Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Red Bicycle ที่ เมษายน 13, 2016, 08:37:20

หัวข้อ: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Red Bicycle ที่ เมษายน 13, 2016, 08:37:20
 ;D ;D ;D ขออนุญาติถามเป็นประสบการณ์หน่อยนะครับ เพราะการจะได้เป็นเจ้าของรถ MB หรือ BMW ใหม่ๆป้ายแดงซักคัน ( แม้เป็นรุ่นไม่ใหญ่ ) สำหรับคนไทยโดยทั่วไปถือว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย แต่ในช่วงหลังก็ได้มีโอกาสเห็นว่าคนรุ่นใหม่ๆที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ก็ได้ใช้รถเหล่านี้ไม่น้อยเหมือนกัน

 8) 8) 8) เลยขออนุญาติถาม ท่านที่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน พันธ์ุแท้ ( ที่ทางบ้านไม่ได้สนับสนุนทางการเงิน ยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในครอบครัวทุกอย่างด้วยตัวเอง ส่งบ้าน ส่งลูกเรียน ) ได้รายได้จากการรับเงินเดือนเป็นหลัก ท่านออกรถตอนนั้นมีจังหวะได้อย่างไรครับ   สำคัญคือได้รับอนุญาติจากภรรยาได้อย่างไรครับ

                                                                      :-* :-* :-* ขอบคุณทุกท่านครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: seeker ที่ เมษายน 13, 2016, 09:07:07
ถ้าเป็นผม เกิดมีคำถามนี้ขึ้นมาในใจ ผมจะไม่ซื้อ premium car
เพราะผมยังต้องกังวลเรื่องเงินว่าจะพอหรือไม่
อาจจะต้องรับมือภรรยาที่มีคำถามเกิดขึ้นในใจ

ถ้าตอบ 2 ข้อนี้ได้ ผมถึงซื้อ

ขออภัยที่อาจตอบไม่ตรงคำถาม
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: dekdemo ที่ เมษายน 13, 2016, 09:38:52
ขอนอกเรื่องครับ(ลบได้เลยนะครับ)

ผมกับแฟนเงินเหลือจากเงินเดือนรวมกัน 40,000 (หักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 20,000 ) และบริษัทช่วยออกค่าใช้จ่ายบางส่วน เช่น ค่าที่พัก อาหาร น้ำมันรถ ค่าบำรุงรถ ฯลฯ

ผมกับแฟนคุยกันดีแล้ว ยังไม่ซื้อรถ Premium เลยครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Stp ที่ เมษายน 13, 2016, 09:50:54
ถ้าคุณมีครอบครัว (หรือจะแต่งงานแน่ๆ) มีลูกที่ต้องดูแล คงต้องคิดวางแผนระยะยาวให้ดี ถ้ายังไม่มั่นใจก็คงไม่แนะนำให้ซื้อ ถ้าจะซื้อก็เก็บเงินสด+เงินก้อนกลางๆ จำเป็นมาก

แต่ถ้าคุณไม่มีแฟนหรือยังไม่มีแนวโน้มใดๆ ก็วางแผนเก็บเงินระยะยาวแล้วตัดสินใจเอง เพราะคนอื่นย่อมรู้ตัวเราไม่ดีเท่าตัวเราเอง แรกๆ อาจมีนอยด์ตัวเองบ้าง แต่เมื่อมั่นใจก็เดินหน้าครับ

คนที่บอกว่าให้รออายุ 50-60 เก็บเงินให้พอแล้วค่อยซื้อ ผมกลับมองอีกมุมหนึ่งว่า ซื้อตอนนั้นเราก็นั่งคนเดียวขับคนเดียว มันมีความสุขจริงเหรอ

เราซื้อเพราะอยากให้คนข้างๆ ตัวเรา (พ่อ แม่ แฟน ?) นั่งไปกับเราไม่ใช่เหรอ แล้วการซื้อตอนที่ยังหาเงินได้กับตอนที่ต้องใช้เงินอย่างเดียว อะไรมีความเสี่ยงมากกว่ากัน ตัวคุณเท่านั้นที่จะตัดสินใจ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Teera ที่ เมษายน 13, 2016, 09:58:04
ถ้ายังต้องคิดมาก ยังต้องขอเมีย อย่าซื้อครับ
วิธีคิดคือ ต้องไหวแบบสบายๆ ตกงานซัก 6 เดือน ก็ยังมีเงินผ่อนอยู่
ถ้ายังไม่ได้ โอกาศเดือดร้อน สูงมาก
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน
เริ่มหัวข้อโดย: seamonkey ที่ เมษายน 13, 2016, 10:19:00
ของผมเสียภาษีปีละเกือบ 300000 (ก่อนหักลดหย่อนนะครับ) ขอพ่อแม่ซื้อ BRZ ด้วยเงินตัวเองยังทะเลาะกันแทบบ้านแตก (โสด+อยู่บ้านกับน้องชาย 2 คน) สรุปที่นั่งรถเมล์เหมือนเดิม

สรุปว่าแล้วแต่บ้านครับว่าให้นํ้าหนักกับอะไรมากกว่ากัน ::)
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุ
เริ่มหัวข้อโดย: Tui_PSG ที่ เมษายน 13, 2016, 10:35:09
รถ Premium คันแรกที่ผมซื้อคือ BMW 525i (E34) ราคารถเกือบๆสองล้าน(ถ้าจำไม่ผิด) ต้องการซื้อสด แต่ตอนนั้นโปรฯ0%48เดือนคุ้มกว่า ก็เลยผ่อน(ตกเดือนละสองหมื่นกว่าบาท)

ซื้อรถคันนี้ด้วยเงินตัวเองทั้งหมดในขณะที่ทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทข้ามชาติบริษัทหนึ่งในเมืองไทย(แต่เดินทางไปต่างประเทศบ่อย) ณตอนที่ซื้อยังไม่ได้แต่งงาน หนี้สินไม่มีครับ

ไม่แน่ใจจุดประสงค์ที่คุณจขกทตั้งกระทู้นี้ แต่ถ้าเป็น"มนุษย์เงินเดือน",มีครอบครัวและลูกแล้ว, มีภาระอื่นๆ และต้องการเป็นเจ้าของรถกลุ่มนี้ ในความเห็นผม ถ้าจะซื้อ ต้องเป็นเงินเย็นๆ เหลือจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว(รวมถึงเงินออม)ครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Oah ที่ เมษายน 13, 2016, 10:35:50
ยังไงก็ต้องคุยกับภรรยานะครับ ภรรยาผมไม่เคยคิดจะให้ซื้อ แต่พอถึงเวลาเปลี่ยนรถ พาไปดูทุกยี่ห้อ ภรรยาเป็นคนบอกให้ซื้อเองครับ หลักๆคือเค้าคิดเรื่องความปลอดภัย

ส่วนเรื่องรายได้ ผมว่าแต่ละคนมีความมั่นคงทางหน้าที่การงานและความต้องการใช้เงินไม่เหมือนกัน ถามตัวเองดีกว่าครับว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีงานทำ รถคันนี้จะกลายเป็นภาระที่เรารับผิดชอบไม่ไหวหรือเปล่า ถ้าใช่คงต้องคิดดีๆครับ โดยเฉพาะเหตุผลที่จะซื้อ ถ้าซื้อเพราะแค่ใจอยาก ส่วนตัวผมคิดว่าควรมีเงินเก็บเท่าราคารถนะครับ ถึงแม้จะไม่ได้ซื้อเงินสด นอกจากนั้นควรพิจารณาถึงภาระอื่นๆประกอบครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: MrNumberOne ที่ เมษายน 13, 2016, 10:37:05
ย้อนกลับไปเมื่อ 13-14 ปีที่แล้ว ตอนเป็นมนุษย์เงินเดือน ชายโสด เงินเดือน 120,000 ไม่รวมโบนัส ไม่รวมเงินพิเศษต่างๆ งานที่ผมทำไม่มีรถประจำตำแหน่ง มีแต่ค่าน้ำมันกับค่าสึกหรอให้ ตอนนั้นขับ hyundai accent 1997 (มั้ง) ใช้มาได้ 5-6 ปีแล้ว เป็นรถคันแรกทั้งของตัวเองและครอบครัว

ด้วยตำแหน่ง ความมั่นใจตัวเองมากๆในตอนนั้น จะถอย MB เงินดาวน์พร้อม เงินผ่อน เงินเก็บพร้อม แต่ในที่สุดก็เปลี่ยนใจ เพราะ
1. เกรงว่ารถตัวเองจะไปเหมือนกับรถ Boss มากเกินไป (ซึ่ง Boss เป็นผู้มีอุปการะคุณ)
2. เอาเงินไปดาวน์บ้านเดี่ยวดีกว่า ตอนนั้นอยู่ทาวน์เฮ้าส์ แต่ก็ยังมีเงินเหลือผ่อน MB นะนั้น
3. ข้อนี้สำคัญที่สุด พ่อแม่เตือนว่า "ในอนาคตเราอาจจะมีภาระอื่นเพิ่มก็ได้ เก็บเงินไว้ก่อนลูก"
และต่อมาอีกไม่ถึงปี สิ่งที่พ่อแม่เตือน ก็มาถึงจริงๆ ขอบคุณพ่อแม่ย้อนหลังอีกครั้งครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุ
เริ่มหัวข้อโดย: Tui_PSG ที่ เมษายน 13, 2016, 10:38:15
BMWคันแรกที่ผมซื้อเอง มันคันละ9แสน ตอนนั้นMX5 NA 890,000 Corolla คันละ4แสน Civic คันละสามแสนกว่าครับ

ยี่สิบปีละครับตอนนั้นยังทำงานกินเงินเดือน โชคดีทำงานแบบกินค่าคอม เหลือพอซื้อรถได้ไม่ยากครับ
ถ้าบอกตอนนั้นบีเอ็มคันละ9แสน ผมว่าไม่ใช่ยี่สิบปีหละมั๊งครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: NS ที่ เมษายน 13, 2016, 10:55:47
ตีกลมๆ รถ4ล้าน ผ่อนเดือนละ 4หมื่น ประกันตกเดือนละ 4พัน ค่าน้ำมันเดือนละ 2หมื่น ค่าดูแลตกเดือนละ 1หมื่น (อันนี้ตีไว้เฉยๆนะ ถ้าอยู่ในประกันก็เก็บไว้) ถ้ามีรายได้เดือนละแสนนึง ที่เหลือก็ค่าบ้าน ประกัน ลูก เที่ยว และส่วนมากคนที่ออกรถ premium จะมีรายได้มากกว่า 2แสน ซึ่งอาจได้รถประจำตำแหน่งอยู่แล้ว แต่ถอยให้ภรรยาใช้ อิอิ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: bobsan ที่ เมษายน 13, 2016, 11:03:42
ตีกลมๆ รถ4ล้าน ผ่อนเดือนละ 4หมื่น ประกันตกเดือนละ 4พัน ค่าน้ำมันเดือนละ 2หมื่น ค่าดูแลตกเดือนละ 1หมื่น (อันนี้ตีไว้เฉยๆนะ ถ้าอยู่ในประกันก็เก็บไว้) ถ้ามีรายได้เดือนละแสนนึง ที่เหลือก็ค่าบ้าน ประกัน ลูก เที่ยว และส่วนมากคนที่ออกรถ premium จะมีรายได้มากกว่า 2แสน ซึ่งอาจได้รถประจำตำแหน่งอยู่แล้ว แต่ถอยให้ภรรยาใช้ อิอิ

ใช่เลยครับ คนที่จะออกรถ premium ใช้ควรมีรายได้มากกว่า 200,000 พวกแสนกลางๆก็พอซื้อได้ แต่เหนื่อยครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: 5ume7h ที่ เมษายน 13, 2016, 11:10:01
เก็บเงินซื้อสด
นานหน่อยแต่สบายใจดี

วิธีเก็บก็บ้านๆ เลย คือเงินเดือนเข้าปุ๊บก็แบ่งเป็นกองๆ เงินออม เงินฉุกเฉิน ... แล้วก็บัญชีนึงสำหรับสะสมเงินไว้ซื้อรถ
ที่เหลือเก็บไว้ใช้จ่าย
นับจากตอนที่ตั้งใจว่าจะซื้อจนถึงได้ซื้อก็หลายปีเหมือนกัน
ระหว่างที่กำลังเก็บเงินก็ได้สำรวจความรู้สึกตัวเองด้วยว่ายังอยากได้รุ่นนี้อยู่มั้ย ได้เวลาศึกษาข้อมูลจากลุ่มผู้ใช้รถรุ่นนั้นด้วย
และอาจจะมีรถรุ่นอื่นที่น่าสนใจกว่ามาให้พิจารณาอีกต่างหาก

ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุ
เริ่มหัวข้อโดย: Tui_PSG ที่ เมษายน 13, 2016, 11:15:59
ตีกลมๆ รถ4ล้าน ผ่อนเดือนละ 4หมื่น ประกันตกเดือนละ 4พัน ค่าน้ำมันเดือนละ 2หมื่น ค่าดูแลตกเดือนละ 1หมื่น (อันนี้ตีไว้เฉยๆนะ ถ้าอยู่ในประกันก็เก็บไว้) ถ้ามีรายได้เดือนละแสนนึง ที่เหลือก็ค่าบ้าน ประกัน ลูก เที่ยว และส่วนมากคนที่ออกรถ premium จะมีรายได้มากกว่า 2แสน ซึ่งอาจได้รถประจำตำแหน่งอยู่แล้ว แต่ถอยให้ภรรยาใช้ อิอิ

ใช่เลยครับ คนที่จะออกรถ premium ใช้ควรมีรายได้มากกว่า 200,000 พวกแสนกลางๆก็พอซื้อได้ แต่เหนื่อยครับ
ผมว่าต้องดูที่ภาระที่มีอยู่ประกอบกันด้วยครับ ไม่ใช่มองเรื่องรายได้อย่างเดียวครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: maxillofacial surgeon ที่ เมษายน 13, 2016, 11:40:08
กว่าผมจะซื้อก็ทำงานมา9 ปีครับ
 จบมามีรายได้แสนกว่าๆ  ผมให้พ่อกะแม่ก่อนเลยครับ  ช่วยใช้หนี้ที่ท่านยืมมาส่งเราเรียน
ส่วนตัวช่วง4-5แรกที่เริ่มทำงาน ใช้เงินแบบเละเทะมาก กินเที่ยวหนักมาก 
 ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเงิน  การลงทุน 
หามาได้ก็ใช้  เพราะคิดว่ามันหาง่าย  แต่รถก็ซื้อหลายคันครับตามความจำเป็น ให้พ่อบ้าง น้องบ้าง แฟนบ้าง
แต่ไม่ใช่พรี่เมี่ยมคาร์
  โชคดีเที่ยวหนักจนเรียกว่าเบื่อ  จนกระทั่งก่อนแต่งงาน เริ่มมองถึงอนาคต
 ก็เน้นลงทุนก่อนเลยครับ  เปิดคลินิก   ซื้ออสังหา   ลงทุนทำประกัน  ประกันชีวิตผมแนะนำให้เพื่อนๆซื้อไว้เยอะๆครับ
หากท่านยังไม่มีเงินเก็บมากพอ  ยิ่งถ้าเป็นหัวหน้าครอบครับ  อย่างน้อยเบี้ยสุขภาพ ต้องพอจ่าย  หากต้องรักษาตัวครั้งใหญ่
หรือทุนประกัน ก็ต้องพอเพียงให้คนที่ท่านรักไว้ใช้ยาวๆ  ถ้ารักษาเอกชน  ไม่สบายหนักๆ  เงินล้านนี่หมดเอาได้ง่ายๆครับ  เพราะเจอมากับตัว คนใกล้ตัวไม่สบาย   
    ตอนผมซื้อ bm คันแรก  รายได้ตอนนั้น  ก็เกือบล้าน  เอาจิงๆช่วงที่อยากได้มากที่สุดคือช่วงวัยรุ่นอะครับ  ด้วยความอยาก  ตอนนี้พอได้มาแปปเดียวก็หายเห่อ
ความอยากไม่มีที่สิ้นสุด   ทุกวันนี้สนุกกับการทำงาน  สร้างธุรกิจ  รถก็ตามความเหมาะสมคับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Starplatinum35 ที่ เมษายน 13, 2016, 12:16:34
ถ้าคุณมีครอบครัว (หรือจะแต่งงานแน่ๆ) มีลูกที่ต้องดูแล คงต้องคิดวางแผนระยะยาวให้ดี ถ้ายังไม่มั่นใจก็คงไม่แนะนำให้ซื้อ ถ้าจะซื้อก็เก็บเงินสด+เงินก้อนกลางๆ จำเป็นมาก

แต่ถ้าคุณไม่มีแฟนหรือยังไม่มีแนวโน้มใดๆ ก็วางแผนเก็บเงินระยะยาวแล้วตัดสินใจเอง เพราะคนอื่นย่อมรู้ตัวเราไม่ดีเท่าตัวเราเอง แรกๆ อาจมีนอยด์ตัวเองบ้าง แต่เมื่อมั่นใจก็เดินหน้าครับ

คนที่บอกว่าให้รออายุ 50-60 เก็บเงินให้พอแล้วค่อยซื้อ ผมกลับมองอีกมุมหนึ่งว่า ซื้อตอนนั้นเราก็นั่งคนเดียวขับคนเดียว มันมีความสุขจริงเหรอ

เราซื้อเพราะอยากให้คนข้างๆ ตัวเรา (พ่อ แม่ แฟน ?) นั่งไปกับเราไม่ใช่เหรอ แล้วการซื้อตอนที่ยังหาเงินได้กับตอนที่ต้องใช้เงินอย่างเดียว อะไรมีความเสี่ยงมากกว่ากัน ตัวคุณเท่านั้นที่จะตัดสินใจ



+1000 ใช่เลยครับ ผมมาลองคิดๆดูพออายุเยอะๆถึงรถจะขับสนุกแค่ไหนแต่เราคงไม่สนุกกับมันแล้วครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Fong ที่ เมษายน 13, 2016, 12:18:05
มนุษย์เงินเดือน ถ้าเป็นผู้บริหารมักจะได้รถประจำตำแหน่งอยู่แล้วครับ (Camry, MB, BMW แล้วแต่ระดับขั้น)

แต่ถ้าเป็นพนักงานระดับผู้จัดการปกติที่ใช้รถ Premium Car ส่วนใหญ่ที่บ้านจะมีเงินอยู่แล้วเงินเดือนตัวเองไม่ต้องจ่ายค่าข้าว ค่าเช่าบ้าน ค่าไฟ ค่าน้ำ ไม่ต้องผ่อนคอนโด ไม่ต้องให้พ่อแม่ แบบว่าเงินเดือนได้ใช้เต็มๆ พวกเขาก็จะออก Premium Car แบบไม่คิดมากครับ

ผมก็เคยคิดจะออก Mini ครับ เพราะรู้สึกว่าพอจะไหว แต่พอดูสิ่งที่จะต้องจ่ายระหว่างการใช้งาน ค่าประกันภัย ค่าซ่อมบำรุงหลัง MSI ราคาขายต่อ ราคาอะไหล่ ความจุกจิกในการซ่อม บลาๆๆ สุดท้ายมาจบที่ Accord G9 ครับ คันใหญ่ นั่งสบาย ซ่อมไม่แพง ประกันก็ไม่แพงมาก ใช้ยาวก็ไม่น่าเกลียด

คิดให้ถี่ถ้วนครับ เอามาแล้วเกิดไม่ชอบอยากปล่อยก็มีแต่เจ็บครับ  :( :( :(
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: wa330 ที่ เมษายน 13, 2016, 12:36:11
รอมือสองคับ5-7ปีหายไปครึ่ง
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ เมษายน 13, 2016, 13:28:52
ผมว่า มนุษย เงินเดือน
รอช้อน มือสอง ตัวล่างครับ
แต่ก็ไม่มีปัญญา เข้าศูนย์อยู่ดี

สองคนผัวเมีย รายได้เกินแสนไปไกล ยังไม่กล้าซื้อเลย เพราะรายจ่ายเยอะกว่า

หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ เมษายน 13, 2016, 13:35:06
อยู่ที่รายจ่ายด้วยครับ
พี่ผม2xx,xxx/ด ผ่อนสองคันได้สบายเลย เพราะไม่มีลูกไม่มีเมีย ไม่มีภาระใดๆทั้งสิ้น
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: fishfinger ที่ เมษายน 13, 2016, 13:49:42
จริงๆ รถพวกนี้ใช้ไปซักพักเดี๋ยวก็เบื่อครับถ้าคุณมองระยะสั้นแบบอยากได้มากๆ 1คันผมว่าไม่มีปัญหาหรอก ถ้ามันซื้อความสุขให้คุณได้ แต่ปัญหาคือตอนคุณเปลี่ยนรถเนี่ยแหละรถแพงมันตามมาด้วยภาพลักษณ์ สมมุติคุณขายคันนี้คันต่อไปอย่างน้อยก็ต้องD set ละคงไม่กลับไปใช้รถเล็กๆหรอก

ถ้ามองตามหลักการเงินการลงทุนนี่เงินเดือนไม่กี่แสนนี่ไม่ค่อยน่าซื้อรถแพงๆเพราะ เอาไป ลงทุนต่อยอดในอนาคตดีกว่าและอีกอย่างถ้ามีลูก จะใช้เงินซื้อความสุขให้ตัวเองอย่างเดียวไม่เหลือให้ลูกหลานเลยก็ใช่เรื่องครับ เงิน2-3แสนไม่ได้ถือว่าเยอะเลย จะผ่อนบ้านใหญ่ๆสวยๆในกรุงเทพยังยาก แนะนำให้Balance ดีๆครับ
หัวข้อ: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้
เริ่มหัวข้อโดย: Artist ที่ เมษายน 13, 2016, 14:03:04
ผมกับแฟนมนุษย์เงินเดือนเพียวๆ แต่ไม่มีลูก บ้านผ่อนเอง รถผ่อนเอง
สาเหตุที่ต้องซื้อรถเพราะแฟนย้ายที่ทำงานไปทำคนละที่ ค่อนข้างไกล เลยคุยกันว่าจะซื้อรถ
คำนวนรายได้แล้วผ่อนได้ไม่มีปัญหา เลยจัด BMW 116i มา เพราะคิดว่าอยากสัมผัสรถพรีเมี่ยมซักครั้งในชีวิต
มาขับตอนอายุเยอะๆมันคงไม่ฟินแล้ว

ตอนนี้เงินเดือนขยับขึ้นมาพอสมควร คิดว่าตัดสินใจไม่ผิดที่ซื้อรถตอนนั้น
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: kimmeng21 ที่ เมษายน 13, 2016, 14:13:00
ตอบเรื่องได้รับอนุญาตจากภรรยายังไงบ้างน่ะคับ

ผมกับแฟนอยู่กันในลักษณะเงินใครเงินมัน ไม่ยุ้งเรื่องเงินของใครคับ

ผมมีธุรกิจส่วนตัวของผมไปได้เรื่อยๆ  ส่วนของแฟนผมทำธุรกิจของครอบครัวรายได้น่าจะหลักร้อยล้านต่อปี

เค้าเคยบอกกับผมว่า เงิน U  U อยากทำไรก็ทำอยากใช้ไรก็ใช้แต่ขออย่างเดียวอย่ามายุ้งกับเงิน I ก็พอ 55555

จนมีอยู่ครั้งนึ่งผมไปเสียเงินที่บ่อนจนหมดตัว เค้าก็ใช้ชีวิตปกติของเค้า พร้อมบอกผมมาสั้นๆแค่ว่า I เตือน U แล้วน่ะ  :-X :-X :-X

ส่วนเรื่องรถ ใครซื้อก็ขับคันนั้นคับ รถแฟนผมอยู่ในบ้านผม ผมก็ไม่มีสิทธิขับ ส่วนรถที่ผมซื้อแฟนผมเค้าก็ไม่มายุ้งเหมือนกัน

รถจะได้นั่งพร้อมกัน 2 คนนานๆที 

อารมณ์ประมาณว่า ถ้าผมซื้อ accord มา 1 คัน ถ้าแฟนผมเค้าอยากขับ ก็ใช้เงินเค้าซื้อ accord เองมาอีกคันนึ่งไว้ขับเอง

อะไรประมาณนี้แหละคับ

ผมกับแฟนเลยไม่เคยทะเลาะกันเรื่องรถเลย เพราะใครจะซื้อไรก็ซื้อ






หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: FlyMe ที่ เมษายน 13, 2016, 14:16:22
เก็บเงินซื้อสด
นานหน่อยแต่สบายใจดี

วิธีเก็บก็บ้านๆ เลย คือเงินเดือนเข้าปุ๊บก็แบ่งเป็นกองๆ เงินออม เงินฉุกเฉิน ... แล้วก็บัญชีนึงสำหรับสะสมเงินไว้ซื้อรถ
ที่เหลือเก็บไว้ใช้จ่าย
นับจากตอนที่ตั้งใจว่าจะซื้อจนถึงได้ซื้อก็หลายปีเหมือนกัน
ระหว่างที่กำลังเก็บเงินก็ได้สำรวจความรู้สึกตัวเองด้วยว่ายังอยากได้รุ่นนี้อยู่มั้ย ได้เวลาศึกษาข้อมูลจากลุ่มผู้ใช้รถรุ่นนั้นด้วย
และอาจจะมีรถรุ่นอื่นที่น่าสนใจกว่ามาให้พิจารณาอีกต่างหาก

ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม

จริงครับ ผมซื้อรถทุกคัน รวมทั้ง BMW 2 คันด้วยเงินสด หรืดถ้ามีโปรผ่อนดีๆ ก็จะเก็บเงินสดที่จะใช้ซื้อรถไว้ในการลงทุนที่มีความมั่นคง  วิธีซื้อรถแบบนี้จะไม่ทำให้เครียดในภาระการผ่อน  ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนมาตลอด ร่วม 26+ ปีแล้ว  อีกไม่นานก็ retire แล้ว ไม่เคยมีความเครียดเรื่องการเงิน
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: tvm ที่ เมษายน 13, 2016, 14:17:13
คำว่ามนุษย์เงินเดือนคือหมายถึงระดับไหนล่ะ หมื่นสองหมื่น เจ็ดแปดหมื่น แสน สามสี่แสน?
ถ้าเขาซื้อรถที่เหมาะกับรายได้และความเอใจ มันก็ไม่ได้ยากเย็นหรือต้องคอยขอเมียมั้ยครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Visual ที่ เมษายน 13, 2016, 14:19:20
เงินเก็บเหลือเกินราคารถ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือผ่อนสบายๆ ได้ 2 อย่างนี้ก็ซื้อเลยครับ
อย่างที่หลายๆคนว่า กว่าจะรอชีวิตพร้อมทุกด้านมันก็หมดอารมณ์ไปแล้ว
ตอนเรียนผมอยากได้รถสปอร์ตมาก พอเรียนจบก็เฉยๆละครับ ความกระเหี้ยนกระหือรือมันหายไปแล้ว
หัวข้อ: Re:
เริ่มหัวข้อโดย: Tui_PSG ที่ เมษายน 13, 2016, 14:20:24
ผมกับแฟนมนุษย์เงินเดือนเพียวๆ แต่ไม่มีลูก บ้านผ่อนเอง รถผ่อนเอง
สาเหตุที่ต้องซื้อรถเพราะแฟนย้ายที่ทำงานไปทำคนละที่ ค่อนข้างไกล เลยคุยกันว่าจะซื้อรถ
คำนวนรายได้แล้วผ่อนได้ไม่มีปัญหา เลยจัด BMW 116i มา เพราะคิดว่าอยากสัมผัสรถพรีเมี่ยมซักครั้งในชีวิต
มาขับตอนอายุเยอะๆมันคงไม่ฟินแล้ว

ตอนนี้เงินเดือนขยับขึ้นมาพอสมควร คิดว่าตัดสินใจไม่ผิดที่ซื้อรถตอนนั้น
อายุเยอะอย่างผมก็ยังฟินได้ครับ อิอิ
คันนี้เอาไว้ขับสนุกๆในวันที่ไปไหนคนเดียวหรือไม่มีลูกไปด้วยครับ

หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: NeoZeLon ที่ เมษายน 13, 2016, 15:07:42
ผมตอบในฐานะเด็กๆเพิ่งทำงานได้ 2 ปี ถ้าวันนึงผมมีเงินเดือนที่หักค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้วเหลือพอผ่อนรถ ผมจะซื้อครับ ฝันว่าจะต้องมีให้ได้เหมือนกัน ผมไม่สนเรื่องนำเงินลงทุน โน้นนี้ บลาๆๆ ถ้ามีเงินเหลือพอซื้อ ซื้อเถอะครับ เงินเรา รถเรา ความสุขเรา
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุ
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ เมษายน 13, 2016, 15:18:53
BMWคันแรกที่ผมซื้อเอง มันคันละ9แสน ตอนนั้นMX5 NA 890,000 Corolla คันละ4แสน Civic คันละสามแสนกว่าครับ

ยี่สิบปีละครับตอนนั้นยังทำงานกินเงินเดือน โชคดีทำงานแบบกินค่าคอม เหลือพอซื้อรถได้ไม่ยากครับ
ถ้าบอกตอนนั้นบีเอ็มคันละ9แสน ผมว่าไม่ใช่ยี่สิบปีหละมั๊งครับ อิอิ

316 compact ปี1997 ราคา 9แสนบาทครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Tomz ที่ เมษายน 13, 2016, 15:34:56
ได้มาจากฝาอิชิตันครับ 5555+ (ล้อเล่นน่า)

ได้รับอนุญาติยังไงหรอ คือ มันชื้อเองเลยครับ ไม่ต้องขออนุญาติ 555
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Super hornet ที่ เมษายน 13, 2016, 15:50:08
ถ้าไม่ได้เน้นว่าต้องเป็นป้ายแดง รถยุโรปมือสองเป็นทางเลือกที่ดีครับ ขอได้รถดีๆมา สมรรถนะ ระบบต่างๆก็ยังเหมือนรถใหม่อยู่ครับ
อะไหล่บางตัว ถ้าศึกษาข้อมูลคันนั้นดีๆ เดินอะไหล่เองบางรายการถูกกว่า D segmentของฝั่งญี่ปุ่นอีกครับ

ส่วนขอภรรยายังไง อันนี้แฟนผมนางเป็นคนชอบรถครับ ก็เลยไม่ต้องดิ้นรนอะไรนางพาไปดูเองเลยครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: flybigbear ที่ เมษายน 13, 2016, 15:55:45
ถ้ามีหลังหักค่าใช้จ่ายและแบ่งเก็บแล้วเหลือเดือนล่ะ 2แสนบาทต่อเดือนก็ถอยเถอะครับ แต่ถ้าไม่ถึง ก็เอารถต่ำลงมาก็ได้ครับ

คันละไม่เกิน 2 ล้านบาท น่าจะใช้ได้หลายปีอยู่ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องตกรุ่นนะครับ

หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ เมษายน 13, 2016, 18:11:10
คิดดีๆก่อนครับ หักค่าใช้จ่ายจำเป็น ค่ากินค่าอยู่ ก่อน แล้วดูว่าเหลือพอมั๊ย ถ้าตึงๆ อย่าเพิ่งเลยครับ เกิดไรขึ้นมา จะเหนื่อย

ผมค่อนข้างจะเห็นด้วยกับ comment แรกๆ ด้านบน ที่ว่า ถ้า จขกท เกิดคำถามนี้ในใจ แสดงว่าเงินอาจจะมีพอ แต่ไม่ได้มีเหลือเฟือ

ภรรยาผมก็บอกว่า ผมผ่อนพวก 3-series / c-class ได้สบายๆ ทำไมไม่ซื้อบ้าง ผมบอกว่าผมอยากอยู่อย่างสบายๆ ไม่ต้องเครียดเรื่องเงิน

ผมอาจจะบ้ารถ แต่ผมไม่ได้บ้าซื้อรถนะครับ 55555
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: axister ที่ เมษายน 13, 2016, 18:16:26
เคยอ่านผ่านๆ มีสมาชิกท่านนึงเคยคำนวณไว้ให้ครับว่า คชจ เป็นแบบไหน

สำหรับตัวผมไม่มีลูก มีภาระแค่บ้าน ผ่อนทุกอย่าง หักคชจ ประจำในแต่ละเดือนแล้วเหลือราวๆ 4หมื่นครับ เลยหักไปให้ผ่อนรถ

จริงๆผมคิดว่ามันไม่มีกฎตายตัวหรอกครับ การใช้เงินแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเหลือเป็นแสนก็ยังไม่พอจะผ่อนรถพรีเมียมครับ เพราะมันเป็นของสิ้นเปลือง เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่า

ถ้ายังกังวลคิดไม่ตกก็ไม่แนะนำให้ซื้อครับ แต่บางคนก็ต้องเจ็บก่อนถึงจะเข้าใจ ถ้าใจมันไปแล้วก็ซื้อรุ่นที่มันขายต่อง่ายๆราคาไม่ตกละกัน
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Activehybrid ที่ เมษายน 13, 2016, 18:39:16
ผมชอบรถเก๋งมาก ยิ่ง GLA / 3Series นี่ ราคาไม่ไกลเกินฝัน แต่อีกใจใช้รถคันละล้านหน่อยๆยังเสียดายตังอยู่เลย

เงินเดือนรวมกับภรรยา 180,000 บาท มีภาระบ้าน ลูก

ถ้าอีก 8ปีลูกเรียนจบ บ้านผ่อนหมด อาจจะลองสักครั้ง แต่คงแก่แล้วและก็อาจจะความคิดเปลี่ยน
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: secrecyguy ที่ เมษายน 13, 2016, 19:15:12
ถ้าจะขับ bmw s3 ตอนนี้ลด3เเสน ก็ดาวน์สักล้าน ผ่อนราวเดือนละ30,000บาท 60เดือน ก็ไม่ใช่ตัวเลขที่มากมายอะไร

ส่วนการขอภรรยาซื้อแบบไหนให้ได้คำอนุญาต คุณลองบริหารเงินให้เป็นสัดส่วนดู ให้ภรรยาเห็นว่าเงินที่คุณจัดการ มันมีส่วนที่ออมเยอะพอสมควร ส่วนที่ใช้ ส่วนที่เก็บ ส่วนที่ใช้เพื่อซื้อรถ ผมคิดว่าภรรยาคุณน่าจะพอใจได้

ผมคุมส่วนผ่อนรถไม่เกิน40,000ต่อเดือน ภรรยาผมก็โอเคนะ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.Joe ที่ เมษายน 13, 2016, 20:05:47
ขึ้นกับการวางแผนการเงินครับ
ผมใช้สูตรง่ายๆว่าถ้าจะซื้ออะไรฟุ่มเฟือย เช่นรถ กระเป๋า ต้องมีเงินสดเตรียมไว้แล้ว 10 เท่าของมูลค่าของ
เงินสดที่ว่า ต้องเหลือหลังจากภาระอื่นๆแล้ว ดูแลพ่อแม่ ช่วยเหลือสังคม สัตว์ป่า เด็กพิการ หักต่อด้วยการวางแผนอนาคต การศึกษาลูก เจ็บป่วย เผื่อเศรษฐกิจร่วง และการลงทุนอื่นๆ เช่นหุ้น อสังหา
ปัจจุบันใช้ E 1 คัน C 1 คัน Harrier 1 คัน Civic 1 คัน ก็คิดจากสูตร 10 เท่านี้เสมอ ถ้าวันนึงมีเงินน้อยลง ผมก็โอเคถ้าจะต้องใช้ Suzuki Swift ถ้ารวยกว่านี้ ก็ขอ 911 GT3 ซักคันนะ ขอเน้นว่าทำอะไรอย่าให้เป็นภาระ อย่าให้สิ่งของมาเป็นนายครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: meeuwarn ที่ เมษายน 13, 2016, 20:17:06
คหสต ถ้าไม่เงินเหลือๆ ก็อย่าเลยครับ :)

ไม่ได้จำเป็นอะไรกับชีวิต

ถ้าคุณเงินเหลือ 5-7 ปี มันเก่าแล้วก็เปลื่ยน สบายๆ แต่ถ้าต้องมานั่งหาเงิน ดาวน์ เก็บเงินผ่อน อย่าดีกว่า
รถเสียขึ้นมา อะไหร่แพงตามราคารถครับ :'(

ผมคิดว่า d segment ญี่ปุ่น ก็เพียงพอแล้ว กว้างขวาง นั่งสบาย ถ้าไม่ได้ขับเร็วจนต้องการความแรงและช่วงล่างที่ดีมากๆ ::)
ถ้าเลือกถูกยี่ห้อ ทนด้วย ผมขับปีละหมื่นโล 8 ปี ยังไม่มีอะไรพัง ;D

แต่พอมี เรื่อง เจนภพ ซื่งชน ฮ้อแสงชัย :'( ผมต้องมานั่งคิดหนักๆเลยว่า งัดเงินในธนาคาร มาซื้อ volvo ซักคันดีไหม :-\
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: meeuwarn ที่ เมษายน 13, 2016, 20:24:20
ขึ้นกับการวางแผนการเงินครับ
ผมใช้สูตรง่ายๆว่าถ้าจะซื้ออะไรฟุ่มเฟือย เช่นรถ กระเป๋า ต้องมีเงินสดเตรียมไว้แล้ว 10 เท่าของมูลค่าของ
เงินสดที่ว่า ต้องเหลือหลังจากภาระอื่นๆแล้ว ดูแลพ่อแม่ ช่วยเหลือสังคม สัตว์ป่า เด็กพิการ หักต่อด้วยการวางแผนอนาคต การศึกษาลูก เจ็บป่วย เผื่อเศรษฐกิจร่วง และการลงทุนอื่นๆ เช่นหุ้น อสังหา
ปัจจุบันใช้ E 1 คัน C 1 คัน Harrier 1 คัน Civic 1 คัน ก็คิดจากสูตร 10 เท่านี้เสมอ ถ้าวันนึงมีเงินน้อยลง ผมก็โอเคถ้าจะต้องใช้ Suzuki Swift ถ้ารวยกว่านี้ ก็ขอ 911 GT3 ซักคันนะ ขอเน้นว่าทำอะไรอย่าให้เป็นภาระ อย่าให้สิ่งของมาเป็นนายครับ

สูตรเดียวกันครับ แต่พี่รวยกว่าผม ;D

รถ ไม่เกิน 10% ของเงินเก็บ
ประกันชีวิต+ สุขภาพ10%
หุ้น 10% (ไม่เก่งครับ เล่นขำๆ ไว้คุยกับเพื่อนๆ)

แบ่งเงินเป็นก้อนๆ  คนข้างหลังจะได้สบาย 8)
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: TRcdi ที่ เมษายน 13, 2016, 20:59:36
เป็นกระทู้ที่มีสาระและได้มุมมองความคิดดีๆ  ชอบๆ

ผมทำงานอิสระ ไม่มีเงินเดือน  การใช้จ่ายค่อนข้าง
สะเปะสะปะ    คงต้องวางแผนการเงิน เสมือนเรามี
รายได้ประจำดูบ้าง  เพื่ออนาคตที่มั่นคง ...มุ่งมั่นๆ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Tien.W ที่ เมษายน 13, 2016, 21:17:09
อยากได้ GLA หรือ 320i ป้ายแดง อยู่นะครับ

ณ ตอนนี้ ขายญี่ปุ่นที่ใช้อยู่ เอาไปดาวน์ GLA / 320i สบายๆครับ ผ่อนไม่หนักด้วย ด้วยเงินเดือน ยังไงก็จัดไฟแนนซ์ผ่าน แต่สิ่งที่ห่วงคือ ค่าซ่อมนั่นแหละ ... ซื้อรถคันละ 2 ล้าน คงไม่หวังแค่ หมด warranty แล้วขายใช่ไหม ?

นั่นแหละที่กลัว กลัวไม่มีปัญญาจ่าย ยิ่งนิสัยผม ไม่ชอบขับรถพิการด้วย มีนิด มีหน่อย ก็ต้องซ่อมทันที

คิดไป คิดมา ... ขับญี่ปุ่นเก่าๆต่อไปดีกว่า สบายใจ ยังไงก็มีตังค์ซ่อมมัน
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: sakano ที่ เมษายน 13, 2016, 21:18:38
ถ้าสามารถซื้อ D segment japan ได้
ก็สามารถซื้อ BMW S3 หรือ MB C klass ได้ครับ

เด่วนี้ คนเปลี่ยนไปซื้อเยอะครับ
ผ่อนต่างกันไม่มาก
ตำแหน่งคนขับ หรือคนนั่งหน้า ก็สบายพอๆกัน
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Akara ที่ เมษายน 13, 2016, 22:03:26
อยากให้ลองคิดอย่างนี้ครับ. ถ้าซื้อแล้วยังไม่มีความสามารถเปลี่ยนรถ ในอีก4-5ปีข้างหน้า แนะนำให้เลิกคิดครับ ในหมู่บ้านเห็นหลายคนแล้ว พ้น5ปีไปแล้วสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหวเปลี่ยนกลับมาใช้รถญี่ปุ่นเหมือนเดิม ถึงสู้ไหว ถ้าพรีเมียมแต่เป็นรถปีเก่าๆผมไม่ค่อยให้เครดิตสักเท่าไหร่ครับ

สุดท้ายถ้าอยากใช้รถพรีเมี่ยมจริงๆในขณะที่อายุน้อยๆ แนะนำให้ออกมาทำธุรกิจเอง มนุษย์เงินเดือนกับรถพรีเมียมผมว่ามันเกินตัวไปหน่อย ในความคิดเห็นของผมนะครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Nikle_pk ที่ เมษายน 13, 2016, 23:22:35
ตอบในฐานะของคนที่ใช้อยู่
แต่ผมทำธุรกิจส่วนตัวนะครับ
รถ Premium มันก็ไม่ได้ดีอะไรมากนะครับ
บางอย่างรถญี่ปุ่นยังทำได้ดีกว่าเลยครับ
ได้แค่ภาพลักษณ์เท่านั้น ไม่สำคัญเท่าตังค์ในกระเป๋า
ผมขับ E300AMG ไป รปภ.หาที่จอดให้ก็จริงอยู่
แต่ถ้าวันไหนขับ Nissan march ไป แล้วเปิดกระจก
บอก รปภ.ให้หาที่จอดให้ จ่าย 50-80 บาท รปภ.
เค้าก็หาที่จอดให้เหมือนกันครับ

ผมแค่อยากจะบอกว่า ถ้ามันเป็นฝันก็ซื้อตามฝัน
แต่ถ้าไม่ใช่ฝัน กลายเป็นฝืน ก็อย่าเลยครับ ลำบาก
ตัวเองเปล่าๆ รถ ญี่ปุ่น ดีๆมีถมเถ ไปครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: jztang ที่ เมษายน 13, 2016, 23:30:52
ครับ คงไม่แนะนำอะไรมาก จัดสรรค์ปันส่วนดีๆก็พอครับ ประเทศเรายิ่งตอนนี้ไม่อยู่บนพื้นฐานความแน่นอนของเศรษฐกิจ ก็ยิ่งเกิดความเสี่ยง สู้ๆครับ ขอให้ได้รถที่ตั้งใจ หมายปองไว้  ;)
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: yumenowinds ที่ เมษายน 14, 2016, 00:24:19
สำหรับมนุษย์เงินเดือนธรรมดาแบบผม

ผมว่ารถยนต์ช่วงราคาที่ดีที่สุดคือช่วง 1-1.5 ล้าน เกินนั้นไป ถ้าไม่ได้รวยมากๆ

ถือว่าเป็นภาระหนักเอาการเลย
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: KaIaK118 ที่ เมษายน 14, 2016, 00:58:29
สมมุติ คิดว่าพอซื้อไหวได้แล้ว

อยากให้มองในเรื่อง ของค่าใช้จ่ายประจำปีสำหรับรถ กับ ค่าบำรุงรักษาด้วยนะครับ
บางคนคิดว่าซื้อไหว ก็ซื้อไหวจริงๆแหละครับ แต่รถมันมีค่าใช้จ่าย + ค่าเสื่อมราคา และเจออะไหล่บางตัวก็จุกได้

ค่าอะไหล่บำรุงรักษา (ปั๊มน้ำพัง พี่โต 3,xxx พร้อมเปลี่ยน  // bmw ปั๊มน้ำ 2x,xxx )
ค่าประกันชั้น 1 ก็ไม่ใช่ถูก จะให้ไปทำชั้น 3 เกิดเจออุบัติเหตุแรงๆ ค่าซ่อมก็อ่วม
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Untouchable ที่ เมษายน 14, 2016, 01:08:31
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่สอนได้ดีเลยครับ หลายอย่างที่ผมอยากบอกท่านสมาชิกอื่นๆได้บอกไปหมดแล้วข้างต้น  ถ้าดูเรื่องค่าใช้จ่ายรายเดือนแล้วเงินเหลือพอที่จะเล่นแบบไม่ตึงมือ จะลองดูก็ได้ครับทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง

ผู้ใหญ่ที่ผมนับถือเหมือนพ่อคนที่2แก่ค้าขายเหล็ก แก่ขายเหล็กได้วันละ1ล้านได้ แก่ยังขับแคมรี่นอนบ้านห้องแถว2หัองอยู่เลยครับ ใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆ ผมยังเคยถามเลยว่าทำไมไม่ซื้อรถยุโรปขับ แก่ตอบผมว่า "กูชอบแบบนี้" ทุกวันนี้แก่วางมือให้ลูกๆทำหมด หันมามีความสุขกับการทำบุญไปเรื่อย
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: keamgladnan ที่ เมษายน 14, 2016, 13:22:20
รถราคา 10% ของเงินเก็บก็ตึงไปครับ
แปลว่ามีเงินสด 5 ล้านนี่ยังซื้อได้แค่ eco car สิ

ถ้ารวมที่ดินทรัพสินด้วยอันนี้อะเห้นด้วย  แต่ถ้านับเงินสดอย่างเดียวนี่น่าจะน้อยคนที่ทำได้
รถราคาซัก 20-30% ของเงินเก็บอันนี้นี่กำลังสวย
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ เมษายน 14, 2016, 13:40:10
ผมก็ชอบเรื่องรถนะ บ้าเรื่องรถเหมือนผู้ชายทั่ว ๆ  ไป ฝันว่าอยากทำงานในโรงงานเกี่ยวข้องกับรถไปตลอด 
แต่พอได้มาทำจริง ๆ ที่แรก ๆ ที่ต่อมาเกียวกับ Maker ชิ้นส่วนรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์  ความอยากมันชักน้อยลงเรื่อย ๆ  สุดท้ายมันเริ่มเบื่องานตามประสามนุษย์เงินเดือน     งานในโรงงานประกอบรถถ้าคนที่ไม่ได้ชอบแบบหลงใหลกันสุดสุดคงยากที่จะบอกไม่เบื่อ   
ทุกวันนี้เห็นรถแล้วเฉย ๆ ตามอายุที่เริ่มแก่มากขึ้นไม่ได้บ้ารถเหมือนอย่างเคย   

รถยนต์พรีเมี่ยมกับการเป็นมนุษย์เงินเดือน ผมว่าเงินเดือนคนนั้นต้องเยอะพอสมควรก็คือน่าจะมีหลักแสนแล้วรายจ่ายคำณวนแล้วมีรายเหลือที่เพียงพอ  ไม่งั้นจะตึงเกินไปหน่อย     แต่ถ้าเป็นคนทำธุรกิจส่วนตัวการซื้อคงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนัก       พอดีผมได้มีโอกาสทำทั้ง 2 อย่างคู่กันเลยพอเข้าใจว่ามาถึงจุดนี้ได้คือก่อนนี้ผมทำงานกินเงินเดือนอย่างเดียวรายได้แค่หลักหมื่น  ไม่กล้าฝันถึงรถพรีเมี่ยมอย่างมากมือ 2 ญี่ปุ่นพรีเมี่ยม   พอมาถึงซื้อป้ายแดงมือ 1 ราคาล้านกว่าได้แต่พอซื้อมาแล้วรู้สึกตึงมากกครับ       พอมาทำธุรกิจส่วนตัวไปด้วยรายได้มากขึ้นเลยเข้าใจว่าคนทำธุรกิจการซื้อรถพรีเมี่ยมแบบนี้ไม่ยากเลยทำได้ง่ายกว่า    แต่ผมก็ไม่ซื้อรถพรีเมี่ยมใช้อยู่ดี เพราะปัญหาคือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถพรีเมี่ยมมันจ่ายโดยรวมมากกว่ารถญี่ปุ่นระดับล่าง ๆ อยู่ดี    คือเข้าศูนย์ทั่วไปก็จ่ายประมาณ 1 หมื่น ครั้งใหญ่ก็อาจจ่ายมากกว่านั้นอีกหลายหมื่นถึงแม้เข้าอู่นอกก็แพงอยุ่ดี        แต่เราขับรถญี่ปุ่นจ่ายครั้งล่ะ 2000-3000 บาท ครั้งใหญ่จ่ายไม่เกิน 8000 บาท    ส่วนต่างที่ต่างกันมากทำใจไม่ไหวครับเราเคยจนมาก่อนบ้านเราก็ขับรถเก่าแล้วเก่าอีกมาก่อน    เลยไม่อยากได้รถที่มีค่าใช้จ่ายแพงแพงเอาไว้เป็นภาระ   แถมรถพวกนี้ควรเปลี่ยนทุก 4-5 ปีน่าจะดี  แต่ผมไม่ได้มีธุรกิจที่ทำเงินได้มากขนาดนั้น ที่จะไปเปลี่ยนรถบ่อยทุก 5 ปี หักค่าเสื่อม  หรือไม่ได้มีหน้าตาจากการใช้รถไปสร้างภาพลักษณ์ ก็เลยคิดว่ามือ 2 พรีเมี่ยมก็ไม่จำเป็นไม่อยากได้   ส่วนตัวก็เลยไม่คิดจะซื้อพรีเมี่ยมจนทุกวันนี้
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: secrecyguy ที่ เมษายน 14, 2016, 16:04:57
รถราคา 10% ของเงินเก็บก็ตึงไปครับ
แปลว่ามีเงินสด 5 ล้านนี่ยังซื้อได้แค่ eco car สิ

ถ้ารวมที่ดินทรัพสินด้วยอันนี้อะเห้นด้วย  แต่ถ้านับเงินสดอย่างเดียวนี่น่าจะน้อยคนที่ทำได้
รถราคาซัก 20-30% ของเงินเก็บอันนี้นี่กำลังสวย

คนทำงานรับเงินเดือน เริ่มต้นแบบไม่มีทางบ้านช่วย จะเงินในบัญชี 5ล้าน คงมีไม่เยอะครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: chaithawat ที่ เมษายน 14, 2016, 16:52:39
ไหวก้อจัดเลยอย่าให้เสียอารมณ์  สมัยก่อนผมก็มนุษน์เงินเดือน ผ่อนครึ่งๆเลยก็ว่าได้เพราะโสดไม่มีรายจ่ายอะไร ไม่มีหลักตายตัวว่าเท่าไร ไม่ถึงแสนก็ผ่อนได้ถมไป แต่อย่าเผลอไปจัดบอลลูนเท่านั้นหละ เห็นคางเหลืองมาเยอะ
ง่ายสุดคือใช้หลักการออมก็ได้ครับคือได้รายได้ไม่สำคัญเท่ากับการเก็บออม  รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน+ผ่อนต่อเดือนแล้วยังมีเหลือเก็บออมทุกเดือนได้ในมาจิน 30% ของรายได้แบบนี้จัดได้เลย เมียไม่ต้องถงถามหละ ว่างๆส่งกุญแจให้ไปใช้ซิครับ เดวก็ปลื้มเอง
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( M
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ เมษายน 14, 2016, 20:51:04
สมมุติ คิดว่าพอซื้อไหวได้แล้ว

อยากให้มองในเรื่อง ของค่าใช้จ่ายประจำปีสำหรับรถ กับ ค่าบำรุงรักษาด้วยนะครับ
บางคนคิดว่าซื้อไหว ก็ซื้อไหวจริงๆแหละครับ แต่รถมันมีค่าใช้จ่าย + ค่าเสื่อมราคา และเจออะไหล่บางตัวก็จุกได้

ค่าอะไหล่บำรุงรักษา (ปั๊มน้ำพัง พี่โต 3,xxx พร้อมเปลี่ยน  // bmw ปั๊มน้ำ 2x,xxx )
ค่าประกันชั้น 1 ก็ไม่ใช่ถูก จะให้ไปทำชั้น 3 เกิดเจออุบัติเหตุแรงๆ ค่าซ่อมก็อ่วม
  ช่วง 5 ปีแรกไม่ค่อยมีอะไรเสียหรอกครับ เช็กระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเท่านั้นเอง  หลัง 5 ปีไปแล้วก็มีรายการซ่อมตามมาบางแต่ไม่่อยนักหรอก
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( M
เริ่มหัวข้อโดย: KaIaK118 ที่ เมษายน 14, 2016, 23:24:36
สมมุติ คิดว่าพอซื้อไหวได้แล้ว

อยากให้มองในเรื่อง ของค่าใช้จ่ายประจำปีสำหรับรถ กับ ค่าบำรุงรักษาด้วยนะครับ
บางคนคิดว่าซื้อไหว ก็ซื้อไหวจริงๆแหละครับ แต่รถมันมีค่าใช้จ่าย + ค่าเสื่อมราคา และเจออะไหล่บางตัวก็จุกได้

ค่าอะไหล่บำรุงรักษา (ปั๊มน้ำพัง พี่โต 3,xxx พร้อมเปลี่ยน  // bmw ปั๊มน้ำ 2x,xxx )
ค่าประกันชั้น 1 ก็ไม่ใช่ถูก จะให้ไปทำชั้น 3 เกิดเจออุบัติเหตุแรงๆ ค่าซ่อมก็อ่วม
  ช่วง 5 ปีแรกไม่ค่อยมีอะไรเสียหรอกครับ เช็กระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเท่านั้นเอง  หลัง 5 ปีไปแล้วก็มีรายการซ่อมตามมาบางแต่ไม่่อยนักหรอก

จริงๆ ผมว่า 5 ปีแรก รถใหม่เลยปกติไม่ควรมีอะไรเสียหรอกครับ ยิ่ง BSI ก็สบายเลย
แต่คิดว่ารถพวกนี้คาดว่า จขกท น่าจะเก็บยาวๆเลยนะครับ (พอนานๆเริ่มจุกจิก รถบ้านผมก็ตัดใจขายไม่ลงครับ ก็ซ่อมกันไป บางทีเจอค่าซ่อมก็หน้ามืดอยู่ครับ  :-\)
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Puitam ที่ เมษายน 15, 2016, 02:05:09
สำหรับผมนะครับถ้ารอเงินเก็บ10%ค่อยซื้อรถมีหวังขี่เวฟจนแก่เลยล่ะครับ

แต่ด้วยความอยากได้รถเก๋งใหม่ๆบ้างมันบังตา เลยเอาไงดี  ก็เลยหาวิธีผ่อนได้แบบไม่เดือดร้อนมาเสนอครับ

คือถ้าอยากได้รถล้านนึง  ต้องมีเงินเย็นๆอย่างน้อย ห้าล้านกว่านิดๆก็พอครับ  รวมดาวส์25%แล้วด้วยนะครับ

แล้วมาคิดงี้นะครับ

ราคารถ/บาท      จำนวนเงินดาวน์/เปอร์เซ็นต์ 25%  จำนวนงวด
1,000,000       250,000.00                              60

ดอกเบี้ย                            ยอดจัดไฟแนนซ์
2.5%ต่อปี                         750,000.00

เงินที่ต้องส่งต่อเดือน   ค่างวดต่อเดือน/บาท
  60 งวด                          17,188.00

ลองเอาค่างวดต่อปีมาคำนวน

17,188.00x12 = 206,256บาท

คำนวนดอกผลจากกองทุนปันหรือหุ้นกู้ที่ปันผลดีๆหรือกรณีบ้านผมเปนข้าราชการ

เอาเงินฝากที่สหกรณ์ของที่ทำงานคุณพ่อ  ตอนนี้ได้ดอก 4.25% [อิอิเค้ารับแต่ข้าราชการครับ]

ในกรณีนี้ผมว่าหากองทุนหรือหุ้นกู้ที่มีปันผล 4.2%น่าจะมีอยู่

206,256 x 100/4.25  =  ต้องมีเงินฝากไว้ 4,853,082บาท

คุณก็จะได้ค่างวดจากดอกเบี้ยมาผ่อนแทนไม่ต้องยุ่งกับเงินเดือนด้วยซ้ำ

เอางี้ถ้าอยากได้รถพรีเมี่ยมราคา 3,000,000  ก็เก็บดาวน์ให้ได้750,000ก่อน 

แล้วมีเงินเก็บแค่15ล้านท่านก็สามารถมีรถพรีเมี่ยมขับได้อย่างสบายๆ ห้าปีเปลี่ยนทีก็ไม่เดือดร้อน

ไม่ต้องรอ 10% ของเงินเก็บหรอกครับ  ให้เงินมันหาเงินมาให้เราผ่อนสบายๆดีกว่า

ผ่อนงวดละ51,564บาท 5ปีแป๊ปเดียว ไม่ได้ยุ่งกับเงินเดือนเลยด้วยครับ

เจ้าสามของที่บ้านผมเข้าปีที่สาม อีกปีกว่าก็หมดแระ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: h0661036 ที่ เมษายน 15, 2016, 10:07:14
คือไม่คิดว่าจะป่วยใช่มั้ยครับ  อย่าค่ารักษามะเร็งถ้าใช้บริการพวกโรงพยาบาลสมิติเวช  รักษาต่่อเนี่องระยะยาว ก็ประมาณ 10 ล้านนะครับ   

        ถ้ามีลูก ใช้รถพวก D segment ของญี่ปุ่นก็พอเพียง และเพียงพอแล้ว    ที่บ้านผมก็ใช้ benz มาก่อน  พ่อผมซื้อก็เพราะอารมณ์อยากได้นั่นแหละ   พอซื้อมาแล้วก็ไม่ค่อยใช้  ให้ลูกใช้แทน จนตอนนี้กลายเป็นเศษเหล็กจอดแช่ในที่จอดรถ


               รุ่นพี่ผมก็วางแผนการเงินผิดพลาด ไปถอย benz แล้วการเงินก็ขาดสภาพคล่อง   
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: promt ที่ เมษายน 15, 2016, 22:16:32
สำหรับผมนะครับถ้ารอเงินเก็บ10%ค่อยซื้อรถมีหวังขี่เวฟจนแก่เลยล่ะครับ

แต่ด้วยความอยากได้รถเก๋งใหม่ๆบ้างมันบังตา เลยเอาไงดี  ก็เลยหาวิธีผ่อนได้แบบไม่เดือดร้อนมาเสนอครับ

คือถ้าอยากได้รถล้านนึง  ต้องมีเงินเย็นๆอย่างน้อย ห้าล้านกว่านิดๆก็พอครับ  รวมดาวส์25%แล้วด้วยนะครับ

แล้วมาคิดงี้นะครับ

ราคารถ/บาท      จำนวนเงินดาวน์/เปอร์เซ็นต์ 25%  จำนวนงวด
1,000,000       250,000.00                              60

ดอกเบี้ย                            ยอดจัดไฟแนนซ์
2.5%ต่อปี                         750,000.00

เงินที่ต้องส่งต่อเดือน   ค่างวดต่อเดือน/บาท
  60 งวด                          17,188.00

ลองเอาค่างวดต่อปีมาคำนวน

17,188.00x12 = 206,256บาท

คำนวนดอกผลจากกองทุนปันหรือหุ้นกู้ที่ปันผลดีๆหรือกรณีบ้านผมเปนข้าราชการ

เอาเงินฝากที่สหกรณ์ของที่ทำงานคุณพ่อ  ตอนนี้ได้ดอก 4.25% [อิอิเค้ารับแต่ข้าราชการครับ]

ในกรณีนี้ผมว่าหากองทุนหรือหุ้นกู้ที่มีปันผล 4.2%น่าจะมีอยู่

206,256 x 100/4.25  =  ต้องมีเงินฝากไว้ 4,853,082บาท

คุณก็จะได้ค่างวดจากดอกเบี้ยมาผ่อนแทนไม่ต้องยุ่งกับเงินเดือนด้วยซ้ำ

เอางี้ถ้าอยากได้รถพรีเมี่ยมราคา 3,000,000  ก็เก็บดาวน์ให้ได้750,000ก่อน 

แล้วมีเงินเก็บแค่15ล้านท่านก็สามารถมีรถพรีเมี่ยมขับได้อย่างสบายๆ ห้าปีเปลี่ยนทีก็ไม่เดือดร้อน

ไม่ต้องรอ 10% ของเงินเก็บหรอกครับ  ให้เงินมันหาเงินมาให้เราผ่อนสบายๆดีกว่า

ผ่อนงวดละ51,564บาท 5ปีแป๊ปเดียว ไม่ได้ยุ่งกับเงินเดือนเลยด้วยครับ

เจ้าสามของที่บ้านผมเข้าปีที่สาม อีกปีกว่าก็หมดแระ

คำนวนยอดส่งต่อเดือนผิดครับ เกินไปเยอะเลย

มันต้องส่ง 14062 บาทต่อเดือน ไม่ใช่ 17188

ดอกสหกรณ์ออมทรัพย์สูงจริงครับ
และมีออพชันให้เลือกด้วย
ประเภทถอนได้เดือนละครั้ง ดอก 3.5
อันอื่นๆ สูงกว่านี้
มันน่ายิ้มตรงที่ทุกปี เฉลี่ยปันผล 14%
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: hideto1984 ที่ เมษายน 19, 2016, 11:53:36
ผมตอบได้ครับ มนุษย์เงินเดือนของแท้

ผม มีลูก 1 เมีย2 เอ้ย 1 ครับ
รายได้ผัวเมียรวมกัน เกือบแสนเองครับ (ถือว่ากลางๆในปัจจุบัน ไม่สูงนะครับ)
ผมอายุ 31 เมียอายุ 33 ลูก 5 ขวบ

หนี้สิน fixed ทุกเดือน 45,000 คือบ้าน และรถ ค่าเทอม ค่าประกัน ค่าน้ำไฟ
เหลือใช้เดือนละ 40,000-50,000


ทุกวันนี้ขับแค่ ford focus 2012 กับ BMW F30 ครับ

ที่ซื้อตอนนั้นเพราะอยากได้
พอซื้อมาก็เฉยๆ ไม่ได้รถเทพอะไร (ถ้าจะเทพต้อง Ferrari F12) ช่วงล่างพอๆ กับ Focus เลยครับ


ประกันปีละ 3-4 หมื่น
ผ่อนเดือนละ 20,000 กว่า
ค่าบำรุงสูงกว่ารถตลาดครับ ตัวอย่าง ผ้าเบรคหน้าคู่ละ 4,000 กว่า
ในขณะที่ focus ผ้าเบรคหน้าคู่ละ 2,100

ทุกอย่างแพงกว่าแน่นอนครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )
เริ่มหัวข้อโดย: Activehybrid ที่ เมษายน 27, 2016, 18:21:10
ผมตอบได้ครับ มนุษย์เงินเดือนของแท้

ผม มีลูก 1 เมีย2 เอ้ย 1 ครับ
รายได้ผัวเมียรวมกัน เกือบแสนเองครับ (ถือว่ากลางๆในปัจจุบัน ไม่สูงนะครับ)
ผมอายุ 31 เมียอายุ 33 ลูก 5 ขวบ

หนี้สิน fixed ทุกเดือน 45,000 คือบ้าน และรถ ค่าเทอม ค่าประกัน ค่าน้ำไฟ
เหลือใช้เดือนละ 40,000-50,000


ทุกวันนี้ขับแค่ ford focus 2012 กับ BMW F30 ครับ

ที่ซื้อตอนนั้นเพราะอยากได้
พอซื้อมาก็เฉยๆ ไม่ได้รถเทพอะไร (ถ้าจะเทพต้อง Ferrari F12) ช่วงล่างพอๆ กับ Focus เลยครับ


ประกันปีละ 3-4 หมื่น
ผ่อนเดือนละ 20,000 กว่า
ค่าบำรุงสูงกว่ารถตลาดครับ ตัวอย่าง ผ้าเบรคหน้าคู่ละ 4,000 กว่า
ในขณะที่ focus ผ้าเบรคหน้าคู่ละ 2,100

ทุกอย่างแพงกว่าแน่นอนครับ
ทำไมช่วงล่างferrari ดันมาสูสีกับfocusได้ละครับเนี่ย แสดงว่าผมก็ขับรถที่ช่วงล่างดีเท่าferrariเลยนะครับเนี่ย