Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: DF-SLB ที่ กรกฎาคม 23, 2012, 19:04:08
-
สวัสดีครับ รบกวนเพื่อนสมาชิกที่มีรถที่มี EGR Valve มาจากโรงงาน อยากถามว่า ใครยังไม่อุดบ้างครับ นานแค่ไหนที่ไม่อุด แล้วรถมีอาการยังงัยบ้าง
ส่วน เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เอาไปอุดแล้ว เป็นอย่างไรบ้างครับ มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างต่อรถ
ผมใช้ FordFocus TDCi 5 ประตู วิ่งมาแล้วแระมาณ 15,000 กม. กำลังชั้งใจครับว่าจะอุดหรือไม่อุด
ผมไปค้นคว้ามาบ้างแล้ว ส่วนใหญ่จะอุดกัน แต่ถ้าผมไม่อุดนี้มันจะพังไหม แล้วจะเสียหายแค่ไหน
ตั้งใจถามเพื่อนสามชิก Headlight Mag. เพราะเชื่อว่าจะได้คำตอบที่ดีจากหลายๆคน มาพิจารณาในการตัดสินใจครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
-
ผมก็ยังไม่อุดครับ focus วิ่งมาก็จะ 3 หมื่นแล้วก็ยังไม่ได้อุดครับ
คันอื่นๆ วิ่งแสนกว่า 2 แสนก็ยังไม่อุดครับ
EGR คือการเอา ไอ้เสีย กลับเข้ามาแย่งพื้นที่อากาศที่เข้ากระบอกสูบ (ในบางเวลาเม่านั้น) เพื่อต้องการลดไอเสีย ความร้อน ก๊าซพิษ อะไรจิปาถะทั้งหลายแหล่
สิ่งที่ตามมาคือ ในระบบไอดี จะมีคราบเขม่าไอเสียเข้ามาจับ ทำให้อุดตัน
ถ้าอุดไปแล้ว มันก็ไม่มีอะไรสกปรกเข้ามา ก็แค่นั้นครับ
ส่วนแรงไหม อันนี้ผมว่าไม่น่าต่างครับ เพราะถ้าเรากดคันเร่งสุด EGR ก็ปิดหมดเพื่อให้อากาศเข้าได้มากที่สุดอยู่ดี
ลองสอบถามท่านที่อุดดูดีกว่าครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ส่วนความคิดผมคือ เราจ่ายตังซื้อรถ เราจ่ายตังค่าEGR เราจ่ายตังค่าอุด และ เราก็ดมไอ้มลพิษนั่น คือเราหมดอ่ะครับ 5555 ;D
-
:( EGR เป็นระบบช่วยกำจัดมลพิษนะครับ ผมว่าควรไว้อย่างเดิมแหละ ผู้ผลิตคิดค้นขึ้นมาใช้
ยังไงก็ไม่น่าส่งผลเสียกับเครื่องยนต์มากนัก ช่วยกันหน่อยครับ
-
ผมก็ยังไม่อุดครับ focus วิ่งมาก็จะ 3 หมื่นแล้วก็ยังไม่ได้อุดครับ
คันอื่นๆ วิ่งแสนกว่า 2 แสนก็ยังไม่อุดครับ
EGR คือการเอา ไอ้เสีย กลับเข้ามาแย่งพื้นที่อากาศที่เข้ากระบอกสูบ (ในบางเวลาเม่านั้น) เพื่อต้องการลดไอเสีย ความร้อน ก๊าซพิษ อะไรจิปาถะทั้งหลายแหล่
สิ่งที่ตามมาคือ ในระบบไอดี จะมีคราบเขม่าไอเสียเข้ามาจับ ทำให้อุดตัน
ถ้าอุดไปแล้ว มันก็ไม่มีอะไรสกปรกเข้ามา ก็แค่นั้นครับ
ส่วนแรงไหม อันนี้ผมว่าไม่น่าต่างครับ เพราะถ้าเรากดคันเร่งสุด EGR ก็ปิดหมดเพื่อให้อากาศเข้าได้มากที่สุดอยู่ดี
ลองสอบถามท่านที่อุดดูดีกว่าครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ส่วนความคิดผมคือ เราจ่ายตังซื้อรถ เราจ่ายตังค่าEGR เราจ่ายตังค่าอุด และ เราก็ดมไอ้มลพิษนั่น คือเราหมดอ่ะครับ 5555 ;D
ขอบคุณมากครับ ผมเคยเห็นในเว็ปต่างของ Vigo ที่เค้าไม่อุด กับคนที่ไปอุดแล้ว แบบว่าความสะอาก มันต่างกันมากเหลือเกินครับ แต่ยังไม่เห็นใน TDCi
แต่มีความเชื่อว่าน่าจะคล้ายๆกัน เมื่อใช้นานไปเค้าบอกว่าในที่สุดคราบเหนียวๆ (เหนียวมากๆ) จะไปทำให้ EGR Valve เปิดแล้วค้าง แบบว่าปิดไม่สนิท จากนั้น
งานก็จะงอบครับ คือ เร่งไม่ขึ้นเฉยๆ เหยียบให้จมก็ได้แค่ 120 km/h , จริงเท็จอย่างไรครับ สำหรับ กะบะ ทั้งหลาย
-
^
^
ท่านเข้าใจถูกแล้วครับ
ถ้าคิดใช้รถในระยะยาว.... แนะนำให้อุด
แต่ถ้ารักโลก ก็อย่าอุดครับ
อุดแล้วดีหรือไม่ดียังไง คุณน่าจะรู้ตัวเองดีอยู่แล้ว และข้อมุล ก็ตามที่ท่านว่ามา
D-max เค้าอุดกันถ้วนหน้า ถ้าไมอุด ระยะยาว หัวฉีดจะรั่ว ท่อไอดีจะตัน รถกำลังจะตกลงเรื่อยๆ และควัณดำขึ้นเรื่อยๆ
-
^
^
ท่านเข้าใจถูกแล้วครับ
ถ้าคิดใช้รถในระยะยาว.... แนะนำให้อุด
แต่ถ้ารักโลก ก็อย่าอุดครับ
อุดแล้วดีหรือไม่ดียังไง คุณน่าจะรู้ตัวเองดีอยู่แล้ว และข้อมุล ก็ตามที่ท่านว่ามา
D-max เค้าอุดกันถ้วนหน้า ถ้าไมอุด ระยะยาว หัวฉีดจะรั่ว ท่อไอดีจะตัน รถกำลังจะตกลงเรื่อยๆ และควัณดำขึ้นเรื่อยๆ
รับทราบครับ .....ผมรักโลกครับ แล้วก็รักรถผมด้วย ::)
-
ไม่อุดครับ เพราะผมเคยปิด EGR แล้วไม่ต่าง
การอุด EGR ก็ใช่ว่าจะประหยัดเสมอไปนะครับ ในบางกรณีบางจังหวะมันจะทำให้กินมากกว่าด้วยซ้ำครับ แต่เรื่องความแรงมันเพิ่มแน่นอนครับ แต่ก็ไม่สูงมาก
-
คเข้ามาปูเสื่อรอความเห็นค๊าบ ชั่งใจอยู่เหมือนกัน
-
สาเหตุที่อุด EGR คือ เรื่องป้องกันการสึกหรอของเครื่องยนต์ เป็นปัจจัยหลักครับ ไม่ให้สึกหรอก่อนวัยอันควร
โดยเฉพาะหัวฉีดครับ ซึ่งไม่ถูกกับกรดของไอเสีย เรื่องความแรง รถใหม่อาจจะไม่เห็นผลครับ
แต่โดยส่วนใหญ่ ถ้ารถวิ่งหนัก หรือ บรรทุก ถ้าอุด EGR จะรู้สึกได้ถึงการออกตัวที่ดีขึ้น
แต่ถ้ารถใหม่ และไม่ได้บรรทุกหนัก อาจจะไม่รู้สึกครับ
เรื่องความแรงและประหยัดน้ำมันไม่อยากให้เอามาเป็นประเด็นครับ
-
OK ครับ ปัจจัยที่มีต่อผมที่จะอุดไม่อุด คือความสะอาดของเครื่องยนต์ครับ ไม่ได้สนใจเรื่องความแรง เพราะ TDCi เดิมๆ ก็แรงมากมายอยู่แล้ว
สรุป ผมจะยังไม่อุดครับ และไม่มีกำหนดว่าจะอุดหรือไม่ เมื่อไหร่
เพราะผมขับรถน้อย, ไม่ได้เร็วมาก, เติ่ม additive ที่เชื้อเพลิงประจำเพื่อความสะอาดของหัวฉีดเป็นประจำ, และใช้เฉพาะ ดีเซล EURO 4 กำมะถันต่ำสุดในของดีเซลในประเทศไทย (บางจาก)
มาตลอด น่าจะทำให้มันไม่ดำมากนัก ;)
รักโลกไปก่อนครับ
-
อุดEGR เหมือนเคยอ่านผ่านๆในเว็บนี้เนี้ยล่ะ ว่าทำให้ปล่อยไอเสียไม่ดีอะไรซักอย่าง (จำได้ว่ากระทู้นั้นมีมาม่าด้วย) ซึ่งไม่ดีไม่ควรอุดเป็นอย่างยิ่ง (แต่ผมจำเหตุผลหนักๆไม่ได้)
ปล. Focus TDCi จูนๆ (รอหมดประกันก่อนนะหุหุหุ) ;D
-
อุดEGR เหมือนเคยอ่านผ่านๆในเว็บนี้เนี้ยล่ะ ว่าทำให้ปล่อยไอเสียไม่ดีอะไรซักอย่าง (จำได้ว่ากระทู้นั้นมีมาม่าด้วย) ซึ่งไม่ดีไม่ควรอุดเป็นอย่างยิ่ง (แต่ผมจำเหตุผลหนักๆไม่ได้)
ปล. Focus TDCi จูนๆ (รอหมดประกันก่อนนะหุหุหุ) ;D
^__^ มาม่า คืออะไรครับ แหะๆ
-
มาม่า = ดราม่า
-
ปิดกระทู้ รถในรถมัน ศึกษาเหตุผลเอง เดียวยาว
แต่ผมปิดไปแล้ว
-
เท่าที่จำได้ครับครับ
EGR ทำขึ้นหลักๆ เพื่อต้องการลด Nox ซึ่งไม่สามารถบำบัดได้ด้วยกรองไอเสียปกติ ต้องใช้ยูเรียเทรปดักครับ ซึ่ง Nox มันเป็นพิษครับถ้าปล่อยออกมา
ส่วน Nox จะเกิดมากที่สุดตอนไหน ก็เกิดตอนที่การเผาไหม้สมบูรณ์ที่สุดครับ ซึ่งจะทำให้เกิดเขม่าจากการเผาไหม้ต่ำสุดด้วย (ควันไม่ดำ)
การที่จะลดการเกิด Nox ถ้าดูจากเงื่อนไขการเกิดแล้ว ถ้าเราต้องการให้มันลดลง ง่ายที่สุดก็คือทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ครับ
ทีนี้วิธีการที่ง่ายที่สุดในการทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ก็คือการเอาไอเสียนั่นแหละ ย้อนกลับไปเผาไหม้ใหม่อีกรอบนึง
แต่การกระทำดังกล่าวข้างต้นมันเป็นสาเหตุของการเกิดเขม่าสะสมและควันดำครับ
ส่วนที่ว่าอุดหรือไม่อุดดี อันนี้ไม่ทราบครับ
-
โอ้!! ต้องขอโทษคุณ toonze ด้วยครับ ที่ผมโพสไป เนื่องจากนั่งพิมพ์นานและก็ส่งขึ้นเลยครับ
-
โอ้!! ต้องขอโทษคุณ toonze ด้วยครับ ที่ผมโพสไป เนื่องจากนั่งพิมพ์นานและก็ส่งขึ้นเลยครับ
ไม่ต้องขอโทษครับ คิคิคคิ
-
ผมเคยได้ฟังมาจากรายการวิทยุรายการนึง ซึ่งที่นี่คงรู้จักกันดี บอกว่า "EGR ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อลดมลพิษ โดยเฉพาะเจ้าออกไซต์ของไนโตรเจน (NOx) โดยจะเกิดขึ้นเมื่ออุณภูมิเผ้าไหม้สูงมากๆ จึงต้องการลดอุณหภูมิเผาไหม้ลงมาให้อยู่ในระดับที่ไม่ทำให้เกิด NOx โดยการนำไอเสียเพียงแค่บางส่วนวนกลับเข้ามาเผาไหม้ซ้ำอีกครั้ง โดยไม่ได้วนกลับมาเผาไหม้ซ้ำตลอดเวลา เป็นเพียงแค่บางช่วงเวลาที่อุณหภูมิเผ้าไหม้สูงมากจนเกิด NOx เท่านั้นเอง ซึ่งก็ทำให้แรงตกไปนิ๊ดเดียว อายุสั้นลงอีกนิ๊ดเดียว แล้ววิศวกรบริษัทรถจะไม่รู้งั้นหรอ ซึ่งเค้าก็รู้ แต่เพื่อลดมลพิษ และก็ไม่ได้แรงตกจนมีนัยสำคัญ เค้าจึงพัฒนาให้ EGR valve มีความละเอียดมากขึ้น ค่าพัฒนาเหล่านี้ใครจ่าย ค่าให้ช่างอุดใครจ่าย ค่ารักษาพยาบาลใครจ่าย" และรถทุกคันถึงมีระบบ EGR valve ติดตั้งอยู่ทั้งเบนซินและดีเซล
-
รถผมไฟเครื่องโชว์ โค๊ดบอกวาล์ว egr มีปัญหา
วิ่งมาเป็นปี ไม่ได้แก้สักที จะเป็นไรมั้ยเนี่ย ใครเคยเป็นบ้างครับ
-
กระทู้นี้ความรู้เยอะ จดๆๆๆๆ :D
-
แล้วทำไม วีออส อันติส ยารีส ... อีกหลายๆๆคัน ไม่มีระบบนี้ละครับ
ถึงว่า เครื่องมันทนถึกจริงๆ
ถ้าจะให้ดี ควรให้ EGR ทำงานที่รอบเดินเบาด้วยนะครับ
หรือถ้าให้มันทำงานแล้วเครื่องสะดุด เลยไม่ให้ทำงาน
คหสต. นะครับ ;D
-
ผมทำวิจัยอยู่ครับ
รถยนต์เฉพาะ เครื่องยนต์ดีเซล จะควบคุมมลพิษได้ยากกว่า เครื่องเบนซิน อ่ะครับ
สำหรับประเทศไทย ณ ปี 2555 นี้ จะมีมาตรฐานยูโร4 คอยควบคุม 2 กลุ่มคือ ผู้ผลิตรถยนต์ และผู้ผลิตน้ำมัน
ไม่ให้สินค้าของตัวเอง ปล่อยก๊าซพวก NOx, ไฮโดรคาร์บอน, กำมะถัน, ฝุ่นละออง ฯลฯ เกินค่ามาตรฐาน
ทางผู้ผลิต กลุ่มรถดีเซลมีเป้าหมายใช้ EGR เพื่อนำไอเสียกลับมาใช้ใหม่ สามารถลดมลพิษให้อยู่ในมาตรฐานได้ ครับ
ส่วนเรื่องการดัดแปลง เครื่องยนต์ใดๆ นั้นเป็นสิทธิของผู้บริโภค อ่ะครับ
-
ในความเข้าใจของผมคือ EGR ก็คือการเอาไอ้เสียกลับเข้ามา"แย่ง" ไอดี เพื่อให้เกิดความรุนแรงในการเผาไหม้น้อยลง กำลังน้อยลง ความร้อนน้อยลง ก๊าซพิษ(บางอย่าง)น้อยลง
แต่ถ้าเราต้องการกำลังสูงสุด (เช่นเร่งแซง) EGR ก็ไม่เปิดให้ไอเสียเข้าไปที่ท่อร่วม เพื่อให้มีอากาศเข้ามากที่สุด กำลังมากที่สุด
ทีนี้พอในระบบไอดีเราสกปรกจากเขม่าทั้งหลาย ทำอย่างไร ความคิดผมคือ ก็ถอดออกมาล้างซะให้เรียบ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า การที่เรามานั่งเอา ชิ้นส่วนพวกนี้มาล้าง กับการยอมให้ปล่อย NOx ออกมา อันไหนมันมีผลเสียมากกกว่ากัน ;D
-
ผมเคยได้ฟังมาจากรายการวิทยุรายการนึง ซึ่งที่นี่คงรู้จักกันดี บอกว่า "EGR ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อลดมลพิษ โดยเฉพาะเจ้าออกไซต์ของไนโตรเจน (NOx) โดยจะเกิดขึ้นเมื่ออุณภูมิเผ้าไหม้สูงมากๆ จึงต้องการลดอุณหภูมิเผาไหม้ลงมาให้อยู่ในระดับที่ไม่ทำให้เกิด NOx โดยการนำไอเสียเพียงแค่บางส่วนวนกลับเข้ามาเผาไหม้ซ้ำอีกครั้ง โดยไม่ได้วนกลับมาเผาไหม้ซ้ำตลอดเวลา เป็นเพียงแค่บางช่วงเวลาที่อุณหภูมิเผ้าไหม้สูงมากจนเกิด NOx เท่านั้นเอง ซึ่งก็ทำให้แรงตกไปนิ๊ดเดียว อายุสั้นลงอีกนิ๊ดเดียว แล้ววิศวกรบริษัทรถจะไม่รู้งั้นหรอ ซึ่งเค้าก็รู้ แต่เพื่อลดมลพิษ และก็ไม่ได้แรงตกจนมีนัยสำคัญ เค้าจึงพัฒนาให้ EGR valve มีความละเอียดมากขึ้น ค่าพัฒนาเหล่านี้ใครจ่าย ค่าให้ช่างอุดใครจ่าย ค่ารักษาพยาบาลใครจ่าย" และรถทุกคันถึงมีระบบ EGR valve ติดตั้งอยู่ทั้งเบนซินและดีเซล
ถูกต้องครับ
โดยส่วนตัวผมแล้ว ไม่แนะนำให้ใครไปอุด EGR Valve ทั้งสิ้น
-
เครื่องยนแต่ละยยี่ห้อ มีการออกแบบระบบ Egr ที่แตกต่างกัน ทั้งตัว Hardware และ Software บางค่ายใช้ ออกแบบระบบนี้มาอย่างยอดเยี่ยม ก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาต่อตัวเครื่องมากนัก บางค่ายที่มีข่าวเคลมเครมเครื่องยนต์ใช่ช่วงปี 2005-2006 เพราะออกแบบระบบ EGR ไม่ดีทำให้เครื่องเกิดความเสียหายในเวลาอันสั่น แต่ตอนนี้เขาก็ได้พัฒนามาถึงจุดที่คิดว่าดีที่สุด (ผมหวังว่าอย่างนั่น)
ผมขอให้ข้อคิดง่ายๆตามนี้ครับ
ถ้าอุด เครื่องสะอาด อัตตราเร่งเติมขึ้น(นิดนึง) และอาจะประหนัดน้ำมันเพิ่มขึ้นด้วย แต่ท่านต้องแลกมากับไอเสียที่เป็นพิษมาขึ้นและสิ่งที่ท่านและครอบครัวจะได้รับเต็มๆก็คือไอ่เสียที่เป็นพิษที่จะทำให้บั่นทอนสุขภาพของท่านและครอบครัว
ถ้าไม่อุด
แน่นอนครับเครื่องคงไม่สะอาดเท่ากับอุด อัตตราเร่งก็เดิมๆนั่นแหละครับ (ฮาๆ) ประหนัดน้ำมันก็คงเดิมๆเช่นกัน แต่ท่านจะได้ได้ไอเสียที่สะอาดขึ้น ทั้งตัวท่านละครอบครัวก็ไม่ต้องรับไอ่เสียที่เป็นพิษมาขึ้นจากการระทำของท่านเอง
บางคนบอก รถคนนั่นไม่มี Egr รถคนนี้อุดแล้ว รถคันนู้นนนน แต่งมา เขายังไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ไม่ต้องไปสนใจคนอื่นหรอกครับ ไอ่เรื่องรักโลกไม่รักโลกผมว่ามันไกลตัวเกินไป คนที่ได้รับมลพิษที่มากขึ้นก็คือตัวเท่าและครอบครัว เพราะท่านอยู่กับมันตลอดทุกครั้งที่ใช้งาน
ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวผมและครอบครัว ทำให้ผม "คิดได้" รถพังท่านยังซื้อใหม่ได้ แต่ ตัวท่านและครอบครัวไม่สามารถหาชื้อได้นะครับ
-
ครับ ก็ได้ข้อคิดเห็นเป็นพอสมควร
ผมบอกไว้แล้วตั้งแต่ต้นๆว่าตัดสินใจแล้วครับ ว่าจะไม่อุด เนื่องจาก ขับน้อย เติม ปั๊มบางจากตลอด (EURO 4 กำมะถันน้อนที่สุด) น้อยกว่า 50 ppm
ของปตท และอื่นๆ xประมาณ 350 ppm ( http://www.bangchak.co.th/th/Service-Station-9.aspx (http://www.bangchak.co.th/th/Service-Station-9.aspx)), และเติ่ม Additive ในน้ำมันเพื่อทำความสะอาดหัวฉีดไปในตัว
คิดว่าคงจะยืดผลร้ายของ EGR ต่อเครื่องยนต์ออกไปได้นานพอควร
และผมรักโลกจริงๆครับ
-
ดีละครับที่จะไม่อุด ให้มันเอาไอเสียไปใช้ใหม่ คราบเขม่าต่างที่จะมีมากขึ้นมันก็ยังทำความสะอาดได้
รถเราใช้ไม่กี่ปีก็เปลี่ยนครับ อย่าซีเรียส รักโลกกันดีกว่าครับ... ;D ;D ;D
-
อุด EGR เครื่งก็สะอาดนิดหน่อย
แต่ จมูกคุณกับลูกหลานคุณสกปรกขึ้นเยอะ แบบนี้จะดีหรือครับ
-
เป็นประเด็นหัวข้อที่ผมเจอในคลับรถกระบะแทบทุกคลับ..
สำหรับผม เครื่องดีเซลที่บ้านผม ยังไม่มีคันไหนอุดซักคันครับ..
แต่ความเห็นของผม
อุด ดีต่อเครื่องยนต์ครับ.. แต่ไม่ดีต่อโลก..
เรื่องประหยัดและความแรง เท่าที่สัมผัสมา แทบไม่ต่างกัน แต่มันต่างตรงที่เครื่องยนต์สะอาดกว่า เท่านั้น
อยู่ที่ดุลพินิจของแต่ละท่านมากกว่าครับ.. ไม่แนะนำ ไม่ชักจูง.. แค่ให้ความรู้เฉยๆ..
ผลดีผลเสียมันก็เหมือนที่หลายๆท่านกล่าวมา..
-
ผมกลับมองว่า เรื่องอุดไม่อุดไม่ใช่ประเด็นหลักสำหรับการรักษโลกอะไรหรอก
เพราะถ้ารักษ์กันจริงๆ ไอ้พวกรถเก่าๆ ที่ไม่มีแคท กับ ตัดแคททิ้งน่ะ ควรสำนึกก่อนมั๊ยครับ ?
-
อุดไม่อุดแทบไม่ต่างเรื่องความแรง เพราะเวลาเราอยากแรงต้องกดคันเร่งหนักๆตอนนั้น EGR แทบไม่เปิด
เพราะน้ำมันหนาอยู่แล้ว เจ้า EGR จะเปิดสุดๆตอนวิ่งลอยๆ เผาไหม้สมบูรณ์ เลยเอาไอเสียมาสมหน่อยนึง
กำลังตกไปนิดเดียวแบบแทบไม่รู้สึก เพราะไอเสียมันมวลน้อยกว่าไอดีที่เย็นๆแค่นิดหน่อย
แนะนำคือไม่ควรอุดเพราะเราแทบจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยนอกความความรู้สึกว่าเครื่้องสะอาด และ แก๊สพิษ