ผู้เขียน หัวข้อ: เราควรเข้าวงการรถไฟฟ้า (ราคาไม่เกิน 1.2 ล้าน) เมื่อไหร่ดีครับ  (อ่าน 4335 ครั้ง)

ออฟไลน์ tadto

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 309
ถ้าคุณพร้อมก็ไม่ต้องรอครับ

แค่ไม่ควรเป็นรถคันเดียวของที่บ้านเท่านั้นเองครับ

มัวแต่คิด เดี๋ยวพอเทคโนโลยีมันไปเรื่อยๆ พวกคุณก็คิดกันต่อไปเรื่อยๆ
หาจุดติกันไปเรื่อยๆ รอมันได้เท่านั้นเท่านี้ก่อน จะเอาแบตเยอะๆชาร์จไวๆ

การชา่ร์จ DC มันไม่ได้ดีเสมอไป แบตใหญ่ๆชาร์จ AC ที่บ้านก็อ้วกอยู่นะครับ
ขนาดแมวแบตราวๆ 60kwh ใช้เครื่องชาร์จที่ปล่อย 7kwh ตาม max
ของตัวออนบอร์ด ยังกินเวลากันเกือบ 9 ชม.เลย

มองปัจจัยตัวเองดีๆก็พอครับ ส่วนตัวยิ่งถ้าขับในเมืองนะมันจะประหยัดมาก
แต่อย่างกรณีบ้านผม ขับทางไกล ระยะแบตมันหายเยอะเป็นปรกติเพราะมัน
ขาดรีเจน

ตอนแรกผมก็กังวล ใช้ไปแป้ปๆเออ มันก็ไม่ได้วุ่นวายอะไรขนาดนั้นนี่หว่า ขอเพียง
ศึกษาจุดชาร์จไว้บ้างเผื่อฉุกเฉิน

ถ้าคุณไม่ได้ออก ตจว.เป็นประจำ ตัดปัจจัยเรื่องวิ่งเยอะวิ่งน้อยไปเลย แต่ระยะ
แบตก็ต้องพอประมาณนะ อย่างมินิ SE ก็น้อยไปหน่อย

มันมีความดีงามของมันอยู่ครับ แต่คุณต้องลบอคติแล้วเปิดใจนิดนึง

ตอนแรกผมเองก็ต่อต้านรถไฟฟ้าพอประมาณ เพราะลองใช้ phev แล้วก็ไม่ค่อยตอบโจทย์
มากนักแต่จับพลัดจับผลูอีท่าไหร่ไม่รู้ ภรรยาอยากได้แมวดีก็เลยลองกันสักตั้ง จนตอนนี้แทบ
อยากจะขาย xc60 ไปออก model y อีกสักคัน

คนทีได้ลองใช้จริงส่วนใหญ่จะชอบนะครับ สำหรับรถไฟฟ้า

แต่ส่วนตัวผมยังชอบเสียงคำรามของเครื่องยนต์อยู่เลยยังขับ mini เป็นคันหลักต่อไป

ออฟไลน์ equinox

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 56
ถ้าขับเยอะ เดือนนึงเกิน 3000 โล ออกได้เลยครับ แต่ให้ทำใจไว้ว่าราคาน่าจะตกเยอะ เพราะว่า ให้ตีสภาพเหมือน สินค้าเทคน่ะครับ มาไวไปไว เทคโนโลยี 4-5 ปีที่แล้วเป็นไง วันนี้เป็นไง ทุกวันนี้ วิ่งกัน 300-500 สำหรับรถต่ำ 1.5 ล้าน อีก 4-5 ปี ผมว่าระยะวิ่ง 300-500 จะอยู่ใน range ราคาไม่เกิน 1.2M ในส่วนของเจ้าตลาด และระยะวิ่ง 600-800 จะอยู่ในช่วง ต่ำกว่า 1.8-2.5M เพราะอัตราการบริโภคพลังงานของมอเตอร์จะดีขึ้น ประกอบกับ เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่จะพัฒนาขึ้น ผมว่ารถจีนที่ระยะวิ่ง 300-500 NEDC จะราคาตกหนักมากเพราะเจอ เทคใหม่มาตีครับ ส่วนตัวผมกะว่าตอนนั้นค่อยออกครับ ตอนนี้ใช้ 330E เติม 95 ตกโลละ 1.8-2.0 บาทอยู่ ยังสบายๆอยู่ครับ ถ้าน้ำมันลงอีกคงเหลือ 1.5 ที่คิดว่ารอหน่อยเพราะผมวิ่งออกนอกเส้นทาง นอกแผนบ่อย มัน unpredictable ไม่รวมหัวชาร์จเสียในเส้นทางอีกที่เคยเจอยังวุ่นวายอยู่พอสมควรสำหรับเส้นทางที่ผมใช้


ออฟไลน์ NNIICCKK

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 133
กระทู้รถไฟฟ้า ถามแบบเดิม ก็มีคนตอบแบบเดิม ไม่เบื่อหรอครับ

ปัจจัยการซื้อ อยู่ที่ตัวเองล้วนๆ ถ้าซื้อได้ก็มีบุญไป เพราะมันขับดีกว่ารถน้ำมัน

ถ้าซื้อไม่ได้ก็ใช้รถน้ำมันต่อ เพราะมันก็ไม่เหมาะกับคนเดินทางไกลบ่อยๆ คนมีรถคันเดียว คนที่ไม่มีที่ชาร์จที่บ้าน จริงๆ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนเรื่องพวกนี้ได้เร็วๆนี้แน่นอน

ออฟไลน์ PaPaMan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,188
จริงๆรถไฟฟ้าเหมาะกับคนที่ใช้รถที่ต้องวิ่งเยอะๆ ประมาณวันละ 100 - 200 กม. หรือวิ่งในเมืองเยอะๆ จึงจะคุ้มค่า ดังนั้นมันจึงเหมาะเอามาทำ TAXI มากๆ
แต่ถ้าวิ่งในเมืองแต่ระยะทางไม่มาก อันนี้ความคุ้มค่าก็น้อยลง
ส่วนตัวผมก็อยากมีรถไฟฟ้าใช้วิ่งไปกลับที่ทำงานเป็นประจำทุกวันเหมือนกัน (แต่ไปเที่ยวต่างจังหวัดไกลๆใช้ดีเซลดีกว่า) แต่ตอนนี้ใช้ PHEV ก็ OK ดีครับ วันๆใช้น้ำมันน้อยมาก กลับมาบ้านก็ชาร์จทุกวันอยู่แล้ว
อยากซื้อไฟฟ้าให้แม่บ้านใช้ก็วิ่งน้อยไม่คุ้มค่าเสื่อมแบตอีก ก็คงต้องไปรถน้ำมันเหมือนเดิม ยกเว้นว่ารถน้ำมันจะถูกแบนไม่ให้เข้าเมือง
สรุปก็รอดูหน่วยกล้าตายไปก่อน ไม่ใช่ไม่พร้อม แต่ผมเห็นว่ายังไม่คุ้มค่าสำหรับผมครับ

ออฟไลน์ Integra Type R

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 228
สำหรับผมถ้ามั่นใจได้ว่าไม่ได้มีปัญหา ถ้าไม่มีรถใช้ มีรถสำรอง รอเคลม รออะไหล่ ก็ซื้อได้เลย แต่ถ้านอกเหนือจากนั้น ก็คงรออีกพักนึงครับ

ออฟไลน์ TWC

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 135
    • อีเมล์
แล้วแต่ความพร้อมของแต่ละท่านครับ
อย่างผมที่บ้านมีรถน้ำมัน3คันแล้ว ค่าน้ำมันต่ออาทิตย์ก็หลายพันอยู่
กำลังสนใจNETA V ราคาไม่แรงมาก ไปลองขับมาก็แล้วก็โอเคครับ

ออฟไลน์ 5ume7h

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 887
เมื่อมีรุ่นที่อยากได้ครับ

ที่ขายๆ อยู่ในบ้านเรา ส่วนตัวยังไม่มีคันไหนโดนใจ
คันที่ชอบอย่าง ioniq 5, EV6, Ariya ก็ยังไม่เข้ามา เข้ามาก็ไม่รู้ราคาจะโดดไปขนาดไหน