Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: KanaGata ที่ ธันวาคม 28, 2009, 14:08:58
-
คือผมมาเรียนที่ญี่ปุ่นได้เกือบ 4 ปี แล้วครับ
ต้นปีหน้านี้มีกำหนดจะกลับไทยครับ
ผมจำได้ว่า ตอนผมมาญี่ปุ่นใหม่ เบนซิน 91 ที่เมืองไทย ลิตรละ 16-17 บาท ส่วนที่ญี่ปุ่น เรคิวล่า ประมาณ 130 เยน (ค่าเงินตอนนั้น 100 เยน = 35 บาท)
ยังแอบคิดอยู่ว่า ค่าครองชีพที่ญี่ปุ่นแพงจริงๆ ขนาดน้ำมันยังแพงกว่าบ้านเรา
หลังจากนั้น 1 ปี อเมริกา โจมตีอิรัก ทำให้ราคาน้ำมันเริ่มสูงขึ้น จนถึง 100 ดอลล่าห์ ต่อบาเรล จนทำให้ราคาน้ำมันทั่วโลกปรับราคาสูงขึ้น
ซึ่งราคาน้ำมันที่ญี่ปุ่นก็ปรับราคาสูงขึ้น (ขอยกตัวอย่างเฉพาะ น้ำมัน เรคิวล่า เทียบเท่าเบนซิน 91 บ้านเรา แต่จริงๆ ค่าออกเทนสูงกว่า)
จากลิตรละ 120 เยน ก็ปรับขึ้น เป็น 130 150 จนถึง 180 เยน
แต่ตั้งแต่ ปลายปีที่แล้ว น้ำมันก็เริ่มปรับราคาลงมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันนี้ ราคาเท่ากับเมื่อ 4 ปีก่อน
พูดง่ายๆ ก็คือ ราคากลับมาสู่สภาวะปกติ ตามราคาที่มันควรจะเป็น
วันนี้ผมเพิ่งเห็นราคาน้ำมันที่เมืองไทยครับ เห็นราคาน้ำมันเบนซิน 91 ลิตรละ เกือบ 35 บาท ราคาขึ้นมาเท่าตัวเลย
ซึ่งราคาน้ำมันเกือบจะเท่ากับราคาที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว
ซึ่งคนญี่ปุ่นทำงานพาร์ทไทม์ ชั่วโมงเดียว สามารถมีเงินเติมน้ำมันได้ 6 ลิตร
แต่คนไทยทำงานค่าแรงขั้นต่ำ ชั่วโมงหนึ่ง ยังเติมน้ำมันเบนซิน 91 ได้ไม่ถึงลิตร เลย
ไม่รู้ว่าราคาน้ำมันที่เมืองไทยเราแพง หรือค่าแรงขั้นต่ำเราถูกกันแน่
กราฟราคาน้ำมัน ไฮออกเทน 98 ในรอบ 15 ปี ของญี่ปุ่นครับ
(http://www.d3.dion.ne.jp/~furuk_tm/gti_data/Image2.gif)
ส่วนราคาน้ำมัน เรคิวล่า รอบ 10 ปี ดูที่วิกิพีเดียนี้ก็ได้ครับ
http://ja.wikipedia.org/wiki/%E3%82%AC%E3%82%BD%E3%83%AA%E3%83%B3
-
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรันทดคับ ประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นคงเอามาเที่ยบกันไม่ได้หรอกคับ คุณภาพชีวิตมันต่างกันเยอะ
จบป.ตรี เงินเดือนเริ่มต้นหมื่นนึง จะไปพอใช้อะไร ข้าวของก็ขึ้นราคา ของบางอย่างตั้งราคาแพงอย่างไร้เหตุผลก็ไม่มีใครมาคอยควบคุมราคาอะไรสักอย่าง ทุกอย่างอยู่ด้วยการมีผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน
น้ำมันก็แพง(คิดแล้วเซ็งปตท.) คมนาคมก็ไม่สะดวก รถไฟฟ้าไม่ถึงก็ต้องขับรถ ไม่ก็นั่งรถเมล์ไร้มาตรฐานเสี่ยงตายเอา
ว่างๆลองไปดูหอศิลป์กรุงเทพตรงข้าม MBK ดูนะคับ
เข้าประตูไปที่กำแพงด้านขวาจะมีงานรูปเส้นทางเดินรถไฟฟ้า ชื่อบริษัท "ถ้าเมืองไทยไม่มีคอรัปชั่น" สวยงามมากคับ
-
ปตท. พลังไทยเพื่อใคร ก่อนแปรรูปพลังไทยเพื่อไทย
หลังแปรรูป พลังไทยเพื่อใคร
-
สมัยรัฐบาลปี2548-2549น้ำมันไม่แพงเลยพอมาปีนี้แพงมาก แถมขึ้นราคาโทลล์เวย์ด้วย เซ็งจริงๆ :-[
-
เด็กทารก
เวลาหิว ก็ร้อง รอผู้ใหญ่มาป้อนอาหารเข้าปาก
แยกแยะไม่เป็นหรอกว่า อาหารที่เข้าปากนั้นน่ะ เป็นอาหารที่มีโปรตีน มีวิตามิน เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
หรือเป็นอาหารที่มียาพิษ ให้กินเพื่อตายผ่อนส่ง
ฉันใดก็ฉันนั้น
ถ้าไม่ว่าอ่านอะไรผ่านตา แล้ว recheck ไม่เป็น หาข้อมูลมาหักล้างไม่ได้ซักอย่าง
ได้แต่เชื่อตามๆ เค้าไป
ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กทารก ที่ผมเอ่ยถึงข้างบนนั้น
-
เด็กทารก
เวลาหิว ก็ร้อง รอผู้ใหญ่มาป้อนอาหารเข้าปาก
แยกแยะไม่เป็นหรอกว่า อาหารที่เข้าปากนั้นน่ะ เป็นอาหารที่มีโปรตีน มีวิตามิน เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
หรือเป็นอาหารที่มียาพิษ ให้กินเพื่อตายผ่อนส่ง
ฉันใดก็ฉันนั้น
ถ้าไม่ว่าอ่านอะไรผ่านตา แล้ว recheck ไม่เป็น หาข้อมูลมาหักล้างไม่ได้ซักอย่าง
ได้แต่เชื่อตามๆ เค้าไป
ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กทารก ที่ผมเอ่ยถึงข้างบนนั้น
ขออภัยครับ ผมไม่เข้าใจความหมายที่ต้องการจะสื่อนะครับ
เหมือนกำลังจะบอกให้พวกเรา รู้จักหาข้อมูล อ่านให้เยอะๆ และคิดให้มากๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเชื่ออะไรหรือเปล่าครับ?
-
เด็กทารก
เวลาหิว ก็ร้อง รอผู้ใหญ่มาป้อนอาหารเข้าปาก
แยกแยะไม่เป็นหรอกว่า อาหารที่เข้าปากนั้นน่ะ เป็นอาหารที่มีโปรตีน มีวิตามิน เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
หรือเป็นอาหารที่มียาพิษ ให้กินเพื่อตายผ่อนส่ง
ฉันใดก็ฉันนั้น
ถ้าไม่ว่าอ่านอะไรผ่านตา แล้ว recheck ไม่เป็น หาข้อมูลมาหักล้างไม่ได้ซักอย่าง
ได้แต่เชื่อตามๆ เค้าไป
ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กทารก ที่ผมเอ่ยถึงข้างบนนั้น
:o :o :o :o :o :o ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี เพราะผมไม่เข้าใจความหมายนี้
และก็ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ด้วย
-
ไม่เข้าใจเหมือนกัน สงสัยเราเป็นเด็กทารกจริงๆ อ่ะแหล่ะครับ
จริง น้ำมันบ้านเราไม่ใช่เป็นราคาเนื้อน้ำมันเท่านั้นครับ มีพวกภาษีอีกเยอะแยะ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีโรงเรือน กองทุนน้ำมัน กองทุนอนุรักษ์พลังงาน และค่าการตลาด พวกนี้รวมๆ กันแล้วก็เกือบๆ ครึ่งของราคาขายปลีกเลยล่ะครับ ซึ่งอัตราเก็บจะมีประกาศในเว็บกระทรวงพลังงานครับ ตอนนี้หาไม่เจอ ถ้าเจอเดี๋ยวจะเอามาโพสต์ให้ดูว่าน้ำมันแต่ละชนิด เก็บในอัตราเท่าไหร่กันบ้างครับ
-
ขออภัยครับ ผมไม่เข้าใจความหมายที่ต้องการจะสื่อนะครับ
เหมือนกำลังจะบอกให้พวกเรา รู้จักหาข้อมูล อ่านให้เยอะๆ และคิดให้มากๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเชื่ออะไรหรือเปล่าครับ?
เป๊ะเลยครับ
ข้อความนั้น อาจจะแรงไปนิด แต่ผมว่ามันกระตุกเตือนใจได้ดีครับ
ผมไม่ได้เป็นคนคิดเองหรอก ไปอ่านมาจากที่ไหนสักแห่งนี่แหละ
-
ขออภัยครับ ผมไม่เข้าใจความหมายที่ต้องการจะสื่อนะครับ
เหมือนกำลังจะบอกให้พวกเรา รู้จักหาข้อมูล อ่านให้เยอะๆ และคิดให้มากๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเชื่ออะไรหรือเปล่าครับ?
เป๊ะเลยครับ
ข้อความนั้น อาจจะแรงไปนิด แต่ผมว่ามันกระตุกเตือนใจได้ดีครับ
ผมไม่ได้เป็นคนคิดเองหรอก ไปอ่านมาจากที่ไหนสักแห่งนี่แหละ
รู้จักหาข้อมูล อ่านให้เยอะๆ และคิดให้มากๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเชื่ออะไร
แค่นั้นแหละ
ทั้งกระทุ้มีพี่คนเดียว ที่มองในมุมนี้ คนอื่นไปแนวทางเดียวกันหมด เหมือนกับว่า
ได้แต่เชื่อตามๆ เค้าไป
ผมรู้ครับพี่ ว่าพี่ต้องการพูดอะไร
-
ดีนะครับ ที่ข้อความนั้น คุณ P_Wut ไม่ได้คิดเอง
เพราะผมเคยคุยกับคนที่ชอบพูดแนวนี้มาบ้างครับ
ฟังครั้งแรก รู้สึกได้เลยครับ ว่าคนประเภทนี้ อีโก้แรง ยึดความคิดตัวเองเป็นที่ตั้ง
ซึ่งเค้าอาจจะรู้จริง หรือไม่จริง ก็ได้ เราก็ไม่ได้รู้ดีไปกว่าตัวเขา ผมก็ได้แต่รับฟังครับ แล้วก็คิดตามที่เขาพูดว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร
แล้วก็ลองแอบแกล้งโง่ดูด้วยครับ อยากรู้ว่า เขารู้อะไรจริงหรือเปล่า เขาถึงได้พูดแบบนั้นออกมา
เพราะวัตถุประสงค์ของการพูดคุยหรือสนทนา คือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
หากไม่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน.. ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด จะไม่มีทางรู้ตัวเลยครับว่า สิ่งที่ตัวเองคิดอยู่นั้น ถูกหรือผิด
หรืออาจจะไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถูกหรือผิด ก็ได้
ผมเพิ่งสมัครสมาชิกเข้ามาเล่นเว็บนี้ ก็หวังว่าจะเห็นสังคมของการแบ่งปัน มากกว่าการพูดจาเหน็บแนมหรือดูถูกกัน
ผมเชื่อว่ามีหลายๆ คนที่เข้ามาอ่าน ซึ่งเขาอาจจะคิดต่างจากที่เราคิด แต่เขาก็รับฟัง มากกว่าจะเขียนตอบโต้
ส่วนคนที่อยากจะเขียน ก็คือคนที่อยากนำเสนอข้อมูลด้านต่างๆ มาช่วยพิจารณาไตร่ตรองกัน
เรามาสร้างสังคมของการแบ่งปันแบบนี้ไม่ดีกว่าหรอครับ?
-
เหน็บกันไป เหน็บกันมา >:(
-
ใจร่มๆกันนะคับ
ผมก็อยากทุกๆคนแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่ออะไรก็แล้วแต่
ถ้าใครมีอะไรติ ค้าน ผิดพลาดตรงไหนก็ว่ากันไป
แต่ผมก็ไม่อยากจะออกความเห็นอะไรแล้วล่ะ กลัวจะโดนว่าว่าเป็นเบบี๋ที่พริ้วไหวไปตามกระแสลม
แล้วยังไงถึงเรียกว่าไม่ใช่เบบี๋คับ พูดมาลอยๆเหนือเมฆแบบนี้ ไม่มีที่มาที่ไป ก็เลยงงๆอ่ะคับ
-
ขอบคุณ คุณ i-din สำหรับ ตารางแสดงรายการการกำหนดราคาน้ำมันในปัจจุบัน ที่นำเสนอมาให้นะครับ
ตอนแรกผมเห็นตารางนี้แล้ว ผมก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมรัฐบาล หรือ ปตท. กำหนดตัวเลขมาราคานี้
แต่ด้วยความสงสัยตัวแปรในแต่ละช่อง ว่ามันคือค่าอะไรกันบ้าง ทำไมมันบวกเพิ่มเข้าไปเยอะขนาดนั้น
ผมจึงได้ลองค้นหาข้อมูลย้อนหลังดู เพื่ออยากจะรู้ว่าทำไมญี่ปุ่นราคาน้ำมันกลับไปเท่ากับ เมื่อ 4 ปีก่อนได้
แต่ทำไมเมืองไทย ราคากลับเพิ่มขึ้นกว่า 4 ปี ก่อนเป็นเท่าตัว
ผมเลือกพิจารณาน้ำมันเบนซิน 91 เพียงตัวเดียวก่อนนะครับ
และสังเกตคเห็นตัวแปรหนึ่งที่บวกราคาเข้าไปนั่นก็คือ เงินชดเชยเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่จ่ายอยู่ที่ราคา 6.2 บาท/ลิตร
ผมจะย้อนข้อมูลให้ดูกันนะครับ หากใครคิดว่าผมคิดส่วนใดผิดพลาดประการใด ท้วงติงได้ครับ ผมรับฟังความคิดเห็นทุกท่านครับ
-
เรามาย้อนดูราคาน้ำมันเมื่อ 4 ปี ที่แล้วกันครับ ที่ผมบอกว่าจำได้ว่าราคาน้ำมันเบนซิน 91 ราคาอยู่ที่ 16-17 บาท ต่อลิตร
http://www.eppo.go.th/petro/pricestoday-2547.html
จากตารางราคาน้ำมันเมื่อตอนนั้น จะเห็นว่า รัฐตรึงราคาน้ำมันต่ำกว่าราคาขายจริง อยู่ ประมาณลิตรละ 2 บาท
และได้ยกเลิกการตรึงราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และ 91 ตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. 47 เป็นต้นไป ทำให้ราคาปรับมาอยู่ที่ประมาณ 20-21 บาท/ลิตร
ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 47 มีเงินไหลเข้ากองทุนฯ ตอนนั้น สะสม เบนซิน 95 = 220.26 ล้านบาท เบนซิน 91 = 255.29 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 475.54 ล้านบาท
โดยมีอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน 91 ตอนนั้นอยู่ที่ 0.5 บาท/ลิตร
ที่มา http://www.eppo.go.th/petro/oilfund.html
-
เมื่อเทียบกับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื่อเพลิงเบนซิน 91 ตอนนี้ อยู่ที่ 6.2 บาท/ลิตร
ทำให้ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2552 มีเงินสดในบัญชี 30,389 ล้านบาท มี
หนี้สินกองทุน 9,711 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระเงินชดเชย 9,443 ล้านบาท และงบบริหารและ
โครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 267 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันสุทธิ 20,678 ล้านบาท
http://www.eppo.go.th/petro/report/price-2552-12-07-13.pdf
-
จะเห็นได้ว่าปัจจุบัน รัฐบาล จากที่เคยจ่ายเงินชดเชยเพื่อตรึงราคาให้ประชาชน กลายมาเป็นประชาชนต้องมาจ่ายเงินเพื่อให้รัฐบาลมีเงินสำรองมากขึ้น
นี่คือ ดอกแรก ที่ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น
ดอกที่สอง จากเงินกองทุนน้ำมันที่จัดเก็บได้ 30,389 ล้านบาท แต่ต้องเอาไปชำระหนี้ค้าง 9,443 ล้านบาท
ผมจะตามไปดูหนี้ตัวนี้ต่อครับ ว่าจ่ายค่าอะไรไป ตั้ง 9,443 ล้านบาท
-
เติม เบนซิล 95 อยู่ลิตรละ 40.84 บาท
อยากจะบ้าตาย
-
จากไฟล์เดียวกัน http://www.eppo.go.th/petro/report/price-2552-12-07-13.pdf ในหน้าสุดท้าย
มีตารางสรุปไว้ ผมขอคัดมาในส่วนของรายการหนี้สินที่นำไปชำระคือ
หนี้สินกองทุน
- หนี้ค้างชำระเงินชดเชย* 9,443
หนี้เงินชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิง (ม.ค. 47 ? ก.ค. 48) -33
หนี้ชดเชยก๊าซ LPG (ค่าขนส่งก๊าซในประเทศ) -372
หนี้ชดเชยก๊าซ LPG กรณีนำเข้าจากต่างประเทศ ปี 2551 (ปตท.) -4,656
หนี้ชดเชยก๊าซ LPG กรณีนำเข้าจากต่างประเทศ ปี 2552 (ปตท.) -2,845
หนี้เงินชดเชยน้ำมันดีเซล, B5 และแก๊สโซฮอล 91 -2,211
หนี้เงินชดเชยการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานยูโร 4 -266
หนี้เงินชดเชยอื่นๆ -61
น่าเสียดายนะครับที่เมืองไทยมี ปตท. เจ้าเดียวที่สามารถนำเข้าก๊าซและปิโตรเลียมจากต่างประเทศได้
ผมเชื่อว่าถ้าสามารถให้มีบริษัทเอกชนอื่นสามารถนำเข้าและเอามาขายให้รัฐได้ หนี้ชดเชยอาจจะจ่ายน้อยกว่านี้แน่นอน
สรุปเราต้องช่วยกันจ่ายหนี้ให้ ปตท. 9,443 ล้านบาท โดยที่ปตท. อ้างอิงราคาตามตลาดสิงคโปร์
-
เอาน่าครับ อย่างน้อยเมืองไทยเงิน 50 บาทยังกินข้าวอิ่มได้ ส่วนที่ญี่ปุ่นมื้อนึง 500 บาท ถึงจะพอกินข้าวอิ่ม ไม่มีประเทศไหนในโลกนี้มันได้ทุกอย่างหรอกครับ
-
มันก็เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ ว่าทำไมน้ำมันบ้านเรา ต้องอิงตลาดสิงคโปร์ เพราะ ปตท บอกว่า สิงค์โปร์กลั่นน้ำมันได้ถูกที่สุดในภูมิภาคนี้ เลยต้องอิงราคาเค้า เราก็มีน้ำมันส่งออกไปขายที่สิงค์โปร์ ก็ขายราคาที่สิงค์โปร์ แต่ราคาน้ำมันในบ้านเรา กลั่นในบ้านเรา ดันเป็นราคาสิงคโปร์ + ค่าขนส่ง เห็นอะไรแปลกๆ ปล่าวอ่ะครับ ส่งไปขายเค้า มีค่าขนส่งจากไทยไปสิงคโปร์ รวมเป็นราคาสิงคโปร์ แสดงว่าต้องกกลั่นได้ต่ำกว่าเค้า แต่ขายในบ้านเราดันบวกค่าขนส่งจากเค้ามาเราด้วย คำถามคือมันมาจากไหนเนี้ยะ
ทำไมปตท เราถึงเทียบไม่ได้กับปิโตรนาส ที่เป็o new seven sister ของวงการน้ำมันยุคใหม่ไปแล้วนะ
-
เอาน่าครับ อย่างน้อยเมืองไทยเงิน 50 บาทยังกินข้าวอิ่มได้ ส่วนที่ญี่ปุ่นมื้อนึง 500 บาท ถึงจะพอกินข้าวอิ่ม ไม่มีประเทศไหนในโลกนี้มันได้ทุกอย่างหรอกครับ
คุณ Arado_kung ครับ เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า ค่าครองชีพที่ญี่ปุ่นแพงกว่าที่ไทย เหมือนกับที่คุณคิดนี่ล่ะครับ
แต่เดี๋ยวผมจะคิดอะไรให้คุณดูนะครับ แล้วคุณลองพิจารณาดูใหม่ว่า ตกลงไทยหรือญี่ปุ่น ค่าครองชีพแพงกว่ากัน
ไทย
รายได้ค่าแรงขั้นต่ำปัจจุบัน วันละ 233 บาท ต่อวัน / 8 ชม. เฉลี่ยแล้วรายได้ 29 บาท/ชม. หรือ เดือนละ 6900 บาท (ทำงาน 30 วัน)
ญี่ปุ่น
รายได้ค่าแรงขั้นต่ำ ชม. ละ 800 เยน/ชม. หรือประมาณ 280 บาท/ ชม. (100เยน=35บาท) หรือ เดือนละ 153600 เยน / 53760 บาท
ไทย
รายจ่าย ค่าข้าวแกงจานละ 30 บาท เท่ากับ ทำงาน 1 ชม. ซื้อข้าวแกงกินได้ 1 จาน
ค่าน้ำมันลิตรละ 34 บาท ต้องทำงานมากกว่า 1 ชม. ถึงจะมีเงินเติมน้ำมันได้
รถราคา 5 แสนบาท ต้องทำงาน 3 ปี โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ถึงจะออกรถป้ายแดงได้
ญี่ปุ่น
รายจ่าย ค่าราเมง หรือ ค่าชุดเบนโต๊ะสารอาหารครบ จานละ 800 เยน เท่ากับ ทำงาน 1 ชม. ซื้อข้าวกินได้ 1 จาน เช่นกัน
ค่าน้ำมันลิตร 130 เยน ทำงานชม. เดียว สามารถเติมน้ำมันได้ 6 ลิตร
รถราคา 5 แสนบาท ทำงาน 10 เดือน โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ก็ออกรถป้ายแดงได้
เห็นหรือยังครับว่า เมืองไทยค่าครองชีพแพงกว่าญี่ปุ่นมากๆ หากเทียบอัตรารายรับต่อรายจ่ายในแต่ละประเทศ
-
คุณ P_Wut ครับ
ขอไม่แสดงความเห็นในเรื่องราคาน้ำมัน
แต่ในฐานะของ เจ้าของเว็บ อยากจะขอชี้แจง สักครั้งหนึ่งครับ
ผมเปิดเว็บบอร์ดนี้ขึ้นมา ให้เป็นสถานที่สำหรับใครก็ตามที่เบื่อสังคมประชดประชัน ห้ำหั่นด่าทอกันอย่างในพันทิบ
มาใช้เป็นพื้นที่ แลกเปลี่ยนคามคิดเห็นกัน ในแบบที่ เป็น "สังคมแห่งันแบ่งปัน สังคมแห่งการร่วมกันเรียนรู้"
ดังนั้น ผมอยากจะบอกคุณว่า
ไม่ว่าคุณจะมีความคิดเห็นอย่างไร ไม่เห็นด้วยอย่างไร
มาคุยกันดีๆครับ
ไม่ผิด ที่คุณจะเห็นต่างไปจากคนอื่น เห็นต่างจากผม หรือเห็นเหมือนกันอะไรก็ตาม
ไม่ใช่มาใช้ถ้อยคำในลักษณะนี้แบบนี้ กับเว็บแห่งนี้
ได้โปรด และขอร้องครับ
ไม่มีใครอยากจะต้องมานั่งอ่านข้อความที่ออกมาจากวิธีการคิดลบๆ
ออกมาสร้างบรรยากาศของบอร์ดให้มัน "ลบๆ" ไปหมดกันหรอกครับ
ที่นี่ Headlightmag.com ไม่ใช่ Pantip ถ้าคุณรู้ อะไร มาแชร์ กัน
ทุกคน ที่นี่ พร้อมจะคุยกับคุณ ดีๆ อยากแชร์กับคุณดีๆครับ
_____________________________
ส่วนน้อง แทน
บางเรื่อง ที่ไม่รู้ ลองติดตามอ่านไปเฉยๆดูก่อนก็ได้ครับ
อย่ารีบร้อนแสดงความคิดเห็นโดยไม่จำเป็น
อย่าให้คนอื่นเขาคิดว่า น้องเป็นคนไม่มีความคิดของตัวเองครับ
ถ้ายังไม่รู้อะไรแตกฉาน อ่านไปเฉยๆ ไปก่อน
สงสัยตรงไหน ถาม อย่าอยู่เฉย
คนจะรู้เยอะขึ้นได้ โดย อ่านให้มากขึ้น ถามให้มากขึ้น
แต่ไม่ใช่ด้วยการขยันแสดงความคิดเห็น เพื่อสร้างการมีตัวตนในบอร์ดครับ
-
สำหรับ ประเด็นที่ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพราะเกิดความสงสัยว่า ทำไมญี่ปุ่นราคาน้ำมันไม่ได้ปรับสูงขึ้น เมื่อเทียบกับ 4 ปีที่แล้ว
แต่ทำไมประเทศไทยราคาถึงได้ปรับขึ้นมาสูงมากเพียงนี้
อย่างที่ผมได้ตั้งข้อสังเกตเฉพาะตัวแปร กองทุนน้ำมัน ที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ เพียงตัวเดียวเท่านั้น
แค่ตัวนี้ตัวเดียว ผมเชื่อว่า รัฐบาลจะลดราคาน้ำมันลงมาอีกลิตรละ 3 บาท ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร (นอกเสียจากรัฐบาลจะถังแตกมาเอาเงินส่วนนี้ไปใช้บริหารอย่างอื่น)
แต่ถ้าหากรัฐบาลไม่ได้นำเงินส่วนนี้ไปใช้ ผมอยากให้รัฐบาลนำเงินกองทุนน้ำมันสุทธิ 20,678 ล้านบาท ตอนนี้
ไปลงทุนสร้างรถไฟฟ้า ขยายเส้นทางให้มากกว่านี้
คนต่างจังหวัดอาจจะรู้สึกว่าเสียเปรียบ ที่ต้องมาช่วยจ่ายเงินกองทุนน้ำมันแต่กลับนำเงินมาลงทุนสร้างรถไฟฟ้าเฉพาะในกรุงเทพ
แต่ถ้าหากคิดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันต่อระยะขจัดแล้ว กรุงเทพนี่แหละที่ใช้น้ำมันเปลืองที่สุด มันก็เหมาะสมแล้วที่ต้องนำเงินมาลงทุนที่กรุงเทพก่อน
อีกทั้งหากเราสามารถขยายเส้นทางรถไฟฟ้าทั่วกรุงเทพได้แล้ว เราก็สามารถขยายเส้นทางเชื่อมต่อไปยังต่างจังหวัดได้อีก
ยิ่งคิด...ผมล่ะยิ่งเสียดายจริงๆ
-
เอาน่าครับ อย่างน้อยเมืองไทยเงิน 50 บาทยังกินข้าวอิ่มได้ ส่วนที่ญี่ปุ่นมื้อนึง 500 บาท ถึงจะพอกินข้าวอิ่ม ไม่มีประเทศไหนในโลกนี้มันได้ทุกอย่างหรอกครับ
คุณ Arado_kung ครับ เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า ค่าครองชีพที่ญี่ปุ่นแพงกว่าที่ไทย เหมือนกับที่คุณคิดนี่ล่ะครับ
แต่เดี๋ยวผมจะคิดอะไรให้คุณดูนะครับ แล้วคุณลองพิจารณาดูใหม่ว่า ตกลงไทยหรือญี่ปุ่น ค่าครองชีพแพงกว่ากัน
ไทย
รายได้ค่าแรงขั้นต่ำปัจจุบัน วันละ 233 บาท ต่อวัน / 8 ชม. เฉลี่ยแล้วรายได้ 29 บาท/ชม. หรือ เดือนละ 6900 บาท (ทำงาน 30 วัน)
ญี่ปุ่น
รายได้ค่าแรงขั้นต่ำ ชม. ละ 800 เยน/ชม. หรือประมาณ 280 บาท/ ชม. (100เยน=35บาท) หรือ เดือนละ 153600 เยน / 53760 บาท
ไทย
รายจ่าย ค่าข้าวแกงจานละ 30 บาท เท่ากับ ทำงาน 1 ชม. ซื้อข้าวแกงกินได้ 1 จาน
ค่าน้ำมันลิตรละ 34 บาท ต้องทำงานมากกว่า 1 ชม. ถึงจะมีเงินเติมน้ำมันได้
รถราคา 5 แสนบาท ต้องทำงาน 3 ปี โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ถึงจะออกรถป้ายแดงได้
ญี่ปุ่น
รายจ่าย ค่าราเมง หรือ ค่าชุดเบนโต๊ะสารอาหารครบ จานละ 800 เยน เท่ากับ ทำงาน 1 ชม. ซื้อข้าวกินได้ 1 จาน เช่นกัน
ค่าน้ำมันลิตร 130 เยน ทำงานชม. เดียว สามารถเติมน้ำมันได้ 6 ลิตร
รถราคา 5 แสนบาท ทำงาน 10 เดือน โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ก็ออกรถป้ายแดงได้
เห็นหรือยังครับว่า เมืองไทยค่าครองชีพแพงกว่าญี่ปุ่นมากๆ หากเทียบอัตรารายรับต่อรายจ่ายในแต่ละประเทศ
เอาน่าครับ อย่างน้อยเมืองไทยเงิน 50 บาทยังกินข้าวอิ่มได้ ส่วนที่ญี่ปุ่นมื้อนึง 500 บาท ถึงจะพอกินข้าวอิ่ม ไม่มีประเทศไหนในโลกนี้มันได้ทุกอย่างหรอกครับ
คุณ Arado_kung ครับ เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า ค่าครองชีพที่ญี่ปุ่นแพงกว่าที่ไทย เหมือนกับที่คุณคิดนี่ล่ะครับ
แต่เดี๋ยวผมจะคิดอะไรให้คุณดูนะครับ แล้วคุณลองพิจารณาดูใหม่ว่า ตกลงไทยหรือญี่ปุ่น ค่าครองชีพแพงกว่ากัน
ไทย
รายได้ค่าแรงขั้นต่ำปัจจุบัน วันละ 233 บาท ต่อวัน / 8 ชม. เฉลี่ยแล้วรายได้ 29 บาท/ชม. หรือ เดือนละ 6900 บาท (ทำงาน 30 วัน)
ญี่ปุ่น
รายได้ค่าแรงขั้นต่ำ ชม. ละ 800 เยน/ชม. หรือประมาณ 280 บาท/ ชม. (100เยน=35บาท) หรือ เดือนละ 153600 เยน / 53760 บาท
ไทย
รายจ่าย ค่าข้าวแกงจานละ 30 บาท เท่ากับ ทำงาน 1 ชม. ซื้อข้าวแกงกินได้ 1 จาน
ค่าน้ำมันลิตรละ 34 บาท ต้องทำงานมากกว่า 1 ชม. ถึงจะมีเงินเติมน้ำมันได้
รถราคา 5 แสนบาท ต้องทำงาน 3 ปี โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ถึงจะออกรถป้ายแดงได้
ญี่ปุ่น
รายจ่าย ค่าราเมง หรือ ค่าชุดเบนโต๊ะสารอาหารครบ จานละ 800 เยน เท่ากับ ทำงาน 1 ชม. ซื้อข้าวกินได้ 1 จาน เช่นกัน
ค่าน้ำมันลิตร 130 เยน ทำงานชม. เดียว สามารถเติมน้ำมันได้ 6 ลิตร
รถราคา 5 แสนบาท ทำงาน 10 เดือน โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ก็ออกรถป้ายแดงได้
เห็นหรือยังครับว่า เมืองไทยค่าครองชีพแพงกว่าญี่ปุ่นมากๆ หากเทียบอัตรารายรับต่อรายจ่ายในแต่ละประเทศ
รวมอย่างอื่นเข้าไปแล้วผมว่ายังไงมันก็แพงกว่าบ้านเราล่ะครับ
- ค่าเช่าบ้าน อย่างอพาทเมนท์ในโตเกียวอย่างน้อยก็เดือนละ 20,000 บาทเข้าไปแล้ว แถมห้องเล็กนิดเดียวอย่างกับแมวดิ้นตาย นอนกัน2คนเนี่ยแทบจะไม่มีที่ดิ้นเลยล่ะ บ้านเราในกรุงเทพเดือนละ 3,000 บาทพอหาได้อยู่ นอน 2 คนได้แบบสบายๆ ประหยัดสุดๆอัด4คนกันได้แบบเบียดๆ
- ค่ารถเมล์ เริ่มต้น 180 เยน (เมื่อ2ปีก่อนล่าสุดที่ผมไปมานะครับ) ประมาณ 60 บาทไทย เมืองไทยเริ่มต้น 12 บาท(รถยูโรสีส้มกับรถแอร์เหลืองของเอกชน) แพงสุด 24 บาท ญี่ปุ่นแพงสุดผมไม่รู้เท่าไหร่เหมือนกัน เคยขึ้นมากสุดราวๆ 280 เยน แต่ยังไม่สุดสายเลย
- ค่าแท็กซี่ เมื่อ2ปีก่อนเริ่มที่ 610 เยน ประมาณสองร้อยบาทต้นๆ แต่ตอนนี้ได้ข่าวมาว่าขึ้นไปเป็น 700 กว่าเยนแล้ว เมืองไทยเริ่มต้น 35 บาท
ผมลองคำนวณดูแล้วเงินเดือนขั้นต่ำของญี่ปุ่นมันก็คล้ายๆกับของไทยน่ะแหละคือไม่ค่อยจะพอกินทั้งคู่เลย แต่ญี่ปุ่นนี่ดีอย่างนึงคืองานพาร์ทไทม์หาง่ายมากๆเลย ขยันๆหน่อยก็รับจ็อปหลายๆที่ ถ้าเทียบกับบ้านเรานะ ตามร้านชาวบ้านทั่วๆไปก็มีรับสำหรับญี่ปุ่น ส่วนเมืองไทยมีเฉพาะพวกบริษัทเท่านั้นแหละถึงจะรับงานพาร์ทไทม์
-
ส่วนน้อง แทน
บางเรื่อง ที่ไม่รู้ ลองติดตามอ่านไปเฉยๆดูก่อนก็ได้ครับ
อย่ารีบร้อนแสดงความคิดเห็นโดยไม่จำเป็น
อย่าให้คนอื่นเขาคิดว่า น้องเป็นคนไม่มีความคิดของตัวเองครับ
ถ้ายังไม่รู้อะไรแตกฉาน อ่านไปเฉยๆ ไปก่อน
สงสัยตรงไหน ถาม อย่าอยู่เฉย
คนจะรู้เยอะขึ้นได้ โดย อ่านให้มากขึ้น ถามให้มากขึ้น
แต่ไม่ใช่ด้วยการขยันแสดงความคิดเห็น เพื่อสร้างการมีตัวตนในบอร์ดครับ
ขอบคุณมากครับ พี่ืี่ ที่เตือนผม
-
ก็น่าจะเอาภาษีที่เราๆจ่ายกันไปไปทำอะไรที่มันเห็นแจ้งชัดจริงนะครับไม่ใช่หายไปเลย
-
เข้ามาอีกทีข้อมูลแน่นปึ๊กเลยแฮะ
ผมว่าสิ่งที่ญี่ปุ่นมีมาก แต่เมืองไทยไม่ค่อยจะมี คือความปลอดภัยในชีวิตคับ
-
จากไฟล์เดียวกัน http://www.eppo.go.th/petro/report/price-2552-12-07-13.pdf ในหน้าสุดท้าย
มีตารางสรุปไว้ ผมขอคัดมาในส่วนของรายการหนี้สินที่นำไปชำระคือ
หนี้สินกองทุน
- หนี้ค้างชำระเงินชดเชย* 9,443
หนี้เงินชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิง (ม.ค. 47 ? ก.ค. 48) -33
หนี้ชดเชยก๊าซ LPG (ค่าขนส่งก๊าซในประเทศ) -372
หนี้ชดเชยก๊าซ LPG กรณีนำเข้าจากต่างประเทศ ปี 2551 (ปตท.) -4,656
หนี้ชดเชยก๊าซ LPG กรณีนำเข้าจากต่างประเทศ ปี 2552 (ปตท.) -2,845
หนี้เงินชดเชยน้ำมันดีเซล, B5 และแก๊สโซฮอล 91 -2,211
หนี้เงินชดเชยการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานยูโร 4 -266
หนี้เงินชดเชยอื่นๆ -61
น่าเสียดายนะครับที่เมืองไทยมี ปตท. เจ้าเดียวที่สามารถนำเข้าก๊าซและปิโตรเลียมจากต่างประเทศได้
ผมเชื่อว่าถ้าสามารถให้มีบริษัทเอกชนอื่นสามารถนำเข้าและเอามาขายให้รัฐได้ หนี้ชดเชยอาจจะจ่ายน้อยกว่านี้แน่นอน
สรุปเราต้องช่วยกันจ่ายหนี้ให้ ปตท. 9,443 ล้านบาท โดยที่ปตท. อ้างอิงราคาตามตลาดสิงคโปร์
คุยกันด้วยเหตุผลนะครับ
ผมเองเมื่อก่อนก็คิดด่าแต่ ปตท เหมือนกัน แต่ช่วงหลังๆ เริ่มคิดออกว่า หลักๆ มันมาจากรัฐบาลเรานี่เองที่เป็นตัวปัญหา มันคือปัญหาระดับชาติ ครับ ไม่ใช่ระดับบริษัท
และหนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นมานั่นก็เกิดมาจาก ความไร้ความ จริงจัง จริงใจ มั่นคง และแน่นอน ของนโยบาย พลังงานของประเทศสารขัณ
ซึ่งมันก็เป็นปัญหาที่ต่อเนื่องกันมาจาก การไร้เสถียรภาพทางการเมืองของประเทศ เปลี่ยนรัฐบาลไปๆ มาๆ เปลี่ยนตัว คนกินหัวโต๊ะ ไปๆมา คนนี้ จะเอาอย่างนั้น คนนั้นจะเอาอย่างนี้ ปัญหามันเลยไม่รู้จักจบสิ้น
อย่างตัวหนาข้างต้นที่ผมทำไว้ บางท่านอาจจะไม่ทราบหรือไม่ทันได้ตามข่าว หนี้ของ ปตท.ที่รัฐต้องเข้าไปอุ้มนั้น เป็นส่วนหนึ่ง ของ นโยบายประชานิยมของรัฐบาลหลายยุคหลายสมัย ที่ไม่ต้องการจะมีเรื่องกับ taxi
เนื่องจากในรอบปีที่ผ่านมาช่วงที่ราคาน้ำมันไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง 40 กว่าบาท ตั้งแต่ปี 48-49 นั้น คนไทยได้ใช้ก๊าซ LPG กันมากขึ้นอย่างไม่ทันได้คาดคิดหรือวางแผนมาก่อน จึงทำให้ ปตท. ผลิตก๊าซ LPG ไม่ทัน เนื่องจาก ก๊าซก่อนที่จะเอามาใช้นั้น ก็ต้องผ่านโรงแยกก๊าซก่อน ซึ่งมันก็มีกำลังจำกัด และไม่ได้ เพิ่มกำลังการผลิตกันง่ายๆ ปตท.จึงต้องนำเข้าก๊าซอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และราคาที่ซื้อมา จึงต้องเป็นราคาที่จ่ายจริง ไม่ใช่ราคาที่สมมติขึ้น ( ไปด่าเค้าว่า ขุดในประเทศแต่ ใช้อ้างราคาสิงคโปร์ไม่ได้ครับ ในกรณีนี้) เพราะเค้าซื้อมาจริงๆ
โรงแยกก๊าซ ในแต่ละปี ก็ต้องมีการหยุด maintenance และวงจรของธุรกิจพวกนี้ ไม่ได้ทำให้เกิด โรงแยกก๊าซขึ้นมาง่ายๆ แบบ demand ขึ้นปีนี้ ชั้นขออีก 1-2 โรงแยกเพิ่มปีหน้าเลย โลกมนุษย์น่ะครับ ไม่ใช่ ละคร เพราะฉะนั้น การที่ ความต้องการมันสูงขึ้นแบบคาดกันไม่ได้แบบนี้ ของขาดตลาดมันจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้...
ครานั้น ปตท. จึงเสนอรัฐบาล ให้ขยับราคา LPG ขึ้น ( เฉพาะภาคขนส่ง) เพิ่อจะได้ลดปริมาณการใช้ LPG ลง และสนับสนุนใ้้ห้คนใช้ CNG มากขึ้น เพราะยังมีเหลือให้ใช้มากกว่า และสามารถหาได้จากอ่าวไทยเหมือนกัน แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ คนยังไม่นิยม CNG และการเปลี่ยนไปใช้ก๊าซ CNG มีต้นทุนที่สูงกว่า ระยะทางที่วิ่งได้ก็น้อยกว่า และปั๊มที่รองรับก็น้อยกว่า LPG อย่างมีนัยยะสำัคัญ.................มันจึงเกิดปัญหาขึ้น :P
ขณะนั้นพอมีข่าวออกไป พี่แท๊กซี่ก็เริ่มออกมาเดินขบวนประท้วง บอกว่า ถ้าขึ้นราคา LPG จะหยุดวิ่ง จะขึ้นค่าโดยสาร จะยกขบวนไปล้อม ปตท. บลาๆๆๆๆๆ :-[
ประชาชนที่ไปติด LPG มาแล้วก็โวยวาย ว๊ากๆๆๆๆ โดยที่ไม่ได้คิดถึงความเป็นจริงซะบ้าง
สรุป ก็คือ รัฐบาล ไม่กล้าขัดใจ แท็กซี่และประชาชนที่รัก บอกให้ตรึงราคาก๊าซ LPG ทุกชนิด ตั้งแต่ลุงหมักยังเป็นนายกเลยกระมัง จนกระทั่งเป็นมะเร็งตาย ปัจจุบันรัฐบาลก็ยังอุ้มค่าก๊าซ LPG อยู่ โดยสัญญากับปตท. ว่าให้ ปตท. แบกรับภาระต้นทุนค่าก๊าซส่วนที่ผลิตไม่ทัน ที่ต้องนำเข้ามาจาก ตปท. ซึ่งราคาแพง
ปตท. จึงต้อง credit ในงบดุลเป็นค่าลบ เพราะว่าเป็นรายจ่ายส่วนเกินที่ต้องไปรับภาระมา แล้วส่วนนี้จะเอาเงินที่ไหนมาชดใช้ ปตท. ทราบมั้ยครับ...
ทราบมั้ย....
......มันก็มาจาก เงินที่เก็บเพิ่มแบบบานตะไท ของน้ำมันเบนซิล 95 และ (น่าจะ) 91 ที่บอกว่าเอาไปเข้ากองทวยน้ำมันนี่แหละครับ ที่จะเอาไปชดเชย LPG ส่วนเกินระคา แก๊สโซฮอลล์ E85,E20 และ E10 ด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ
เพราะถือว่า ข้าจะสนับสนุนพลังงานทดแทน โดยการดึงเงินจากพลังงานเก่ามาชดเชย พลังงานใหม่ (แม้พลังงานใหม่จะมีราคาแพงกว่าในหลายๆระยะเวลาก็ตาม :P :P :P)
ตามความเข้าใจที่ผมหาข้อมูลมา2-3 ปีนี้ สรุปว่า.....
ทราบไหมครับ ท่านๆที่ใช้ เบนซิล 95,91 ท่านกำลังจ่ายตังเผื่อคนใช้แก๊ส LPG และ taxi ที่ใช้แก๊สหุงต้มอยู่ ก่อนเติมน้ำมัน เรียนกรุณาอนุโมทะนาให้คนเหล่านั้นขณะที่ท่านเติมน้ำมัน ด้วยนะครับ
ปล.รวมทั้งคุณจิมมีด้วยสิเนอะ 8)
-
เข้ามาอีกทีข้อมูลแน่นปึ๊กเลยแฮะ
ผมว่าสิ่งที่ญี่ปุ่นมีมาก แต่เมืองไทยไม่ค่อยจะมี คือความปลอดภัยในชีวิตคับ
ญี่ปุ่นก็มีแก๊งโจรผู้ร้ายเยอะไม่ใช่หรือครับ
เห็นในหนังกับการ์ตูนนะ
-
เรื่องของราคาน้ำมันนี่เคยมคนตั้งกระทู้มาหลายครั้งแล้ว ความจริงใครๆก็อยากใช้น้ำมันราคาถูกอย่างที่ จขกท ว่ามา
แต่....
แต่....
การที่ จขกท ไปเปรียบกับญี่ปุ่นนั้นก็ถูกเพียงครึ่งเดียว ทุกคนทราบดีว่า แขกขายน้ำมันราคา USD และที่ญี่ปุ่นนั้น เงินเยนมีแต่แข็งค่าขึ้น ดังนั้น ในแง่ราคาน้ำมันดิบแล้ว ราคาอาจถูกกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำเมื่อเทียบเป็นเงินเยน
ส่วนที่ไทยนั้นราคาเงินบาทเมื่อเทียบกับ USD ก็ประมาณราคาเดิมๆแกว่งไม่มากเมื่อเทียบกับสี่ปีก่อน และที่สำคัญในตอนนั้นรัฐบาลหาเสียงจึงตรึงราคาน้ำมันไว้ยอมขายขาดทุนจนมีข่าวว่าพ่อค้าบางรายส่งน้ำมันไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน แล้วตอนจบคนใช้น้ำมันเองนั้นแหละที่จ่ายเงินชดเชยตอนนั้นคืน เพราะเราต้องซื้อน้ำมันแพงเกินจริงกันอยู่เป็นปีในตอนที่ราคาน้ำมันลดลงแล้ว
แถมต่อมารัฐบาลขึ้นภาษีอีก จำไม่ได้ว่าแล้วในที่สุดขึ้นสำเร็จไหมเพราะมีการโหวตในสภาสูงอีก
อย่างไรก็ตาม จขกท น่าจะทราบไว้ด้วยว่า ในช่วงที่น้ำมันราคาสูงๆนั้น ประเทศไทยเคยขาดดุลการค้าเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี ทั้งๆที่เราเป็นประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้ามาตลอด สาเหตุอย่างเดียวเลยก็คือว่าเราจ่ายค่าซื้อน้ำมันดิบสูงมาก
และถ้าเทียบอัตราการบริโภคน้ำมันต่อหัวประชากรเมื่อเทียบกับผลผลิตมวลรวมประชาชาติ ไทยเราบริโภคน้ำมันในปริมาณที่มากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว เราขายข้าวที่ชาวนาไทยหลังขดหลังแข็งป,กทั้งปี ยังไม่พอใช้ซื้อน้ำมันเข้าประเทศเพื่อบริโภคในหนึ่งเดือนเลย
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าราคาน้ำมันถูกกว่านี้ และรถยนต์ราคาเท่าญี่ปุ่น คำตอบที่ชัดเจนคือ เราล้มละลาย
คุณเทียบราคารถยนต์ญี่ปุ่นว่าถูกกว่าไทย ขอถามหน่อยว่า ถ้าญี่ปุ่นขายรถยนต์ได้เหนึ่งคัน ญี่ปุ่นต้องเสียเงินตราต่างประเทศไปเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับไทยว่าถ้าเราขายรถยนต์ในประเทศได้หนึ่งคันเราจะเสียเงินตราต่างประเทศไปเท่าไหร่ คำตอบก็เห็นๆนะครับว่านอกจากภาษีที่รัฐเก็บแล้ว เงินที่คงอยู่ในประเทศไทยก็คือค่าขันน็อตของคนงานไทย นอกนั้นส่งกลับญี่ปุ่นหมด แม้แต่ภาษีกำไรจากการประกอบการก็ยังไม่ต้องเสียให้รัฐ ดังนั้น ถ้าเมืองไทยยิ่งขายรถยนต์ที่ประกอบในเมืองไทยได้มากขึ้น ประเทศก็จะยิ่งเสียเปรียบดุลชำระเงิน เพราะบริษัมรถยนต์ก็ยิ่งส่งกำไรกลับประเทศมากขึ้น
ดังนั้น รัฐจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเก็บภาษีรถให้สูงเพื่อควบคุมให้ทุกฝ่ายอยู่ได้ คือบริษัทรถยนต์ก็มีความสุขที่ทำการค้ามีกำไร อยากมาลงทุน ในขณะที่เศรษฐกิจประเทศก็อยู่ได้
และที่คุณเทียบค่าครองชีพระหว่างญี่ปุ่นกับไทยแค่สินค้าสามอย่างก็ไม่แฟร์ เพราะในญี่ปุ่นนั้นค่าไฟฟ้าและค่าแก๊สก็แพงมาก ค่าทางด่วนก้แพงมาก แต่แน่นอนครับว่าคนญี่ปุ่นมีความเป็นอยู่ดีกว่าคนไทยในระดับเดียวกัน และถ้าเราอยากให้คนไทยมีความเป็นอยู่ในระดับเดียวกับญี่ปุ่นนั้นก็มีทางเดียวครับ คือ
เราต้องช่วยกันสร้างประเทศ
อย่างที่ มรว คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยเขียนไว้ว่า เราอยากให้สังคมเป็นอย่างไรเราก็ต้องช่วยกันสร้างให้สังคมเป็นอย่างนั้น
การเปรียบเทียบจะมีประโยชน์ถ้าเราใช้การเปรียบเทียบนั้นเป็น Benchmark เพื่อร่วมมือร่วมใจพัฒนาประเทศไปให้ถึงจุดนั้น แต่เท่าที่เห็นมา พอเราเปรียบเทียบแล้วก็มักจะทำในลักษณะที่สุภาษิตไทยว่าไว้ว่า เห็นช้างขี้ ก็ขี้ตามช้าง คือทำตามเขาไปหมดโดยที่เรายังไม่พร้อมหรือไม่สามารถทำได้ ที่เห็นชัดๆเลยก็เช่นเรื่องของ อบต ก็ไปลอกของต่างชาติมา พอเห็นเขามี local government มี town coucil เราก็บอกว่าเราต้องมีบ้าง ให้อำนาจไปเยอะแยะแต่ตอนจบหน่วยงานเหล่านั้นไม่มีความสามารถจะทำได้ หลายๆครั้ง เราไปสลับระหว่าง เหตุ และ ผล หรือสนใจแค่ ผล เช่น ถ้าเศรษฐกิจของประเทศดี เวลาที่ Moody มาตรวจก็จะให้เกรดเราดี ก็เคยได้ยินได้อ่านมาว่า พอเขาจะมาตรวจ ก็มีการสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปกว๊านซื้อผักชีมาแทบหมดตลาด และพอแหกตาฝรั่งได้ก็เอามาคุยว่าเศรษฐิจเราดี หรือเราเอาข้อมูลที่ UN ศึกษามาแล้วพบว่าประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีอัตราส่วนระหว่างจำนวนโทรศัพท์กับประชากรสูง เราก็สรุปว่าเราต้องมีโทรศัพท์เยอะๆเพื่อประเทศจะได้พัฒนาเหมือนเขา โดยไม่มองว่า สาเหตุที่เขามีสูงเพราะเศรษฐกิจเขาพัฒนาแล้วจึงมีความจำเป็นต้องมีขนาดนั้นเพื่อรองรับขนาดเศรษฐกิจของเขา อันหลังนี่ผมเจอกับตัวเองเลย ก็อึ้งไปในเวลานั้น
ผมเคยโพสต์ในที่นี้แล้วว่า ผมเห็นด้วยที่จะทำให้ราคาน้ำมันแพง แต่ราคาที่แพงขึ้นนี้ เงินต้องตกเป็นของรัฐเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ ไม่ใช่ไปตกอยู่กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่จริงแล้วรัฐมีกฎหมายครอบจักรวาลที่จะบังคับให้ราคาหน้าโรงกลั่นถูกลงแต่ทุกคนก็ไม่ยอมทำ เพราะแต่ละคนก็มีหุ้นใน ปตท ทั้งนั้น ในเวลานี้ ถ้าสิงคโปร์จะทำให้ไทยล่มจมก็ง่ายนิดเดียว คือเก็บภาษีน้ำมันที่ออกจากโรงกลั่นในราคาแพงเพื่อให้ราคาหน้าโรงกลั่นสูง จากนั้นก็ให้ Rebate คืนแก่บริษัทน้ำมัน ง่ายๆแค่นั้น ปตท โดยความร่วมมือจากข้าราชการไทยและนักการเมืองก็จะรีบขึ้นราคาน้ำมันในประเทศเพื่อถล่มเศรษฐกิจไทยทันที
ที่ว่ามานี้ก้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่อยากเขียนอะไรมากเพราะจะกลายเป็นเรื่องเศรษฐกิจหรือการเมืองไป แต่สำหรับผม ผมคิดว่า ถ้าต้นทุนน้ำมันลิตรละสิบบาทแล้วขายปลีกสามสิบบาท หากส่วนต่างที่เยอะแยะนี้เป็นของรัฐ โดยที่พ่อค้ามีกำไรบ้างพอควร แล้วรัฐนำเงินมาพัฒนาประเทศ ผมก็ถือว่าสมควรแก่เหตุ ถ้ารัฐไม่หาเงินรายได้จากภาษี รัฐจะไปหาเงินจากทางไหนล่ะครับ เพราะรัฐไม่ควรมาค้าขายแข่งกับประชาชน แต่ถ้าราคาสินค้าที่แพงเกิดจากการที่รัฐปล่อยให้พ่อค้าเรียกราคาตามใจชอบ อันนี้ไม่เห็นด้วยเด็ดขาด
-
เข้ามาอีกทีข้อมูลแน่นปึ๊กเลยแฮะ
ผมว่าสิ่งที่ญี่ปุ่นมีมาก แต่เมืองไทยไม่ค่อยจะมี คือความปลอดภัยในชีวิตคับ
ญี่ปุ่นก็มีแก๊งโจรผู้ร้ายเยอะไม่ใช่หรือครับ
เห็นในหนังกับการ์ตูนนะ
พวกมาเฟีย ไม่รู้คนญี่ปุ่นเขากลัวกันรึป่าวนะคับ
แต่จากที่ผมเคยไปเที่ยวกับที่พี่ผมได้ไปญี่ปุ่นบ่อยๆ เมืองเขาปลอดภัยมากเลยคับ ชีวิตมีคุณภาพสุดๆ
ข้าวของอาจแพงหน่อย แต่แลกมากับคุณภาพที่สุดยอดในทุกๆอย่าง กินข้าวกินน้ำไม่ต้องกลัวเจอไข่แมลงวันไข่กะจั๊ว
ผู้คนซื่อสัตย์มาก ไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่มีโกง ไม่มีขโมย อาจจะมีแต่ก็น้อยมาก วางอะไรไว้ยังไงก็อยู่อย่างงั้น ไม่เชื่อถาม จขกท ดูสิคับ อิอิ
ลองมาเดินข้างถนนบ้านเราจะโดนวิ่งราว หรือเจอเด็กเทคโนยิง มีอันเป็นไปได้ตลอดเวลา :-X
-
อ่านมา ก็เป็นจริงอย่างที่คุณ Quadrifoglio Verde ว่าไว้ (ชื่อเรียกยากจัง) แล้วก็คุณ Can อีกคน ส่วนที่ว่าเงินกองทุนน้ำมันไปอุ้ม LPG จากการที่ติดตามข้อมูลมา ก็จริงอ่ะครับ ถ้าดูหน้าแรก จะเห็นรุปที่ผมโพสต์เอาไว้ น้ำมันบางตัวมีค่ากองทุนน้ำมันติดลบ ก็คืออย่างที่คุณ Quadrifoglio Verde ว่าไว้ คือเอามาจากเบนซิน 95 เป็นหลักเลย ตัวอื่นๆ ก็นิดๆ หน่อยๆ เอาไปอุ้ม LPG แล้วก็พวกแก๊สโซฮอลด้วยนิดหน่อย จะเห็นว่าติดลบไม่มาก เนื่องจากต้นทุนเอธานอลก็มาแพงเหมือนกัน ผสมแล้วเผลอๆ ราคาแพงกว่าน้ำมันเบนซินธรรมดาซะอีก เลยต้องอุ้มไว้ด้วย
-
ความเห็นต่างไม่ใช่สิ่งผิดปกติครับ เถียงกันก็ได้ เพราะมนุษย์มีความต่างเป็นธรรมชาติในแต่ละปัจเจก แต่ถ้าเถียงก็เถียงกันสุภาพๆ ตรงๆ ยกข้อมูลมาและ
แจ้งคนที่เราต้องการเถียงด้วยตรงๆเป็นการดีที่สุดครับ แต่ถ้าการเหน็บแนมหรือเสียงสีผมว่ามันรั้งแต่จะก่อปัญหาตามมา ไม่ต่างอะไรกับการด่าตรงๆเท่าไหร่ครับ
-
อ่านมา ก็เป็นจริงอย่างที่คุณ Quadrifoglio Verde ว่าไว้ (ชื่อเรียกยากจัง) แล้วก็คุณ Can อีกคน ส่วนที่ว่าเงินกองทุนน้ำมันไปอุ้ม LPG จากการที่ติดตามข้อมูลมา ก็จริงอ่ะครับ ถ้าดูหน้าแรก จะเห็นรุปที่ผมโพสต์เอาไว้ น้ำมันบางตัวมีค่ากองทุนน้ำมันติดลบ ก็คืออย่างที่คุณ Quadrifoglio Verde ว่าไว้ คือเอามาจากเบนซิน 95 เป็นหลักเลย ตัวอื่นๆ ก็นิดๆ หน่อยๆ เอาไปอุ้ม LPG แล้วก็พวกแก๊สโซฮอลด้วยนิดหน่อย จะเห็นว่าติดลบไม่มาก เนื่องจากต้นทุนเอธานอลก็มาแพงเหมือนกัน ผสมแล้วเผลอๆ ราคาแพงกว่าน้ำมันเบนซินธรรมดาซะอีก เลยต้องอุ้มไว้ด้วย
เอธานอลตอนนี้แพงกว่าครับ
โซฮอล์ราคาหน้าโรงกลั่นก็แพงกว่าครับ
-
เรียนทุกท่าน
เรื่องแบ่งปัน ผมแบ่งเสมอ ไม่งั้นผมจะมานั่งตอบกระทู้ทำไม แค่อ่านเก็บความรู้/ข้อมูลกลับออกไปอย่างเดียว ก็ทำได้
ไม่เสียเวลามานั่งเรียบเรียงคำตอบ มานั่งพิมพ์ด้วยซ้ำ
ที่ผมพูดเรื่อง เด็กทารก ผมหมายความตามนั้นทุกอย่าง ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรแอบแฝง
ผมอยากให้ทุกคนย้อนกลับไปตั้งแต่ ตอนยังไม่มีอะไรในหัวเลยแม้แต่อย่างเดียว
ข้อมูลเหล่านั้น มันเข้าสมองคุณทางไหนบ้าง ? ใช่ บางอย่างคุณเห็นด้วยตาตัวเอง เช่น ราคาน้ำมันหน้าปั๊ม
แต่บางอย่าง มันมาตาม forward mail ที่ไม่รู้ว่า ใครเขียน ส่งต่อๆ กันมา
ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละว่า ถ้าคุณอ่านอะไรก็ตาม แล้วเชื่อไป โดยที่ไม่เคยฉุกคิดว่า
- เอ๊ะ ใครเป็นคนเขียน
- เขียนโดยมีจุดประสงค์อะไร
- คนเขียน มีความรู้ในเรื่องที่เขียนนั้นๆ แค่ไหน
- เราจะรู้ได้ไงว่า เรื่องนั้นๆ มีความจริงอยู่กี่ % มีความเท็จอยู่กี่ % ถ้าเป็นความจริงทั้งหมด มันเป็นความจริงเพียงแค่บางส่วน ที่ถูกหยิบยกมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง หรือเปล่า ?
ฯลฯ
ผมถึงบอกไงครับว่า เรื่องไหนก็ตาม อ่านแล้ว recheck ไม่เป็น หาข้อมูลมุมอื่นๆ มาเปรียบเทียบไม่ได้
แล้วก็ปักใจเชื่อไปเลย ก็...เป็นเหมือนเด็กทารกนั่นเอง
ส่วนเรื่อง ปตท. ผมบอกตรงๆ ว่า ตอนนี้หมดไฟแล้วครับ ก่อนหน้าผม ก็เคยมีคนก่อนๆ หน้า ผมก็เหมือนแค่รับช่วงต่อมาหรือไงก็ไม่รู้
แต่ตอนนี้ ถ้าจะหาคนมาตอบ ก็คงต้องรอรุ่นต่อไปล่ะครับ หรือไม่ก็ไปหากระทู้เก่าๆ ในเว็บต้องห้ามนั้น ไปอ่านเอาเองก็แล้วกัน
-
เรียนทุกท่าน
เรื่องแบ่งปัน ผมแบ่งเสมอ ไม่งั้นผมจะมานั่งตอบกระทู้ทำไม แค่อ่านเก็บความรู้/ข้อมูลกลับออกไปอย่างเดียว ก็ทำได้
ไม่เสียเวลามานั่งเรียบเรียงคำตอบ มานั่งพิมพ์ด้วยซ้ำ
ที่ผมพูดเรื่อง เด็กทารก ผมหมายความตามนั้นทุกอย่าง ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรแอบแฝง
ผมอยากให้ทุกคนย้อนกลับไปตั้งแต่ ตอนยังไม่มีอะไรในหัวเลยแม้แต่อย่างเดียว
ข้อมูลเหล่านั้น มันเข้าสมองคุณทางไหนบ้าง ? ใช่ บางอย่างคุณเห็นด้วยตาตัวเอง เช่น ราคาน้ำมันหน้าปั๊ม
แต่บางอย่าง มันมาตาม forward mail ที่ไม่รู้ว่า ใครเขียน ส่งต่อๆ กันมา
ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละว่า ถ้าคุณอ่านอะไรก็ตาม แล้วเชื่อไป โดยที่ไม่เคยฉุกคิดว่า
- เอ๊ะ ใครเป็นคนเขียน
- เขียนโดยมีจุดประสงค์อะไร
- คนเขียน มีความรู้ในเรื่องที่เขียนนั้นๆ แค่ไหน
- เราจะรู้ได้ไงว่า เรื่องนั้นๆ มีความจริงอยู่กี่ % มีความเท็จอยู่กี่ % ถ้าเป็นความจริงทั้งหมด มันเป็นความจริงเพียงแค่บางส่วน ที่ถูกหยิบยกมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง หรือเปล่า ?
ฯลฯ
ผมถึงบอกไงครับว่า เรื่องไหนก็ตาม อ่านแล้ว recheck ไม่เป็น หาข้อมูลมุมอื่นๆ มาเปรียบเทียบไม่ได้
แล้วก็ปักใจเชื่อไปเลย ก็...เป็นเหมือนเด็กทารกนั่นเอง
ส่วนเรื่อง ปตท. ผมบอกตรงๆ ว่า ตอนนี้หมดไฟแล้วครับ ก่อนหน้าผม ก็เคยมีคนก่อนๆ หน้า ผมก็เหมือนแค่รับช่วงต่อมาหรือไงก็ไม่รู้
แต่ตอนนี้ ถ้าจะหาคนมาตอบ ก็คงต้องรอรุ่นต่อไปล่ะครับ หรือไม่ก็ไปหากระทู้เก่าๆ ในเว็บต้องห้ามนั้น ไปอ่านเอาเองก็แล้วกัน
เหมือกันครับ ผมก็หมดไฟที่จะตอบเหมือนกัน
ถ้าเล่นตั้งธงกันก่อนเรียบร้อย
มันไม่มีทางได้ใช้ความคิดกันหรอกครับ
ต่อไปนี้ ผมขอแค่เรามาคุยด้วยข้อมูล ดีกว่าครับ เราไม่ใช่เว็บนั้น จะได้ พวกมากลากไป
และคนที่ไม่รุ้อะไรเลย หรือเชื่อ โดยอ่านจากไหนมาก็ไม่รู้ แล้วเชื่อเลย
ขอเถิดครับ เปลี่ยนแปลงเสียเถิด ลองทำใจว่างๆ รับแล้วเปรียบเทียบ ท่านจะเข้าใจอะไรๆได้เอง
แต่ถ้ามาด่า อย่างเดียว เสนอผู้ดูแล ลบเลยดีกว่าครับ
มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก
-
เรียนทุกท่าน
เรื่องแบ่งปัน ผมแบ่งเสมอ ไม่งั้นผมจะมานั่งตอบกระทู้ทำไม แค่อ่านเก็บความรู้/ข้อมูลกลับออกไปอย่างเดียว ก็ทำได้
ไม่เสียเวลามานั่งเรียบเรียงคำตอบ มานั่งพิมพ์ด้วยซ้ำ
ที่ผมพูดเรื่อง เด็กทารก ผมหมายความตามนั้นทุกอย่าง ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรแอบแฝง
ผมอยากให้ทุกคนย้อนกลับไปตั้งแต่ ตอนยังไม่มีอะไรในหัวเลยแม้แต่อย่างเดียว
ข้อมูลเหล่านั้น มันเข้าสมองคุณทางไหนบ้าง ? ใช่ บางอย่างคุณเห็นด้วยตาตัวเอง เช่น ราคาน้ำมันหน้าปั๊ม
แต่บางอย่าง มันมาตาม forward mail ที่ไม่รู้ว่า ใครเขียน ส่งต่อๆ กันมา
ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละว่า ถ้าคุณอ่านอะไรก็ตาม แล้วเชื่อไป โดยที่ไม่เคยฉุกคิดว่า
- เอ๊ะ ใครเป็นคนเขียน
- เขียนโดยมีจุดประสงค์อะไร
- คนเขียน มีความรู้ในเรื่องที่เขียนนั้นๆ แค่ไหน
- เราจะรู้ได้ไงว่า เรื่องนั้นๆ มีความจริงอยู่กี่ % มีความเท็จอยู่กี่ % ถ้าเป็นความจริงทั้งหมด มันเป็นความจริงเพียงแค่บางส่วน ที่ถูกหยิบยกมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง หรือเปล่า ?
ฯลฯ
ผมถึงบอกไงครับว่า เรื่องไหนก็ตาม อ่านแล้ว recheck ไม่เป็น หาข้อมูลมุมอื่นๆ มาเปรียบเทียบไม่ได้
แล้วก็ปักใจเชื่อไปเลย ก็...เป็นเหมือนเด็กทารกนั่นเอง
ส่วนเรื่อง ปตท. ผมบอกตรงๆ ว่า ตอนนี้หมดไฟแล้วครับ ก่อนหน้าผม ก็เคยมีคนก่อนๆ หน้า ผมก็เหมือนแค่รับช่วงต่อมาหรือไงก็ไม่รู้
แต่ตอนนี้ ถ้าจะหาคนมาตอบ ก็คงต้องรอรุ่นต่อไปล่ะครับ หรือไม่ก็ไปหากระทู้เก่าๆ ในเว็บต้องห้ามนั้น ไปอ่านเอาเองก็แล้วกัน
ถ้าคุณ P_Wut จะคิดแบบนี้ ผมรู้สึกเสียดายความรู้และความสามารถในเรื่องนี้ของคุณมากๆ เลยนะครับ
ที่ผมเข้ามาคุยในเว็บนี้เพราะอยากจะแบ่งปันความคิด แต่คุณกลับแนะนำให้ย้อนกลับไปอ่านในกระทู้เก่า หรือเว็บไซท์ต้องห้ามอะไรนั่น
คุณจะรู้ หรือไม่รู้ หรือจะคิดว่าคนอื่นรู้ หรือไม่รู้ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเหน็บแนมกันนี่ครับ
และการแสดงความคิดเห็นในเชิงเหน็บแนมแบบคุณนี่ คนญี่ปุ่นเขาไม่ค่อยทำกันนะครับ วัฒนธรรมเขาค่อนข้างแคร์ความรู้สึกของคนอื่นเป็นอันดับแรกนะครับ
ผมอ่านแล้วไม่อยากเขียนอะไรต่อเลยครับ ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ และผมก็ไม่อยากจะมี Bias กับใครด้วย
ผมก็เคยอ่านผลงานของคุณตามเว็บนี้ และห้องรัชดา มาพอสมควร ผมยังยอมรับในความคิดเห็นดีๆ ของคุณในหลายๆ เรื่อง
แต่พอผมเริ่มออกมาแสดงตัวเพื่ออยากพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ้าง คุณก็ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก
คุณจะระแวง หรือ ระวังผมได้ มันเป็นสิทธิ์ของคุณ แต่ได้โปรดอย่ารังแก หรือดูถูกความคิดคนอื่นขนาดนี้
ถามว่าข้อมูลที่ผมโพสไว้ตั้งแต่ความคิดเห็นแรก คุณเคยเห็นที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า? แล้วคุณจับประเด็นการตั้งกระทู้ของผมดีหรือยัง?
การที่ผมต้องเขียนชี้แจงแบบนี้ เพราะผมจำเป็นต้องปกป้องสิทธิของผม หากความคิดเห็นของผมไม่ได้ไปล่วงล้ำ หรือล่วงเกินสิทธิใครก่อน
และมันก็อาจจะดูเป็นการไม่เป็นธรรม หากผมไม่ตอบโต้อะไร โดยปล่อยให้เป็นฝ่ายถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียว
หวังว่าทุกคนคงเข้าใจ
-
เอ...มันชักจะไปกันใหญ่แล้วแฮะ
-
เอาเป็นว่า คราวหน้า ถ้าใครไม่อยากตอบอะไร ก้อเงียบไปตั้งแต่แรกเลยดีกว่าครับ อย่าเหน็บ แล้วบอกไม่มีอารมณ์ตอบทีหลัง สร้างบรรยากาศไม่ดีกันป่าวๆ
โตๆ กันแล้ว อยู่กันแบบจรรโลงสังคมที่เราอยู่ดีกว่ามั้ย
-
นี่ยังไม่รู้ตัวกันอีกหรือ?
จะหยุดกันได้แล้วหรือยังครับ?
-
ถ้าจะเงียบหายไปเฉยๆ ดูท่าจะไม่ดีเป็นแน่ ขออีกสักรอบเล็กๆ ก็แล้วกัน
1. " เด็กทารก " ผมยืนยันตามเดิม ไม่ได้มาพูดเพื่อประชด หรือเหน็บใคร
แค่อยากจะบอกว่า หาข้อมูล หาความรู้เยอะๆ ก่อนจะเชื่ออะไรก็ตาม ไม่เว้นแม้กระทั่งผม
2. ราคาน้ำมันหน้าปั๊มปัจจุบัน 30 บาท เป็นราคาหน้าโรงกลั่นที่ยังไม่บวกภาษีและเงินกองทุนใดๆ เลย แค่ 18 บาท
อีก 12 บาท รัฐบาลเก็บไป
ราคาหน้าโรงกลั่น อิงตามราคาตลาดโลกอยู่แล้ว ลองย้อนไปดูราคาหน้าโรงกลั่น ก่อนคุณจะไปญี่ปุ่นดูครับ
http://www.eppo.go.th/petro/price/index.html
ราคาตลาดโลก ปัจจุบัน-ย้อนหลังไปเป็นสิบๆ ปี
http://tonto.eia.doe.gov/dnav/pet/pet_pri_spt_s1_d.htm
3. ใครบอกว่า ปตท. เป็นเจ้าที่นำเข้า ก๊าซและปิโตรเลียม จากต่างประเทศได้แต่เพียงผู้เดียว ?
ทุกโรงกลั่นน้ำมัน มี Facility ในการนำเข้าและส่งออก ปิโตรเลียม ไม่ว่าจะน้ำมันดิบ เบนซิน ดีเซล LPG น้ำมันเตา ฯลฯ ได้หมดครับ
โรงกลั่นโรงนึง ลงทุนเป็นหมื่นล้าน เค้าไม่เอาเงินลงทุนระดับนี้ ไปแขวนไว้บนเส้นด้าย โดยการไปฝาก นำเข้าและส่งออก ผ่านท่าเรือที่ไม่ใช่ของตัวเองหรอกครับ
ที่ไม่มีใครอื่น นอกจาก ปตท. นำเข้า LPG เข้ามา รู้มั้ย เพราะอะไร ?
ตอนซื้อมา ตันละ 700 เหรียญ พอเอาเข้ามา โดนบังคับขายแค่ 330 เหรียญ
จะขอเงินชดเชย ต้องแสดงหลักฐานทุกอย่าง แถมกว่าจะได้เงิน ต้องรอก่อน รัฐค่อยๆ ทยอยจ่ายคืนให้
อย่าง ปตท. ยังรออยู่ตั้งหลายพันล้าน ไม่ได้คืนทันที ดอกเบี้ยที่ได้เงินคืนช้า ก็ไม่ชดเชยให้
ถ้าคุณเป็นโรงกลั่นเอกชน รัฐขอให้คุณสมัครใจนำเข้า คุณจะสมัครใจทำมั้ยครับ ?
โรงกลั่นเอกชน จะมีการนำเข้า ก็ต่อเมื่อ ตัวเอง มีสัญญาผูกพันกับลูกค้าของตน ว่า ต้องส่งให้เดือนละเท่านั้น เท่านี้
แต่เกิดเหตุสุดวิสัย เช่น โรงกลั่น shutdown กะทันหัน ผลิตของส่งให้ตามสัญญาไม่ได้ ถ้าหาซื้อจากโรงกลั่นอื่นในประเทศมาแทนไม่ได้ ก็ต้องนำเข้า
4. ถ้าคุณๆ คิดว่า ปตท. เลว ผมขอถามคำถามดังต่อไปนี้ ให้คุณๆ ช่วยกันตอบ
4.1 ทุกวันนี้ ปตท. เลิกขายน้ำมันเบนซิน 95 มาปีกว่าๆ ตอนนี้ ราคาน้ำมันเบนซิน 95 หรือเทียบเท่ากัน ของเจ้าอื่นๆ ขายกันลิตรละเท่าไหร่ ?
แพงกว่า เบนซิน 91 / แก๊สโซฮอล 95 กี่บาท ในขณะที่ รัฐเก็บเงินเข้าต่างกันแค่กี่บาท ? ส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมา เข้ากระเป๋าใคร ?
4.2 มีเจ้าไหนบ้าง ที่ขายน้ำมัน E20 และ E85 ให้ประชาชน
4.3 การที่ ESSO ขึ้นราคาน้ำมันหน้าปั๊ม 50 สต. ทุกชนิด ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 25 ธ.ค. โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ไม่มีการแถลงแจ้งให้ประชาชนทราบ คุณคิดอย่างไร ?
http://www.eppo.go.th/retail_prices.html
http://www.eppo.go.th/petro/changes/index.html
http://xxxxxxxxxxxxxxxxxxxx/V8705577/V8705577.html
** ขอละเมิดกฏครับ เพราะจำเป็นต้องนำมาอ้างอิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย **
-
---------------------stop---------------------------
-
ผมไม่ยอมให้คุณ P_Wut ทำลิงค์ ไปเว็บ พันทิบเด็ดขาด!
แต่ผมจะใช้วิธี ปล่อยเลขกระทู้ไว้ด้านหลัง ถ้าใครอยากจะไปอ่านต่อ ก็เชิญเอาเอง
และผมได้แก้ไขลิงค์ที่คุณให้มาเรียบร้อยแล้ว
ผมไม่ยอมให้มีการทำลิงค์ ไป pantip เด็ดขาด
เพราะถือว่า ผิดกฎของเราที่นี่
แต่ผมยังไม่คิดจะใช้บท เตือนครั้งที่ 1 เพราะถือว่าเป็นการให้เกียรติกัน
เพราะไม่ใช่ เอะอะ ก็จะเตือนครั้งที่ 1 กันท่าเดียว เห็นจะไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ
ยิ่งคุณยืนยันว่าจะใช้คำว่าเด็กทารก ทั้งที่ มันเป็นคำซึ่งเป็นชนวนให้เกิดการทะเลาะเบาะแวเงในนี้
คุณท่ากับคุณ ยืนยันหนักแน่นในจุดยืนมาก ไม่ทราบว่า จะตั้งป้อมปืนโจมตียิงใส่สมาชิกท่านอื่นกันเลยใช่ไหมครับ?
เอาให้ตายกันไปข้างนึงเลย เอาให้เป็นเช่นนั้นเลยใช่ไหมครับ? ต้องการชัยชนะบนกองเลือดกันขนาดนั้นเลยหรือยังไง?
อุตส่าห์ ย้ำแล้ว ว่า นี่คือบอร์ด Headlightmag ไม่ใช่พันทิบ อย่าเอาวิธีการตอบแบบนั้น มาใช้ักับที่นี่!!
เราในที่นี้ โตๆ กันแล้วนะครับ คุณ P_Wut เอง ก็อายุมากกว่าใครในนี้หลายๆคน
ขอความกรุณา ใช้สติด้วยครับ
และเพื่อลดปัญหาวุ่นวาย
ผมขอใช้สิทธิ์ ล็อกกระทู้นี้เอาไว้
ไม่ลบ แต่จะปล่อยเอาไว้อย่างนี้
เพื่อเอาไว้ให้เป็นเครื่องเตือนใจว่า
คนเราหนะ คุยกันดีๆ ก็ได้
อย่าคิดแต่จะประหักประหารกันในเน็ตอยู่ร่ำไป
เห็นต่าง ไม่เคยว่า แต่ โปรดมาแชร์กัน
ไม่ใช่ต้องเหน็บด่ากันไปกันมา
ผมเปิดเว็บมาให้คุณๆ ได้คุยกันดีๆ นะครับ
ไม่ได้เปิดบอร์ดมาให้ทะเลาะกัน
โปรดเล่นเว็บบอร์ด ให้สมกับความตั้งใจที่ผมเปิดขึ้นมาด้วยเถอะครับ
ถ้ายังขอร้องกันขนาดนี้ แล้วยังมีเหตุการณ์แบบนี้อีก ผมก็จำใจจะต้องบังคับใช้กฎที่เราตั้งเอาไว้แล้วนะครับ
--------------------------------------------------------------------
-
จะอะไรก็ช่าง
ขอความกรุณา ช่วยแสดงความคิดเห็นหรือการพูดคุยกัน
ในแบบที่คนระดับ "ปัญญาชน" พึงกระทำด้วยนะครับ
เพื่อความสงบสุข และเป็นสังคมที่มีแต่สิ่งดีๆมอบให้แก่กัน
ขอบคุณครับ