Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: The Copy ที่ ตุลาคม 03, 2011, 23:50:59
-
วันนี้ตอนสายมีโอกาสป๊ะกันแฮ๋มตัวเป็นๆเลย บนถนนศุขประยูร เส้นทางจากเมืองชลจะไปพนัสนิคม สีดำสวยอ่ะ
พรางตัวเล็กน้อย (บ่ฮู้จะพรางยะหยัง) จังหวะผมกำลังจะกลับรถไปเกาะโพธิ์ ก็เห็นวิ่งดำตระหง่านมาเลย เพียงแค่เห็นแว๊บเดียว
ก็รู้เลยว่า เฮ้ย! นี่มันอัลเมร่านี่หว่า พอกลับรถได้ก็รีบขับตามไปหมายจะได้ยลใกล้ๆ พร้อมกับบอกพี่ที่นั่งมาด้วยว่า
นี่นี่พี่นิสสันอัลเมร่า อีโคคาร์ซีดานใหม่ พี่แกก็บอกกลับมาตามประสาคนที่ไม่รู้เรื่องเร๊ยว่า อีโคคาร์ก็คันเล็กน่ะสิ
เราก็เลยตอบกลับไปว่า ตามข้อมูลที่รู้มาไม่เล็กนะพี่ พี่เค้าก็พูดอีกว่าแล้วมันจะอืดรึเปล่า ผมก็ตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน
ซึ่งตอนนั้นก็ได้ขับเข้าไปใกล้แล้ว นี่ไงพี่เทียบดูกับ Civic FD คันที่วิ่งอยู่เลนซ้ายสิ ไม่ได้เล็กกว่ากันเลย
พอรถคันหน้าที่วิ่งขวางเจ้าอัลเมร่าอยู่หลบเข้าเลนซ้าย เจ้านี่ก็พุ่งทะยานออกไปโดยที่ผมก็เหยียบตามไปห่างๆ เหมือนกัน
ตอนนั้นรู้สึกว่ามันก็ดูไม่น่าจะอืดนะ จากนั้นก็มาติดอยู่ตรงแยกพานทองด้วยกัน ผมก็หยุดต่อท้ายอยู่ นึกขึ้นมาได้ก็เลยหยิบ N8
ขึ้นมาถ่ายรูปไว้ซักหน่อยดีกว่า (แต่ไม่กล้าโพสท์อ่ะ) พอสัญญาณไฟเขียวก็ออกตัวแบบปกติขับตามกันไปความเร็วประมาณ 40 กม./ชม.
เนื่องจากมีรถสองคันวิ่งช้าอยู่ข้างหน้า แต่พอสองคันนั้นหลบเข้าซ้ายไปเท่านั้นแหละ เจ้าอัลเมร่าคันดำนี่ก็พุ่งออกไปแบบที่ไม่น่าจะเรียกว่าอืดได้เลย
ซึ่งผมก็เร่งตามไปพร้อมกับบอกพี่ที่มาด้วยว่าดูสิเรายังตามมันห่างอยู่เลย อ้อ! ผมขับ Civic Dimension 1700 ความเร็วตอนนั้นขึ้นไป 130 ได้
ก็ต้องมีผ่อนช่วงโค้งบ้าง เจ้าอัลเมร่าก็แซงซ้ายแซงขวาไปตลอดทาง ซึ่งผมก็ยังตามห่างอยู่ประมาณ 100 เมตร จนมาติดไฟแดงแยกพนัสฯ
พอไฟเขียวผมก็ต้องเลี้ยวขวา แน่ะ! ไปทางเดียวกันอีก หลังจากนั้นผมต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อจะไปเกาะโพธิ์ แต่เจ้าอัลเมร่าขับตรงไปทางบ้านนามะตูม
เส้นที่จะไปโผล่หนองชาก สงสัยจะไปทดสอบเส้นทางน้ำท่วมมั๊ง อิ๊อิ๊ (เมื่อสองวันก่อนดูข่าวคุณสรยุทธเห็นว่าน้ำท่วมแถวนั้น)
เสียดายแยกทางกันซะได้ สงสัยจะต้องไปลอง Test Drive ซะหน่อยแระ ทีแรกตั้งใจจะรอ L12F คงต้องคิดดูอีกทีแล้วล่ะ
-
เรื่อง Almera ต้องรอดูคันจริง + ผลจับเวลาทดสอบแหละครับ
แต่ขอแนะำนำเรื่องการเขียนนิดนึงครับ ก็คือที่โพสมันยาว แล้วติดกันเป็นพรื๊ดเลย มันดูแล้วไม่น่าอ่านอย่างแรงเลยครับ
ลองเขียนแบ่งวรรค แบ่งตอนดู จะทำให้ข้อความน่าอ่านขึ้นเยอะเลยครับ ;)
-
นิยามคำว่าอืดของแต่ละคนตั้งไว้ไม่เท่ากัน ดังนั้นจากคำบอกเล่ายังตัดสินอะไรไม่ได้มากนักจนกว่าจะมีบทความทดสอบอย่างเป็นทางการอ่ะครับ
หลังรถเปิดตัวสุดสัปดาห์นี้ คิดว่าคงอีกไม่นานพี่จิมฯคงได้เทสและพิสูจน์กัน
ปล.1 อัลเมร่าไปเทสไดร์ฟแถวนั้นทำไมหว่า หรือว่ามาจากกม.22 ออกมอเตอร์เวย์แล้วผิดทางดันเลี๊ยวซ้ายมาพนัสนิคม ?
ปล.2 หลังจากนั้นผมต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อจะไปเกาะโพธิ์ แต่เจ้าอัลเมร่าขับตรงไปทางบ้านนามะตูม <== เลี้ยวซ้ายแล้ววิ่งมาเรื่อยๆข้ามสะพานบ้านช้างมาเจอบ้านผมเลยนะนั่น :D
-
เรื่อง Almera ต้องรอดูคันจริง + ผลจับเวลาทดสอบแหละครับ
แต่ขอแนะำนำเรื่องการเขียนนิดนึงครับ ก็คือที่โพสมันยาว แล้วติดกันเป็นพรื๊ดเลย มันดูแล้วไม่น่าอ่านอย่างแรงเลยครับ
ลองเขียนแบ่งวรรค แบ่งตอนดู จะทำให้ข้อความน่าอ่านขึ้นเยอะเลยครับ ;)
ขออภัย และก็ขอบคุณในคำติชมครับ จะปรับปรุงในการโพสท์ครั้งต่อไปครับ
ปกติไม่ค่อยได้โพสท์เท่าไหร่ และก็ไม่เคยโพสท์ยาวขนาดนี้ด้วย เป็นห่วงเรื่องคำผิดมากกว่าครับ
-
นิยามคำว่าอืดของแต่ละคนตั้งไว้ไม่เท่ากัน ดังนั้นจากคำบอกเล่ายังตัดสินอะไรไม่ได้มากนักจนกว่าจะมีบทความทดสอบอย่างเป็นทางการอ่ะครับ
หลังรถเปิดตัวสุดสัปดาห์นี้ คิดว่าคงอีกไม่นานพี่จิมฯคงได้เทสและพิสูจน์กัน
ปล.1 อัลเมร่าไปเทสไดร์ฟแถวนั้นทำไมหว่า หรือว่ามาจากกม.22 ออกมอเตอร์เวย์แล้วผิดทางดันเลี๊ยวซ้ายมาพนัสนิคม ?
ปล.2 หลังจากนั้นผมต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อจะไปเกาะโพธิ์ แต่เจ้าอัลเมร่าขับตรงไปทางบ้านนามะตูม <== เลี้ยวซ้ายแล้ววิ่งมาเรื่อยๆข้ามสะพานบ้านช้างมาเจอบ้านผมเลยนะนั่น :D
ไปบ้านญาติแถวหนองงูเหลือมน่ะครับ
-
ถ้าคุณเก็บภาพ almera บนท้องถนนได้
คุณสามารถโพสต์บนบอร์ดได้อย่างไม่ต้องเกรงกลัวได้ทันทีครับ
เพราะไม่ได้ถ่ายในโรงงาน
-
พอจะเดาได้ว่า น่าจะเป็นใครที่ขับอยู่....
พี่คนนั้น เขาขับเร็วมากๆครับ แต่ขับปลอดภัยมากเช่นกัน
อิอิอิอิอิอิ
-
พอจะเดาได้ว่า น่าจะเป็นใครที่ขับอยู่....
พี่คนนั้น เขาขับเร็วมากๆครับ แต่ขับปลอดภัยมากเช่นกัน
อิอิอิอิอิอิ
ตามคำให้การนี่คือแซงซ้าย มันปลอดภัยหรือไม่ครับพี่จิม
-
รูปที่ถ่ายมาได้เพียงรูปเดียว พอมาดูในคอมพ์ถึงเห็นว่ามันไม่ชัด เนื่องจากกระจกหน้ามันเลอะ
-
เบลอๆ แต่ก็สวยน่ะคับ ;D
-
กระจกมันเลอะน่ะครับ โฟกัสมันเลยมาอยู่ที่กระจก
-
Almera ขับแบบตีนผี เร็วๆ มันจะทนทานแค่ไหนนะครับ ;)
-
ลีลาการขับ หลอกว่ารถมันกระฉับกระเฉงหรือเปล่า :D
-
พอจะเดาได้ว่า น่าจะเป็นใครที่ขับอยู่....
พี่คนนั้น เขาขับเร็วมากๆครับ แต่ขับปลอดภัยมากเช่นกัน
อิอิอิอิอิอิ
เดาเล่นๆครับว่ามือขับในรถคันนั้นคือคุณjimmyใช้ไหมครับ อิ อิ
-
ใหญ่ และ ยาว จริงๆ ;D
-
คุณจิมมีไปลองมาแล้วเหรอนี่
ถ้าพูดไม่ได้เยอะ ขอสั้น ๆ อย่าง "สุดตีน" ก็พอได้ เข้าใจได้ครับ
-
อืดไม่กลัวครับ เพราะคงไม่ได้เอาไปแข่งกับใครที่ไหน
แต่ ที่กลัวคือ มันจะประหยัดเท่ากับมาร์ชหรือเปล่า ถ้าไม่ ผมว่าไปมองพวกแจ๊ส 1.5 MT น่าจะประหยัดกว่ามั้งเนี่ย อิอิ
กำลังมองๆรถคันแรก(ให้แฟน) อยู่เหมือนกัน ถ้ามีโอกาสก็อยากจะได้รถเล็กๆประหยัดๆซักคันนึง
ผมไม่ค่อยซีเรียสกับเรื่องอืดอยู่แล้ว ถ้าอยากแรงก็อัดๆหน่อย มันก็น่าจะแรงได้
แต่ที่กลัวคือเรื่องกินน้ำมันนี่แหละ เพราะมันจะติดตัวรถคันนั้นไปจน ตาย 555 (ยกเว้นเอาไปติดแก๊สนะ)
แต่ยังไงรถแฟนผมไม่ติดแก๊สแน่นอน เพราะมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับแก๊สของเพื่อนที่ทำงาน 4 คัน กลัวไปเลย
-
สเปค เขียนว่าหนักกว่า march 40 กิโล นะครับ
-
โดยปกติผมก็ขับ Tiida 1.6 ไม่เกิน 140 อยู่ในช่วง 100 - 120 km/h แล้วการออกตัวก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร
แต่ถ้าขับในเมือง Almera 1.2 ความเร็วไม่เกิน 140 ก็คิดว่าเหมาะสมแล้วครับ
สมัยนี้ ควรเน้นขับขี่ปลอดภัย ขับประหยัดน้ำมันกันดีกว่าครับ
-
ขอเดานะครับ ถ้าเขาเรียกว่า อีโค คาร์ ได้ เขาจะต้องมี 20+ Km/L แน่นอน
-
ตาม กม (ที่ผมอ่านมาอะนะ ไม่รับรองความถูกต้อง)
Ecology Car ที่ผ่าน
1. ประหยัดน้ำมันใช้เชื้อเพลิง ไม่ต่ำกว่า 5 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 20 กิโลเมตร/ลิตร
2. รักษาสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐานยูโร 4 ปล่อย Co2 น้อยกว่า 120 กรัม/1 กิโลเมตร
3. ความปลอดภัยระดับสูง มาตราฐาน UNECE 94,95 ปลอดภัยจากการชนด้านหน้า+ด้านข้าง
4. ความคล่องตัวเครื่องยนต์ไม่เกิน 1300ซีซี สำหรับเครื่องเบนซิน และไม่เกิน 1400ซีซี สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล
-
มีแถวอู้เมืองปะเเล้ดไทย......สูนกันไปเรื่อย ;D
(มีกระทั่งพูดคำเมืองคำ ไทยคำ ปนกันไปเรื่อย)
เอ รึว่าเขาต้องการโฆษณาว่า ECO Car ก็แรงกันหว่า.......
ตาม กม (ที่ผมอ่านมาอะนะ ไม่รับรองความถูกต้อง)
Ecology Car ที่ผ่าน
1. ประหยัดน้ำมันใช้เชื้อเพลิง ไม่ต่ำกว่า 5 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 20 กิโลเมตร/ลิตร
2. รักษาสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐานยูโร 4 ปล่อย Co2 น้อยกว่า 120 กรัม/1 กิโลเมตร
3. ความปลอดภัยระดับสูง มาตราฐาน UNECE 94,95 ปลอดภัยจากการชนด้านหน้า+ด้านข้าง
4. ความคล่องตัวเครื่องยนต์ไม่เกิน 1300ซีซี สำหรับเครื่องเบนซิน และไม่เกิน 1400ซีซี สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล
และต้องมีมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาทด้วยครับ
-
SPEC มาแล้วครับ
ตัว V คุ้มสุด รองลงมา ES ส่วน VL แนวจัดเต็ม
(http://image.ohozaa.com/i/2e9/0g8FX.jpg)
-
ที่แปลกคือ Almera นะ ในรุ่นไม่ top ไม่มี
1. ที่ปัดน้ำฝนตั้งเวลาได้ แต่มีแบบหน่วงแทน
2. กระจกแต่งหน้าไม่มี
ตามนี้ครับ ;)
-
1. ไม่ใช่ผมครับ
2. เออ จริง แซงซ้าย นี่คือเรื่องไม่ควรทำ นะ รักษาดินแดนบอกไว้ถูกแล้ว
-
ถ้า เหยียบมิดเหล็กตลอด ก็คงไม่อืดหรอกครับ แต่น้ำมันก็คงยุบเยอะเหมือนกัน
(คนปกติก็คงไม่เหยียบสุดตลอดหรอกครับ) นอกจากพวกทดสอบรถ มีเท่าไหร่เหยียบหมดละครับ น้ำมันบริษัทนิ
แบบนี้ถึงจะ Eco car กดเต็มก็เหยียบแซง C-segment ได้ไม่ยาก
ส่วนที่จะเป็น Eco-car ก็คงได้เพราะคลานๆ ไปก็คงไม่กินมาก รักษาระดับความเร็วดีๆ
-
0-100 ขอซัก 12-13 วิ
หวังว่า อากาศพลศาสตร์จะช่วยให้รถวิ่งดีขึ้นในช่วงเกิน 100 ขึ้นไป
แค่นิดนึงก็ยังดี
ทำท่อ กรองแต่ง จูนกล่องซักหน่อย คงใกล้เคียงวีออสล่ะน้าาา
-
ถ้าทุกอย่างเหมือนมาร์ช (เครื่อง + เกียร์)
ผมคิดว่าอัตราเร่งน่าจะอ้างอิงจากมาร์ช แล้วบวก 0.5-1 วินาทีได้ครับ
ผมเป็นคนที่ขับมาร์ชแล้วกดคันเร่งจมตลอดเหมือนกัน
อัตราเร่งก็ถือว่าขึ้นดี ไม่ได้เลวร้าย เพียงแต่มันก็ไม่ได้เร็วอะไรมาก
ถ้าเทียบกับรถคันอื่นอื่นที่เร่งแบบเรื่อยเรื่อยตามปกติ มาร์ชก็คงจะแซงฉิวขึ้นไป
แต่พอคันอื่นกดมาบ้างเมื่อไหร่ คราวนี้มีเหงาครับ
-
ผมว่ารถ 3 สูบ 1.2 คงไม่แรงหรอกครับ เอาเป็นว่าพอวิ่งได้นะแน่นอน แซงนะแซงได้ครับ แต่ต้องเล่นเกียร์เป็น
เช่น เวลาแซง ก็กดปุ่ม sport เวลาขึ้นเนินจอดรถหรือที่ชันก็ใส่ L ครับ
;) แต่มั่นใจว่าถ้า almera เป็นเครื่องเดียวกับ march คงไม่แรงกว่า เว้นแต่ ใส่เฟืองท้ายโตๆนะครับ ;)
-
ดูสเปคแล้วแอบกั๊กของดีๆให้รุ่นท้อปตัวเดียวเยอะเหมือนกันนะเนี่ย แต่ถ้าราคาไม่เกิน600kก็น่าสนอยู่ดีกับออปชั่นแบบนี้
-
ถ้าทุกอย่างเหมือนมาร์ช (เครื่อง + เกียร์)
ผมคิดว่าอัตราเร่งน่าจะอ้างอิงจากมาร์ช แล้วบวก 0.5-1 วินาทีได้ครับ
ผมเป็นคนที่ขับมาร์ชแล้วกดคันเร่งจมตลอดเหมือนกัน
อัตราเร่งก็ถือว่าขึ้นดี ไม่ได้เลวร้าย เพียงแต่มันก็ไม่ได้เร็วอะไรมาก
ถ้าเทียบกับรถคันอื่นอื่นที่เร่งแบบเรื่อยเรื่อยตามปกติ มาร์ชก็คงจะแซงฉิวขึ้นไป
แต่พอคันอื่นกดมาบ้างเมื่อไหร่ คราวนี้มีเหงาครับ
คล้ายๆ เพื่อนผมเลยครับ ซื้อ Eco-Car มาอัดซะ
ยิ่งเวลาเร่งรีบล่ะก็ เพื่อนผมมีคำพูดติดปากว่า "อีคง อีโค้ กุไม่สนแล้วเว้ย กุรีบบบบบบ"
-
ถ้าทุกอย่างเหมือนมาร์ช (เครื่อง + เกียร์)
ผมคิดว่าอัตราเร่งน่าจะอ้างอิงจากมาร์ช แล้วบวก 0.5-1 วินาทีได้ครับ
ผมเป็นคนที่ขับมาร์ชแล้วกดคันเร่งจมตลอดเหมือนกัน
อัตราเร่งก็ถือว่าขึ้นดี ไม่ได้เลวร้าย เพียงแต่มันก็ไม่ได้เร็วอะไรมาก
ถ้าเทียบกับรถคันอื่นอื่นที่เร่งแบบเรื่อยเรื่อยตามปกติ มาร์ชก็คงจะแซงฉิวขึ้นไป
แต่พอคันอื่นกดมาบ้างเมื่อไหร่ คราวนี้มีเหงาครับ
กะเเล้วว่าคุณเนยไปโดนรถคันที่ไม่ดี พอเปลี่ยนมาขับคันอื่น อัตราเร่งดี แต่ยังไงมันก็ไม่เท่า 1.5 หรอกครับ แต่เฉียดๆบางรุ่น เช่น AVANZA ผมว่าก็ยังดีเวลารีบก็ทำเวลาได้
-
ประหยัดไม่กลัวกลัวเครื่องไม่แรง ;D
ปล ถ้ารถไม่แรงแซงไม่พ้นก็จบกัน
-
ถ้าทุกอย่างเหมือนมาร์ช (เครื่อง + เกียร์)
ผมคิดว่าอัตราเร่งน่าจะอ้างอิงจากมาร์ช แล้วบวก 0.5-1 วินาทีได้ครับ
ผมเป็นคนที่ขับมาร์ชแล้วกดคันเร่งจมตลอดเหมือนกัน
อัตราเร่งก็ถือว่าขึ้นดี ไม่ได้เลวร้าย เพียงแต่มันก็ไม่ได้เร็วอะไรมาก
ถ้าเทียบกับรถคันอื่นอื่นที่เร่งแบบเรื่อยเรื่อยตามปกติ มาร์ชก็คงจะแซงฉิวขึ้นไป
แต่พอคันอื่นกดมาบ้างเมื่อไหร่ คราวนี้มีเหงาครับ
คล้ายๆ เพื่อนผมเลยครับ ซื้อ Eco-Car มาอัดซะ
ยิ่งเวลาเร่งรีบล่ะก็ เพื่อนผมมีคำพูดติดปากว่า "อีคง อีโค้ กุไม่สนแล้วเว้ย กุรีบบบบบบ"
CVTพังขึ้นมา ซีดเป็ดแน่ๆ ;D
-
ถ้าทุกอย่างเหมือนมาร์ช (เครื่อง + เกียร์)
ผมคิดว่าอัตราเร่งน่าจะอ้างอิงจากมาร์ช แล้วบวก 0.5-1 วินาทีได้ครับ
ผมเป็นคนที่ขับมาร์ชแล้วกดคันเร่งจมตลอดเหมือนกัน
อัตราเร่งก็ถือว่าขึ้นดี ไม่ได้เลวร้าย เพียงแต่มันก็ไม่ได้เร็วอะไรมาก
ถ้าเทียบกับรถคันอื่นอื่นที่เร่งแบบเรื่อยเรื่อยตามปกติ มาร์ชก็คงจะแซงฉิวขึ้นไป
แต่พอคันอื่นกดมาบ้างเมื่อไหร่ คราวนี้มีเหงาครับ
คล้ายๆ เพื่อนผมเลยครับ ซื้อ Eco-Car มาอัดซะ
ยิ่งเวลาเร่งรีบล่ะก็ เพื่อนผมมีคำพูดติดปากว่า "อีคง อีโค้ กุไม่สนแล้วเว้ย กุรีบบบบบบ"
CVTพังขึ้นมา ซีดเป็ดแน่ๆ ;D
ขับ Eco car 3 สูบ ก็วิ่งแบบ Eco ดีกว่าครับ ทั้ง March Almera และ Mitsu Eco 3 สูบทั้งหลาย
วิ่งเร็วคงไม่เหมาะ ผมว่าเหมาะกับการขับความเร็วคงที่สัก 50-80 กำลังดีเลย เร็วหน่อยก็ 100-120
ขับอัดเกียร์คงพังก่อนครับ ;)
-
ตัวMarch CVT ไม่เคยขับนะครับ เพราะเป็นคนขับค่อนข้างรุนแรง กลัวพังจริงๆ
เคยขับตัว March MT ของลูกพี่ลูกน้องกัน
เหอๆ... ;D กำลัีงผมว่าเหลือเฟือเลย สั่งได้ทันใจ เสียแต่เกียร์ธรรมดา โยกที เหมือนโยก... ไอ้นี่เลย
(http://www.bloggang.com/data/piwat/picture/1191589331.jpg)
ตอนทำเวลา เช่น จาก3ขึ้นมา4 หรือจะลากจาก4 ลงมา3 แทบไม่ทันกิน ต้องเผื่อเวลาอีก ถ้าเกียร์มันชิดๆ เหมือนโคโรล่าMTรุ่นเก่าๆ นะ ขับมันส์เลย
เพราะพื้นฐานรถพอไหว แก้แค่ตรงนี้+ยางรถดีๆหน่อย โอ้ว... เจ๋ง
ถ้าAlmera มีเกียร์ธรรมดา แล้วแก้เรื่องโยกเกียร์ได้นะ อืม อาจจะไม่มองรถกระบะแล้วหละ งานนี้...
-
จากรูปสวยนะ สวยกว่าที่คิดนะ เพราะตอนแรกกลัวรูปร่างไม่สมดุล
-
SilverG ครับ
ทั้งชีวิตนี้ผมขับมาร์ชมาคันเดียวครับ คือคันที่ผมเอามาด่าจนเละนั่นแหละ
แต่ถ้าให้พูดตามจริงแล้ว ทำเป็นปิดหูปิดตาไม่สนว่ามันเป็นเครื่อง 1.2 สามสูบ
ดูกันแต่อัตราเร่งล้วนล้วน ผมก็บอกว่าใช้ในเมืองก็พึ่งพาได้ อัตราเร่งไม่เลวร้าย
ออกต่างจังหวัด วิ่งชานเมือง ถ้าทางราบก็พอไหว้วานได้ 0-60 ผมว่า "โอเค" ครับ
แต่ถ้าจะเรียกสมรรถนะจริงจริง ก็ต้องยอมรับว่า 1.2 ลิตรคงมีปัญญาให้ได้แค่นี้
ทั้งทั้งที่ผมก็อยากให้มันไปได้ดีกว่านี้ และปัญหาน่าจะไม่ได้อยู่ที่เครื่องยนต์
แต่เป็นเกียร์ CVT ที่คิดช้าทำช้ามากกว่า ซึ่งตั้งแต่ผมใช้ Cefiro A31, A32, A33 มา
ผมคิดว่า เกียร์อัตโนมัติของ Nissan ไม่ค่อยฉลาดอยู่แล้ว ขับแล้วไม่ค่อยตามใจครับ
เพียงแต่ไม่คิดว่า พอเป็น CVT แล้วจะยังเป็นอย่างนี้อยู่ เพราะก่อนนี้ขับ Teana 250XV
เกียร์ก็ยังถือว่าตอบสนองได้ไวตามเท้าดีกว่านี้มาก
ยอมรับกันตรงตรงว่า ถ้าผมเป็นเจ้าของมาร์ช (ซึ่งคงไม่มีวันซะล่ะ)
ผมคงทำเกียร์ CVT พังตั้งแต่ยังไม่พ้น 50,000 กม. เพราะออกตัวก็กดสุดตลอดทุกครั้ง
ซึ่งท่านใดจะว่าผมอย่างไรก็ได้ครับ แต่ผมเป็นคนลากรอบอยู่แล้ว ไม่ว่ารถคันไหน
ทั้งโปรทีเจ มาสด้า 3 กาแลนท์ ซีวิค แจ๊ส i-dsi ผมก็ลากทั้งนั้น ถ้าต้องการอัตราเร่ง
จริงจริงจะว่าไป ไม่มีวันไหนเลยที่ขับโปรทีเจแล้ว เข็มไม่แตะขีดแดง ด้วยซ้ำ
เพียงแต่ไม่มีคันไหนที่ผมต้องลากยาวและลากนานเหมือนมาร์ชเท่านั้นเอง (เข้าใจครับว่าเครื่องเล็ก)
แต่นั่นว่ากันเฉพาะเครื่องนะครับ ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมอยากให้นิสสันปรับปรุง
ทั้งเบาะนั่งและช่วงล่าง เพราะมันคือรถขนาดตัวถัง B-Segment มันน่าจะให้อะไรได้ดีกว่านี้
ในแง่ขนาดของตัวถัง และความสะดวกสบายในการนั่งโดยสาร ผมเองโดยส่วนตัวคิดว่า
Jazz GD และ Yaris ตัวแรกยังทำเบาะนั่งได้ดีกว่ามากเลยเสียด้วยซ้ำ ไม่นับ มาสด้า 2 นะ
ที่ที่นั่งด้านหน้าผมว่าโอเค ตำแหน่งดี แต่ที่นั่งหลังสุดจะบรรยาย...
แต่ผมไม่อยากให้คนซื้อ ECO Car มาขับเพื่อจงใจให้เป็น ECO Car
ผมอยากให้ทุกท่านขับตามปกติ ตามจังหวะการจราจร ยกเว้นว่าถนนโล่งบนทางหลวงระหว่างเมือง
แล้วคุณจะใช้ความเร็ว 80-100 กม./ชม. ก็ว่าไป เพราะการพยายามขับให้ประหยัดนั้น
ตัวคุณเองอาจจะประหยัด แต่ถ้ามันทำให้คนอื่นเสียจังหวะไปทั้งหมด หรือขับเกะกะขวางทาง
แบบนี้ก็คงไม่ดีต่อการจราจรในภาพรวมล่ะครับ แล้วการที่รถคันอื่นเค้าวิ่งกันมา 120-140
พอมาเจอรถ Eco Car ขับขวางอยู่ก็เบรกกันตัวโก่ง แล้วก็หาทางแซงเร่งขึ้นไปใหม่
ภาพรวมแล้ว ประหยัดคันเดียวแต่เปลืองคันอื่นอีกหลายคัน แต่นั่นยังเป็นประเด็นรอง
เมื่อเทียบกับความปลอดภัยบนท้องถนน ทั้งของผู้ที่ขับ Eco Car เอง และผู้ร่วมใช้รถใช้ถนนครับ
อย่าง Brio มีไฟ Eco ให้เนี่ย ลองนึกภาพทุกคนที่ขับ Brio ในกทม. เล่นกับไฟ ECO สิครับ
พอไฟเขียวปั๊บ เวลาออกตัวก็ค่อยค่อยเลียคันเร่ง เพื่อให้ไฟ ECO ขึ้นให้นานทีสุด
พอกดเยอะไปไฟดับ ก็ยกคันเร่ง ถ้าทุกคนทำแบบนี้แล้วการจราจรที่ติดขัดมากอยู่แล้วใน กทม.
มันจะเป็นอย่างไรครับ คลานต้วมเตี้ยมกันออกจากไฟแดง คันหลังจะเป็นยังไงก็ช่างมันไปสิเหรอ
หรืออีกตัวอย่าง ถ้าขับอยู่บนบนไฮเวย์ วิ่งตามกันมาดีดี กำลังเร่งความเร็วกันขึ้นไป
รถ Eco Car ก็ยกคันเร่งให้ไฟมันขึ้นเอาดื้อดื้อ ความเร็วลดลงมา ไอ้คันหลังที่เค้ากำลังเร่งกันขึ้นมา
ไม่ชนกันวินาศสันตะโรเหรอครับ เพราะอยู่ดีดีก็ชะลอในจังหวะที่ไม่มีอะไรให้น่าชะลอ
คันอื่นเค้าไม่รู้กับคุณด้วยว่า ไฟ Eco มันติดหรือมันดับอยู่
ไม่ได้ว่าอะไรใครนะครับ แต่ขอเสนอแนะให้เป็นข้อคิดว่าการเล่นกับไฟ Eco มันสมควรหรือไม่
ถ้าคุณขับอยู่คนเดียวบนถนน จะทำยังไงก็ทำเถอะครับ
-
อูย โดนใจเม้นคุณเนย
ผมคิดมานานแล้ว ว่ากรุงเทพรถติด ปัจจัยหลักไม่ใช่เพราะรถเยอะ
ผมคิดว่า พวกขับตามใจฉัน + ซิกแซกปาดนู้น แทรกนี่ สองพวกนี้แหละครับ ปัจจัยหลักรถติดใน กทม.
คิดว่าทุกคนคงเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ครับ
ขับมาในถนน 3 เลน ตอนแรกก็โล่งดีอยู่ แต่แล้ว เฮ้ย ! ข้างหน้าเกิดอะไรขึ้นหว่า ติดหนึบกระจุยกระจาย รถพยายามแทรกเบียดกันใหญ่
สงสัยหนีรถชนหรือเปล่า ?
พอขับไปถึงข้างหน้าก็ถึงเข้าใจ หน้าว่างฉลุยทุกเลน แต่คันหน้าเลนกลางขับช้ามาก พวกเหยียบมาก็เบรกกันตัวโก่ง บางคันก็หักเลี้ยวเบียดเข้าไปในเลนข้างๆ แล้วก็เหมือนเป็นลูกโซ่ ข้างๆ ก็เบรกกันตามไป เอาซะติดมันไปทั้งถนน พอพ้นมาได้ก็โล่งยาว เคยนั่งคิดทำความเข้าใจแล้ว แต่ผมทำได้เพียงถอนหายใจ แล้วปลงว่า เฮ้อ ประหยัดเขา ปลอดภัยเขา = =''
-
คุณเนยครับ
ผมเองเดียวนี้เลิกเปิดระบบ Real time ไปแล้วก็เพราะแบบนี้แหละครับ
อันตรายจริงๆ มีคนในคลับเกือบชนเพราะดูหน้าปัดนี่แหละครับ
ผมเองก็ขับไปตามจังหวะ ถ้าผมขับช้าผมก็วิ่งเลนกลางหรือซ้าย ในเมืองก็ 50-80 นอกเมืองก็ 100-120 ครับ
March นี่ผมเองก็รู้ว่าทางชันๆ บางครั้งกำลังเครื่องไม่พอ
เช่นเวลาขึ้นทางจอดรถหรือทางต่าง(เปลี่ยนจากซอยเป็นถนน)ระดับสูงและชันมาก
ผมก็จะสับ L ขึ้น จริงๆ กด D ก็ไปได้แต่ L นี่กำลังรอบต่ำๆ จะดีกว่ามากครับ
เวลาแซงผมไม่ค่อยจะแซงใคร ถ้าไม่จำเป็นและถนนไม่โล่ง ผมเลยไม่ค่อยมีปัญหาเพราะผมรู้ว่ารถ
เรากำลังเครื่อง 79 แรงม้า มากกว่า K-car turbo 15 ตัว การแซงกระชั้นชิด ไม่ควรทำในรถแบบนี้ลักษณะนี้ครับ
ถ้าจะแซงก็ไม่เคยกดปุ่ม Sport เลย แค่ kick down ก็พอแล้ว
-
เอ่อ ความเห็นผมข้างต้น
ไม่ได้ว่าอะไรคุณ SilverG นะครับ
ถ้าแรงไปขออภัยครับ
-
เอ่อ ความเห็นผมข้างต้น
ไม่ได้ว่าอะไรคุณ SilverG นะครับ
ถ้าแรงไปขออภัยครับ
ผมดูการเขียนไม่ได้ว่าอยู่แล้วครับ แต่ว่าผมอยากอธิบายการขับนะครับ
เห็นด้วยที่คุณเนยรู้ตัวว่าเหมาะกับรถแบบไหน และไม่เลือก CVT หรือ Eco car แต่เลือกในสิ่งที่ตรเองเป็นและใช้เกียร์ MT หรืออโต้แบบเดิม
สิ่งที่น่ากลัวในตอนนี้ คือ คนที่ขับ Eco car กันแบบบ้าเลือด โดยไม่ได้ไปปรับปรุงอะไรเลย
ผมว่าน่ากลัวมาก เพราะช่วงล่าง เน้นที่ march ไม่เหมาะกับการขับเปลี่ยนเลนไปมา มันวูววาบง่ายกว่าคันเก่าผม
แต่นิ่งในทางตรงแม้ขับเร็ว(แปลกดี)
ผมอยากให้คนที่ซื้อ Eco car คิดก่อนว่าตนเองขับรถแบบไหน ไม่ได้เน้นว่ามันถูก แล้วเอาไปขับกันแบบซ้ายขวาๆ
โดยไม่ทำอะไรกับรถเลย ถ้าขับแบบอันตราย แถมเกียร์ CVT จะกลับบ้านเก่าเร็วขึ้นครับ ;)
-
แต่ผมไม่อยากให้คนซื้อ ECO Car มาขับเพื่อจงใจให้เป็น ECO Car
ผมอยากให้ทุกท่านขับตามปกติ ตามจังหวะการจราจร ยกเว้นว่าถนนโล่งบนทางหลวงระหว่างเมือง
แล้วคุณจะใช้ความเร็ว 80-100 กม./ชม. ก็ว่าไป เพราะการพยายามขับให้ประหยัดนั้น
ตัวคุณเองอาจจะประหยัด แต่ถ้ามันทำให้คนอื่นเสียจังหวะไปทั้งหมด หรือขับเกะกะขวางทาง
แบบนี้ก็คงไม่ดีต่อการจราจรในภาพรวมล่ะครับ แล้วการที่รถคันอื่นเค้าวิ่งกันมา 120-140
พอมาเจอรถ Eco Car ขับขวางอยู่ก็เบรกกันตัวโก่ง แล้วก็หาทางแซงเร่งขึ้นไปใหม่
ภาพรวมแล้ว ประหยัดคันเดียวแต่เปลืองคันอื่นอีกหลายคัน แต่นั่นยังเป็นประเด็นรอง
เมื่อเทียบกับความปลอดภัยบนท้องถนน ทั้งของผู้ที่ขับ Eco Car เอง และผู้ร่วมใช้รถใช้ถนนครับ
อย่าง Brio มีไฟ Eco ให้เนี่ย ลองนึกภาพทุกคนที่ขับ Brio ในกทม. เล่นกับไฟ ECO สิครับ
พอไฟเขียวปั๊บ เวลาออกตัวก็ค่อยค่อยเลียคันเร่ง เพื่อให้ไฟ ECO ขึ้นให้นานทีสุด
พอกดเยอะไปไฟดับ ก็ยกคันเร่ง ถ้าทุกคนทำแบบนี้แล้วการจราจรที่ติดขัดมากอยู่แล้วใน กทม.
มันจะเป็นอย่างไรครับ คลานต้วมเตี้ยมกันออกจากไฟแดง คันหลังจะเป็นยังไงก็ช่างมันไปสิเหรอ
หรืออีกตัวอย่าง ถ้าขับอยู่บนบนไฮเวย์ วิ่งตามกันมาดีดี กำลังเร่งความเร็วกันขึ้นไป
รถ Eco Car ก็ยกคันเร่งให้ไฟมันขึ้นเอาดื้อดื้อ ความเร็วลดลงมา ไอ้คันหลังที่เค้ากำลังเร่งกันขึ้นมา
ไม่ชนกันวินาศสันตะโรเหรอครับ เพราะอยู่ดีดีก็ชะลอในจังหวะที่ไม่มีอะไรให้น่าชะลอ
คันอื่นเค้าไม่รู้กับคุณด้วยว่า ไฟ Eco มันติดหรือมันดับอยู่
ไม่ได้ว่าอะไรใครนะครับ แต่ขอเสนอแนะให้เป็นข้อคิดว่าการเล่นกับไฟ Eco มันสมควรหรือไม่
ถ้าคุณขับอยู่คนเดียวบนถนน จะทำยังไงก็ทำเถอะครับ
เห็นด้วยครับ
ผมเจอมาหลายคันแล้ว ที่มีพฤติกรรมแบบนี้
โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ขับรถตระกูล HYBRID ทั้งหลาย ควรจะคิดถึงจุดนี้ด้วย