Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Arte三六九 ที่ พฤษภาคม 24, 2015, 14:32:22
-
ไม่นานมานี้ได้กลับไป SG มาครับ และได้ใช้บริการแท็กซี่หลากหลายยี่ห้อตลอดทริป สมัยก่อนตอนผมเรียนอยู่ที่นั่นมันยังเป็นแท็กซี่แบบเก่า classic โบราณๆอยู่เลย
ตอนนี้แทบทุกบริษัทเปลี่ยนมาใช้แบบใหม่และยังสังเกตุได้ชัด คือ ส่วนมากร้อยละ 80 เป็นแท็กซี่ระดับ D-segment ทั้งสิ้น มีหลากหลายยี่ห้อเลยครับ
ซึ่งมันดีมาก สะดวกสบาย คันใหญ่ ยืดแข้งยืดขาได้เต็มที่ ในไทยเราเองบริษัทแท็กซี่ต่างๆจะลงทุนเพิ่มยกระดับแท็กซี่ให้เป็น D-segment แบบบ้านเค้าได้ไหมครับ
หรือว่ามีเฉพาะแท็กซี่สนามบินที่ได้ถึงระดับนั้น และ ตลาดแท็กซี่บ้านเราผูกขาดกับ C-segment? เห็นแท็กซี่ใหม่นครชัยแอร์ Prius ก็ยังอยู่ในระดับ C-segment
ผมยอมจ่ายมิเตอร์เพิ่มนะครับ ถ้าบริษัทแท็กซี่เปลี่ยนมาใช้รถระดับ D-seg เข้ามาให้บริการเพื่อความสะดวกสบายมากขึ้นของลูกค้า
อนึ่ง เป็นที่น่าแปลกใจมากก ผมไม่เห็น Camry กัย Accord ตัวใหม่ที่โน่นเลยนะครับ ไปมา 3 วัน ไม่เห็นเลยจริงๆ
-
ตราบใดที่อัลติสยังขายอยู่แบบนี้
D-Segment ที่เป็นแท็กซี่ ไม่มีวันได้เกิด
ถ้าขาย ต้องเปิดตลาดใหม่ เป็นแนว Uber หรือคลาสสูงขึ้น
แต่รอดไม่รอด อีกเรื่องครับ
-
ยากครับ ถ้าไม่แบ่งอัตราค่าโดยสาร
ทุกวันนี้ก็ยากกับมาตรฐานรถที่วิ่งอยู่แล้ว แค่ให้เปลี่ยนยางใหม่ สภาพรถดีๆยังยากเลยครับ
อีกอย่างประเทศเราเหมือนจะยอมให้ใช้ taxi ถึง12ปี จากเดิมที่ให้ 7 ถอยหลังลงคลองครับ อันนี้ผมได้ยินพี่taxi เค้าพูดมา
-
ถ้าพูดถึงแค่ขนาด
Altis สมัยนี้ ก็ใหญ่กว่า d seg ยุคตอนผมเป็นวัยรุ่นเยอะแล้วครับ
...corona
-
ส่วนตัวผมอยากให้เล็กลงนะครับ เพราะทุกวันนี้ค่าโดยสารผมว่าแพงขึ้นมาก ตอนนี้ไม่จำเป็นไม่ขึ้นครับขับรถออกไปเองป่ะหยัดกว่า
-
ลดจำนวน Taxi ก่อนแล้วปรับปรุงสินค้าและบริการใหม่ครับ ให้ไปดูตัวอย่าง turtle taxi ที่ญี่ปุ่นครับ รถไม่ใช่รุ่นใหม่ล่าสุด แต่สะอาด สุภาพ อย่างที่ควรจะเป็น ทำได้แล้วค่อยขึ้นค่ามิเตอร์ให้ แล้วจะออก D-seg ใหม่มาทำยิ่งเพิ่มคุณค่าให้บริษัทครับ
-
ผมว่าเรายึดติดกับการจำแนกขนาดของรถนะครับ
สิ่งนึงที่หลายๆ คนไม่คิดค่าใช้จ่ายที่แท็กซี่ทุกคันต้องมี
ค่าผ่อนรถ ค่าน้ำมัน (หรือค่าแก๊ส). ค่าซ่อมบำรุง ยังไม่รวมค่าทะเบียนและอีกหลายสิ่งซึ่งพวกเค้าต้องเจอ
รถ D-Segment ในบ้านเราเทียบกับรายได้ต่อหัวของประชากรเราเท่าไหร่ และเทียบกับประเทศเหล่านั้นดูครั
-
ถ้าค่าบำรุงรักษา D segment เป็นแบบนี้ สหกรณ์แท๊กซี่ คงซื้ออัลติสต่อไปดีกว่า
-
ผมว่าบางคนก็ไม่ได้อยากจะแค่นั่งสบายขึ้นแล้วต้องจ่ายเพิ่มนะครับ
ส่วนตัวผมทุกวันนี้ค่าโดยสารเทียบกับคุณภาพโดยเฉลี่ยจัดว่าห่วย...เอ่อ แพง
ถ้าจะตอบโจทย์นี้ ผมว่าเรียกอูเบอร์แล้วเลือกแบบรถเองดีกว่า
-
Honda มันรถของคนมีระดับ เอามาทำแท็กซี่ไม่ได้ดอกค้าบ.....
-
ลดจำนวน Taxi ก่อนแล้วปรับปรุงสินค้าและบริการใหม่ครับ ให้ไปดูตัวอย่าง turtle taxi ที่ญี่ปุ่นครับ รถไม่ใช่รุ่นใหม่ล่าสุด แต่สะอาด สุภาพ อย่างที่ควรจะเป็น ทำได้แล้วค่อยขึ้นค่ามิเตอร์ให้ แล้วจะออก D-seg ใหม่มาทำยิ่งเพิ่มคุณค่าให้บริษัทครับ
+1
-
Altis ใหม่ก็นั่งสบายดีแล้วนะครับ
-
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นนะครับ จริงอย่างที่พี่ๆหลายท่านว่า ควรปรับปรุงคุณภาพพื้นฐานการให้บริการก่อนที่จะไปนึกถึงเปลี่ยนเป็น segment อื่น
สมัยก่อนโบกแท๊กซี่แล้วบอกแท๊กซี่ว่าเราจะไปที่ไหน สมัยนี้โบกแท๊กซี่แล้วต้องถามพี่แกว่าอยากจะไปไหน เผื่อจะขอโดยสารไปด้วย :-\
-
ราคารถที่นู่นรวม ราคาใบครอบครองรถแล้ว แพงครับ camry, accord คันละ 5 ล้าน ซึ่งราคานี้ได้ c200, 320i, audi a4 คนก็ไปรถยุโรปกันหมด เพราะไหนๆ ก็จ่ายใบครองครองรถแพงแล้ว เอาดีๆ ไปเลย
-
เอา Eco car แล้วราคาถูกลงยังจะดีกว่า
-
กฎหมายของกรมการขนส่งออกมาน่าจะตอนแท็กซี่ส่วนบุคคลมีใหม่ๆ
ว่าเครื่องยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า 1,500 cc
เดาว่าถ้ากำลังน้อย รถมีขนาดเล็ก มันก็ไม่เหมาะจะใช้รับขนส่งคนน่ะครับ
เลยทำให้รถเล็กกว่า Altis ทำแท็กซี่ไม่ได้
ในขณะเดียวกัน ค่าโดยสารมีอัตราเดียว
ก็ทำให้ไม่มีใครเอา D Segment มาทำเท่าไหร่
เพราะไม่คุ้ม
แต่ถ้ามีการแก้กฎหมาย ก็ไม่แน่ครับ
-
ใหญ่แล้วไม่ไป ก็ไม่ช่วยอะไรนะ ;D