ผมไม่เข้าใจที่คุณ ซิ่งเข้าส้วมบอกว่า แก้กฎหมายมาล็อคมากกว่าเดิม น่ะครับ ช่วยขยายความทีได้ไหมครับ
ไม่ใช่หรอก รถมาทำแท็กซี่มี่ตัเงหลายยี่ห้อหลายรุ่น แต่ที่นิยมสุดคือ altis แค่นั้นเอง ที่จริงเป็นรถอะไรก็ได้ขอแค่ เครื่อง 1500cc ขึ้นไป พวก vios city มันเครื่องไม่ถึง 1500cc เลยเอามาทำไม่ได้(ขาดไปนิดเดียว) แล้วยี่ห้ออื่นไม่เป็นที่นิยมเพราะมันพิสูจน์มาแล้วว่า altis ทนถึกสุด มันจึงนิยมแค่นั้น
ข้อกฏหมายใหม่ เอาขนาดเครื่องยนต์ออกไปครับ แต่กำหนดที่กำลังและขนาดแทน คือต้องเป็นรถขนาด C segment Sedan ขึ้นไปเท่านั้น เพราะ Hatchback ความยาวไม่พอ
"เป็นรถที่มีประตูไม่น้อยกว่าสี่ประตู ซึ่งมีความกว้างไม่น้อยกว่าหนึ่งเมตรเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร
แต่ไม่เกินสองเมตรห้าสิบเซนติเมตร มีความยาวไม่น้อยกว่าสี่เมตรห้าสิบเซนติเมตร แต่ไม่เกินหกเมตร
และมีความสูงไม่เกินสองเมตร"
แถมให้เรื่องกำลังเครื่องยนต์
ในกรณีเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน ต้องมีกำลังของเครื่องยนต์ไม่น้อยกว่า
แปดสิบกิโลวัตต์
(๒) ในกรณีเป็นรถที่ใช้ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ต้องมีกำลังรวมกัน
ไม่น้อยกว่าแปดสิบกิโลวัตต์
(๓) ในกรณีเป็นรถที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ต้องมีกำลังพิกัดของมอเตอร์ไฟฟ้า
ไม่น้อยกว่าสิบห้ากิโลวัตต์ และสามารถขับเคลื่อนรถให้มีความเร็วสูงสุดได้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง
อ้างอิง :
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/081/9.PDFกำลังคิดอยู่ว่าจะติงดีมั้ย ว่าเน้นคุณมัวแต่เน้นย้ำระหว่าง Altis กับ Ciaz มากเกินไป จนไม่เหมือนการที่จะมาคุยว่าควรเปลี่ยนกําหนดกฎเกณฑ์ประเภทรถขั้นต่ำแบบไหนที่ควรทำเป็นแท็กซี่ได้ เหมือนเอะอะก็ Ciaz กับ Altis ตลอด แต่แก้แล้วก็ขอตอบเลยครับ
1. ในกฏหมายปัจจุบันรถที่เหมาะสมที่สุดในการทำ Taxi คือโตโยต้าอัลติส เพราะทนทาน อะไหล่เยอะที่สุด
2. ซึ่งนั่นเป็นเหมือนข้อผูกมัดกลายๆ ว่าจะทำแท็กซี่ ต้องใช้ Altis ซึ่งราคาหลังจดทะเบียนทุกอย่างแล้วราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านบาท (ถ้าสงสัยว่าทำไมไม่ใช้ยี่ห้ออื่น ก็ต้องกลับไปที่ข้อ 1)
ข้อ 1 และ 2 ไม่เกี่ยวกับกฏหมายบังคับ ไม่มีข้อไหนบอกให้ซื้อรถที่หาอะไหล่ง่ายที่สุด ทนทานที่สุด แต่เป็นสิ่งที่ทางค่ายทำได้ดีและตอบโจทย์มากที่สุดต่างหาก ผู้ประกอบการเลยเลือกที่จะใช้ เหตุผลง่ายๆคือเค้าเลือกที่จะใช้เพราะเหตุผลตรงนี้ ไม่ใช่เพราะบังคับด้วยกฏหมายบังคับให้เลือก ชัดนะครับ ไม่เกี่ยวอะไรกับกฏหมายสักนิด
ถ้าปรับให้ Eco Car ทำเป็นรถ Taxi ได้จริง ผมไม่คิดว่าคนขับจะเลือกรถที่นั่งสบายให้ ก็จะวนไปเน้นเลือกคันที่เข้าข่ายข้อ 1 และ 2 เหมือนเดิม
จริงอยู่ที่ราคารถจะช่วยคนขับให้มีภาระน้อยลง แต่คำถามหลักๆคือเหมาะสมแน่หรือ ด้านความเชื่อมั่นในความปลอดภัย พละกำลังเมื่อบรรทุกเต็มจำนวน ขนาดที่คับแคบ และความทนของเครื่องยนต์เมื่อติดแก๊สและใช้งานหนัก เรื่องพวกนี้ควรถูกพิจารณาให้รอบคอบก่อนลงความเห็น และถ้าแก้ให้ว่านั่งสบายด้วย อะไรคือข้อกำหนดที่ชัดเจน แล้วจะส่งผลต่อการ "เอื้อประโยชน์" ต่อค่ายรถค่ายใดค่ายนึงหรือไม่ (ส่วนตัวคิดว่าไม่ตอบโจทย์)
ต่อมาเรื่อง Grab ต้องแยกระหว่างรถ กับการบริการออกจากกันก่อน ส่วนตัวมีความเห็นว่า Grab สร้างบรรทัดฐานบริการที่ดีขึ้นมา ทางภาครัฐควรจะมีการบริหารจัดการที่ดีแบบนี้ตั้งนานแล้วไม่ใช่ปล่อยจนเละขนาดนี้
ส่วนราคาค่าบริการควรแยกตามประเภทรถยนต์ไปเลย ตามแบบ Grab ไม่ใช่ว่าเอารถราคาแพงกว่าเท่าตัวมาให้บริการได้ราคาเท่าเดิม กลายเป็นแบกรับภาระโดยไม่เกิดประโยชน์ กลายเป็นว่ามีรถแบบเดียวในการบริการ แทนที่จะมีหลากหลาย และค่าบริการก็ควรจะสมเหตุสมผล เพื่อให้ผู้ประกอบอาชีพสามารถรักษามาตรฐานการบริการได้
อีกเรื่องคือจำนวนรถ Taxi ครับ ถ้ามากเกินไป ในขณะที่ผู้ใช้บริการเท่าเดิมหรือลดลง รายได้ต่อหัวก็ลด ไม่ต่างจาก Supply ล้นตลาด ถ้าปัญหามาจากตรงนี้ควรปล่อยให้กลไกตลาดจัดการเอาเอง
เข้าใจตามที่คุณกล่าวมาทุกประการครับ
ผมแค่มีความคิดว่า รัฐควรให้อิสระในการเลือกรถของผู้ประกอบการมากกว่านี้ ถ้าใช้แล้วมันไม่เหมาะสม มันพัง มันวิ่งไม่ออก มันหาอะไหล่ไม่ได้ สุดท้ายตลาดก็จะตอบด้วยตัวของมันเองว่ารุ่นไหนได้ไปต่อ
แต่ตอนนี้คือกำหนดขนาดมา ให้มีกำลังเครื่องระดับ Sub compact และตัวถังขนาด Csegment ในปัจจุบัน เน้นว่า
ในปัจจุบันด้วยนะครับ คือถ้า Tiida ออกมาตอนนี้เอามาทำแท็กซี่ไม่ได้แล้วนะครับ เล็กไป
มันเลยเกิดคำถามว่า ทำไมเมื่อก่อนรถขนาดเท่านี้ใช้เป็นแท็กซี่ได้ ระบบความปลอดภัยก็ไม่ค่อยมี ทำไมยังเอามาทำแท็กซี่ได้ อยู่ๆ ออกกฏหมายใหม่มา รถขนาดที่เคยใช้เป็นแท็กซี่ได้ ใช้ไม่ได้แล้วราวกับจะตัดขาว่าไม่อยากให้เอา Eco car และ Sub compact มาเป็นแท็กซี่
คือรถขนาด B segment อย่าง Vios ผมไม่เอามาเทียบ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่ส่วนตัวผมก็เคยใช้ รู้ว่ามันเล็ก Yaris นี่ยิ่งเล็กเลย เอามาทำเป็นแท็กซี่นี่ดูแล้วไม่สมเหตุสมผล เลยไม่ได้เอามาใช้ยกตัวอย่าง คันที่พอนั่งได้ อัตราเร่งโอเคในเกียร์ธรรมดา คือไม่ได้ต่างจากรถ 1.5 มากนักก็มี Ciaz ที่พอมองเห็นเลยเอามายกตัวอย่างน่ะครับ
เท่าที่อ่านเหมือนคนจะเข้าใจว่าผมมาโจมตีโตโยต้าเลยโดนอัดซะยับเลย
แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ผมแค่อยากผลักดันในแง่ให้อิสระทางการประกอบการมากกว่านี้ เพื่อแก้ปัญหาทั้งในเรื่องของแท็กซี่ แกร็บและมลภาวะครับ
ผมไม่เข้าใจที่คุณ ซิ่งเข้าส้วมบอกว่า แก้กฎหมายมาล็อคมากกว่าเดิม น่ะครับ ช่วยขยายความทีได้ไหมครับ
ตามที่บอกด้านบนเลยครับ จากตอนแรกกำหนดที่ขนาดเครื่องยนต์เกิน 1500 cc กลายเป็นกำหนดให้มีกำลังมากกว่า eco car และขนาดต้องเป็น Csegment sedan ขึ้นไปเท่านั้น
มันตลกตรงที่ว่าข้อกฏหมายนี้ออกมาหลังจาก Suzuki ได้เรียกร้องให้เอาเรื่องความจุกระบอกสูบออก กลายเป็นออกกฏหมายมา เอาความจุกระบอกสูบออกจริง แต่เอาเรื่องกำลังเครื่องยนต์กับขนาดตัวถังมาบล็อคแทน เหมือนตลกร้ายอะครับ