ผมใช้ BMW 320d GT มาซักพักนึงแล้ว
มันมี paddle shift มาให้ บอกเลยว่าใข้รถมาปีครึ่ง เคยกระดิกเล่นแค่ 2 ครั้ง แค่ลองว่ามันทำงานยังไง เพราะปกติเข้าเกียร์ D โหมด comfort แล้วเหยียบอย่างเดียว
ได้ยินเพื่อนบอกว่าขับรถใช้ Paddle shift บ่อย ช่วยได้เยอะ ตอนแรกก็ยังงงๆ มันจะใช้ตอนไหนหว่า
พอดีมีโอกาสขับรถไปหัวหิน ขับเรื่อยๆ เกียร์ d comfort ตลอดเหมือนเดิม
มันมีปัญหาตอนช่วงจะแซง รถมันเยอะ แถมมาเร็ว ออกจากเลนยากมาก เพราะโหมด comfort มันหน่วงมาก กดคันเร่งไปเกือบ 1 วินาที กว่ารถจะเปลี่ยนเกียร์ให้
ตอนนั้นไม่รู้นึกยังไงลองใช้ paddle shift ลดเกียร์เพื่อเร่งแซง ปรากฎว่ามันเร็วกว่าการคิกดาวน์มากเลย (เดิมคิดว่าคงเหมือนคิกดาวน์) ทำให้แซงง่ายขึ้น เลยใช้ paddle shift ช่วยตลอดทาง
ถามว่าทำไม ไม่ใช้โหมด Sport ผมว่ามันกินน้ำมันเพิ่มไปหน่อย มันจะลดเกียร์ลง 1 เกียร์ตลอด ทำให้รอบสูงเอาไว้ให้เราเร่งแซง ซึ่งทำให้กินน้ำมันมากกว่าโหมดcomfortน่าจะ 20% อัพ (สำหรับผม)
แต่การใช้ paddle shift มันแค่ช่วงสั้นๆ พักเดียวมันจะกลับมาเข้าโหมด D ปกติให้เอง เหมือนการขับ comfort กับ sport สลับกัน....
สรุปตอนนี้ผมใช้ paddle shift ค่อนข้างบ่อย โดยเฉพาะจังหวะจะเปลี่ยนเลน ขอเลน ที่ต้องการอัตราเร่งกระทันหัน แถมมันยังค้างเกียร์ไว้ให้ระยะนึงถึงแม้เราจะเบรคก็ตาม เผื่อการเร่งแซงต่อเนื่อง เป้นอะไรที่ทำให้ขับรถง่าย สนุกขึ้นครับ
ผมว่าการใช้ paddle shift คือโหมด comfort+ (อยู่ตรงกลางระหว่าง comfort กับ sport), comfort = นุ่มนวล เหมาะสำหรับขับในเมือง, สปอร์ต = แรง ขับสนุก กินน้ำมัน
บางคนอาจจะใช้อยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ใช้ และคิดว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่ติดรถมางั้นๆเหมือน cruise control ลองดูครับ.....