ก่อนอื่นเราจะต้องทำการแยกการชนออกเป็น 5 กลุ่ม1. การเฉี่ยวทั่วๆไป เช่นการเบียดเสา การเฉี่ยวกันระหว่างขับขี่แบบใช้ความเร็วต่ำ เป็นต้น
การชนระดับนี้ เป็นการเฉี่ยวชนที่ทำความเสียหายได้เฉพาะพื้นผิว แค่เกิดรอยขีดข่วนสีถลอก หรือรอยบุบเท่านั้น
การซ่อมแซมก็แค่ทำสีใหม่หรือบางทีอาจเปลี่ยนชิ้นส่วนชิ้นนั้นได้การชนแบบนี้สามารถเกิดได้กับรถทุกๆคัน ซึ่งเป็นการชนที่ไม่เกิดการกระทบระบบความปลอดภัยของตัวถังรถนั่นแสดงว่าสามารถซื้อรถมือสองที่ผ่านการชนแบบที่ 1 ได้อย่างไร้กังวล
2.การชนระดับเบา เช่นการชนท้ายเนื่องจากชะลอความเร็วไม่ทัน หรือการชนกันโดยใช้ความเร็วร่วมไม่เกิน 20 ก.ม./ช.ม. การชนระดับนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนที่กระแทกได้จนถึงระดับบุบลึกหรือฉีกขาดได้ อย่างเช่นการชน บริเวณกันชนที่ปัจจุบันมักทำมาจากวัสดุพลาสติกจนสามารถฉีกขาดได้ แต่ส่วนใหญ่การชนระดับนี้จะไม่กระทบไปถึง โครงสร้างความปลอดภัยนั่นก็แสดงว่า ท่านสามารถเลือกซื้อรถที่เคยเกิดการชนระดับเบาได้โดยไม่ต้องกังวลในความปลอดภัยในการขับขี่เช่นเดียวกันกับแบบที่ 1
3.การชนระดับปานกลาง ที่ความเร็วร่วมไม่เกิน 50 ก.ม./ช.ม. การชนแบบนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนความปลอดภัยต่างๆได้ไม่น้อย เช่น คานรับแรงกระแทกต่างๆและอาจสร้างความเสียหายได้ในชิ้นส่วนรอบๆบริเวณที่ชน อาทิเช่นการชนท้ายที่ความเร็วนี้สามารถสร้างความเสียหายให้แก่กันชนท้าย อ่างยางอะไหล่ ไฟท้ายและตัวถังส่วนเบ้าไฟท้ายเป็นต้นการชนระดับนี้สามารถทำการซ่อมแซม เปลี่ยนอะไหล่ เคาะบริเวณที่เสียหาย ไปจนถึงการตัดต่อชิ้นส่วนต่างๆที่เสียหายจนไม่สามารถเคาะซ่อมได้ซึ่งรถที่ได้รับการชนในระดับนี้ยังจัดว่าเป็นรถที่มีความปลอดภัยในการขับขี่อยู่ แต่ส่วนที่ได้รับการซ่อมแซมมาอาจไม่เรียบร้อยเท่ารถใหม่ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการรั่วซึมหรือเกิดสนิมได้รวมถึงถ้าการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆไม่ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตจากโรงงานผู้ผลิต และได้รับการติดตั้งโดยช่างที่ไม่ใช่ผู้ชำนาญการก็สามารถสร้างปัญหาให้แก่ผู้ใช้ได้มากทีเดียว
4.การชนหนัก ระดับเริ่มต้นที่ความเร็วร่วมไม่เกิน 80 ก.ม./ช.ม. การชนระดับนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับระบบโครงสร้างความปลอดภัย และชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์และช่วงล่างเรียกได้ว่าการชนแบบนี้มีผลกระทบเป็นบริเวณกว้างเช่นถ้าได้รับการชนด้านหน้าในระดับนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นสามารถเกิดได้กับตัวถังทั้งชิ้นในส่วนที่ 1 ใน 3 ส่วนของรถ ส่วนของเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆในห้องเครื่อง ระบบไฟฟ้า รวมถึงช่วงล่างและความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจมากขึ้นได้ถ้าการชนเป็นไปแบบแนวเฉียง ชนเข้าที่ด้านข้าง หรือที่มุมต่างๆการชนแบบนี้เป็นการชนที่สามารถกระทบกับระบบโครงสร้างความปลอดภัย นั่นหมายถึง รถที่ผลิตจากโรงงานผลิตส่วนใหญ่จะสามารถปกป้องความปลอดภัยของผู้โดยสารได้จากการชนระดับนี้ แต่ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นการซ่อมรถที่ชนหรือพลิกคว่ำในระดับนี้ทำได้ตั้งแต่ ตัดต่อ ดึงโครงสร้าง เปลี่ยนชิ้นส่วนทุกชิ้นบริเวณรอบๆ รวมไปถึงการไปเอาโครงรถรุ่นเดียวกัน(หรือรุ่นอื่นๆที่ดัดแปลงกันได้)มาเชื่อมใหม่ซึ่งแน่นอนว่า รถที่เกิดอุบัติเหตุระดับนี้เราไม่ควรมีไว้ในครอบครองเด็ดขาด เว้นแต่จะสามารถซื้อได้ในราคาถูกมากๆ และผู้ใช้รู้ดีว่าการใช้งานจะต้องไม่มีความเสี่ยงต่อการชนในครั้งต่อไป
5.การชนหนักมาก ที่ระดับความเร็วตั้งแต่ 120 ก.ม./ช.ม. ขึ้นไปการชนระดับนี้ สามารถทำให้รถทั้งคันกลายเป็นกองเศษเหล็ก ไม่สามารถมองออกว่าด้านนี้เป็นด้านไหน หรือก้อนนี้มันก้อนอะไรและส่วนใหญ่ ผู้โดยสารก็ไม่สามารถออกมารับรู้ได้ว่าหลังการชนนั้นรถตนเองสามารถซ่อมได้หรือเปล่า
การหาซื้อรถชนในระดับนี้คงไม่ต้องพูดถึง
ที่มา
http://sabuycar.blogspot.com