่อไปนี้
ซึ่งเป็นหลักเบื้องต้นที่ลูกค้า/ผู้บริโภค(กลุ่มทั่วๆไป) นำมาใช้ในการพิจารณาตัดสินใจซื้อสินค้า
ข้อแรก คือต้นทุน ต้องพยายามทำให้ต้นทุนต่ำที่สุดที่ลูกค้าจะซื้อได้ง่าย
ข้อสอง คือ ตามตอบสนองความต้องการของลูกค้า/ผู้บริโภค
ข้อแรกเรื่องต้นทุนคงพอเข้าใจกันอยู่แล้ว ราคาถูกกว่าขายง่ายกว่า
ข้อสอง อะไรไม่จำเป็นที่ลูกค้าไม่ต้องการ ใส่เข้าไปจะไปเพิ่มราคาต้นทุนเพิ่มราคาขาย
จึงไม่ใส่เข้าไปเพื่อการได้เปรียบในการกำหนดราคาแข่งขาย
แต่ถ้าใส่สิ่งที่ลูกค้า/ผู้บริโภคต้องการ แม้ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นบ้าง
แต่ก็จะยอมจ่ายเพื่มขึ้นกับสิ่งที่มองเห็นว่าต้องมี/จำเป็น
ยกตัวอย่าง เข็มขัดนิรภัย/แอร์แบค/ABS ยามหนึ่งหลายคน(รวมทั้งในเว็บนี้)บอกว่าไม่จำเป็น แต่เมื่อมีการศึกษามีความรู้มากขึ้น
มีตัวอย่างให้เห็นประโยชน์ เห็นอันตรายของการไม่มี คน/ผู้บริโภคก็เปลี่ยนจากสิ่งที่คิดว่าไม่จำเป็น เป็นอยากให้มีตามต้องการ
จึงยอมจ่ายแล้ว (ร่วมกับราคาถูกลง) จนสุดท้ายกลายเป็นมาตรฐาน
หลักนี้ก็มาอธิบายกับคำถาม จขกท. ที่ไม่ได้ใส่มากับรถกระบะทุกรุ่น ก็เป็นควบคุมราคาต้นทุนรถให้ต่ำลง
ให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้า/ผู้บริโภคเป้าหมายที่(คิดว่า)จะเลือกซื้อ
เมื่อไรก็ตามเมื่อถึงเวลาหนึ่ง ถ้าลูกค้า/ผู้บริโภคมีความรู้ขึ้น เห็นความจำเป็นต้องมี แม้ราคาเพิ่ม บริษัทรถก็จะใส่มาให้ในที่สุด
..ก็เหมือนเป็นวิวัฒนาการของอ็อบชั่นรถ ที่ค่อยๆเพิ่มเข้ามาตามความต้องการของผู้ซื้อ/ผู้บริโภคส่วนใหญ่
แต่การจะปรับรถที่มีแค่ ABS ให้มีระบบ ESP,TRC ดังกล่าวนั้น ต้องมีเซนเซอร์ที่เพิ่มเข้ามา คิดว่าน่าจะมีราคาพอสมควร
- yaw rate sensor,longitudinal acceleration sensor,lateral acceleration sensor
บางผู้ผลิตรถจึงคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่ต้องใส่คุณสมบัตินี้เข้าไปในขณะนี้
-
อ่านหลายๆความเห็นแล้ว รุ้สึกว่าคำถามนี้ มันกว้างใหญ่ไพศาล
ทำไมครั้งที่1. ทำไมไม่ใส่มา. เพราะผลิตภัณฑ์ออกแบบตามกลุ่มเป้าหมาย
ทำไมครั้งที่2. ทำไมออกแบบตามกลุ่มเป้าหมาย. เพราะทำให้ลุกค่าพึงพอใจ และไม่มีoption เกินจำเป็น ลดต้นทุน
ทำไมครั้งที่3 .ทำไมลดต้นทุน. เพราะบริษัทต้องการกำไร
ทำไมครั้งที่4. ทำไมต้องการกำไร เพราะผู้ถือหุ้นต้องการรวย
ทำไมครั้งที่5. ทำไมต้องการรวย. เพราะอยากเสียภาษีเยอะเพื่อส่วนรวม
ทำไมครั้งที่6. ทำไมต้องการช่วยเหลือส่วนรวม. เพราะเป็นคนดี มีเมตตา
-
ใส่มาไม่มีผลกับยอดขายส่วนมาก
-
เรื่องกำไรสุทธิล้วนๆเลย ยิ่งคนซื้อกระบะ ยังขอให้เอาถุงลมออก แลกกับส่วนลดด้วยแล้ว ระบบพวกนี้ก็รอไปก่อนแล้วกันครับ
-
Ford ใส่มาให้ แต่ราคาไปไกลเลย
(http://i.imgur.com/7ila2F9.png)
-
1. อย่างแรกคือ ต้นทุนเพิ่ม
2. เป็นหอกข้างแคร่ ย้อนกลับมาทำให้ความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ ลดความน่าเชื่อถือลง เมื่ออุปกรณ์ตัวนี้เสีย แล้วเวลาจะซ่อมให้ปกติ มักมีราคาสูง ทำให้ลูกค้าโจมตีว่ารถไม่ดีได้
เพราะผมทำงานเกี่ยวกับรถยนต์ คลุกคลีกับรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นมานาน วันนี้เริ่มเห็น toyota camry 2003 โฉมที่เริ่มใช้เครื่องยนต์ vvt-i เป็นรุ่นแรก และรุ่น top จัดเต็ม ใส่ vsc Trc มาครบ วันก่อนรถรุ่นนี้เข้ามาซ่อม ที่ร้าน มีปัญหาไฟ vsc trc โชว์ ถึงลบโค๊ดออก แต่พอรถเริ่มขยับ ไฟก็จะกลับมาโชว์อีก พอเข้าศูนย์จะซ่อมให้หาย ศูนย์บอก ค่าซ่อมแพง ให้ใช้ไปแบบนี้แหละ
สรุป มีได้ มีเสีย พอๆ กัน แต่ถ้ายื้อได้ ยื้อไปก่อน จนคู่แข่ง ขยับ แล้วค่อยใส่ตาม
ชอบครับและน่าคิดดี.. สำหรับคำตอบคำอธิบายข้อ2 หอกข้างแคร่..
เพราะตรงกับความคิดอีกหลายๆคน ที่อ่านเจอที่นี่ ที่ไม่อยากได้ออบชั่นเยอะ
เพราะกลัวจะเสียในอนาคต ต้องจ่ายค่าซ่อมเพิ่ม.. เข้าทางผู้ผลิตเลย
-
ต้นทุนถ้าใส่esp trc ต่อคันเพิ่มสองหมื่นในแง่การผลิตก็เยอะนะครับ ถ้าอัพราคาแพงๆคนอาจไปหาค่ายอื่นหรือถ้าไม่อัพราคาแต่ให้อุปกรณ์น้อยลงใครจะซื้อ อีกอย่างคือคนไทยเราอีกไม่น้อยก็ไม่ได้แบบอยากได้อุปกรณ์พวกนี้ขนาดนั้น คน่ไทยเราเน้นแต่ไฟled ตัดหมอกรอบคัน เบาะหนัง จอดีวีดี ล้อแมก มือจับโครเมียม ภายนอกหล่อๆภายในอุปกรณ์ครบหรูๆแค่นี้พอแล้ว ไม่ใช่แบบ ตปท. ที่ขนาดพวกรุ่นล้อกระทะกันชนดำเครื่องเสียงไม่มี ยังให้abs airbagข้างด้วย esp trc ครบๆ
ส่วนตัวผมมองว่ากระบะมีความจำเป็นถ้ารถใช้นอกเมืองวิ่งทางไกลคนขับเท้าหนัก ถ้าไม่มีระบบบพวกนี้ก็ใส่โช๊คดีๆช่วยเอาอย่างน้อยมีอะไรฉุกเฉินยังหักหลบเอาตัวรอดได้ เพราะกระบะรถขับหลังท้ายเบาบังคับรถยากกว่าเก๋งเตี้ยๆอยู่
เข้ามาฮากับตัดหมอกรอบคัน 555+
-
ราคา อ๊อปชั่นถูก แต่เมื่อมาใส่ในรถมันจะแพงทันที อยากให้รัฐบาลบังคับให้ค่ายรถใส่มาเลยเป็น Standard
แล้วก็บอกว่า อุบัติเหตุเยอะลดตายไม่ได้ แต่ไม่ส่งเสริมมาตรฐานความปลลอดภัย ทั้งที่ คำถามคาใจเรามานานแสนนานว่า ทำไมตัวส่งนอกถึงมีครบและราคาขายถูกกว่าทั้งที่ผลิตในไทย มันเจ็บใจนัก
>:(
-
คนออกแบบproduct เขาพอจะทราบกลุ่มเป้าหมายว่าต้องการอะไรครับ
เมื่อทราบก้อจะทำให้รุ่นนั้นๆมีoption เป็นไปตามแผน
-
ตอนนี้เอาแค่ ABS 3Airbag เป็นพื้นฐานให้ในรุ่นล่างสุด ยังยากเลยครับ
-
ไม่ใส่ก็มีคนซื้อ จะเพิ่มต้นทุนทำไม เรื่องน่าเศร้า
-
ถ้ารุ่นล่างๆหรือพวกตอนเดียวไม่ใส่มาเพราะส่วนนึงเอาไปบรรทุกแล้วเปลี่ยนเพลาท้ายใหม่เป็นเพลาลอยครับ ถ้าใส่ ABS มาก็ไม่ได้ใช้ครับ หลายคันซื้อแคปรุ่นมี ABS มาเปลี่ยนเป็นเพลาลอยแล้วไม่มี ABS ไฟโชว์ค้างตลอดเลย
-
ผมว่าอย่ามองอะไรเป็นลดต้นทุนไปหมดเลยครับ
เอาจริงๆ เราจะเอารถที่มีออฟชั่นเยอะแยะไปหมด แต่ราคาเท่าเดิม แล้วมันจะไปลดอะไรได้ตรงไหนล่ะครับ
ส่วนเคสกระบะนี้ไม่ใช้ลดต้นทุนชัวร์ แต่เค้าไม่ลดอัตราส่วนกำไร ก็เลยไม่ใส่ให้ไงครับ ถ้าใส่ให้ราคาก็ขึ้น ต้นทุนก็เพิ่ม ราคาขายก็เพิ่ม กำไรทวีคูณ