กระทู้เก่าที่ 1 ตอนเจออาการครั้งแรก
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=52651.msg909513#msg909513กระทู้เก่าที่ 2 ตอนช่างประเมินราคาซ่อม 45,000 แต่พอซ่อมจริงเกือบ 60,000
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=52881.msg913891#msg913891รถคันนี้คือ Ford Ranger Hi Rider Double Cab XLT 2.2 TDCi AT ปี 12 ล็อตแรกๆ หลังจากรอ 8 เดือน ตั้งแต่ พ.ย. 2011 ได้รถ ก.ค. 2012 เนื่องจาก Supplier โดนน้ำท่วม การใช้งานวิ่งกรุงเทพและปริมณฑล เป็นส่วนใหญ่บนถนนลาดยาง ไม่เคยบรรทุกหนัก กระบะท้ายติด ฝา Top up เข้าศูนย์บำรุงรักษาตามตารางปกติ เจออาการ แผงอินเตอร์ และท่ออินเตอร์ แตก 2-3 ครั้ง ครั้งสุดท้ายเปลี่ยนเป็น part ตัว MC แล้ว
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=50190.msg859895#msg859895เข้าเรื่องเกียร์พัง ผมตกลงปลงใจ ซ่อมกับศูนย์ฟอร์ด นารา สุวินทวงศ์ เพราะขับไปไกลๆไม่ไหว มันจะพังกว่านี้ และศูนย์ที่ใช้ประจำเช่น พลปิยะ อยุธยา หรือลำลูกกา คิวยาว ข้าม 2 เดือน
บังเอิญเจอช่าง คนลำปางบ้านเดียวกัน เลยอู้เหนือ กันง่ายหน่อย และหวังว่าช่างจะจริงใจ (ซึ่งตั้งแต่ต้นจนจบก็จริงใจมากมาย
)
ช่างออกตัวก่อนเลยว่า ไม่เคยซ่อมอาการนี้ ไม่มีประสบการณ์ เป็นคันแรกของศูนย์ ยังไงจะลองปรึกษาอาจารย์ ผมเดาว่าคือ Ford power train แถวบางนา มั้ง
เริ่มแรกช่างก็เอา เครื่องมือมาวัด ก็ไม่เจออาหารผิดปกติอะไร แต่ลองขับแล้วถึงจะเจอ ก็สรุปส่งอาจราย์ไป
อาการคือ เกียร์วืด เกียร์ไม่เปลี่ยนเกียร์สูงให้ เหมือนคลัชต์ ไม่จับ บางทีก็กระตุก ส่วน S ใช้งานไม่ได้ รถเข้า safe mode ขับได้แค่ 70-80 km/hr มีไฟเตือนขึ้น
สรุปผ่าเกียร์ออกมาดู จากภาพช่างอธิบายว่า ฟันของเฟืองเกียร์ 4-5-6 มันหมด นี่คือสาเหตุของการวืด
จากรูปผมก็ดูไม่ออกหรอกว่า ฟันเฟือง หมดยังไง เพราะไม่เคยเห็นของ ตัวปกติ
แต่แอบสงสัยคือ ที่ระยะ 26x,xxx km นี่เป็นระยะปกติ ที่เรายอมรับได้ไหมว่า นี่คืออาการสึกหรอ จากการใช้งานปกติ
ถ้าไม่ใช่ แล้วเทียบกับ Vigo ของ สมช ท่านอื่นที่มาตอบในกระทู้เก่า บางคันวิ่งไป 5xx,xxx km ก็ยังปกติ
ถ้าอย่างงั้น แสดงว่า เทคโนโลยีโลหะวิทยา ของ Ford+Supplier (DANA Spicer® AdvanTEK®) นี่มันยังห่างชั้น กับของ Toyota Vigo มากมาย หรือป่าว
พอซ่อมเสร็จ ประกอบเกียร์กับ ช่างเอารถไปทดลองขับ อยู่หลายวัน หลาย km อาการเกียร์วืด ไม่มีแล้ว โหมด S ใช้ได้ปกติ เกียร์เปลี่ยนขึ้นสูง 4-5-6
แต่ดันเจออาการใหม่
และเป็นเหตุให้เสียเงินเพิ่มจาก 45,000 เป็นเกือบ 60,000
คือมีอาการกระตุก กระชาก รุนแรง ตอนเปลี่ยนเกียร์ 4 ไป 5 ช่างก็วิเคราะห์ งม อยู่หลายวัน ไม่เจอต้นตอ ต้องผ่าเกียร์อีกรอบ
และตามสูตรเดิม Escalate หาอาจารย์ คราวนี้ มุ่งไปที่ชุด Vale body ก็ถอดมาล้าง ประกอบกับ ไม่หาย อาการกระตุกจาก 4 ไป 5 ยังมี
ช่างเลยโทรมาขออนุมัติ เบิก Vale body ใหม่พร้อมส่วนควบ จุกจิก สิริรวม 18,000
ผมก็อนุมัติ แต่มีข้อแม้ว่า ชัวร์นะ ต้องหาย ไม่ใช่เปลี่ยนหว่าน ซึ่งช่างก็กล้าให้คำมั่น พร้อมบอกว่า ถ้าไม่หายก็ไม่เก็บเงินอะไหล่ชิ้นนี้
สุดท้ายมันก็หาย เกียร์ทำงานปกติทุกอย่าง รับรถกลับมา ใช้งานมาอีก 2 สัปดาห์ ก็ยังปกติ
สรุป
1.ใช้เวลาทั้งหมด 28 วัน สำหรับงานซ่อม ทั้ง 2 อาการ และรออะไหล่ ซึ่งผมว่าไม่นานสำหรับ Ford แต่เร็วมากต่างหาก (แต่ Honda City ป.1 ซ่อมห้าง รออะไหล่กันชน แผ่นปิดท้องเครื่อง แผ่นปิดซุ้มล้อ มา 4 เดือน ยังไม่ได้เลย ซึ่งปกติไม่นานขนาดนี้)
2.ช่างไม่มั่นใจ ไม่เคยทำ แต่ก็พยายามมาก และก็พยายามช่วยเรา มากกว่าคำว่าช่างกับลูกค้า โทรรายงานความคืนหน้าตลอด สงสัยเป็นเพราะคนบ้านเดียวกัน ประทับใจครับ
3.น้ำมันเกียร์ ตามคู่มือเปลี่ยนที่ 195,000 km อาจจะเป็นสาเหตุให้ ฟันเฟืองสึกหรอสูง ซึ่งน้ำมันเฟืองท้ายก็เปลี่ยน 195,000 km เช่นกัน ผมเลยสั่งช่างเปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้ายอีกรอบ 1,782 บาท
4.รับประกันงานซ่อมและอะไหล่ 1 ปี หรือ 20,000 km
5.รวมทุกอย่าง ~60,000 บาท หักส่วนลดอะไหล่ 10% เหลือ 55,005.64 บาท
6.Vale body นี่หลายคันพังแต่ตั้ง ODO น้อยๆในระยะประกัน 3 ปีแรก ก็โชคดี เปลี่ยนฟรีไป ของผมดันอึดซะงั้น เสียตังค์เองเบย
7.ท่านเจ้าของ BT50-Pro AT & Everest คงต้องระวังกันหน่อย ด้วยนะครับ
ข้างล่างคือรูปอะไหล่ Vale body มั้งผมไม่แน่ใจ และรายละเอียด ค่าอะไหล่ ค่าบริการ
เกิดมาแกร่ง แต่ไม่แข็งแรงตอนโต เอ๊ะหรือจะแก่แล้ว