ผู้เขียน หัวข้อ: คิดเหมือนกันมั้ยครับ D-Segment ทุกวันนี้ ในเรื่องอัตราเร่ง ทำดีไม่เเพ้รถยุโรป  (อ่าน 12791 ครั้ง)

ออฟไลน์ palma

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,127
    • อีเมล์
เสียดายที่ D-seg ยอดขายต่ำลงเรื่อยๆ ไม่รู้ว่า Gen ใหม่ๆที่ออกมาของแต่ละยี่ห้อ จะทำยอดได้ดีแค่ไหน

ส่วนตัวใช้ D-seg ญี่ปุ่น มันก็ให้ความสบายในการขับขี่ และโดยสาร ได้ดีมาก จนสมาชิกในบ้านไม่มอง segment อื่นๆเลย ต้องมีเป็นคันหลักในบ้านเสมอ

และเวลาเดินทาง ถูกเรียกหาใช้งานตลอด

ถ้าอนาคต segment นี้หายไปคงคิดถึงแน่ๆครับ

ปัจจุบัน ความคุ้มค่า ประสิทธิภาพ กับราคา ของ d-seg ทำได้ดีทีเดียว แต่ยังไม่ไปยุโรป เพราะ กิเลสยังไม่เหนือเหตุผล และ ประสบการณ์ไม่ดีของ ผบ.ทบ. ที่เคยใช้ครับ

กลุ่มหนึ่งยังไม่เคยลอง มันคาใจ ลองแล้ว อืม นะ ประมาณนี้นะ อาจไม่ว๊าว  และ d-seg มันก็ตอบโจทย์นะ แถมสบายใจกว่าด้วย  อืม กลับมาแบบเดิมล่ะกัน

(ปล.ยังโชคดีที่ครั้งหลังที่เปลี่ยนมี L33-2.5 ออกมาพอดี ใช้ ตจว.90% ผ่อนคลายได้มากทั้งคนขับ-คนนั่ง และก็ไม่ได้กินน้ำมันแบบที่กังวลกัน เติมแล้วจดทุกถัง จากที่ขับไป 6.8 หมื่น กม. E20 ได้สิ้นเปลืองเฉลี่ย 15.15 กม/ลิตร ตก กม.ละ 1.65 บาท ตลอด 3 ปีครับ ขับทางไกลให้ประหยัดได้ง่ายกว่า และประหยัดกว่า Sienta 1.5 อีกครับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 04, 2018, 11:47:09 โดย palma »
2023 : SK9 FB20 ES4.0 SAWD
2017 : NSP170R-2NR-FE+CVT
2015 : B17-MR16DDT+CVT-M6
2014 : L33-QR25DE+CVT-8
1995 : SXV10-3S-FE (sold)
1994 : AE101-4AFE+MT (sold)

ออฟไลน์ choomodify

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,634
D Segment ญี่ปุ่นถือว่าดีใช้ได้เลยละครับ ตั้งแต่สมัยก่อนตอนผมซื้อMazda Cronos ขอบอกว่าอัตราเร่งดีกว่ารถยุโรปขนาดเดียวกันในเมืองไทยและยังเกาะถนนไม่แพ้กันด้วยซ้ำครับ ขนาดลูกน้องฝรั่งอังกฤษที่ใช้แต่รถยุโรปมาตลอดยังยอมรับว่าMazdaทำรถได้ดีใกล้เคียงกับยุโรปแต่จุกจิกน้อยกว่าอีก Camryตัวปัจจุบันถือว่าอยู่ระดับแถวหน้าในเรื่องสมรรถนะอยู่แล้วครับ ดังนั้นถ้าเทียบการขับขี่กับE Classจึงไม่ได้ว้าวแน่นอน แต่ถ้าคุณมาใช้เรือธงของค่ายยุโรปเหมือนที่ผมใช้อยู่่เช่นBMW 7 Benz S Class Audi A8 ก็จะรู้สึกถึงความหนักแน่นมากขึ้นแบบชัดเจนครับ

+1 ครับ ช่วงล่าง Cronos ดีจริงๆ และดีกว่า ญี่ปุ่น D SEG ยุคปัจจุบันที่มีขายอยู่ทุกคันในประเทศไทยด้วยครับ

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,846
  • *** HLM.COM ***
ถ้าความมั่นใจ เทียบกับซีรี่5ต่างชัดเจนครับ
Dsegmentก็ทำได้ดีในระดับนึงแล้ว เพียงพอ แต่ยุโรปยังไงก็คือยุโรป ยินดีกับรถใหม่ด้วยครับ

ออฟไลน์ Alex the Gunner

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 91
ผมก็เป็นคนนึงที่ชอบใช้ mid size car และใช้รถsize นี้ของญี่ปุ่นมาตลอดตั้งแต่ accord g5,
Cefiro a32, a33, accord g8, camry acv50 hybrid ซึ่งก็ยังใช้อยู่ ยอมรับว่ารถญี่ปุ่น size นี้
ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ (และราคาก็แพงขึนเรื่อยๆ เหมือนกัน) camry hybrid อัตราเร่งดีจริงๆครับ

หลังจากพร้อมมากขึ้น ผมก็ได้ซื้อ MB e200 w212 เมื่อปี 2012 ใช้ควบคู่ไปกับ camry hybrid
อัตราเร่งระยะต้นอาจจะไม่หวือหวาเท่า Camry hybrid แต่การขับขี่ ช่วงล่าง ฟิลลิ่งมันต่างกันจริงๆครับ

ตอนนีเปลี่ยน w212 เป็น E350e คราววนี้แตกต่างกับ camry ชัดเจนขึ้นมาก อัตราเร่งดี ช่วงล่างนุ่ม เงียบ
ภายในสวยงามมาก ขับแล้วรื่นรมณ์กว่ากันมากจริงๆ (การบำรุงรักษา ราคา เป็นอีกเรื่องนะครับ มันคงแพงตามคลาสของมัน) แต่อย่างไรก็ตามผมยังใช้ camry ด้วย และคาดว่า อาจจะซื้อแคมรีรุ่นใหม่ หรือแอคคอร์ดใหม่แทนแคมรีคันนี

สรุป ถ้าพร้อมและชอบรถยุโรป จัดไปเลยครับ แต่ถ้าให้ดีเอา mid size car นะครับ จะได้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ผมสนับสนุนความคิดที่ว่าถ้าไม่เดือดร้อน ซื้อเลยครับ อย่ามารอบอกให้มีเงิน 50ล้าน 100ล้านก่อนถึงจะซื้อรถยุโรป ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ

ออฟไลน์ นครอัญมณี

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,181
    • นครอัญมณี
    • อีเมล์
ถ้าเป็นเรื่องอัตราเร่ง ช่วง 0-150 จริงครับ

หลังจากนั้น ก็เริ่มไม่ค่อยมั่นใจ การขับไม่ผ่อนคลาย เท่ารถยุโรป
ทั้งเรื่องความนิ่งของรถ ความสงัดเงียบในห้องโดยสาร
ตลอดจนความเร็วปลาย ที่รถเยอรมัน/ยุโรป เช่น MB , BM ,ฯลฯ ล้วนแต่ทะลุ 220 ไปแทบทุกคัน

ด้วยค่าตัวเงินที่ต่างกัน เกือบเท่าตัว ได้กระจายไปสู่ การออกแบบ ทั้งคัน
ตั้งแต่น็อตตัวเล็กๆที่มีแผ่นพลาสติกเล็กๆ กันหลุดออกจากเบ้า, โครงสร้างตัวถัง, ห้องเครื่องยนต์ แบตเตอรี่ หรือระบบไฟฟ้าในห้องเครื่องยนต์ที่แยกออกจากกัน
ลึกเข้ามาในห้องโดยสาร หนังแท้เกรดไหน, ระบบปรับอากาศหมุนเวียนในรถ, วัสดุที่ใช้สัมผัสผิว ,ฯลฯ

มาตรฐานเขามีพอสมควร
แต่ไม่ใช่ว่า ค่ายญี่ปุ่น จะทำรถแพงๆไม่เป็นนะครับ ก็มีให้เห็นเยอะแยะไป

ดังนั้น อัตราเร่งค่ายญี่ปุ่น ทุกวันนี้ ทำได้ดีไม่แพ้รถยุโรป จริงครับ
รักรถมาก
รักครอบครัวมากกว่า
รักชาติ-ศาสน์-กษัตริย์มากที่สุด

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,462
d-seg ญี่ปุ่นกับยุโรปนี่มันต่างกันไม่เยอะครับ เคยขับ 5 series มันดีกว่าแต่ไม่ว้าวขนาดนั้น

ถ้าให้ต่างต้องไป s-class 7 series ครับ ผมขับ camry hv 2013 ประจำ ไปขับ 730ld m sport 2017

ของญาติ ต้องบอกว่ามันคนละเรื่อง มันว้าวสุดๆ ดีเกินกว่าที่คาดไว้มาก ช่วงล่างถุงลม มันนุ่ม แต่หนึบดูดถนน

เข้าโค้งนี่ไม่มีเอียงเลย คันเร่งแตะนิดเดียวดึงแบบนุ่มๆ แถมมันเงียบไม่ดูความเร็วนี่แป๊บๆ 140 ต้องยกตลอด

เสียอย่างเดียวคือมันยาวไปหน่อยจอดยากชะมัด

+1

ออฟไลน์ bingoman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,366
ถ้ามองแค่อัตราเร่ง ก็ต้องเทียบกันก่อนว่า Camry Accord Hybrid โฉมล่าสุด ที่อัตราเร่งดีเข้าใกล้ตัวล่างของ C, E, 3, 5 นั้นแรงได้เพราะ hybrid ครับ  แต่ของยุโรปเค้าใช้เครื่องเล็ก 2.0 โบ  เพื่อประหยัดน้ำมันและอัตราเร่งที่โอเค

แต่สำหรับผมเลย ผมยังมองว่า C, E, 3, 5 อัตราเร่งยังดีกว่า Camry, Accord Hybrid  เพราะผมขับเอง ยังรู้สึกว่ามันดึงและมันธรรมชาติกว่า CVT  ทำให้การขับขี่ในยุโรปอุ่นใจกว่า เพราะคาดเดาอัตราเร่งได้ดีกว่า 

กับเหตุการณ์ถ้า Camry, Accord Hybrid แบตหมด ก็เร่งตื้อกันไปอีกครับ

แต่สำหรับผม  ที่ขับ 3,5 เทียบกับ Camry
ถ้าต้องการความมั่นใจ จะซิ่ง ต้อง BMW

แต่ถ้าอยากชิล ไม่แข่งกับใคร และพวงมาลัยยานๆ นิดนึง แต่มันสบายมือกว่า BMW มากๆ  ผมก็เลือก Camry ครับ  เพราะ Camry นี่เป็นพวงมาลัยที่ระยะฟรี มีกำลังดีเลย เหมาะกับขับชิลๆ แต่ฟิลลิ่งซิ่งได้  60% ของ BMW ครับ  แต่ขับไกลๆ นี่ไม่เหนื่อยเลย
ของ BMW ขับไกลๆ  มีต้องเมื่อยมีบ้าง เพราะรถมันคล่องตัวมากๆ  แค่หมุนพวงมาลัยซ้ายขวาแค่ครึ่งเซ็น ก็ส่งผลต่อล้อแล้ว  แต่ Camry หมุนพวงมาลัยไปซ้ายขวา 1-2 เซ็น เหมือนรถยังไปตรงอยู่  ก็เป็นจุดที่ผมชอบครับ