หลายๆคนเขียนแบบรวมๆ หลายประเด็นเข้าด้วยกัน
ต้องแยกก่อนระหว่างความพอใจ กับความเป็นจริงครับ
ความพอใจคืออะไร คือความรู้สึกที่ว่า คุ้มแล้ว ดีแล้ว กับราคาที่จ่าย เท่ากับมันไม่แพงเกินไปสำหรับคุณ
ความเป็นจริงคืออะไร ความเป็นจริงคือราคาในต่างประเทศ รถยุโรปเหล่านี้ไม่ได้แพงขนาดที่ขายในบ้านเรา เท่ากับ มันขายแพงไป
ส่วนประเด็นรองลงมา คือการเปรียบเทียบกับรถญี่ปุ่น ประมาณว่า ถ้ารถยุโรป segment ตรงกับรุ่นนั้นๆขับดีกว่า 10 เท่า
จะจ่ายเงินแพงกว่า 3 เท่าก็ถือว่าไม่แพง อันนี้หมายถึง วิธีการคิดเปรียบเทียบเพื่อซื้อของในแบบที่ตนชอบ
คำตอบทั้งหมดมีอยู่ในตัวเองทุกข้อครับ
แต่ที่อ่านดูเหมือนต้องการถกกันเรื่อง รถญี่ปุ่นไม่ดีราคาตั้งแพงไปไม่คุ้มค่าซื้อไปทำไม รถยุโรปคุณภาพดีกว่าคุ้มค่าเงิน
แบบนี้ต้องถามคนซื้อทั่วโลกครับ ว่าเค้าซื้อรถไปทำไม ซื้อรถญี่ปุ่นทำไม ทั้งๆที่บางประเทศรถยุโรปแพงกว่านิดเดียว
เราอาจจะได้ยินคำตอบที่เราถึกไม่ถึงก็ได้ เพราะเราอยู่เมืองไทย ชินกับวัฒนธรรมวงการรถยนต์ไทยมานาน ระดับราคา
ของรถญี่ปุ่น ยุโรปมันก็ต่างกันเยอะแบบนี้มานานแล้ว ทำให้เรามองภาพแบบไทยๆ เวลาให้เหตุผล ก็ให้เหตุผลแบบไทยๆ นี่แหล่ะ
บางคนก็มองแต่เรื่องสมรรถนะ บางคนก็มองแค่ว่าขอให้เป็นรถราคาถูกใช้ง่ายซ่อมง่าย
สำหรับผม สิ่งที่มาจากโรงงาน และใช้เครื่องจักรกลผลิตชิ้นส่วนเป็นจำนวนมาก เป็นของราคาถูกครับ
เพราะถ้าผลิตชิ้นส่วนออกมาแล้วแพง โรงงานนั้นแป๊บเดียวคงเจ๊ง ของที่แพงคือของที่ทำด้วยมือคน แบบรถหรูสุดยอดทำแบบแฮนด์เมด
ต่อให้รถระดับต่างกันมากขนาดไหน ถ้ามันใช้ชิ้นส่วนจากโรงงาน ราคามันต่างกันไม่ถึงขนาดหลายเท่าตัวหรอกครับ
และ part ที่ใช้ประกอบรถหนึ่งคัน ก็คงไม่ใช้จำนวนต่างกันเป็นเท่าๆ ตัวอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างรถพื้นๆ กับรถที่มีความสลับซับซ้อนมากๆ มันแตกต่างกันมากอยู่ครับ
ในการใช้งาน การดูแลรักษา อายุการใช้งาน ความเที่ยงตรง
ตรงนี้เป็นจุดที่ทำให้มีคนซื้อรถยุโรป แล้วก็มีคนซื้อรถญี่ปุ่น แม้ว่าในประเทศนั้น ราคาอาจจะไม่ต่างกันเยอะมากแบบบ้านเรา
สำหรับประเทศที่ชนชั้นกลางมีมากที่สุด มีความร่ำรวย มีการกระจายรายได้ดี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
รถยนต์ยุโรปไม่ได้เป็นเครื่องมือแบ่งระดับชนขั้นมากเท่ากับประเทศกำลังพัฒนา เพราะมีการลงทุนแข่งขันเต็มที่
ลงทุนผลิต part จาก supplier เพื่อให้ได้ต้นทุนที่ถูก เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขัน พอราคาถูกลงมาใกล้รถตลาด
รถญี่ปุ่นที่อยู่ระดับต่ำกว่าก็ต้องจัดเต็มระบบความปลอดภัยและ option ต่างๆให้เต็มที่ คนซื้อเลือกซื้อรถอะไรก็ได้
ไม่ได้มองว่ายุโรปเหนือกว่าหลายเท่า แต่มองตามความเหมาะสมต่อการใช้งาน ความทนทาน การดูแลรักษา การตอบโจทย์
ความต้องการ
ส่วนประเทศกำลังพัฒนาอย่างบ้านเรา ที่มีตลาดหลักเป็นของรถญี่ปุ่น สำหรับประเทศที่มีกำลังซื้อไม่มาก ค่ายยุโรป
ก็ไม่อยากลงทุนมากอยู่แล้ว เพราะลงทุนไปก็อาจจะได้กำไรไม่คุ้ม จึงนำเข้า CBU เอา หรือนำเข้า CKD มาประกอบ
ต้นทุนรถจึงไม่ถูก ราคาแพงมาก และมีตลาดหลักคือคนรวยซึ่งสามารถรองรับ ราคาและระดับยอดขายที่น่าพึงพอใจสำหรับค่าย
ยุโรป เมื่อมี benchmark ตรงนี้แล้ว การลงทุนทำ part ในประเทศกลับกลายเป็นความเสี่ยง และความไม่คุ้มที่จะทำ เพราะทำแบบ
เดิมๆ ก็ได้กำไรต่อหน่วยมากโขอยู่แล้ว ด้วยราคาที่แพงมันจึงกลายเป็นตัวแบ่งวัดฐานะไปในที่สุด ซึ่งสำหรับ
ผู้ผลิต ถ้าสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ คือยิ้มแฉ่ง
ครับ เพราะภาพลักษณ์อยู่เหนือราคาที่แท้จริง มีฐานลูกค้า backup
เป็นกลุ่มไฮโซและดารานักการเมือง
ถ้าถามผม ผมอยากซื้อราคาที่มันไม่ต่างกันมากแบบในต่างประเทศ และถึงรถยุโรปจะถูกมาก
แต่ผมก็อาจจะซื้อรถญี่ปุ่นก็ได้นะ ถ้ามันตอบโจทย์ที่ผมต้องการได้ ก็พอ