Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Nikle_pk ที่ สิงหาคม 28, 2013, 11:22:24
-
สำหรับผมรถ Hybrid มันดูดีมากครับ ประหยัดคุ้มค่า ทันสมัย
ถ้าใครบอกว่าออกรถใหม่ป้ายแดงมาเป็นเครื่อง Hybrid จะรู้ได้เลยว่า
ต้องเป็นตัว Top ที่ราคาแพงกว่ารุ่นเบนซิลธรรมดาอยู่มากทีเดียว
จะภูมิฐานขึ้น ดูดีขึ้นอีกมาก ถ้าใช้รถ Hybrid
-------------------------------------------------
แต่เวลาขาย มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยครับ
พอบอกว่าจะขายรถ Hybrid คนเบือนหน้าหนีเลย
ด้วยเหตุผลที่ว่า แบตเตอรรี่เสื่อม ค่าบำรุงรักษาแพง
ราคาตกเยอะมาก และราคาถ้าเทียบกับตัวน้ำมัน
ร่วงจนน่าใจหายเลยครับ ส่วนต่างตอนซื้อที่แพงกว่า
ได้รถที่แรง+ประหยัด แต่ที่ประหยัดไปนั้น ถ้ารวมๆกับ
ราคาตอนซื้อที่แพงกว่า กับ ราคาขายต่อที่ตกเยอะมาก
คิดๆดูแล้วเยอะมากๆเลยนะครับ
--------------------------
ปล.ผมแค่ตั้งข้อสังเกตุเฉยๆครับ เพราะผมกำลังหาซื้อ Alphard มือสองอยู่
ตัว Hybrid ถูกมากเลย แต่ก็มีแต่คนบอกว่าให้ซื้อตัวน้ำมันเท่านั้นน่ะครับ
คิดเห็นกันยังไงบ้างครับ สำหรับผมว่าเทคโนโลยี Hybrid น่าใช้มากๆ
ถ้าอุปกรณ์ซ่อมบำรุงมีราคาถูกลงกว่านี้
-
1. ไม่ได้ซื้อมาขาย
2. ก็ไม่ได้ซื้อมาขาย
3. ผมพอเข้าใจมุมมองคนจะซื้อมือ 2 hybrid ตอนนี้ค่อนข้างมีเหตุผลเรื่องราคาค่าซ่อม
ส่วนตัวเจอมาเยอะกับคำว่า hybrid ไม่ดี ทั้งที่ตัวเองก็ฟังเขามาอีกที !! เราก็ได้แต่เงียบๆ กับคนแบบนี้ ความต้องการไม่เหมือนกันครับ
:) :) :)
-
ราคาซื้อแพงกว่า
ค่าน้ำมันถูกกว่า
ราคาขายต่อถูกกว่า
ผมกว่ารวมๆแล้ว Total Cost ของรถ Hybrid แพงกว่ารถธรรมดาเยอะ
-
ที่เป็นแบบนั้นเพราะเป็น Alphard นำเข้าครับ เค้าไม่ได้รับประกันแบต 10 ปีเหมือน Camry Prius ของ TMT
จริงๆรถมันดีมาก แม้แบตมันจะมีเสื่อมก็ตามที แต่ผมเชื่อว่าในระยะยาว ราคาแ[ตจะถูกลง เก็บประจุได้มากขึ้น น้ำหนักเบาลง
ไม่แน่อีกสิบปีที่แบตหมดอายุ อาจจะมีแบตโม แบตเทียบ แบต Hi-Performance อะไรแบบนี้ก็ได้
ขนาดถ่านไฟฉายแม่งยังมีmyhงธรรมดา อัลคาไลน์ อีโวลต้าเลย 55555+
-
โชคดีที่ตอนกำลังตัดสินใจซื้อรถ มีเงินไม่พอจะซื้อไฮบริด
-
รถ Hybridราคาตกมาก คือตกลงมาเท่าไหร่บาทครับ
เมื่อเปรียบเที่ยบกับราคาซื้อ ทราบเเต่ตกมากๆ ๆ ๆ ๆ เพราะเหตุผลมากมาย
ดังนั้นขอทราบข้อมูลตัวเลขจากผู้มีประสบการณ์ตรง(HLMมีไม่น้อยเเน่)ครับเพื่อ เป็น"ข้อจริง"
ไว้ใช้ตัดสินใจ ทั้ง prius camry alphard etc. ขอบคุณครับ
ขอบคุณ จขกทด้วย ครับ
-
ใช้รถแนวนี้อย่าไปคิดมากเรื่องขาย แค่คุณซื้อมาใช้ใจก็หล่อมากแล้ว เพราะต้องมั่นใจว่าคุ้มตั้งแต่แรกซื้อเลย
-
เหตุผลหลักๆ(ของตัวเอง) ที่เลือก Hybrid
1. เพราะเป็นพลังงานทางเลือกใหม่ระหว่างราคาน้ำมันที่สูงกับไม่อยากติดแก๊ส
(บ้านเราคงรออืกนานนนนกว่าจะมีรถเสียบปลั๊กราคาถูกให้ได้ใช้)
2. เทียบoptionกับราคาแล้วพอรับได้
3. ใช้รถนานมากกว่า 10 ปี
แต่สิ่งที่กังวลก็คือเรื่องแบตเตอรี่นี่แหล่ะ
หวังว่าจะมีการพัฒนาให้เป็นประโยชน์กับผู้บริโภค
ฝากด้วยละกัน (Camry Hybrid)
;D ;D ;D
-
เหมือนราคารถ BMW Volvo นะครับที่ตกมากๆ
เพราะคนกลัวว่ามันซ่อมแพงจุกจิกนะครับ
-
ขอตอบจากประสบการณ์ตรงครับ
ราคาที่ตกของ Hybrid ไม่ใช่ตกเพราะคุณภาพรถครับ รถไม่มีปัญหา ไม่ได้ซ่อม ขายแล้วราคาตกก็ไม่ขายสิครับ เว้นเสียแต่คุณต้องการใช้เงินหรืออยากเปลี่ยนรุ่น
ที่ตกเป็นเพราะความนิยมในตลาดมือสองครับ ถ้าคุณจะซื้อรถมือสองซักคัน แน่นอน สิ่งที่คุณต้องการอำดับต้นๆ คือราคา และคุณภาพพอรับได้ ซึ่งอาจจะมาจากหลายเหตุผล เช่น ประหยัด กะใช้ไม่นาน หรืออื่นๆ เพราะถ้าคุณไม่มีปัญหาเรื่องราคารับรองคุณไม่มาออกมือสองหรอกครับ ดังนั้นปัจจัยหลักๆที่คุณต้องการในระยะยาวมันเลยไม่มีไงครับ เพราะคุณอยากได้รถในงบประมาณที่จำกัด นอกจากนั้นยังมีเรื่องแบตที่เป็นจุดอ่อนที่โตโยต้ายังไม่สามารถแก้ไขด้านการให้ข้อมูลได้ ทำให้มันถูกนำมาเป็นข้ออ้างในการต่อราคาเสมอๆในตลาดมือสอง
เหตุผลของบ้านผมที่ซื้อให้แฟนขับคือ (แต่เดิมแฟนขับ 2.0 G)
- ไม่ชอบติดแก็ส
- คันเก่ากืนน้ำมัน 6 - 9 โลลิตรในเมืองผสมนอกเมือง ค่าน้ำมัน เดือนละ 12,000 อย่างต่ำ ปัจจุบันเหลือ 6,000 ครับ
- อยากได้เครื่องระดับ 2.4 เพราะปลอดภัย นั่งเต็มคันยังเร่งแซงตอนฉุกเฉินได้ (2.0 นี่ มือเปียกเลยนะครับ ยิ่งถ้าเครื่องเกินแสนห้าแล้ว อืดลงอย่างชัดเจน)
- ระบบความปลอดภัยครบๆ
- บ้านผมใช้รถเฉลี่ย 10 - 12 ปี ดังนั้นค่าน้ำมันที่ประหยัดไป ปีละ 72,000 * 10 ปี= 720,000 ยังไงก็คุ้มกับส่วนต่างที่จ่ายค่า Hybrid ครับ (แพงกว่า 2.4 หรือ 2.5 ธรรมดา แค่ แสนกว่าบาท)
สุดท้ายผมเห็นด้วยเรื่องราคาขาย ถ้าคุณจะซื้อมาเก็งกำไรคงขาดทุนเยอะหน่อย แต่ถ้าซื้อมาใช้ยาวๆ น่าจะคุ้มกว่าตัวธรรมดาที่เครื่องเท่ากันครับ (อย่าไปเทียบกับ 2.0 นะครับ)
-
จะจ้องอะไรกะไฮบริดมันนักหน๊าาาาาาา ฮื้ออออออ???
ราคาตกก็ช่างมันเฮ๊อะะะะะะ คนซื้อมาก่อนเค้าก็รู้กันว่าขายต่อแล้วราคาตก
แต่เค้าก็ซื้อกันค๊าบบบบบบ
-
ส่วนตัวผมเข้าใจว่าระบบ Hv ไม่ใช่ระบบที่มีความประหยัดอย่างเดียวแต่มีทั้งอัตราเร่งที่เพิ่มขึ้น มลพิษที่น้อยลง
ส่วนเรื่องราคาตกรถอะไรก็ตกครับยกเว้นจะซื้อรถ Classic ที่ตกสุดแล้ว :P
แต่ที่รู้สึกว่ามันราคาคกจัดเพราะ Hv ดังสุดคือ T ที่ว่ากันว่าซื้อง่ายขายคร่องราคาตกน้อย
-
แบตลูกละ 8 หมื่นเองครับ ใช้ไปสัก 8 ปี ลองเปลี่ยนแบตก่อนขายแล้วเอาใบเสร็จให้คนซื้อดูเลยว่าเขาจะหาข้ออ้างอะไรมากดราคาอีก
-
สำหรับผม ไฮบริดตอบโจทย์ ซื้อมาใช้งาน ไม่ได้เก็งกำไรใดๆในส่วนนี้ หลายๆคนก็มีทรัพย์สินส่วนอื่นที่เก็งกำไรอยู่แล้ว
ผมซื้อรถแต่ละคันตามที่ผมชอบต้องการและตอบโจทย์
ถ้ารับไม่ได้กับค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ ก็ใช้บริการสาธารณะ หรือซื้อรถมือสองที่valueลดลงไม่มากแล้วก็ได้ครับ
รถยนต์มันก็ราคาตกทั้งนั้นมากบ้างน้อยบ้าง การเลือกรถก็อยู่ที่ว่าโจทย์คุณเป็นอะไร เหมือนซื้อความสุขสบายก็ได้
เพราะหลายๆคนก็ยอมอดทนใช้รถที่ตนไม่ชอบ สีที่ไม่ชอบ เพื่อราคาขายต่อ
หรือทำรถตนเองเป็นรถบริการสาธารณะก็ได้เพื่อคืนทุนส่วนหนึ่งครับ แสดงทรรศนะส่วนตัวเฉยๆ ไม่ถูกใจใครขออภัย ณ ที่นี้ด้วยครับ
-
รถไฮบริดที่บ้านผมซื้อเมื่อปีที่แล้ว Prius 1.369 ล้านบาท ตอนนั้นเที่ยบกับ Benz C200 standard 2.149 ล้านบาท
สุดท้ายเลือก Prius เพราะ 1. ถูกกว่าเกือบล้าน 2 . ประหยัดกว่า 18-19 โลลิตร ต่อ 9-10 โลลิตรของเบนซ์ 3. ผมเช็คระยะ 6เดือน กะ 12 เดือน ครั้งล่ะ พันปลายๆ ส่วนเบนซ์เท่าที่ถามมา service A กับ service B อย่างล่ะ ประมาณ 4-6000 บาท
รถยุโรปราคาตกหนักกว่าเยอะคนยังซื้อใช้ทั่วบ้านทั่วเมือง ดังนั้นถ้าราคาไฮบริดตกกว่ารถปกติอยู่บ้างก็ชั่งมันใช้แล้วมีความสุขก็พอ...จบ ประหยัดซื้อ ประหยัดใช้จ่าย สำหรับโจทย์ตอนนั่นของที่บ้าน
อ้ออีกอย่างที่เลือกพรีอุสเพราะ C200 standard เบาะเป็นแค่กึ่งๆไฟฟ้าซึ่งลำบากมากสำหรับแม่ผม(คนขับ)เวลา
โก่งหลังเลื่อนเบาะถอยหน้าถอยหลัง
* ปล. อาจเทียบมวยไม่ค่อยตรงรุ่น แต่ตอนนั้นที่บ้านผมกำลังเลือก2คันนี้อยู่พอดี
-
สำหรับผมผมไม่เคยมองว่าไฮบริด หรูกว่า ภูมิฐานกว่าอะไรเลยนะ คนรอบๆตัวผมก็เช่นกัน ถ้าตัดความคิดส่วนนี้ออกได้ก็จบละครับ
จะเหลือแค่ซื้อไฮบริดเพราะอยากได้ออฟชั่นเยอะกว่า ประหยัดกว่า แล้วเอาไปเวทกับราคาขายต่อเอา
-
ขึ้นชื่อว่ารถ มียี่ห้อไหนบ้างไม่ตก
ตกมาก ตกน้อย มันก็ราคาตก
ลองเข้าไปค้นหาใน 1 2 car ตัวอย่าง bmw e 90 320d ปี 2010 ราคาเหลือ ประมาณ 1.6-1.7 ล้าน ก็ตกมา 1 ล้านบาทสำหรับรถใช้งานมา 3 ปี หรือ 35-40%
เทียบเป็น % ก็พอๆกันละครับ
ซื้อรถมาใช้ ไม่ได้ซื้อมาขาย มีความสุขที่ได้ใช้ เมื่ออยากเปลี่ยนดูเงินในกระเป๋า มีพอก็เปลี่ยน ไม่พอก็ใช้ต่อ
สำหรับผม รถซื้อมา คิดตามมูลค่าทางบัญชี ซื้อพรีอุสมา 1.3 ล้าน ผมตัดค่าเสือม เอาเงินเข้าบัญชีเพิ่มเดือนละ 25,000 บาท กะใช้ 5 ปี พอถึง 5 ปี จะมีเงินในบัญชี 1,500,000 บาท ส่วนตัวรถพรีอุส จะขายได้เท่าไรก็เท่านั้น มีความสุขที่ได้ ปล่อย co สู้บรรยากาศน้อยลงหน่อย ถือสะว่าเสียเงินเพิ่มเพื่อช่วยอากาศในกรุงเทพ แม้เพียงเสียวนิดกระจิดลิด แต่ก็ได้เริ่มลงมือ ถือเป็นเงินเพื่อสังคม แล้วก็ค่อยดูๆรถในอีก 5 ปีที่ราคาไม่เกิน 1.5 ล้าน แล้วก็ทำเหมือนเดิม เก็บเงินในบัญชีต่อไปเรื่อยๆ ครบ 5 ปี ค่อยคิดใหม่
-
hybrid alphard/estima ซื้อไม่ได้เลย....ค่าซ่อมแต่ละครั้ง 4x,xxx ขึ้นไป (รถหมดประกัน.....เจ้าของเสร็จเป็นตัวประกันแทน)
เนื่องจาก hybrid ของสองตัวนี้ ระบบระบายความร้อนแบตตัว alphard ห่วยสุดถ้าใช้ในเมืองร้อน (estima ระบายร้อนแบตดีกว่าหน่อย)
ดังนั้นถ้าอยากลองใช้ เวลาเปิดแอร์ต้องให้ห้องโดยสารเย็นๆ ผู้โดยสารหนาวให้ใส่เสื้อหรือหาผ้าห่มติดรถจะดีที่สุด อย่าปรับอุณหภูมิ
ต่ำกว่า 20 องศา
-
ถ้ามองข้อเสียอย่างเดียว แต่ไม่นำมาหักลบกับข้อดี เราก็จะได้คำตอบที่อยู่ในด้านไม่ดีเท่านั้น
ด้านดี อ่านดู ก็มีหลายท่านตอบไว้เยอะแล้ว
มีด้านที่เกี่ยวกับเรื่องซ่อมอยู่อันนึง ยังไม่เห็นมีใครพูดถึง
เพื่อนผมใช้ ALphard ซื้อเกรย์ แบตไม่เจ๊ง แต่ชุดมอเตอร์ปั่นไฟเจ๊ง ตอนรถวิ่งมา 3 ปี 2 เดือนกว่าๆ เลขไมล์หนึ่งแสนห้าพันกว่ากิโล
โดนไปร่วม 3 แสน อาจจะเป็นเพราะเป็นรถรุ่นที่ TMT ไม่ได้ทำตลาด มันจึงแพงหรือเปล่าไม่ทราบ ก็ลองเก็บไว้เป็นข้อมูลเพื่อชั่งน้ำหนักดูครับ
ผมว่าหลายๆท่าน ที่มีกำลังถึงในการซื้อรถ ไม่ค่อยมีเวลามาคิดเรื่องเหล่านี้เท่าไหร่
แบบว่า เออ อยากลองนะ พอลองแล้วมันไม่ดี วันหลังก็ไม่ซื้ออีก จบ............แค่นั้น
ถ้ายี่ห้อนี้ดี ก็ใช้ต่อ แฮปปี้กันไป
ทำใจไม่ได้ ก็ซื้อ 2.5 ติดแก๊ส ก็ประหยัดได้ครับ
-
ผมว่าในไทยคงจะมีน้อยคนนักหรือก็ไม่มีเลยรึป่าวนะที่ซื้อไฮบริด เพราะรักษ์โลก
เพราะมุมมองคนไทยที่มีต่อไฮบริด น่าจะเป็นรถอีกระดับหรือป่าว เหมือนกับที่พี่โตสร้างภาพลักษณ์
แต่H ไม่พูดถึงรายนั้นคิดผิดที่เอาเข้ามา
-
เท่าที่ดู คนที่ถามผมเรื่องที่ใช้ Prius เค้าจะสนใจเรื่องความไฮเทค หรู ประหยัดน้ำมันมั้ย ไม่กลัวซ่อมแพงเหรอ
ไม่ค่อยมีใครรู้หรือสนใจประเด็นเรื่องรักษ์โลกเท่าไรครับ
สำหรับผม ราคา + Option + เทคโนโลยี + ประหยักน้ำมันสุดๆ มันเป็นอะไรที่ผมยอมเหน็ดเหนื่อยทำงานเพื่อที่จะไปแลกมันมาขับได้ครับ
เรื่องขายต่อนี่ไม่ได้สนใจเลย ใช้ 5 ปีก็เปลี่ยน เผลอๆจะเปลี่ยนเป็น Prius Gen 4 ด้วย ติดใจ ;D
-
ถ้ามองข้อเสียอย่างเดียว แต่ไม่นำมาหักลบกับข้อดี เราก็จะได้คำตอบที่อยู่ในด้านไม่ดีเท่านั้น
ด้านดี อ่านดู ก็มีหลายท่านตอบไว้เยอะแล้ว
มีด้านที่เกี่ยวกับเรื่องซ่อมอยู่อันนึง ยังไม่เห็นมีใครพูดถึง
เพื่อนผมใช้ ALphard ซื้อเกรย์ แบตไม่เจ๊ง แต่ชุดมอเตอร์ปั่นไฟเจ๊ง ตอนรถวิ่งมา 3 ปี 2 เดือนกว่าๆ เลขไมล์หนึ่งแสนห้าพันกว่ากิโล
โดนไปร่วม 3 แสน อาจจะเป็นเพราะเป็นรถรุ่นที่ TMT ไม่ได้ทำตลาด มันจึงแพงหรือเปล่าไม่ทราบ ก็ลองเก็บไว้เป็นข้อมูลเพื่อชั่งน้ำหนักดูครับ
ผมว่าหลายๆท่าน ที่มีกำลังถึงในการซื้อรถ ไม่ค่อยมีเวลามาคิดเรื่องเหล่านี้เท่าไหร่
แบบว่า เออ อยากลองนะ พอลองแล้วมันไม่ดี วันหลังก็ไม่ซื้ออีก จบ............แค่นั้น
ถ้ายี่ห้อนี้ดี ก็ใช้ต่อ แฮปปี้กันไป
ทำใจไม่ได้ ก็ซื้อ 2.5 ติดแก๊ส ก็ประหยัดได้ครับ
น่าจะเป็นตัว inverter หรือภาษาชาวบ้านเรียกง่ายๆว่า"หม้อแปลง" ตัวนี้แพงจริงครับเจ๊งทีหลักแสน แต่มันก็ไม่ได้พังกันง่ายๆ มีเพื่อนของเพื่อนใช้ prius รุ่นที่แล้วจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับระบบ hybrid เสียเลย
-
คิดซะว่าทำเพื่อโลกนะครับ
-
เอาละ ไขข้อข้องใจ
เรื่องของเรื่องคือ ทุกคนยังไม่แน่ใจ ในแบ็ตเตอรี และการซ่อมบำรุงระบบ
1. ลูกค้า ยังกลัว คำว่า แบ็ตเตอรี ยังเข้าใจกันว่า ไอ้แบ็ตลูกโตนั่นต้องเปลี่ยนทุก 2 ปี
ซึ่งความจริง "ไม่ใช่!" จะบ้าเหรอ! ถ้าเปลี่ยนจริง ตายห่าสิครับแบบนั้น
ข้อเท็จจริงคือ ไอ้แบ็ตลูกโตเนี่ย มันอยู่ได้ เกิน 10 ปี ทั้งนั้น มันมีเสื่อมบ้าง
แต่ไม่มากนักหรอก
ส่วนไอ้ที่เสื่อมๆ พังๆกัน นั่น มีหลายสาเหตุ
1.1 ไม่ค่อยใช้รถเลย จอดไว้เฉยๆ บ่อยๆ
อย่าง Prius คันหนึ่ง ที่เคยทราบมา Toyota เคยถวายในหลวงของเรา
ท่านไม่ค่อยได้ใช้รถคันนี้ จอดไปนานๆ แบ็ตมันเลยเสื่อม แล้วแบ็ตนั่นก็รุ่นแรกเลย
มันก็ไม่ได้ดีเท่ากับพวกรุ่นใหม่ๆสมัยนี้นัก
1.2 ใช้งานเกินเหตุ ไม่บันยะบันยัง
พวการถตู้ Alphard หรือ Estima Hybrid หนะ เวลาวิ่งออกต่างจังหวัดกัน
อย่ามาพูดเลยว่า ขับรักโลก 80 - 90 ไม่จริงละ ไอ้ที่เห็นๆกันเนี่ย วิ่งกันทีื 120 - 140
บางคันหนักกว่านั้น มิดตีน Top Speed ตลอด
ไอ้การขับรถพวกนี้ มิดตีน ตลอด แบ็ตเตอรี คือผุ้รับเคราะห์
อธิบายให้เข้าใจกันง่ายๆ คือ
เพราะไฟในแบ็ตจะถูกดึงไปใช้ตลอดเวลา เยอะมาก พร้อมกันนั้น
ก็ต้องรับกำลังไฟที่เครื่องยนต์ ปั่นส่งมาให้ ตลอดเวลา มันก็ร้อนสิจ้ะ
ร้อนบ่อยๆ เข้า ทำงานหนักบ่อยๆเข้า การเสื่อมอายุของมัน ก็จะเกิดขึ้นเร็ว
กว่าที่ควรเป็น
ดังนั้น ขับรถ Hybrid ถ้าอยากใช้รถแค่ไม่กี่ปีก็เปลี่ยน จัดเลยครับ
กดให้เต็มที่ เอาให้หนัก แต่คิดถึงตอนเปลี่ยนรถ ละกัน ราคาขายต่อ ตกไหม?
ถ้าขับใช้งานปกติ เร่งบ้าง เหยียบบ้าง คลานเป็นส่วนใหญ่ แบ็ตพวกนี้ ทนทาน
กว่าแบ็ตลูกเล็กปกติที่ต้องเปลี่ยนทุก 2 ปีนั่นชัวร์ครับ
ติดดูว่า ขนาดรถแช่น้ำท่วม จอดทิ้งไว้เป็นปีนึง ไฟในระบบยังเหลือ 60%
ตามตำราญี่ปุ่น เขียนมาให้อ่านกันเปีะ! เอา Volt meter เสียบให้ดูกันจะจะ
มันยังเหลืออยู่ครบ!! นี่คือ แบ็ตรุ่นใหม่ ของ Camry Hybrid นะครับ
ไม่ใช่แบ็ตของ Prius รุ่นแรกนั่น บอกกันไว้ก่อน เดี๋ยวจะหาว่า เขียนแย้ง
กับสิ่งที่ตัวเองเขียนข้อ 1.1 ไว้
2. ไอ้ข้อมูลที่เขียนมาข้างบนนี้ คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ที่หนักกว่านั้นคือ พ่อค้ารถมือสอง เค้าก็ไม่รู้!
เมื่อไม่รู้ คนก็เกิดความกลัว
บอกทางฝ่ายเทคนิคของ Toyota ไปแล้วครับว่า วิธีแก้ โคตรง่ายเลย...
"เชิญ พ่อค้ารถมือสอง เต๊นท์ใหญ่มาสัก 20 -30 เต๊นท์ ในกรุงเทพฯ"
แล้วตามหัวเมืองใหญ่ๆ อีกสัก 100 กว่าๆ มาเข้าคอร์สความรู้เรื่องระบบ Hybrid
สัก 1-2 วัน กินอยู่ที่พักฟรี จัดที่โรงแรม แบบเดียวกับจัดงานให้นักข่าวนั่นแหละ"
แค่เนี้ย รับประกัน ราคารถ Hybrid มือสอง ที่รับซื้อเข้ามาหนะ
จะพุ่งขึ้นทันที
จากที่รับซื้อ Camry Hybrid ที่ 6 แสนกว่าๆ อาจได้ถึง 7 แสนกว่าๆ และราคาปล่อย อาจมี 8 แสนกว่า
ได้สมดังใจปอง!
-
เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามีคนคิดว่าแบตไฮบริจต้องเปลี่ยนทุก2ปี
-
คุณจิมมี่ แล้วแคมรี่ ไฮบริดกับพรีอุส ถ้าขับเร็วบ่อยๆ แบตจะเสื่อมเร็วเหมือน alphard ไหมครับ :)
-
ถามแบบไม่รู้จริงๆนะครับ...คือ ถ้าแบตเสื่อม ยังใช้รถได้ตามปกติหรือไม่ครับ
-
แคมรี่ hv ที่บ้านเต๊นท์ตีราคาให้ 650k แบบว่า เอิ่มมมม....ราคาลงพอๆกะ bm เลย >:( >:(
-
:-\
ถามแบบไม่รู้จริงๆนะครับ...คือ ถ้าแบตเสื่อม ยังใช้รถได้ตามปกติหรือไม่ครับ
ผมว่านะจะยังใช้ได้อยู่นะครับ แต่แบตอาจจะไม่ค่อบเก็บประจุไฟ เครื่องอาจจะต้องปั่นไฟมากกว่าปกติ อาจจะส่งผลต่อ ความประหยัดเชื้อเพลิง แต่ถ้าพังเลยนี้ขับไม่ได้เลยครับ
ปล.ในความคิดผมนะครับ รอผู้รู้มาตอบอีกทีครับ
-
.
.
.
ผมรอให้เทคโนโลยีมันนิ่งๆกว่านี้ก่อนดีกว่า
ตอนนี้ใช้น้ำมันปกตินี่แหละสบายใจสุดละ
และปีๆนึงก็ไม่ได้ใช้รถเยอะอะไร ไม่อยากปวดหัว
-
ความเชื่อเก่าๆยังตามมาหลอกหลอนครับ
แต่ก็จริงนะตอนซื้อป้ายแดง มันโก้ มันหรู กว่าตัวธรรมดาจริงๆ ใครๆก็รู้
แต่พอขาย ตกฮวบเลย
ถ้าเป็นผมคงไม่สนใจหรอกครับ ชอบอัตราเร่ง ภาพลักษณ์ และความประหยัด ขับในเมือง 99เปอร์เซ็น
-
:-\ถามแบบไม่รู้จริงๆนะครับ...คือ ถ้าแบตเสื่อม ยังใช้รถได้ตามปกติหรือไม่ครับ
ผมว่านะจะยังใช้ได้อยู่นะครับ แต่แบตอาจจะไม่ค่อบเก็บประจุไฟ เครื่องอาจจะต้องปั่นไฟมากกว่าปกติ อาจจะส่งผลต่อ ความประหยัดเชื้อเพลิง แต่ถ้าพังเลยนี้ขับไม่ได้เลยครับ
ปล.ในความคิดผมนะครับ รอผู้รู้มาตอบอีกทีครับ
เหมือนแบตมือถือใช่รึเปล่าครับ ชาร์ทสักพักก็จะเต็มเร็ว แต่ใช้ไปก็หมดเร็ว
ถ้าเป็นแบบนี้ คนซื้อมือสองก็ไม่ต้องแคร์อะไรมาก มันวิ่งได้แต่มันไม่ประหยัดเหมือนเคย
เข้าใจถูกต้องหรือเปล่า?
-
ผมว่าถ้าคิดเรื่องขายต่อมาก่อน การซื้อรถใหม่ขับ
รถมือสองน่าจะเหมาะกว่า หรือ รถ B segment ยี้ห้อ เจ้าตลาดครับ ตอบโจทย์แน่นอน ขับแล้วขายต่อ ราคาตกปีละเป็นหลักหมื่นครับ
ส่วน Alphard ที่ท่านเจ้าของกระทู้ ดูอยู่ รุ่นที่ขายมือสองนั้น เป็นรุ่นเก่า ระบบแบตตารี่ เป็นตัวเก่า ค่าซ่อม รวมถึง ค่าแบต แพงมาก ราคาเลยหายไปมาก
ตัวที่ขายโดย Toyota Thailand ก็จะมี Camry HV avc40, Prius Gen3, Camry HV avc50 และ Alphard HV (ตัวที่เครื่องเดียวกับ avc40) พวกนี้อะไหล่มีอยู่ในไทย เพราะ ประกอบไทย ราคาก็ไม่ได้โหดเหมือนตัวที่ผู้นำเข้าอิสระเอาเข้ามาขายครับ
ส่วนในตลาดมือสอง เต้นย่อมตีราคาให้ต่ำกว่ารถที่ไม่ใช่ Hybrid เพราะ ความเชื่อที่ว่าอะไหล่แพง จากตัวเก่าๆ มันลอยเข้ามาสำหรับคนที่ไม่รู้และไม่เข้าใจว่ามันต่างกันอย่างไรของตัวเก่าที่ถูกนำเข้ามากับตัวที่ประกอบในประเทศ
-
มือ 2
ที่ติด Lpg/NGV
ที่ทำแท็กซี
ไฮบริด
แต่ง โมมา เจอะ เสริมภายใน นอก
ชนมา ไม่ว่าจะเล็กใหญ่
สรุป รถที่ราคาตก ส่วนใหญ่ จะดัดแปลงจากเดิมๆ
แล้วถ้าจะขายรถมือ2 ควรทำให้รถอยู่ในสภาพเดิมมากสุด
ซึ่งถ้าเราเปลี่ยนแบตลูกใหม่ก่อนขาย ราคาก็อาจไม่ตกก็ได้น่ะครั
เหมือนเปลี่ยนยางก่อนขาย แต่ก็เป็นกรณีไป ตามสภาพดีมาน ซับพลาย ^^)
-
บอกทางฝ่ายเทคนิคของ Toyota ไปแล้วครับว่า วิธีแก้ โคตรง่ายเลย...
"เชิญ พ่อค้ารถมือสอง เต๊นท์ใหญ่มาสัก 20 -30 เต๊นท์ ในกรุงเทพฯ"
แล้วตามหัวเมืองใหญ่ๆ อีกสัก 100 กว่าๆ มาเข้าคอร์สความรู้เรื่องระบบ Hybrid
สัก 1-2 วัน กินอยู่ที่พักฟรี จัดที่โรงแรม แบบเดียวกับจัดงานให้นักข่าวนั่นแหละ"
แค่เนี้ย รับประกัน ราคารถ Hybrid มือสอง ที่รับซื้อเข้ามาหนะ
จะพุ่งขึ้นทันที
จากที่รับซื้อ Camry Hybrid ที่ 6 แสนกว่าๆ อาจได้ถึง 7 แสนกว่าๆ และราคาปล่อย อาจมี 8 แสนกว่า
ได้สมดังใจปอง!
ราคาขายออกเต๊นท์พุ่งขึ้นรึเปล่าครับ เอาที่อบรมมาอ้างลูกค้า
แต่ราคารับซื้อก็หาข้ออ้างเดิมๆมากดราคาเหมือนเดิม...แล้วก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ไป
-
รถHybrid มันดูเท่ด้วยเหรอครับอิๆ
camry hybrid เพิ่งซื้อมาเพราะอยากลองมองหา ความประหยัด ต่อมาดูรูปร่างหน้าตาโอเค พยายามมองให้สวย :D สุดท้าย ภายในโอเค ออฟชั่น พอกับความต้องการ เลยจัดไป ไม่ได้มองราคาขายต่อ ถึงแม้อนาคตอาจจะขาย เพราะมองว่ารถมาใช้งาน ไม่ชอบจะไม่ซื้อครับ ถ้าซื้อมาขนของว่าไปอย่าง
แต่ผมว่ารถทุกคัน มันตกเยอะหมดแหละครับ รถที่ไม่ใช่ hybrid เต๊นท์เค้าก็มีข้ออ้างของเค้าไปเรื่อย ตอนแรกจะขาย accord g8 2.4 navi ตัวทอปสุด ซื้อมา อีก3000 1.7 ล้าน ขับได้สามปี เต๊นท์ให้ ไม่ถึง700,000 เลยเก็บไว้ขับเองดีกว่า ยี่ห้อไหนก็ตกเหมือนกัน ยิ่งแพงยิ่งหายไปเยอะครับ ทำใจๆ
-
นอกจาก inverter ที่เสียแล้ว
ปั้ม ABS อีกตัวด้วยครับ ที่เสียเพราะว่า รุ่น ไฮบริด
มันไม่มีหม้อลมเบรค มันใช้ ปั๊ม abs ทำงานแทน
ที่ แอสติม่าคลับ เปลี่ยนกันตอน 5หมื่นโล หลายคันมาก
ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วยเพราะถ้าติดไฟแดงแล้วเหยียบเบรคคาไว้
ปั๊มทำงานตลอดครับ มันจะเสียตามนั้นเลย
ไม่ทราบ TOYOTA ไทยมีแก้ปัญหาข้อนี้ด้วยมั้ย
นอกจากย้าย inverter มาอยู่ตำแหน่งใหม่ที่ไม่เหมือนตัวมาจากjapan
-
แล้วถ้ามองข้ามแบตไปละครับ
มีอะไรที่รถ Hybrid มีมาไม่เหมือนกันรถปกติบ้าง
1 คอมแอร์
2 ปั้มเบรค
3 Inverter
ราคาอะไหล่พวกนี้แพงกว่าอะไหล่ของรถที่ใช้น้ำมันปกติหลายเท่าตัว
แล้วจะไม่ให้คนกลัวได้ยังไงละครับ
ประเทศเราใช้รถกันนานเป็นสิบปี ไม่เหมือนประเทศอื่นที่ห้าปีก็ขายท้ิง รถ Hybrid ที่ประเทศเค้าเลยฮิตกัน
-
:-\ถามแบบไม่รู้จริงๆนะครับ...คือ ถ้าแบตเสื่อม ยังใช้รถได้ตามปกติหรือไม่ครับ
ผมว่านะจะยังใช้ได้อยู่นะครับ แต่แบตอาจจะไม่ค่อบเก็บประจุไฟ เครื่องอาจจะต้องปั่นไฟมากกว่าปกติ อาจจะส่งผลต่อ ความประหยัดเชื้อเพลิง แต่ถ้าพังเลยนี้ขับไม่ได้เลยครับ
ปล.ในความคิดผมนะครับ รอผู้รู้มาตอบอีกทีครับ
เหมือนแบตมือถือใช่รึเปล่าครับ ชาร์ทสักพักก็จะเต็มเร็ว แต่ใช้ไปก็หมดเร็ว
ถ้าเป็นแบบนี้ คนซื้อมือสองก็ไม่ต้องแคร์อะไรมาก มันวิ่งได้แต่มันไม่ประหยัดเหมือนเคย
เข้าใจถูกต้องหรือเปล่า?
ผมว่าคงน่าจะแบบนั้นนะแบบว่า เวลาชาร์ตไฟเข้าใช้เวลาเท่าเดิม แต่หมดเร็วกว่าแต่ก่อน อะไรประมานนี้
-
นอกจาก inverter ที่เสียแล้ว
ปั้ม ABS อีกตัวด้วยครับ ที่เสียเพราะว่า รุ่น ไฮบริด
มันไม่มีหม้อลมเบรค มันใช้ ปั๊ม abs ทำงานแทน
ที่ แอสติม่าคลับ เปลี่ยนกันตอน 5หมื่นโล หลายคันมาก
ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วยเพราะถ้าติดไฟแดงแล้วเหยียบเบรคคาไว้
ปั๊มทำงานตลอดครับ มันจะเสียตามนั้นเลย
ไม่ทราบ TOYOTA ไทยมีแก้ปัญหาข้อนี้ด้วยมั้ย
นอกจากย้าย inverter มาอยู่ตำแหน่งใหม่ที่ไม่เหมือนตัวมาจากjapan
รถผม Camry hybrid avc40 ตอนนี้เกือบแสนโลแล้ว ส่วนใหญ่ขับในเมือง ไม่มีปัญหานะครับ แจ้งไว้เป็นข้อมูลครับ
-
ประเด็นที่ 1 คนออกรถไฮบริจน์ ไม่ได้ซื้อเอาประหยัดน้ำมันอย่างเดียว แต่ซื้อเพราะภาพลักษณ์ด้วย
เพราะถ้าคิดแต่จะเอาประหยัดน้ำมัน ส่วนต่างรุ่นไฮบริจกับรุ่นธรรมดาเป็นแสนๆบาท เท่ากับค่าน้ำมันที่เติมวิ่งได้อีกเป็นปีๆเลย
--------------------------------------------------------------------------------
ประเด็นที่ 2 กลุ่มคนซื้อรถมือสองประเภทรถยนต์ จะมีกลุ้่มหนึ่ง ที่ตั้งใจจะซื้อแล้วเอาไปติดแก๊สทันที ดังนั้น ไฮบริจน์ก็ไม่จำเป็นสำหรับรถมือสอง
อีกทั้งแบตเตอรี่ จะไปเกะกะพื้นที่การติดตั้งถังแก๊สด้วยอีกต่างหาก
---------------------------------------------------------------------------------
ประเด็นที่ 3 รถไฮบริจน์ ส่วนมากเป็นรถรุ่นท็อปของรุ่นรถนั้นๆ และมีราคาแพง (ราคาต่ำสุดมือ 1 คงเป็นแจ๊ส แต่ก็ยังเจ็ดแสนกว่าบาท ถือว่ายังสูดอยู่ดี)
ดังนั้นเมื่อราคารถแพงเกิน และไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล(ที่ได้รับการสนับสนุนจาก ปตท อย่างไม่เป็นทางการ)
ส่งผลทำให้ตลาดรถมีน้อย เมื่อรถไฮบริจน์ในตลาดมีน้อย คนก็เล่นน้อยตาม ดีมานด์น้อย ก็ทำให้ราคาตก (เช่นเดียวรถที่ไม่ใช่ยี่ห้อตลาด จะราคาตกกว่ารถยี่ห้อตลาด)
----------------------------------------------------------------------------------
ประเด็นที่ 4 คนที่ตั้งใจจะใช้ระบบไฮบริจน์จริงๆ ยอมรับความดีงามของมันจริงๆ ส่วนมากมักเป็นผู้ที่ได้ทำการศึกษามาอย่างดีแล้ว
มักจะเป็นกลุ่มคนมีความชอบเรื่องรถ มีฐานะการเงินที่สามารถจ่ายได้ ยอมเสียเงินแพงหน่อยเพื่อซื้อใหม่ ดีกว่ามาเสี่ยง+เสียเวลากับการตามซ่อมรถมือสอง
----------------------------------------------------------------------------------
ประเด็นที่ 5 กลุ่มคนซื้อรถมือสอง ย่อมคาดหวังการใช้บริการจากอู่นอก มากกว่าศูนย์บริการ มากกว่ากลุ่มซื้อรถใหม่ ที่มีการรับประกันจากศูนย์ 1 แสน กม.
แต่ด้วยอู่นอก ที่จะมีช่างรู้จักระบบไฮบริจน์เป็นอย่างดีนั้น คงมีน้อยมากๆ การเลือกซื้อรุ่นนระบบน้ำมันสามารถตัดปัญหาเรื่องช่างซ่อมไม่ได้-ซ่อมไม่จบ ออกไปได้
----------------------------------------------------------------------------------
ประเด็นที่ 6 เมืองไทย รถวิ่งก๊าซ LPG ถูกกว่า+ประหยัดกว่ารถไฮบริจน์ และ ค่าติดตั้งระบบก๊าซ LPG ถูกกว่าครึ่งหนึ่ง ของแบตเตอรี่ไฮบริจน์
--------------------------------------------------------------------------------
ประเด็นที่ 7 ความเห็นส่วนตัว มองว่าระบบไฮบริจน์ เป็นอะไรที่เก้ๆ กังๆ พิกลพิการ ในบ้านเรา
7.1 ระบบไฮบริจน์ มีแต่ในรถเก๋งเท่านั้น ในรถกระบะไม่มี ดังัน้นกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด กลุ่มคนใช้รถทำมาหากินส่งของ ก็ไม่อาจเข้าถึงได้
7.2 ระบบไฮบริจน์ ไม่มีในรถราคาถูก หรืออีโคคาร์ ซึ่งมนุษย์เงินเดือนวัยรุ่นจบใหม่ ไม่อาจซื้อหรือผ่อนได้ไหว
7.3 รัฐบาลไม่เคยออกหน้ามาสนับสนุนรถระบบนี้ ไม่มีการให้สิทธิพิเศษใดๆกับผู้ใช้รถระบบนี้ ภาคประชาสังคมไม่ได้ออกมารณรงค์ให้คนไทยร่วมกันใช้รถระบบนี้
ดังนั้น รถระบบไฮบริจน์ในความคิดผมนะ ก็เหมือน ของเล่นส่วนเพิ่มที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกหน่อย ของกลุ่มคนรวยเท่านั้นเองแหละ
-
เทคโนโลยี Hybrid ก็ถือว่านิ่งแล้วครับ
ใช้งานกันมา นี่ก็ 15 ปีแล้วนะ
แบ็ตเตอรี Hybrid ลูกโตนั่น ถ้าเสื่อม ก็แค่เก็บประจุไฟได้น้อยลง
แต่ถ้าอาการหนักมาก มันก็มีไฟเตือน โชว์ขึ้นบนหน้าปัด นั่นละครับ
แต่ นานเลยละ กว่าจะโผล่ขึ้นมา หรืออาจจะไม่มีโชว์เลย ตลอด
ระยะเวลาที่คุณใช้รถนั่นละครับ
-
ที่บ้านใช้มาปีกว่าๆเกือบๆ 2 ปี กับพรีอุส
ขับในเมือง
20-22 โลลิตร
ถ้าเป็นรถน้ำมันธรรมดา คงล่อไป 8-9 โลลิตร
ความประหยัด ถึงจะไม่ได้มากมาย และไม่ได้คุ้มค่าตัว
แต่สิ่งอื่นๆที่ได้มา เช่น ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบกันล้อหมุนฟรี แอร์แบค 6 ลูก
ไอเสียไม่เหม็น ขับเข้าโรงจอดรถ แม่เปิดประตูบ้านให้ ไม่ต้องดมไอเสียบ่อยๆ
รักโลก คนที่บ้านดมควันพิษน้อยลงถึงจะแค่นิดหน่อยก็ตาม ทำให้ผมรู้สึกว่า ซื้อรถคันนี้ คุ้มค่าแล้วหล่ะ
สมัยก่อนผมตั้งกระทู้ อัลติส 1.8 VS พรีอุส
ถ้าซื้ออัลติส 1.8 คงคุ้มค่าในตัวเงินกว่า แต่ทุกวันนี้ก็ไม่ผิดหวังในพรีอุสนะ (ถึงจะมีเรื่องตะหงิดๆบ้างก็ตามที)
-
สำหรับรถยนต์ ผมว่าเกือบทุกคน ถ้าจะตัดสินใจซื้อ อะไรสักอย่างแล้ว...คงศึกษามาพอสมควร
"คงไม่แคร์ราคาขายต่อหรอกครับ"
ในกรณีนี้เจ้าของกระทู้คงศึกษามาแล้วว่า ขายต่อราคาตก>>ก็เลยไม่เอา
แต่หลายๆคนมีเหตุผลอื่นๆ ที่ไม่สนใจราคาขายต่อ
-
สำหรับรถยนต์ ผมว่าเกือบทุกคน ถ้าจะตัดสินใจซื้อ อะไรสักอย่างแล้ว...คงศึกษามาพอสมควร
"คงไม่แคร์ราคาขายต่อหรอกครับ"
ในกรณีนี้เจ้าของกระทู้คงศึกษามาแล้วว่า ขายต่อราคาตก>>ก็เลยไม่เอา
แต่หลายๆคนมีเหตุผลอื่นๆ ที่ไม่สนใจราคาขายต่อ
ผมไม่ได้ห่วงเรื่องขายต่อราคาตกครับ
ผมห่วงเรื่องซ่อมบำรุงครับ เพราะที่ผมดูไว้
เป็นมือสองอยู่แล้วครับ ถ้าต้องซื้อมาซ่อมก็ไม่ไหวเหมือนกันน่ะครับ
เห็นแต่ละเคสซ่อมกันหนักๆทั้งนั้นเลยสำหรับ Hybrid
รถคันนี้จะใช้งานน้อยมาก เดือนละ 1-2 ครั้งเท่านั้น
ไว้พาคุณแม่ไปหาหมอที่ กทม. ครับ ผมอยู่ ตจว. น่ะครับ
รถที่มีอยู่ตอนนี้คุณแม่นั่งแล้วปวดหลังมากครับ (ผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังมาด้วย)
เลยอยากจะเลือกรถที่นุ่มนั่งทางไกล 4 ชม.แล้วสบายๆน่ะครับ
ส่วนเวลาจะใช้งานก็อยากจะสบายใจหน่อยน่ะครับ จะซื้อใหม่เลย
ก็แพงเกินไปและก็เกินความจะเป็นไปมากน่ะครับ
อาจมองเป็น Alphard มือสอง ตัว น้ำมัน หรือ H1 มือ หนึ่ง น่ะครับ
-
เทคโนโลยี Hybrid ก็ถือว่านิ่งแล้วครับ
ใช้งานกันมา นี่ก็ 15 ปีแล้วนะ
แบ็ตเตอรี Hybrid ลูกโตนั่น ถ้าเสื่อม ก็แค่เก็บประจุไฟได้น้อยลง
แต่ถ้าอาการหนักมาก มันก็มีไฟเตือน โชว์ขึ้นบนหน้าปัด นั่นละครับ
แต่ นานเลยละ กว่าจะโผล่ขึ้นมา หรืออาจจะไม่มีโชว์เลย ตลอด
ระยะเวลาที่คุณใช้รถนั่นละครับ
พี่จิมครับ
ถ้าระบบ Hybrid เสื่อมถึงขั้นเสีย
จะยังใช้รถได้หรือเปล่าครับ (หมายถึงใช้เครื่องยนต์น้ำมันขับต่อโดยไม่ซ่อมระบบ Hybrid เลยนะครับ)
-
แต่เรื่องซ่อมอาจจะไม่น่ากลัวแล้วนะครับ
ฮุ่ประจำผมบอกว่า เคยดูๆ มาแล้ว ไม่น่าจะยาก ผมว่าไม่เกิน 3 ปีน่าจะมีอู่นอกที่ซ่อม Camry HB กับ Prius HB ครับ
แต่มือ 1 ผมไม่กล้าซื้อจริงๆ ครับ รอต่อชาวบ้านดีกว่า ;)
-
จะบอกว่ารัฐไม่ส่งเสริม คงไม่ใช่มั่งครับ ภาษีถูกกว่า eco car อีกนะ รถไฮบริดไม่เกิน 3000 ซีซี คิดภาษีสรรพสามิตแค่ 10 % นะครับ :'( แต่ก็ยังแพงล่ะนะ
-
สำหรับรถยนต์ ผมว่าเกือบทุกคน ถ้าจะตัดสินใจซื้อ อะไรสักอย่างแล้ว...คงศึกษามาพอสมควร
"คงไม่แคร์ราคาขายต่อหรอกครับ"
ในกรณีนี้เจ้าของกระทู้คงศึกษามาแล้วว่า ขายต่อราคาตก>>ก็เลยไม่เอา
แต่หลายๆคนมีเหตุผลอื่นๆ ที่ไม่สนใจราคาขายต่อ
ผมไม่ได้ห่วงเรื่องขายต่อราคาตกครับ
ผมห่วงเรื่องซ่อมบำรุงครับ เพราะที่ผมดูไว้
เป็นมือสองอยู่แล้วครับ ถ้าต้องซื้อมาซ่อมก็ไม่ไหวเหมือนกันน่ะครับ
เห็นแต่ละเคสซ่อมกันหนักๆทั้งนั้นเลยสำหรับ Hybrid
รถคันนี้จะใช้งานน้อยมาก เดือนละ 1-2 ครั้งเท่านั้น
ไว้พาคุณแม่ไปหาหมอที่ กทม. ครับ ผมอยู่ ตจว. น่ะครับ
รถที่มีอยู่ตอนนี้คุณแม่นั่งแล้วปวดหลังมากครับ (ผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังมาด้วย)
เลยอยากจะเลือกรถที่นุ่มนั่งทางไกล 4 ชม.แล้วสบายๆน่ะครับ
ส่วนเวลาจะใช้งานก็อยากจะสบายใจหน่อยน่ะครับ จะซื้อใหม่เลย
ก็แพงเกินไปและก็เกินความจะเป็นไปมากน่ะครับ
อาจมองเป็น Alphard มือสอง ตัว น้ำมัน หรือ H1 มือ หนึ่ง น่ะครับ
เน้นนุ่มๆ ใช้น้อยๆ ไม่ต้องไฮบริดหรอกครับ ไปอัลพารด์ดีกว่า นุ่มกว่าเก๋งอยู่แล้ว
-
ที่บ้านใช้มาปีกว่าๆเกือบๆ 2 ปี กับพรีอุส
ขับในเมือง
20-22 โลลิตร
ถ้าเป็นรถน้ำมันธรรมดา คงล่อไป 8-9 โลลิตร
ความประหยัด ถึงจะไม่ได้มากมาย และไม่ได้คุ้มค่าตัว
แต่สิ่งอื่นๆที่ได้มา เช่น ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบกันล้อหมุนฟรี แอร์แบค 6 ลูก
ไอเสียไม่เหม็น ขับเข้าโรงจอดรถ แม่เปิดประตูบ้านให้ ไม่ต้องดมไอเสียบ่อยๆ
รักโลก คนที่บ้านดมควันพิษน้อยลงถึงจะแค่นิดหน่อยก็ตาม ทำให้ผมรู้สึกว่า ซื้อรถคันนี้ คุ้มค่าแล้วหล่ะ
สมัยก่อนผมตั้งกระทู้ อัลติส 1.8 VS พรีอุส
ถ้าซื้ออัลติส 1.8 คงคุ้มค่าในตัวเงินกว่า แต่ทุกวันนี้ก็ไม่ผิดหวังในพรีอุสนะ (ถึงจะมีเรื่องตะหงิดๆบ้างก็ตามที)
เห็นด้วยครับ ถ้าไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ก็ถือว่า ใช้รถที่ปล่อย CO2 น้อยๆหน่อยก็ดีครับ
เรื่องความแรง กับ ออฟชั่น ถือเป็นของแถม