Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: applebees ที่ กรกฎาคม 13, 2012, 10:18:36
-
ไม่รู้มีใครตั้งคำถามนี้หรือยังนะครับ แค่สงสัยนิดๆน่ะครับ... ไม่นิดก็ได้
อธิบายผมหน่อยได้ไหมครับ ไม่เข้าใจ
1.) คือมันแพงกว่า แค่รูปทรง และความนิยมหรือครับ ???
เอาจริงๆ ด้านความจุ มันต่างกันไหมครับ ดี ร้าย ต่างกันอย่างไร ???
2.) ด้านสมรรถนะ Sedan กับ Hatchback แบบไหน ขับนิ่งกว่ากัน ขับเร็วแล้วดีกว่ากันครับ
THANK YOU
-
ตอบแบบไม่ค่อยรู้เรื่องนะครับ ผมคิดว่าคงแพงกว่าเพราะประตูที่เพิ่มเข้ามารึเปล่า ^^
-
ตอบแบบไม่ค่อยรู้เรื่องนะครับ ผมคิดว่าคงแพงกว่าเพราะประตูที่เพิ่มเข้ามารึเปล่า ^^
อืม น่าคิด ก็มันมีประตูมากกว่า มันก็แพงกว่า เป็นคนมีไหวพริบมากครับ 555555+
-
จุของได้ ขนาดใหญ่ที่กว่า
ค่าใบปัดน้ำฝน
ค่าโครงสร้างประตูหลังที่ต้องทำให้แข็งแรง
ค่าโช้คอัพบานประตูหลัง ที่กระบอกใหญ่กว่า
ค่ารูฉีดน้ำทำความสะอาดกระจก
มอเตอร์ใบปัดน้ำฝน
แต่ก็นะ ตัวซีดานส่วนใหญ่ยาวกว่ากัน เหล็กที่หายไป เอามาทดแทนกันไม่ได้เหรอ :P
-
5 ประตู ถือโอกาส เพิ่มราคาแพงกว่า4 ประตู ตรงดีไซน์ สวยงาม ต่างคนชื่นชอบกว่า ยังไงก็ขายได้ เอนกประสงค์กว่า
-
การตลาดหละมั้งครับ
-
จุของได้ ขนาดใหญ่ที่กว่า
ค่าใบปัดน้ำฝน
ค่าโครงสร้างประตูหลังที่ต้องทำให้แข็งแรง
ค่าโช้คอัพบานประตูหลัง ที่กระบอกใหญ่กว่า
ค่ารูฉีดน้ำทำความสะอาดกระจก
มอเตอร์ใบปัดน้ำฝน
แต่ก็นะ ตัวซีดานส่วนใหญ่ยาวกว่ากัน เหล็กที่หายไป เอามาทดแทนกันไม่ได้เหรอ :P
ผมว่าไม่จริง เพราะ ECO CAR ต่างก็มุ่ง5ประตูมาก่อน แสดงว่าต้นทุนอาจถูกกว่าเสียด้วยซ้ำ
-
แล้วอย่าง m3 2.0 หล่ะคับ ราคาเท่ากันแต่ราคาจริงๆหน้าโรงงานตัวไหนจะแพงกว่ากันคับ?
-
มันขายได้น้อยกว่าครับ เลยแพงกว่าเมื่อเทียบกับค่าโมลต้นแบบที่เป็นทุน
รถคูเป้ประตูน้อยกว่าก็แพงกว่าสี่ประตูครับ ต้นทุนที่เฉลี่ยกับยอดขายมันต่างกัน
-
5 ประตู ถือโอกาส เพิ่มราคาแพงกว่า4 ประตู ตรงดีไซน์ สวยงาม ต่างคนชื่นชอบกว่า ยังไงก็ขายได้ เอนกประสงค์กว่า
ตามนี้ครับ
ราคาที่ตั้ง เค้าตั้งด้วยการตลาดครับ
-
จุของได้ ขนาดใหญ่ที่กว่า
ค่าใบปัดน้ำฝน
ค่าโครงสร้างประตูหลังที่ต้องทำให้แข็งแรง
ค่าโช้คอัพบานประตูหลัง ที่กระบอกใหญ่กว่า
ค่ารูฉีดน้ำทำความสะอาดกระจก
มอเตอร์ใบปัดน้ำฝน
แต่ก็นะ ตัวซีดานส่วนใหญ่ยาวกว่ากัน เหล็กที่หายไป เอามาทดแทนกันไม่ได้เหรอ :P
ผมว่าไม่จริง เพราะ ECO CAR ต่างก็มุ่ง5ประตูมาก่อน แสดงว่าต้นทุนอาจถูกกว่าเสียด้วยซ้ำ
ผมว่ากรณี Ecocar ต้องการความ เอนกประสงค์มากกว่า เพราะตัวมันเล็กเกินไป เหมือน K-car รูปแบบซีดานก็คงไม่ดีเพราะที่จุด้านหลังไม่รู้จะทำยังไง
ไม่รวมถึง Almera นะ เพราะรายนั้นตีตั๋วเด็ก :-X
-
ในยุโรป เค้าฮิตกันจัง แฮตช์แบ็กเนี่ย แต่มันไม่ใช่แนวผม ทั้งๆที่รู้ว่ามันแพงกว่าซีดานพื้นฐานเดียวกัน แจ๊ซรุ่นต่อรุ่น แพงกว่าซิตี้ ยาริสรุ่นต่อรุ่น แพงกว่าวีออส โฟกัสรุ่นต่อรุ่น แพงกว่าตัวซีดาน เฟียสต่ารุ่นต่อรุ่น แพงกว่าตัวซีดาน แต่ผมก็มองตัวซีดานสวยกว่าอยู่ดี หรือผมมันอนุรักษ์นิยม ?
-
จุของได้ ขนาดใหญ่ที่กว่า
ค่าใบปัดน้ำฝน
ค่าโครงสร้างประตูหลังที่ต้องทำให้แข็งแรง
ค่าโช้คอัพบานประตูหลัง ที่กระบอกใหญ่กว่า
ค่ารูฉีดน้ำทำความสะอาดกระจก
มอเตอร์ใบปัดน้ำฝน
แต่ก็นะ ตัวซีดานส่วนใหญ่ยาวกว่ากัน เหล็กที่หายไป เอามาทดแทนกันไม่ได้เหรอ :P
ผมว่าไม่จริง เพราะ ECO CAR ต่างก็มุ่ง5ประตูมาก่อน แสดงว่าต้นทุนอาจถูกกว่าเสียด้วยซ้ำ
คิดง่ายๆ
รถซีดาน
- เบาะหลังอาจพับไม่ได้
- ปัดน้ำฝันหลังไม่จำเป็นต้องมี
- โช๊คค้ำกระโปรงหลังไม่ต้องมีก็ได้
- ใช้เหล็ก/พลาสติก/กระจก มากกว่า ในจำนวนชิ้นส่วนเท่าๆกัน
รถแฮทแบค
- ยังไงๆ เบาะหลังต้องพับได้ (อาจจะต้องแยกซ้ายขวาด้วย)
- ประตูท้ายต้องมีค้ำโช๊ค
- ปัดน้ำฝนควร(จำเป็นต้อง)มี
- ใช้เหล็ก/พลาสติก/กระจก น้อยกว่า ในจำนวนชิ้นส่วนเท่าๆกัน
ที่แน่ๆ สองอย่างนี้ต้นทุนดูแล้วต่างกันแน่ๆ ครับ แต่ก็อยู่ที่ว่าจะต่างมาก ต่างน้อย ต้องไปดูจำนวนที่ผลิตมาอีกทีครับ
จะฟันธงว่าอันไหนถูกกว่าเลยไม่ได้หรอกครับ นอกเสียจากเราจะลองคิดราคาอะไหล่มาประกอบเป็นคันคันนึงดู
เพราะใน mass production แค่แหวนรองน็อตตัวเดียวก็มีผลต่อต้นทุนครับ
ส่วนในเรื่องการตั้งราคาน่าจะเกี่ยวกับการตลาดด้วย หรืออาจจะมีเรื่องต้นทุนบ้างในบางกรณีเป็นเรื่อยไป
-
เหมือนถามว่า คอนโด 2 ห้องนอนทำไมแพงกว่า 1 ห้องนอนอะครับ
-
แบบนี้ทำไม benz c coupe 2 ประตู แพงกว่า 4 ประตูล่ะครับ
คิดว่า น่าจะเหมือนกัน คือ คนซื้อน้อยกว่า เลยตั้งราคาแพงกว่า
-
ต้นทุนก็มีส่วนครับ การทำแผงประตูบานที่ห้า
มันน่าจะมีรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่มากกว่า
อย่างเช่น
ที่ปัดน้ำฝนหลัง (ยกเว้นบริโอ้ ::) )
โช็กอัพค้ำยัน
แผงปิดสัมภาระท้าย
บลาๆๆๆ
-
ไม่จริงครับ แฮตช์แบค ไม่จำเป็นต้องมีใบปัดน้ำฝนหลังก็ได้ครับ ไม่อันตราย วิศวกรของฮอนด้า ผู้วิศวกรรมบริโอ้ เค้าฝากบอกมา เค้าเป็นถึงวิศวกรนะครับ :o ;D ;D
-
ไม่จริงครับ แฮตช์แบค ไม่จำเป็นต้องมีใบปัดน้ำฝนหลังก็ได้ครับ ไม่อันตราย วิศวกรของฮอนด้า ผู้วิศวกรรมบริโอ้ เค้าฝากบอกมา เค้าเป็นถึงวิศวกรนะครับ :o ;D ;D
ที่จริงที่ปัดน้ำฝนหลัง ไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ รถกระบะเขาไม่มี ไม่เห็นจะเรียกร้องอะไร หรือบ่นในการขับขี่สักนิด
-
ไม่จริงครับ แฮตช์แบค ไม่จำเป็นต้องมีใบปัดน้ำฝนหลังก็ได้ครับ ไม่อันตราย วิศวกรของฮอนด้า ผู้วิศวกรรมบริโอ้ เค้าฝากบอกมา เค้าเป็นถึงวิศวกรนะครับ :o ;D ;D
ผมยอมตาม swift ดีกว่า มีปัดน้ำฝนแต่ไม่มีไล่ฝ้า 555
ปล. รถหลายรุ่นในญี่ปุ่น รุ่นล่างๆ ก็ไม่มีทั้งใบปัด และไล่ฝ้านะครับ แต่อย่างน้อยฝาท้ายเค้าก็เป็นเหล็ก และมีค้ำโช๊คมากกว่าอันเดียว ฮ่าๆๆๆๆ
-
ไม่จริงครับ แฮตช์แบค ไม่จำเป็นต้องมีใบปัดน้ำฝนหลังก็ได้ครับ ไม่อันตราย วิศวกรของฮอนด้า ผู้วิศวกรรมบริโอ้ เค้าฝากบอกมา เค้าเป็นถึงวิศวกรนะครับ :o ;D ;D
ที่จริงที่ปัดน้ำฝนหลัง ไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ รถกระบะเขาไม่มี ไม่เห็นจะเรียกร้องอะไร หรือบ่นในการขับขี่สักนิด
รถท้ายตัด เวลาขับบนถนนเปียก ล้อหลังจะดีดโคลนขึ้นมาบนกระจกพอดีไงครับ เพราะระยะ over hang ด้านหลังมันสั้นและท้ายรถตั้งตรงครับ โปรดอย่าไปเทียบกับกระบะ
-
ไม่จริงครับ แฮตช์แบค ไม่จำเป็นต้องมีใบปัดน้ำฝนหลังก็ได้ครับ ไม่อันตราย วิศวกรของฮอนด้า ผู้วิศวกรรมบริโอ้ เค้าฝากบอกมา เค้าเป็นถึงวิศวกรนะครับ :o ;D ;D
ที่จริงที่ปัดน้ำฝนหลัง ไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ รถกระบะเขาไม่มี ไม่เห็นจะเรียกร้องอะไร หรือบ่นในการขับขี่สักนิด
รถท้ายตัด เวลาขับบนถนนเปียก ล้อหลังจะดีดโคลนขึ้นมาบนกระจกพอดีไงครับ เพราะระยะ over hang ด้านหลังมันสั้นและท้ายรถตั้งตรงครับ โปรดอย่าไปเทียบกับกระบะ
มันคงเป็นเรื่องของลมหมุนวนท้ายรถน่ะครับ รถที่โอเวอร์แฮ้งค์ด้านหลังมากกว่าแฮตช์แบคก็มีโคลนเกาะที่กระจกหลังได้เหมือนกัน(พอดีใช้รถแวนที่ไม่มีใบปัดหลังอยู่)
รถกระบะก็มีโคลนเกาะ แต่ไปเกาะที่ฝาท้ายแทน
ถ้าไม่มีใบปัดหลัง ใช้น้ำยาลดการเกาะตัวของหยดน้ำ ก็พอช่วยได้
-
ยังไม่รู้กันอีกว่าเขาประชดฮอนด้าบริโอ้น่อ :-\
เอาง่ายๆ ประตูที่เพิ่มเข้ามานี่แหล่ะครับ ตัวผีอีแพงเลย
เพราะต้องใช้ชิ้นส่วนมากกว่า ในการเสริมความแข็งแกร่งด้านหลัง
รวมถึงเพิ่มกระจกโอเปร่าอีก และยังต้องเพิ่มชิ้นส่วนในการตบแต่งภายในมากขึ้น
ผิดกับตัวซีดาน แค่ปูพื้นห้องด้านท้ายด้วยพรมก็พอแล้ว
ไม่ต้องเพิ่มชิ้นส่วนพลาสติก หรือเปลื่องวัสดุในการบุหลังคาแบบแฮตแบค
ที่คนไทยชอบตัวถังซีดานมากกว่า เหตุผลเพราะมันรู้สึกใหญ่และดูปลอดภัยดี
และประเทศเราเองคุ้นเคยกับรถ 4 ประตูมาช้านาน ทำให้เวลาทำตลาดในแต่ละครั้ง
ผู้ผลิตบางเจ้านิยมเปิดตัว 5 ประตูนำร่องมาก่อน
เท่าที่เก็บข้อมูลจากเพื่อนหลายๆคนที่เลือกซื้อ B-Segment
ถ้ามียกเว้น ก็คงเป็น อัลมิร่า เพราะนิสสันพี่ท่านเล่นยืดตัวถังซะเกือบไปทัดเทียมกับ C-car เลย :o
-
OVER HANG คืออะไรหรอครับ
อยากทราบจริงๆครับ
-
OVER HANG คืออะไรหรอครับ
อยากทราบจริงๆครับ
ส่วนที่ยื่นออกมาครับ แปลมั่วๆ
น่าจะหมายถึง การออกแบบให้ตัวถังมันออกมาไม่ให้
ด้านหน้ารถหรือท้ายรถยื่นออกมาจากฐานล้อมากเกินจนดูน่าเกลียด
แต่ถ้า Hangover เจอกันได้ทุกคืนวันศุกร์ครับ ;D
-
OVER HANG คืออะไรหรอครับ
อยากทราบจริงๆครับ
ส่วนที่ยื่นออกมาครับ แปลมั่วๆ
น่าจะหมายถึง การออกแบบให้ตัวถังมันออกมาไม่ให้
ด้านหน้ารถหรือท้ายรถยื่นออกมาจากฐานล้อมากเกินจนดูน่าเกลียด
แต่ถ้า Hangover เจอกันได้ทุกคืนวันศุกร์ครับ ;D
555+
ขอบคุณมากครับที่ช่วยตอบ
-
ดูเหมือนในตลาดมีค่ายเดียวที่ฉีกกฎคือ
Almera Sedan แพงกว่า March 5 ประตูครับ
-
แล้วทำไม 2 ประตูถึงแพงกว่า 4 ประตูล่ะ ประหยัดไปตั้ง 2 ประตูแล้วนะ
-
อยากสอบถามเพิ่มเติมครับว่า
ในรถรุ่นเดียวกัน เครื่องเดียวกัน ระดับ B-SEGMENT หรือ C-SEGMENT
บอดี้ SEDAN จะมี TOP SPEED สูงกว่า HATCHBACK จริงหรือไม่ครับ ?
ถ้าจริงเป็นเพราะอะไร หรือครับ ?
-
อยากสอบถามเพิ่มเติมครับว่า
ในรถรุ่นเดียวกัน เครื่องเดียวกัน ระดับ B-SEGMENT หรือ C-SEGMENT
บอดี้ SEDAN จะมี TOP SPEED สูงกว่า HATCHBACK จริงหรือไม่ครับ ?
ถ้าจริงเป็นเพราะอะไร หรือครับ ?
จริงครับ เพราะหลักการ aerodynamic
-
จุของได้ ขนาดใหญ่ที่กว่า
ค่าใบปัดน้ำฝน
ค่าโครงสร้างประตูหลังที่ต้องทำให้แข็งแรง
ค่าโช้คอัพบานประตูหลัง ที่กระบอกใหญ่กว่า
ค่ารูฉีดน้ำทำความสะอาดกระจก
มอเตอร์ใบปัดน้ำฝน
แต่ก็นะ ตัวซีดานส่วนใหญ่ยาวกว่ากัน เหล็กที่หายไป เอามาทดแทนกันไม่ได้เหรอ :P
ผมว่าไม่จริง เพราะ ECO CAR ต่างก็มุ่ง5ประตูมาก่อน แสดงว่าต้นทุนอาจถูกกว่าเสียด้วยซ้ำ
คิดง่ายๆ
รถซีดาน
- เบาะหลังอาจพับไม่ได้
- ปัดน้ำฝันหลังไม่จำเป็นต้องมี
- โช๊คค้ำกระโปรงหลังไม่ต้องมีก็ได้
- ใช้เหล็ก/พลาสติก/กระจก มากกว่า ในจำนวนชิ้นส่วนเท่าๆกัน
รถแฮทแบค
- ยังไงๆ เบาะหลังต้องพับได้ (อาจจะต้องแยกซ้ายขวาด้วย)
- ประตูท้ายต้องมีค้ำโช๊ค
- ปัดน้ำฝนควร(จำเป็นต้อง)มี
- ใช้เหล็ก/พลาสติก/กระจก น้อยกว่า ในจำนวนชิ้นส่วนเท่าๆกัน
ที่แน่ๆ สองอย่างนี้ต้นทุนดูแล้วต่างกันแน่ๆ ครับ แต่ก็อยู่ที่ว่าจะต่างมาก ต่างน้อย ต้องไปดูจำนวนที่ผลิตมาอีกทีครับ
จะฟันธงว่าอันไหนถูกกว่าเลยไม่ได้หรอกครับ นอกเสียจากเราจะลองคิดราคาอะไหล่มาประกอบเป็นคันคันนึงดู
เพราะใน mass production แค่แหวนรองน็อตตัวเดียวก็มีผลต่อต้นทุนครับ
ส่วนในเรื่องการตั้งราคาน่าจะเกี่ยวกับการตลาดด้วย หรืออาจจะมีเรื่องต้นทุนบ้างในบางกรณีเป็นเรื่อยไป
ผมว่า 5 ประตู ใช้เหล็กเยอะกว่า 4 ประตูด้วยนะครับ
แถมยังน่าจะต้องเป็นเหล็กที่ทนแรงกระแทกได้ดีด้วย เพราะท้ายสั้น ระยะยุบตัวน้อย ต้องใช้เหล็กเกรดดีกว่า
เพื่อให้ได้ค่าการทนแรงกระแทกเท่ากับ 4 ประตู ที่ท้ายยาวกว่า ทำเหล็กเป็นรูปทรงเหลี่ยมสัน ก็พอที่จะช่วยให้ทนแรงกระแทกได้แล้วโดยไม่ต้องใช้เหล็กเทพ
-
ผมว่าราคามันแตกต่างกัน เพราะความนิยม และค่าการตลาดล้วนๆครับ
-
มันขายได้น้อยกว่าครับ เลยแพงกว่าเมื่อเทียบกับค่าโมลต้นแบบที่เป็นทุน
รถคูเป้ประตูน้อยกว่าก็แพงกว่าสี่ประตูครับ ต้นทุนที่เฉลี่ยกับยอดขายมันต่างกัน
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมว่าความคิดของผมเท..มาทางสมาชิกท่านนี้ครับ
แต่ด้วยความคิดเห็นของหลายท่าน ผมก็คิดว่ามีส่วนด้วยครับ อย่างอุปกรณ์
บางอย่างที่เพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดคือกระจกบานประตูหลังที่ใหญ่กว่ารถซีดาน
ที่ปัดกระจกด้านหลังควรมีครับ เพราะผมใช้รถ5ประตูมานานมาก(คอร์ซ่า 5 ประตู)
เวลาฝนตกกระจกหลังนี่แทบมองไม่เห็นเลยเพราะน้ำฝน+โคลนที่กระเซนขึ้นมาทำให้
มองไม่เห็น ต้องปัดบ้างครับถึงจะเห็น อีกอย่างการปรับปรุงจากรุ่นซีดานมาเป็น 5 ประตู
ต้องลงทุนเพิ่มในส่วนของโมต้นแบบ,ระบบความปลอดภัย,การทรงตัว,อุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ
ซึ่งบางรุ่นยอดขายอาจขายได้ไม่เท่ารุ่นซีดาน(ไม่นับแจ๊สครับ..อันนั้นเค้าทุ่มโฆษณาเยอะจนเค้าล้ำไปแล้วครับ)
ดังนั้นสรุปว่า..(ในความคิดผม)..ส่วนที่ทำให้ราคาแตกต่างเพราะ 3 ส่วนหลักๆครับ
1.ต้นทุนในการปรับปรุงและพัฒนาจากซีดานเป็นแฮทแบค
2.อุปกรณ์เพิ่มเติม+ค่าทดสอบ+ค่าการตลาด
3.จำนวนยอดขายทางสถิติ..และความนิยมของผู้ใช้ในขณะนั้น
**ปัจจัยสุดท้ายเพราะเสียภาษีกับประตูที่เพิ่มขึ้นมานี้ด้วยครับ(ไทยแลนด์...Only) ;)
-
ผมขอตอบด้านสมรรถนะการขับขี่นะครับ เป็นเฟียสต้า 1.6 Sport เหมือนกัน
1.ช่วงล่างในความเร็วต่ำๆ เวลาเจอหลุมบ่อซ้ายขวาไม่เท่ากัน ตัว 5 ประตูเด้งน้อยกว่า 4 ประตูครับ
2.ช่วงเข้าโค้งที่ความเร็วสูงๆ 5 ประตูมีอาการโยนน้อยกว่า 4 ประตูครับ
3.ช่วงความเร็วสูงในการวิ่งทางไกล 4 ประตูนิ่งและประหยัดกว่า 5 ประตูครับ
-
ผมเข้าใจว่าเป็นการตลาดครับ เพราะว่าในระดับ Mass Production แล้ว ส่วนต่างของราคาต้นทุนไม่ได้มีส่วนต่างมากขนาดนั้นครับ
เพราะเท่าที่เห็นยกตัวอย่างของ Mazda3 ราคาต่างกันอยู่หลายหมื่นบาทเลยครับ ส่วนต่างต้นทุนที่โรงงานก็ไม่น่าจะมากขนาดนี้ครับ
เช่นเดียวกับสีขาวทำไมต้อง +10,000 บาท มันไม่ใช่เพราะต้นทุนสีขาวแพงกว่าสีอื่นหรอกครับ เพราะตอนนี้ Demand สีขาวมีมากเท่านั้นเอง :D
-
ถ้าประตูเยอะแพงกว่า แล้วทำไม 2 ประตูแพงกว่า 4 ประตูในรถรุ่นดียวกัน เทคโนโลยีเดียวกัน
ผมว่า เป็นการตลาดเท่านั้น ราคาไม่ได้ขึ้นอยู่กับต้นทุนเสมอไป
-
กระเเส ค่านิยม เเละการตลาดล้วนๆครับ จำได้ว่าสมัยก่อน โฟล์คกอล์ฟ 3 ประตูถูกที่สุด 5ประตูเเพงขึ้นมาหน่อย เเต่รุ่น เวนโต้ กลับเเพงที่สุด เเละออฟชั้นถูกตัดออกไปเยอะกว่าเพื่อนเลยครับ
-
ตกลงเค้าตั้งกระทู้เรื่องที่ปัดน้ำฝน ของรถ 5ประตู กับรถ 4ประตู หรือครับ :(
-
มันขายได้น้อยกว่าครับ เลยแพงกว่าเมื่อเทียบกับค่าโมลต้นแบบที่เป็นทุน
รถคูเป้ประตูน้อยกว่าก็แพงกว่าสี่ประตูครับ ต้นทุนที่เฉลี่ยกับยอดขายมันต่างกัน
เป๊ะ !!!
-
จำนวนประตู ไม่ได้มีผลสักเท่าไร การตลาดล้วนๆครับ
-
มันขายได้น้อยกว่าครับ เลยแพงกว่าเมื่อเทียบกับค่าโมลต้นแบบที่เป็นทุน
รถคูเป้ประตูน้อยกว่าก็แพงกว่าสี่ประตูครับ ต้นทุนที่เฉลี่ยกับยอดขายมันต่างกัน
555จิงด้วยฮะ ประตูหายไป 2 ดันเเพงขึ้น งั้นเเปลว่าไม่เกี่ยวกับจำนวนประตูละ :P
-
ผมคิดว่ามันเกี่ยวกับค่าการตลาดครับ
เพราะคนซื้อรถยนต์ Hatchback ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะมีความเป็นตัวของตัวเองมากกว่าคนซื้อรถยนต์ Sedan ในตำแหน่งทางการตลาดเดียวกัน
ดังนั้นเขาจึงยอมจ่ายแพงกว่าเพราะมีความเป็นตัวของตัวเองมากกว่าครับ เพราะราคามันไม่ได้ต่างกันแบบลิบลับครับ
และเขาอาจจะต้องการความอเนกประสงค์สำหรับการใช้ในความเฉพาะในด้านต่างๆจริงๆเช่น ในเชิงการพาณิชย์ บางธุรกิจต้องการใช้รถยนต์ Hatchback เช่น Honda Jazz พับเบาะก็จะมีพื้นที่ด้านหลังมากพอสมควร จึงเหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการความUnique จึงมีความจำเป็นว่าไม่ควรใช้รถยนต์ Truck และไม่ใหญ่พอที่จะใช้ รถยนต์ Van
ส่วนเรื่องต้นทุนก็มีผลครับ ::)