ตัดต่อมาจาก ประวัติของ Skyline ที่ผมเคยเขียนเอาไว้ใน Thaidriver เมื่อปี 2001 ครับ
กำลังเตรียมจะเอาลงมาใน Headlightmag.com เนี่ยแหละ
ขอคัดเอามาแต่ GT-R ก่อนนะครับ Skyline ยังอีกเยอะมาก จะอ่านไมไหวกัน
รอยต่ออาจจะแปลกๆ แต่ ไว้เรียบเรียงให้อีกครั้งในภายหลังครับ
--------------------------------------------
GT-R เริ่มเผยโฉมครั้งแรกเมื่อกุมภาพันธ์ 1969 บนพื้นฐานรุ่นซีดานวางเครื่องยนต์ 6 สูบ DOHC 1,989 ซีซี พร้อมคาร์บูเรเตอร์จาก SOLEX 160 แรงม้า (PS)
ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18 กก.-ม.ที่ 5,600 รอบ/นาที และขุมพลังบล็อคเดียวกันนี้ยังประจำการใน GT-R ทุกรุ่นจนถึงตัวถัง KPGC110 คูเป ในปี 1973
มกราคม 1973 รุ่นที่ 2 ของตระกูล GT-R รหัสรุ่น KPGC110 มาในมาดฮาร์ดท็อปคูเป 2 ประตู วางขุมพลัง S20 6 สูบ DOHC 1,989 ซีซี 160 แรงม้า (PS) ที่ 7,000
รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18 กก.-ม.ที่ 5,600 รอบ/นาที มั่นใจด้วยดิสก์เบรค 4 ล้อ เหล็กกันโคลงหลัง และสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ติดตั้งจากโรงงาน คลานตามออกมา การ
ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์มีขึ้นในเดือนกันยายน 1975 นอกจากแต่งหน้าทาปากแล้ว ยังปรับปรุงขุมพลังรหัส L20 ให้แรงขึ้นเป็น 130 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด
สูงสุด 17 กก.-ม.ที่ 4,400 รอบ/นาที และเสริมระบบเผาไหม้ NAPS เข้าไปด้วย
เนื่องจากช่วงอายุตลาดของรุ่น C110 นี้ อยู่ในช่วงวิกฤติการณ์ขาดแคลนน้ำมัน และการเรียกร้องด้านปัญหามลภาวะที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ความต้องการที่ลดลงของตลาดรถยนต์
สมรรถนะสูง ทำให้ยอดขายไม่สู้ดีนัก ดังนั้นผู้บริหารจึงยุติบทบาทความแรงของรหัส GT-R ไว้ที่รุ่น KPGC110 นี้ โดยไม่มีใครคาดคิดว่ารหัสร้อนนี้จะกลับมาโลดแล่นทั้งใน
สนามแข่งและบนถนนในอีก 10 ปีต่อมา
. . . . . .
R32
เดือนสิงหาคม 1989 นอกจากจะส่งรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ GTS-4 (HNR32) เสริมทัพแล้ว นิสสันยังปลุกตำนานความแรงรหัส GT-R ที่หายไปนานหลายสิบปี กลับมาประจำ
การร่วมกับสายพันธ์สกายไลน์ ในรหัสรุ่น BNR32 ด้วยขุมพลังรหัส RB26DETT 6 สูบ DOHC 24 วาล์ว 2,568 ซีซี 280 แรงม้า (PS) ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด
36 กก.-ม.ที่ 4,400 รอบ/นาที
กุมภาพันธ์ 1990 นิสโม สำนักแต่งของนิสสันจับ จีทีอาร์มาปรับปรุงเป็น GT-R NISMO จำกัดการผลิตแค่ 500 คันเท่านั้น
R33
ส่วนรุ่น GT-R แม้เผยโฉมเป็นรถต้นแบบในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ เดือนตุลาคม 1993 หลังการเปิดตัวรุ่นใหม่ไป 2 เดือน แต่กว่าจะเริ่มขายจริง ต้องรอไปถึงวันที่ 6
มกราคม 1995 โดยคงไว้ซึ่งขุมพลังรหัสร้อน RB26DETT ฝาสูบแดง 6 สูบ DOHC 24 วาล์ว 2,568 ซีซี เทอร์โบคู่ 280 แรงม้า (PS) ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด
37.5 กก.-ม.ที่ 4,400 รอบ/นาที พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพ่วงกับระบบกระจายแรงบิด ATTESSA E-TS PRO (Electronic Torque Split)
ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ในวันที่ 22 มกราคม 1996 เปลี่ยนชุดไฟหน้า กระจังหน้า และชุดกันชนหน้าของรุ่นคูเปกับซีดานให้ดุดันแตกต่างกัน
ทิ้งช่วงไม่กี่อึดใจ ก่อนปล่อยรุ่นพิเศษ GT-R LM Limited สีฟ้า จำนวนจำกัด เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 1996 จากนั้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ ซีดาน
GTS25/GTS Type-X Limited จึงตามมาในวันที่ 12 มิถุนายน 1996
เว้นไปถึง 3 กุมภาพันธ์ 1997 รุ่น GT-R ถูกปรับโฉมเล็กน้อยกับชุดแอโรพาร์ทรอบคัน ก่อนที่รุ่นฉลองครบรอบ 40 ปีของสกายไลน์ ทั้งแบบซีดาน
GTS Type XG,GTS-4 Type XG และคูเป GTS25t Type M จะพาเหรดกันออกมาในวันที่ 7 ตุลาคม ปีเดียวกัน ก่อนที่ AUTECHH JAPAN
จะเล่นด้วยคนกับ ซีดาน GT-R AUUTECH VERSION 40th ANIVERSARY ยกทุกรายละเอียดใน GT-R คูเป จับยัดลงในตัวถังซีดาน
ออกขายเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 1997 เป็นอันปิดท้าย โดยปล่อยให้รุ่น GT-R ทำตลาดหลังการเปิดตัวรุ่น R34 ไปจนถึงสิ้นปี
R34
รุ่น GT-R กับ RB26DETT ฝาแดง 280 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 40 กก-มที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังสู่ล้อทั้ง 4 ด้วย
เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะจาก GETRAG บรรจุลงในมิติตัวถังของทุกรุ่นที่ยาว 4,600 มิลลิเมตร กว้าง 1,785 มิลลิเมตร สูง 1,360 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาว 2,665
มิลลิเมตร