จากเดิม ผมเคยค้นข้อมูล Consumer Reports ของสหรัฐ แล้วพบว่า
"ค่าบำรุงรักษา PHEV < BEV นิด ๆ = ICE/2"
โดยองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรนี้ สำรวจรถหลายแสนคัน ว่าวิ่งไป 320,000 กม.แล้ว มีค่าบำรุงรักษาเท่าใด
แต่ตอนนั้นรถ BEV ส่วนใหญ่ที่สำรวจเป็น Tesla และ Nissan นะครับ
นอกจากนี้ จากการสำรวจพบว่า ที่ผ่านมา BEV จะมีค่าใช้จ่ายในการครอบครองเท่ากับ PHEV
ทำไม? น่าจะเพราะ PHEV สองระบบช่วยกันขับ แต่ละระบบไม่เสียนัก ครับ
วันนี้ มีข้อมูลที่ละเอียดกว่า Consumer Reports โดยผมมา Argonne Lab กระทรวงพลังงานสหรัฐครับ
ที่นี่ เป็นแห่งเดียวในโลกที่มีระบบตรวจสอบแบตเตอรีครอบคลุมที่สุด รถหลายเจ้าก็จ้างที่นี่วิเคราะห์ เป็นต้น
ไม่ต้องพูดถึงนิวเคลียร์ หรือ โปรตอน เลย ตอนนี้ผมนั่งพิมพ์อยู่ข้าง ๆ อาคารที่ปล่อยอนุภาควิ่งรอบท่อในอาคารอยู่ ระยะวิ่งของอิเล็กตรอนที่ปล่อยวิ่งไปเรื่อย ๆ ในนี้ มากกว่าไป-กลับดาวพลูโต ครับ
เพื่ออะไร? มีนักวิจัยใกล้ตัวในนี้เล่าให้ฟังว่า ระบบนิวเคลียร์เรือดำน้ำกองทัพสหรัฐ ที่นี่ก็ร่วมออกแบบ เป็นต้น ครับ
Argonne ชี้คล้าย Consumer Reports ว่า ค่าบำรุงรักษา BEV น้อยกว่า ICE 40%
อย่างไรก็ตาม Argonne สำรวจละเอียดลงไปอีก ว่า รถแต่ละรูปแบบการใช้งาน และ รูปแบบการขับเคลื่อน จะมีความคุ้มค่า ที่ต่างกันอย่างใด และ ในอนาคตแต่ละปี หากซื้อรถประเภทใดค่าใช้จ่ายน้อย-มาก
การประมาณพื้นฐานจะดูที่ปี 2025 ครับ แต่ก็สามารถดูปีอื่น ๆ ได้ด้วย
โดยในปี 2025 รวมหลายประเภทรถ Argonne พบว่าคนซื้อ Hybrid จะมีค่าใช้จ่ายต่ำสุด
ส่วน BEV ที่ปีดังกล่าว พบว่า ต้องรูปแบบรถประมาณ รถบรรทุกประเภทที่สี่ของสหรัฐ BEV ถึงจะมีค่าใช้จ่ายต่ำสุด
นอกจากนี้ ในปีดังกล่าว หากจะซื้อ SUV ขนาดเล็กแล้ว พบว่า Hybrid มีค่าใช้จ่ายโดยรวมต่ำสุด ตามมาด้วย ICE ครับ
ส่วนในอนาคตอันไกล อย่างสิบปีถัดไป กล่าวคือ ค.ศ. 2035 นั้น จะพบว่า BEV หัวรถบรรทุกแบบ Optimus Prime ซึ่งตอนนี้ถ้าซื้อ BEV แพงมาก จะกลายเป็นอีกทศวรรษซื้อแบบ BEV แล้วค่าใช้จ่ายน้อยสุด
https://www.anl.gov/article/argonne-study-on-costs-and-benefits-of-new-transportation-technologies-the-most-comprehensive-to?fbclid=IwAR2y8mvedEK7rneuneJyYr2leZ5OZr9KbGQ8sVvIYYIzKITT5RNCDkI5uAA