บริษัทชาร์ตค่าแรงช่าง ชั่วโมงละ 125 usd รอยแค่นี้ช่างใช้เวลา 30 ชั่วโมง หรือ .. เกือบ 4 วันในการเคาะ (หรือว่าเป็นอลู เคาะไม่ได้??)
ผมว่ามันเวอร์ไปครับ แค่อยากชาร์ตให้ได้ค่าแรงแพง ๆ มากกว่า เพราะช่างทำจริง ยังไงก็ใช้เวลาไม่ถึงตามนั้นอยู่แล้ว
อีกอย่างนึง .. ช่างที่โน่นก็ไม่ได้ค่าแรง ชั่วโมงละ 100 usd ซะหน่อย
https://www.bls.gov/ooh/Installation-Maintenance-and-Repair/Automotive-service-technicians-and-mechanics.htm
จ่ายค่าแรงช่างแค่ 19usd เอง
ที่มา:
https://www.carscoops.com/2018/05/can-spot-7000-worth-damage-tesla-model-3/นาย Chris Boylan ได้ทำ model3 ทีสุดแสนรักเป็นแผลบาดเจ็บยาว 4 นิ้ว ก็เลยจะเอาไปซ่อมกับ Precision Autoworks ที่ได้รับ authorized ในการซ่อม Tesla ใน New York ซึ่งเขาเองก็คิดว่ามันน่าจะหลักร้อยดอลล่านี่แหละ
หลายวันผ่านไป ก็เลยไปถามกับประกัน ว่าไปถึงไหนละ
ประกันก็ตอบมาว่า ค่าประเมิณสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก เกือบ $7000 และเป็นค่าแรงถึง $5000
เหตุผลทำไมถึงแพง ทางร้านได้อธิบายว่า เพราะตัวถังเป็นอลูมิเนียม ไม่สามารถซ่อมให้เหมือนเดิมได้
จึงต้องทำการเปลี่ยนเท่านั้น
และสีของไอ้เจ้านี่ ดันเป็นสี Electric Blue ซึ่งต้องการขั้นตอนพิเศษ ซึ่งต้องใช้สีถึง 3 layer และสีรองพื้น
และเพื่อให้ได้สีที่ตรงกันนี้ ต้องผสมสีจนกว่าจะตรงกับที่ต้องการซึ่งต้องใช้เวลานานในการพ่นสี
และที่สำคัญในการประกอบชิ้นส่วนใหม่นี้ ต้องถอดด้านข้างออกทั้งหมด กระจกด้านข้างด้วย รวมถึงกันชนด้านหน้า
ซึ่งถ้ากันชนด้านหน้ามีการถอดประกอบ ต้อง re-calibrate หรือมีการปรับตั้งเซนเซอร์ระยะห่างด้วย
ต้องรื้อที่นั่งด้านหลังออกหมด เพราะต้องการ disconnect จากชุด high-voltage battery pack อีก
จากนั้นทางประกันก็ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาคุยเรื่องค่าซ่อมกับศูนย์ การประเมิณครั้งที่สองก็เหลือ $6,250
ซึ่งก็ถือว่าสูงอยู่ดี
แต่ก็ได้รับการอนุม้ติและซ่อมไปในที่สุด
ส่วนที่ว่าทำไมค่าแรงแพง อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะเป็นค่าแรงทางศูนย์ที่ได้รับ authorized ในการซ่อม Tesla โดยตรง
อาจจะเป็นนโยบายของ Tesla หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ
ค่าแรง $19 ก็ไม่น่าใช่เพราะค่าแรงพอๆกับไทย ไม่น่าจะเป็นไปได้