เหมือนเคยนะครับ
สีเหลือง คือข้อความของผม
สีขาว ข้อความพี่ต้น
สีชมพู รายงานข่าว และเสียงจากชาว Facebook
สีเขียวอมเหลือง คือข้อความสำคัญ ต้องอ่าน!
---------------------------------------
มาดูสถานการณ์น้ำในภาพรวมจากพี่ต้นกันเช่นเคยนะครับ
แต่ก่อนอื่น ขอหยิบภาพถ่ายจากแผนที่จากดาวเทียม Theos มาให้ดูกันก่อน
จะเห็นว่า ตอนนี้ น้ำจำนวนมหาศาล ลงทะเลไปมากแล้ว
สรุปภาพรวมทุกพื้นที่ คละกันไปจากพี่ต้น เมื่อวานนี้ 13 พ.ย. ที่ผ่านมา มีดังนี้"วันนี้..ออกไปช้อปปิ้งได้แล้วนะครับ..
13 พ.ย. น้ำทุ่ง ด้านฝั่งตะวันออก หน้านิคมบางชันน้ำทรงตัว ไม่ค่อยทรง มีแต่จะยุบ..
ระดับน้ำเช้าๆ นี้ยังทรงตัวลดลงเล็กน้อยประมาณ 2-3 ซ.ม.ส่วนที่ถนนเสรีไทย น้ำท่วม
สูง 40-50 ซ.ม.แยกเมืองมีนบุรีถึงแยกบางชัน น้ำท่วมสูง 30-50ซ.ม.
ถนนสุวินทวงศ์กลางแยกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ถนนราษฎร์อุทิศเข้าเขตหนองจอก
น้ำท่วมสูง รถเก๋งไม่สามารถผ่านได้ ถนนประชาร่วมใจ น้ำท่วมสูงกว่า 1 ม. ถนนร่มเกล้า
มีน้ำท่วมสูงประมาณ 30-40 ซ.ม. ช่วงๆแยกเจ้าคุณทหาร
ส่วนในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ยังไม่มีน้ำซึมเข้า ระดับน้ำในคลองข้างเคียง...
ยังมีปริมาณปริ่มตลิ่งที่ ถนนรามคำแหง ปากซอยมิสทีน มีน้ำท่วมขังประมาณ 10 ซม....
รถยังสามารถสัญจรไปมาได้
ส่วนถนนรัชดาภิเษก ตั้งแต่บริเวณแยกรัชโยธิน มาจนถึงบริเวณแยกรัชดาตัดลาดพร้าว
ระดับน้ำลดลง 10 ซ.ม. บริเวณด้านหน้าฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
เลนขวาสุดของถนนระดับน้ำได้ลดลงจนเห็นพื้นผิวการจราจรแล้ว ส่วนบริเวณด้านหน้า
สำนักงานอัยการสูงสุด บริเวณด้านหน้าศาลอาญา ศาลแพ่งและศาลอุทธรณ์ ระดับน้ำ
ก็ได้ลดลงเช่นกัน แต่ก็ยังคงมีระดับความสูงของน้ำอยู่ที่ประมาณ 10 ซ.ม. สำหรับเลน
ขวาสุด ส่วนบริเวณเลนซ้ายสุด ระดับน้ำก็ยังคงไหลปริ่มบริเวณฟุตปาท การสัญจร
บริเวณดังกล่าว มีเพียงรถใหญ่ผ่านไปมา
ส่วนสถานการณ์น้ำ ฝั่งกรุงธน เริ่มดีขึ้นโดยระดับน้ำที่แยกบรมราชนนี ต่อเนื่อง
ตั้งฮั่วเส็ง น้ำอยู่ที่ประมาณ 50 ซม.เช่นเดียวกับแยกปิ่นเกล้า น้ำด้านหน้าห้างพาต้า
เริ่มลดระดับลงแล้ว
ไปดูน้ำท่วม.....ที่บริเวณถนนบางขุนเทียน-บางบอน ช่วงค่ำ (12 พ.ย.) ที่ผ่านมา ระดับน้ำ
บนถนนมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำอยู่ที่ 30 - 40 ซม. รถเล็กสัญจรลำบาก
ซึ่งจากการสำรวจเส้นทางพบ มีรถจอดเสียในบางจุด เนื่องจากน้ำที่สูงขึ้น ขณะที่ปลาย
ปีกน้ำบนถนนบางขุนเทียน ในตอนนี้อยู่บริเวณเชิงสะพานสี่บาท ห่างจากถนนพระราม 2
เพียง 500 เมตร....
สำหรับกรณีความขัดแย้งระหว่างการเคหะธนบุรี 1 และชุมชนการเคหะ ธนบุรี 3
เมื่อคืนที่ผ่านมาได้เจรจาเป็นผลสำเร็จ และในช่วงค่ำที่ผ่านมาพบว่า น้ำจากคลอง
ลาดลำภู ได้ทะลักเข้าการเคหะธนบุรี 1 ระดับน้ำสูง 50 ซม.และคาดว่าระดับน้ำจะ
เพิ่มสูงขึ้น และไหลเร็วอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ห้างโลตัส พระราม 2 ได้เสริมกระสอบทราย 2 ชั้น บริเวณช่วงรอยต่อระหว่าง
คลองลาดลำภูความสูง 1 เมตร และบริเวณหม้อแปลงไฟ ความสูง 1.40 เมตร เนื่องจาก
หวั่นว่า หากปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นจะไหลเข้าหม้อแปลง ซึ่งวางบนพื้นต่ำ และจะกระทบ
ต่อการจ่ายกระแสไฟในห้างสรรพสินค้าดังกล่าวได้ วันนี้....ทางการได้เร่งระบายน้ำ
หน้าห้าง ลงลำรางเพื่อให้ไหลลงคลองต่อไป
บนผิวถนนเส้นพระรามที่ 2 ยังใช้ได้เป็นปกติ..เริ่มมีน้ำเอ่อล้นออกมาตามท่อ ในบางช่วง
เช่น ถนนพระราม 2 ซอย 82 ซอย 84 และซอย 70 พบมีน้ำท่วมขังภายในชุมชน รวมไปถึง
หมู่บ้านพฤกษาภิรมย์ ส่วนระดับน้ำในคูคลองต่างๆ เช่นคลองรางแก้ว ระดับน้ำเอ่อล้นไหล
เข้าชุมชนใกล้เคียง และ คลองเลนเปน ระดับน้ำภายในคลองยังต่ำกว่าขอบ
ย่านตลาดรังสิต...น้ำลดลงต่อเนื่อง...หมู่บ้านหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ น้ำท่วมขังได้ลดระดับลง
1 ฟุต สังเกตได้จากคราบน้ำที่ลดลงจากร้านสะดวกซื้อ.............
วันนี้....จับตา สามพราน /กระทุ่มแบน ส่งแรงใจ ให้น้ำหลากผ่านไปลงทะเล เร็วๆ นะครับ..."
เวลานี้ พื้นที่ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ บริเวณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน แน่ๆครับ
เป็นไปอย่างที่พี่ต้นบอกเอาไว้ เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน...ไม่มีผิด!
ไม่อยากจะคิดเลย สามพราน.....เฮ้อ....
ลองอ่านดูแล้วกัน..เสียงจากในพื้นที่...ตอน 7 โมงเช้า..อันที่จริง น้ำมาตั้งแต่คืนวันเสาร์-เช้าวันอาทิตย์แล้วพี่ต้น : "ข่าวด่วน จี๋.....สามพราน น้ำทะลักครึ่งบ้านแล้ว เมื่อ 50 นาที...ที่ผ่านมา
ที่ว่าการอำเภอสามพรานน้ำทะลัก ตลาดสามพรานริมฝั่งแม่น้ำเอ่อล้นจากคันตลิ่งพังแต่กู้ได้ทัน
เขต ต.คลองใหม่ น้ำวันนี้ขึ้นสูงมากเข้าเอ่อล้นเข้ามาในโรงเรียนนายร้อยตำรวจเป็นทุ่งรับน้ำโดยปริยาย"
เสียงจากคนในพื้นที่ คุณณัฏฐาพร พงษ์สิงห์....
"ด้านแฟลตสัญญาบัตรน้ำท่วมทั่วถึงทุกแฟลตแล้วค่ะ บางคนยังใจเย็นไม่เอารถออกไปจอดที่ถนน
หน้าอำเภอเลยค่ะ ต้องเดินตะโกนบอกกันค่ะ ว่าให้รีบเคลื่อนย้ายรถ ตรงอาคารยุทธวิธีตำรวจที่เป็น
จุดผลักดันน้ำที่ใหญ่ที่สุดของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ บ้านพี่โอชินที่อยู่ด้านข้างโรงเรียนนายร้อย
เป็นบ้านชั้นเดียวจมน้ำไปครึ่งหลังแล้วค่ะ...บ้านผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยน้ำเข้าท่วมพื้นที่
รอบบ้านแล้วค่ะ...."พี่ต้น : "....หมดกัน ทั้งอำเภอ น้ำมากลางคืนด้วย ตอนนี้ครึ่งบ้านเข้าไปแล้ว ไฟฟ้าถ้าตัดไม่ทันนะ..
มีลอยเป้นแพ แผนหนีภัย (ทางหนีน้ำ ก็ไม่ชัดเจนด้วย) ต้องอาศัยอาคารสูงๆ วิ่งหนีเอาตัวรอดก่อน..
(ประเมินว่า ช่วงเช้าๆ น้ำจะระดับ 1.80-2.00 ม.) น่ากลัวๆ
....แอบฟัง..คนพื้นที่คุยกัน..ขนาด ท่านผู้บัญชาการ รร.นายร้อย สามพราน..
เหมือนๆ ท่านยังไม่รู้ว่าน้ำกำลังจะมา..คนที่เตือน ท่าน ผบ. คือ ปลัดอำเภอ เลยนะ"
๑ ณัฏฐาพร พงษ์สิงห์
"ออกไปดูน้ำในโรงเรียนนายร้อยมาค่ะ น้ำไหลแรงมากค่ะระดับน้ำสูงเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
ประมาณ 10 ซม. หน้าประตูคิงน้ำไหลล้นผ่านหน้าประตูออกไปทางถนนทางเข้าอำเภอแล้วค่ะ
แต่แนวถนนยังสูงกว่ามากค่ะ ด้านประตู 4 น้ำเอ่อท้นไปทางหน้าปั๊มน้ำมันแล้วนะคะ สนามกีฬา
น้ำท่วมเต็มพื้นที่แล้วค่ะ น้ำมีสีคล้ำและมีกลิ่นเหม็นด้วยค่ะ
ด้านหน้าอาคารสัมมนาของโรงเรียนนายร้อยตำรวจที่อยู่ริมน้ำด้านหน้าอาคารน้ำก็เข้าไปเยือนแล้วเช่นกัน
ระดับน้ำของถนสายนี้ตลอดไปถึงหน้าบ้านพักของท่านผู้บัญชาการสูงประมาณ 20 ซม.บางช่วงสูงกว่าระดับ
ฟุตบาทค่ะ"
๑อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม : "ผมเคยเข้าไปบอกท่านเรื่องระดับน้ำแล้วครับ"
๑Pusit Papakchan : "ฐานที่มั่นเดวที่เหลือของอำเภอสามพราน คือต.สามพราน ใช่มั้ยครับ"
๑Nontha Meejit : "ต. สามพรานตอนนี้ก็แย่ ดูดน้ำออกแห้ง วันนี้วันเดียวน้ำมาเต็มสวนเลย"
๑Suntaree Intarat : "แต่ก็วันนี้ก็เกือบถึงตลาดแล้วนะ ^^""
๑Hookja Lalla : "วันนี้ดงเกตุหมู่ที่ 5 ท่วมไปเกินครึ่งหมู่แล้วครับ"
Saowarat Kitpitak : "บ้านหนู เปโตร 25 ท่วมทั้งเปโตร 25 และ 23
คืนนี้คงนอนไม่หลับกันแน่ ทำยังซึมเข้าบ้านอยู่เลย"
Vajrin Anekponpan : "ขอบคุณครับ ท่านปลัด รู้สึกว่าพึ่งท่านได้มากกว่าพวกเทศบาลอีก
วันนี้ตลาดริมน้ำได้กลายเป็นตลาดน้ำไปเรียบร้อยแล้ว เหลือตลาดเทศบาลล่ะครับงานนี้"
PangPond Kumwattanaarpar : "แม่หนูอยู่หมู่ 7 ก็ไปอยู่โรงยิมแล้วค่ะ"
หนม ชั้น : "แหม!!!...วันนี้น้องน้ำมา เปโตรซอย25 มาแบบไม่ได้ตั้งตัวเลยนะคะ คุณปลัด
เขื่อนพัง ชาวบ้านเก็บของกันไม่ทันเลย บ้านไหนชั้นเดียวที่นอน หมอน ผ้าห่ม ลอยน้ำหมด
ของใช้อย่าไปพูดถึงเลยนะคะ...."
ขนาดที่บ้านหนมชั้นเตรียมตัวไว้ก่อนใคร...น้ำยังขึ้นมาถึงเอวเลยค่ะ..วุ่นวายกันทั้งซอยเลย"ส่วน เทียนตัด พี่ต้นบอกว่า "น้ำยังไปไม่ถึงเทียนดัด เลยครับ"
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่อื่นๆอีกนิดหน่อย ที่เราควรจับตาดูกันพี่ต้น"....ข่าวชาวบ้าน แต่เช้าๆ...(พุทธมณฑล สาย 6 ยังนอนริมถนน แล้ว สาย 7 จะมีอะไรเหลือ)"
คุณ Jirawan Chaijaroen :
ฝากเตือนรถที่วิ่งบนถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี พุทธมณฑลสาย 6 ฝั่งขาเข้านครปฐม (ฝั่งขาเข้า กทม.
วิ่งไม่ได้เนื่องจากมีรถเทรลเลอร์มันขวางถนนไว้) ช่วยวิ่งรถ กันช้าๆหน่อยค่ะ เพราะมีชาวบ้านมาพัก
อยู่ริมถนน น้ำเข้าไปกระแทกเพิงพักค่ะ"
คุณศิริพร วิลัยรักษ์ รายงานเมื่อเช้าวานนี้ (13 พ.ย.) ว่า
"สวัสดียามเช้า 13/12/11 ระดับน้ำที่บ้านจรัญ 13 ลดลง อีก 5 เซน เหลือประมาณ 55 เซนติเมตร
สำหรับเช้านี้ กำลังสูบน้ำออกจากบ้านอยุ่ค่ะ(ไม่ใช่ฝ่าแน่นอน) เมื่อวานหัดพายเรือวันแรก ขำสุดๆๆ
เรือพายไปมันก็กลับหัวได้ เพราะมันเบา แต่ก็ลุจุดหมายปลายทาง ซื้ออาหารกลับมากินมื้อเย็นได้จ้า"
การระบายน้ำ กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก และนครปฐม นั้น สำคัญที่สุดก็คือ น้ำมาเร็ว ไหลลงทะเลเร็ว
และถ้าจะให้ยิ่งเร็ว ก็ต้องมีเครื่องสูบน้ำ แต่ถ้าเช่นนั้น ต้องมีกระแสไฟมากพอเสียก่อน
เลยเป็นที่มาของข่าวนี้พี่ต้น : "การไฟฟ้าต้องเพิ่มแรงดันไฟก่อน... ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ
มั่นใจ...ถนนพระราม 2 มีแต่ น้ำลายลื่นถนน...(แทนน้ำท่วม) ฮิ้ววว...."
(รายงานข่าว)
"การประชุมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมถนนพระราม 2 แจ้งว่าในส่วนของการแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำ
ด้านตะวันตกที่ประชุมได้เสนอให้เร่งผลักดันน้ำจากคลองราชมนตรีและคลองสนามชัย เข้าโครงการ
แก้มลิงคลองมหาชัย คลองสนามชัย พร้อมทั้งเร่งผลักดันน้ำจากคลองบางบอน ผ่านประตูระบายน้ำ
คลองเอกชัย จะทำให้สามารถป้องกันถนนพระราม 2 ไม่ให้เกิดความเสียหายรุนแรงเหมือนที่เกิดกับ
ถนนวิภาวดีฯ และถนนเพชรเกษมได้ และขณะนี้ กทม.ได้ประสานกับ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)
ติดตั้งระบบไฟฟ้าเพื่อเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
ในพื้นที่ฝั่งตะวันตก"--------------------------------------
แล้วมาดู โซน กรุงเทพ ในตัวเมือง และทางเหนือ ขอรวบไว้เป็นพื้นที่เดียวกันนะครับ
เริ่มต้นด้วยรายงานข่าวก่อน
"js100radio น้ำบริเวณหน้าม.ศรีปทุมเริ่มลดลงเรื่อยๆ 10-20ซม.
ถ.วิภาวดีรังสิต ขาออก คู่ขนาน จากวัดเสมียนนารี ถึงแยกบางเขน
ระดับน้ำ 30-40ซม. เลนด่วน น้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง"
เอาแล้ว ข่าวดีเริ่มมาเยือนแล้ว
ต่อกันที่ อาจารย์อานนท์ ของเรา....คนนี้ ติดตามได้นะครับ ถือว่าโอเคเลยพี่ต้น : "ดร.อานนท์" มั่นใจ.....อนุสาวรีย์ชัยฯ รอด ระบุ
สายไหม-ดอนเมือง-ลาดพร้าว กำลังดีขึ้น (น้ำผ่านสายไหม เลยมีนบุรี ไปไกลแล้วจ้า)"
นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.)
กล่าวว่า สถานการณ์น้ำบริเวณเขตสายไหม ดอนเมือง ลาดพร้าวมีแนวโน้มดีขึ้น สามารถควบคุมปริมาณน้ำได้
โดยน้ำที่ไหลเข้ามีปริมาณน้อยมากกว่าน้ำออก ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ถนนสายหลักต่าง ๆก็จะสามารถกลับมาใช้งาน
ได้ภายใน 7-10 วัน
"มั่นใจว่าพื้นที่ฝั่งตะวันออกในบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โอกาสที่น้ำจะท่วมขังเป็นบริเวณกว้างแทบจะไม่มี
แต่อาจจะมีน้ำที่ไหลย้อนมาตามท่อเอ่อขึ้นเป็นจุด ๆแต่ไม่ทำให้เกิดปัญหามาก"
ขณะที่ พื้นที่ฝั่งตะวันตกทั้งในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล จ.นครปฐม สมุทรสาคร แนวโน้มบางพื้นที่น้ำลดลง
อย่างชัดเจน และพื้นที่ใกล้ทะเลอาจได้รับผลกระทบ โดยระดับน้ำยังทรง ๆอยู่ แต่แผ่ขยายในพื้นที่มากขึ้น
โดยจะพยายามใช้การระบายน้ำลงทะเลให้ได้มากที่สุด
ขณะนี้น้ำมีปริมาณมาก แต่คิดว่าสามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างดี และรวดเร็วมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนต้น
แสดงให้เห็นว่า เราคุมสถานการณ์น้ำไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้ สามารถพูดได้ว่าน้ำที่ยังท่วมขังในขณะนี้อยู่ภายใต้
ระบบการบริหารจัดการแล้ว แต่การบริหารไม่สามารถทำได้เร็วภายใน 1-2 วัน อาจจะเป็น 4-5 วัน แต่มั่นใจว่าจะสำเร็จ
ภายในเร็ว ๆนี้อย่างแน่นอน
ด้านนายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำโดยรวมในวันนี้เริ่มดีขึ้นในทุกพื้นที่
ไล่ตั้งแต่นครสวรรค์ลงมาในบางพื้นที่น้ำต่ำกว่าตลิ่ง ซึ่งน้ำเหนือในที่ลุ่ม โดยกรมชลประทานจะเข้าไปช่วยในการ
สูบน้ำออกต่อไป รวมไปถึงพื้นที่ในฝั่งตะวันออกของกทม.ทั้งในเขตของนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และนิคมฯไฮเทคด้วย
สำหรับมาตรการระบายน้ำโดยรวมสามารถระบายน้ำออกไปได้ จำนวน 130 ล้านลบ.ม.แล้ว ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ขณะที่ท้ายแม่น้ำท่าจีนซึ่งถือว่ามีความสำคัญได้นำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เข้าไปช่วยสูบ จำนวน 6 เครื่อง ซึ่งมีศักยภาพ
สูบน้ำได้ 3 ลบ.ม./วินาที
ด้าน นายณรงค์ เรืองศรี ผอ.กองระบบอาคารบังคับน้ำกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในเขตพื้นที่
คลองสามวา สายไหม หนองจอก และมีนบุรี มีระดับน้ำที่ลดลง เพราะมวลน้ำได้เคลื่อนตัวไปในเขตประเวศ ลาดกระบัง
สะพานสูง ซึ่งผู้ว่าฯกทม.ได้ประกาศให้พื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่อพยพไปแล้ว
"การระบายน้ำจะลงคลองลาดพร้าว บรรจบกับคลองแสนแสบ ออกสู่อุโมงค์ระบายน้ำพระราม 9 ซึ่งสามารถระบายได้
60 ลบ.ม./วินาที ก่อนออกไปยังสถานีสูบน้ำพระโขนง เพื่อระบายลงสู่ทะเลต่อไป ขณะที่พื้นที่ฝั่งตะวันตกของ กทม.
เจ้าหน้าที่ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่และเดินเครื่องสูบน้ำตลอดเวลา จึงขอให้ประชาชนอดทน"ส่วนกรณีพิพาท ที่ทำให้ชาวกรุงลุ้นระทึกกันในวันนี้ จากทางฝั่งดอนเมืองนั้น
ความเดิมตามข่าวมีอยู่ดังนี้.... 13 พ.ย. ตัวแทนชุมชนแขวงสนามบินดอนเมือง กว่า 20 ชุมชน
ได้ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดแนวกระสอบทรายยักษ์หรือ บิ๊กแบคที่กั้นบน
ถ.วิภาวดีรังสิตขาออก เป็นเวลา 1 เดือน โดยให้เปิดแนวกว้าง 10 เมตร หรือ
ให้เรือสามารถผ่านได้ 2 ช่องทาง เนื่องจากระดับน้ำนอกแนวบิ๊กแบคสูงถึง
1.7 เมตร ขณะที่ภายในคันกั้นสูงแค่ 60 ซม.
ตัวแทนชาวบ้านยืนยันว่า หากเปิดแนวกระสอบทรายบิ๊กแบคเป็นเวลา 1 เดือน
แล้ว ระดับน้ำในพื้นที่ไม่ลดลงก็ยินดีให้รัฐบาลปิดแนวบิ๊กแบคเช่นเดิม โดยขอ
ให้ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยพิจารณาข้อเรียกร้องภายในวันนี้
ด้าน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม กล่าวว่า ตามที่ชาวดอนเมือง
ขอให้มีการเปิดคันบิ๊กแบคนั้น ขอทำความเข้าใจว่าระดับน้ำเหนือบิ๊กแบค สูง
กว่าข้างในบิ๊กแบคจริง แต่ที่สูงกว่าไม่ใช่เพราะสูบน้ำออกแต่อย่างใด และการ
วางบิ๊กแบคไม่ใช่เป็นการกั้นน้ำไม่ให้เข้า กทม. แต่เป็นเพียงแค่การชะลอน้ำเท่านั้น
"ทุกวันนี้น้ำยังไหลเข้ามายังกทม.อยู่ตลอดเวลา แต่ที่ระดับน้ำภายในคันกั้นลดลง
เพราะระบบสูบน้ำของทาง กทม. มีการสูบได้ดีขึ้น สูบได้มากขึ้น จึงทำให้น้ำด้านใน
คันกั้นบิ๊กแบค ลดลงเร็ว ส่วนน้ำข้างนอกก็ลดลงบ้าง ดังนั้นจึงไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้
น้ำจากข้างนอกบิ๊กแบคสูงขึ้น"ความคืบหน้าล่าสุด ตอนนี้ ได้ยินว่า เคลียร์กันไปแล้วพี่ต้น : "สรุป...ไม่รื้อบิ๊กแบค ดอนเมือง เพราะว่า ..กว่าจะวางได้ ก็แทบตาย.."
(รายงานข่าว)
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งให้มีการรื้อแนวคันกั้นกระสอบทราย
บิ๊กแบค บน ถนนวิภาวดี-รังสิตบริเวณดอนเมือง ตามที่ชาวบ้านในชุมชนย่านดอนเมืองร้องขอ แต่ได้
ประสานให้ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เร่งระบายน้ำเหนือคันกั้นบิ๊กแบคให้เร็วขึ้นภายใน 1-2 วันนี้
เพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชน
มีการเสนอในที่ประชุม ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ว่ามวลชนจะขอให้เปิดคัน
บิ๊กแบคในวันที่ 14 พ.ย.นี้ แต่ที่ประชุมเห็นว่าหากมีการเร่งระบายน้ำให้เร็วขึ้นก็จะไม่ส่งผลกระทบอะไร
และ ศปภ.ยังไม่มีคำสั่งให้ลดระดับความสูงของบิ๊กแบค ลงมา ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งให้รื้อ
ส่วนการเยียวยาประชาชนที่อยู่นอกคันกั้นบิ๊กแบคนั้นมีอยู่แล้ว ได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กทม.
ช่วยกัน โดยหลักผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดถ้าประชาชนได้รับผลกระทบต้องไปดูแลเยียวยา เช่น
การตั้งโรงครัว เสริมเรือในจุดต่าง และการดูแลพี่น้องประชาชน ถือเป็นหน้าที่
"ยืนยันว่าการกั้นบิ๊กแบค ไม่ได้ทำให้ น้ำเพิ่มขึ้นเป็นแค่แนวคันกั้น แต่ประชาชนอาจรู้สึกว่าอีกฝั่งมีน้ำ
แต่อีกฝั่งน้ำลด โดยจะเร่งระบายน้ำภายใน 2 วันนี้ เนื่องจากวันนี้ภาพรวมระดับน้ำมีแนวโน้มที่ลดลง
ประกอบกับมีการเร่งระบายน้ำ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนบริเวณดังกล่าวจะรู้สึกดีขึ้น
ด้าน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผอ. ศปภ. กล่าวว่า ที่ประชุม ศปภ. ได้ประเมินสถานการณ์ประจำวันแล้ว
และยังไม่มติอนุญาตให้รื้อบิ๊กแบค บริเวณวิภาวดีขาออกแต่อย่างใด และให้มีการเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิด
หากมีเดือดร้อนมากขึ้นก็ต้องพิจารณาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และจะพิจารณากันเป็นรายวัน ว่าจะผ่อนผัน
กันอย่างไร
ทั้งนี้ ต้องพูดทำความเข้าใจกันไป ซึ่งในประเทศประชาธิปไตย ต้องยอมรับความเห็นที่แตกต่าง เราเข้าใจ
ในความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน แต่ขอให้รับฟังเหตุผลถึงการดำเนินการใดๆ ในเวลานี้น้ำไปเกือบ
ทุกที่ ก็ต้องเฉลี่ยๆ กันไป ทุกคนในพื้นที่ที่ประสบน้ำท่วมล้วนเดือดร้อนกันทั้งนั้น
การวางแนวคันกั้นน้ำบิ๊กแบค จะช่วยต้านทานการไหลของน้ำ และชะลอเวลาน้ำไหลไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา
โดยในเรื่องนี้ มีความสืบเนื่องจากการดำเนินการของ กทม. ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าพื้นที่ กทม.
มากขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกัน ก็ได้เสริมจำนวนเครื่องสูบน้ำให้เหมาะสม กับปริมาณน้ำจำนวนมาก เพื่อเป็น
การเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำให้ดีขึ้น โดยเชื่อว่า จะบิ๊กแบค จะสามารถกั้นน้ำให้หยุดได้อยู่คลองบางซื่อ
หวั่นรื้อบิ๊กแบค ทำน้ำทะลักกรุงเทพฯชั้นใน
นายสรรเสริญ สะมะลาภา ส.ส.เขตลาดพร้าว พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า หาก ศปภ. มีแนวคิดเรื่องการรื้อ
แนวกระสอบทรายบิ๊กแบค ในส่วนหนึ่งส่วนใดออกก็ต้องสามารถตอบคำถามประชาชนได้ด้วยว่า รื้อออก
เพราะสาเหตุใด เพราะการรื้อบิ๊กแบค ออกเชื่อว่าน้ำจะไหลเข้าท่วม กทม. ชั้นในได้
"ขณะนี้จะเห็นว่า กทม. ได้ทำหน้าที่สูบน้ำออกอย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว จนน้ำในคลองบางซื่อ และคลอง
แสนแสบเหลืออีก 2 ซม. จะล้นตลิ่ง ดังนั้นหากมีน้ำจากที่อื่นไหลเข้ามาอีกเกรงว่าจะส่งผลให้น้ำท่วม กทม.
ชั้นในได้ ทั้งนี้ปัญหาน้ำท่วมใน กทม. ต่างจากพื้นที่อื่น เพราะ กทม.เป็นพื้นที่ที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เมื่อมี
น้ำท่วมจะท่วมขัง และไม่สามารถควบคุมน้ำได้เพราะระบบท่อระบายน้ำใต้ กทม. มีลักษณะเหมือนรังผึ้ง
น้ำจึงสามารถท่วมเอ่อล้นจากท่อไปได้เรื่อยๆ เมื่อน้ำท่วมแล้วก็จะขังไม่มีทางไหลไปไหนได้นอกจากการ
ใช้วิธีสูบน้ำออก
"ศปภ. ต้องเลือกเอาซักอย่าง ไม่ใช่ว่าชาวบ้านโวยแล้วก็ต้องรื้อทุกทีไป เพราะกว่าจะกั้นบิ๊กแบคได้ก็ยาก
วันนี้ ศปภ. ต้องตอบให้ได้ก่อนว่าชาวบ้านที่อยู่นอกคั้นบิ๊กแบค เดือดร้อนเพราะอะไร จากเดิมที่เคยตกลงว่า
เมื่อกั้นบิ๊กแบคแล้วจะเร่งระบายน้ำออกทางตะวันออก แต่วันนี้ต้องถามว่าการระบายน้ำผ่านทางตะวันออก
ทำได้อย่างแท้จริงแล้วหรือไม่ ทำไมคนถึงยังเดือดร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ"
ตอนนี้ ประชาชน ไม่สนใจแล้ว ก็ไปพังบอิ๊กแบ็คเรียรบร้อยไป ตามข่าวบอกว่า 20 เมตร
มีภาพถ่ายมา เห็นแล้ว เซ็ง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ที่ไปเจรจากับชาวบ้านในช่วงแรก
แล้วไม่ยอมทำตามสัญญาที่ให้กับชาวบ้าน ดันไปปิดบิ๊กแบ็คเขา จากที่เขาขอ 10 เมตร
ในตอนแรก ซึ่งก็เปิดด้วยดี แต่พอตกดึก กลับไปอุดเขาไว้ ในตำแหน่งเดิม ชาวบ้าน
เขาก็เลยเคืองหนะสิ! สัญญาไม่เป็นสัญญากับชาวบ้านแบบนี้ ได้ยังไง?
ชาวบ้าน ก็เลยมาก่อเรื่องด้วยการ พังบิ๊กแบ็ค คราวนี้เลยปาเข้าไป 20 เมตรเลย
เฮ้ออออออออออออ!!! ทั้ง 2 ฝ่ายนั่นแหละ!
คำถามคือ ต่อให้รื้อบิ๊กแบ็ค จะมีผลกระทบอะไรบ้าง?
ผมกังวลขึ้นมาดื้อๆเสียอย่างนั้น ถ้าผม คนติดตามข่าวจนเกาะติดขนาดนี้ยังกังวล
แล้วชาวบ้าน ตาสีตาสาที่ไม่รู้เรื่องราวละ? เลยถามไปว่า
"พี่ต้น...ผมอาจจะคิดมากไปก็ได้..แต่ตอนนี้ คิดว่า ถ้าชาวบ้านรื้อคันกั้นน้ำแล้ว (ซึ่งตอนนี้ก็รื้อแล้ว)
ผมว่า จบแล้วครับ...บางนา คงจะท่วม และกลุ่มที่อยู่เหนือบางนา ก็จะโดนกันหนักละ น้ำไม่ลงง่ายๆ
และสถานการณ์จะแย่ลงกว่าเดิม ผลของความเห็นแก่ตัวของ สส.ในพื้นที่....เลวชาติจริงๆ เฮ้อออออ"
"ถ้ามาหรอบนี้ ผมเชื่อว่า ความเป็นไปได้จากเดิมที่น้อยมากๆ มันจะเพิ่มสูงขึ้นครับพี่ตุ้ม เพราะน้ำ
ที่เพิ่มเข้ามาในตอนนี้ มันจะมาเพิ่มระดับน้ำภาพรวมให้สูงขึ้น ในบริเวณที่ท่วมอยู่แล้ว ทีนี้ ระบบ
ระบายน้ำของ กทม ที่ Full Load อยู่แล้ว ก็ต้องรับภาระหนักขึ้น แค่ตอนนี้ น้ำล็อตที่ทะลักจากฝีมือ
ชาวบ้าน ยังมาไม่ถึง บริเวณ อ่อนนุช ก็เริ่มมีน้ำผุดขึ้นมาจากท่อ เอ่อขึ้นมาบ้างนิดๆหน่อยๆแล้ว
ต้องให้เจ้าหน้าที่สูบออกไป แล้วปริมาณน้ำล็อตนั้น ละ?...พี่ต้น ยืนยันว่า :
"ไม่มีน้ำเข้ามาหรอก..ทุกวันนี้ น้ำมันก็เชื่อมเนื้อเดียวกัน...
เครื่องสูบน้ำออก ก็แค่สูบชนะ น้ำไหลเข้า ก็เท่านั้นเอง............ชิลๆ ครับ
ตามแนวกั้น...มันปิดไม่สนิท ขนาดน้าน...และโซนพื้นที่รักษาระดับน้ำ
ไม่ให้เดินหน้า ให้อยู่แต่ในวงจำกัด คือ ระบบหมุนน้ำ วนรอบๆ ดอนเมือง
สายไหม คู้บอน บางชัน....คลองแสนแสบ...(ทางน้ำไหล วันนี้ คือทางนี้ครับ)
พื้นที่ กทม.เหนือ 3 แสน ตารางกิโลเมตร....น้ำที่เห็น จิ๊บๆ ครับ"
"น้ำที่อ่อนนุช / หมู่บ้านนักกีฬา เยอะกว่า น้ำดอนเมืองมากมายมหาศาลครับ...
น้ำดอนเมือง คนละสายน้ำ กับน้ำอ่อนนุช น่ะครับ..
ผมก็เริ่มคิดได้.... "หือ?? น้ำดอนเมือง ท้ายสุดที่พี่ต้นว่าไว้ ก็คือ ไปออกแสนแสบ ถูกไหมครับ?
แล้วทีนี้ คลองประเวศ กับพระโขนง ละครับ? จะไม่มีผลกระทบเลยหรือ?"พี่ต้น : "ประเวศ และ พระโขนง คือน้ำนอกคันกั้น มีนบุรี (ตามแผ่นที่คลอง ที่จิมมี่เอาไปอธิบายต่อๆ อ่ะจ้ะ)"
ไม่มีผลเลย...แม้แต่นิดเดียว หยดน้ำเดียว ก็ไม่มีครับ..555+"
เอาละ..ถึงแม้จะไม่มีน้ำมาเลยก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี ชาวบางนาเอง ก็ควรจะเตรียมความพร้อม
เผื่อไว้สักหน่อย ในกรณีที่อาจเกิดอุบัติเหตุบ้าๆบอๆอะไรอีก ก็อาจเป็นได้
--------------------------------------