ผมพอจะเข้าใจเรื่อง Rheology อยู่บ้างครับ "0w 5w 10w 15w เป็นการบ่งบอกว่า น้ำมันเครื่องสามารถคงสภาพการไหลได้ถึงอุณหภูมิเย็นแค่ไหนครับ" งั้นผมขอถามเป็นความรู้ว่า ที่ 0w กับ 5w ที่ Temp เท่ากัน อันไหนไหลเร็วกว่ากันครับ เอาที่ซัก 10 องศา C .
ปล. ถ้าตื่นเช้ามาอากาศเย็น 20 องศา อยากถามว่าเครื่องยนต์ (เหล็ก) จะเย็นกี่องศาครับ
เอาตามคำพูดที่คุณเขียนนะครับว่า
เครื่องยนต์ก็น่าจะ 20 นะครับ
ยกเว้นดึกๆอากาศจะต่ำกว่า 20 แต่สุดท้ายอุณหภูมิก็ต้องเท่ากับ 20
ผมพอเข้าใจที่คุณกำลังจะสื่อ คือ pour point ที่ต่างกัน น่าจะให้ความหนืดที่แต่ละอุณหภูมิต่างกัน
แต่ผมเข้าใจน้ำมันเครื่องที่ใช้กันอยู่เขาพยายามทำให้ ความหนืดเปลี่ยนไม่มากเมื่อ อุณหภูมิเปลี่ยน
ถ้าผิดก็ขออภัยด้วย
ยังไม่เชิงครับ Pour point ที่ต่างกัน บ่งบอกแค่ว่าจะเป็นไขเมื่อไหร่ ไม่เกี่ยวกับความหนืดเสียทีเดียว แต่ส่วนที่คุณPom_mเข้าใจนั้่นถูกแล้วครับ คือเขาพยายามทำให้ Viscosity Index(VI) สูง เพื่อไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนไป แล้วความหนืดเปลี่ยนไปมากครับ
ส่วนสำหรับกรณีที่กลัวว่าตอน Cold start ซื้อน้ำมันเครื่องที่ 0w จะทำให้น้ำมันไปหล่อลื่นเครื่องได้ไวกว่านั้น สมัยนี้น้ำมันเครื่อง จะเกาะอยู่ที่ลูกสูบตั้งแต่ก่อนสตาร์ตอยู่แล้วครับ ถ้าเป็นน้ำมันเครื่องคุณภาพดี เช่น เทคโนโลยีโมเลกุลอัจฉริยะของ Castrol Magnatec (ไม่ได้โฆษณานะครับ แต่ผมไม่ทราบว่าแต่ละยี่ห้อเรียกเทคโนโลยีแบบนี้ว่าอะไร รู้สึกเชลเรียก อะไรพรีเมี่ยมซักอย่าง) แล้วถ้าลองคำนวณเล่นๆจริงๆ 0w กับ 25w ไหลครบรอบใช้เวลาต่างกันไม่ถึงวิหรอกครับ ถ้าไม่ใช่เย็นจัดๆระดับเริ่มติดลบ
ส่วนกรณีที่คุณ VIRAT_M-I ถามว่า ที่ 10องศา น้ำมันอันไหนจะไหลได้เร็วกว่ากัน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ อันไหนหนืดกว่า
ตามมาตรฐานของ SAE สำหรับ 5w-40 มี VI 176 ส่วน 0w-40 มี VI183 แสดงว่ายิ่งเย็น 5w ยิ่งหนืด คือ0wไหลเร็วกว่าจริง แต่ไม่ได้เป็นประเด็นในการปกป้องเครื่องยนต์ เท่าการที่ตัวน้ำมันเครื่องเกาะอยู่ที่เครื่องยนต์ตลอดครับ(พร้อมปกป้องตลอด)
อีกอย่างที่น่าสนใจคือ เมื่อเทียบ 5w-20 กับ 5w-30 5w-20 จะทำให้ประหยัดน้ำมันกว่า ประมาณ1% แต่ขณะเดียวกัน เครื่องยนต์จะเสียหายไวขึ้นถึง30% (คิดจากระยะทาง หรือจากประมาณ10ปี เหลือ7ปี) สังเกตได้ว่า รถที่รับประกันนานๆ จะมีสเปคใช้น้ำมันเครื่องเบอร์สูง ในอเมริกาถ้ามีการกำหนดสเปคน้ำมันเครื่องเป็น40 แล้วไปเติม 30 จะไม่รับประกันด้วยซ้ำครับ (ยิ่งหนืดยิ่งหล่อลื่นได้ดี แต่ลดประสิทธิภาพเครื่องลงด้วย อย่างพวก Sonax หล่อลื่นได้ แต่ไม่ดี จึงไม่กระทบต่อการทำงานใดๆนัก)
เพราะฉะนั้น อันที่จริงไม่ควรเห็นแก่ความลื่น หรือกำลังที่เพิ่มมาเล็กน้อย ขณะที่เครื่องยนต์พังไวขึ้นเยอะเลยครับ (หรือจะทำเพื่อแข่ง อันนี้แล้วแต่) และสำหรับรถที่ขับขี่บ่อยๆ เหยียบหนักๆ สเปคที่เหมาะสมที่สุด จึงไปลงเอยที่ เบอร์ 40 ครับ จะเป็น 0 5 10 15w ก็แล้วแต่กำลังทรัพย์
แหล่งอ้างอิงครับ : http://www.synlube.com/sae5w-20.htm
ป.ล.ข้อมูลทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลจากห้องทดลองครับ การใช้งานจริงย่อมไม่เหมือนที่บอกไว้เป๊ะๆครับ
ถ้าใครมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม หรือจะแย้ง ก็เอามาแชร์กันครับ ผมก็ไม่มั่นใจว่าข้อมูลผมถูกทั้งหมด100% ถ้ามีเหตุผลหรือมีประสบการณ์ก็มาคุยกันครับ ถือเป็นการปรับความเข้าใจของเราเองครับ ^^