D-Seg ผมใช้ J32 V6 2.5 กับ ACV 50 2.0 G ครับ
ส่วน C-Seg เมื่่อก่อน ใช้ Mazda 3 BK, Neo N16 , Tiida ปี 2006
ฺีBudget ของ จขกท ที่ 500,000 บาท ไม่ทราบว่าเผื่อค่าซ่อมรึยังนะครับ สำหรับผมแนะนำว่า ควรกัน 10 % ของราคาซื้อไว้สำหรับการซ่อม ไม่รวมการติดแก็ส ถ้าเลือก C seg จขกท. จะได้รถใหม่ แต่ถ้าเป็น D seg จะได้รถปีเก่า หรือ เป็น D seg ตัว 2.0
สำหรับผม มา D seg แล้วคงไม่กลับไป C seg ครับ (ไม่เกี่ยวกับ premium compact นะครับ) รสชาด มันต่างกันพอควร และก็ไม่แนะนำ D seg ตัว 2.0 ด้วยครับ ยกเว้นซื้อให้คุณพ่อขับ (พ่อผม 64 แล้ว)
เล่น D seg มือ 2 ต้องเล่นตัวท็อป (2.4 / 2.5 )เท่านั้นครับ รถทั้งใหญ่ทั้งหนัก เครื่อง 2.0 แค่พาท่าน จากจุด A ไป ฺ ได้เท่านั้น ขับไปสักพัก ท่านจะเบื่อในความอุ้ยอ้ายของมัน
ผมขับ J32 V6 2.5 ไม่ได้ขับเร็ว(ตจว. เร่งแซงไม่เกิน 140) เพราะถนนบ้านเรา ไม่ค่อยดี แต่ สิ่งที่ผมได้คือ อัตราเร่งครับ ..... ฟึบเดียว พาเราออกจากสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็กลับมาใช้ความเร็วปกติ....พลังสำรองที่เรียกได้ทุกเมื่อ
คราวนี้กลับมา case จขกท. ผมแนะนำว่า หากท่านต้องการใช้ยาวๆ เลือก C seg ปีใหม่ๆ ครับ
หากท่านเลือก J31 หรือ ACV 40 (ในงบนี้ )อีกสิบปีข้างหน้า รถท่านจะอายุ 16-17 ปี ++++
รถใหญ่ ยังงัยก็ซ่อมแพงกว่าครับ
แต่ถ้าขยับ budget ได้ บอกเลยว่า รสชาด มันต่างกันครับ เวลามีม้า 182 ตัว มานอนอยู่ใต้เท้าท่าน
ลองดูนะครับ
Camry มันอืดมากเลยเหรอครับ ผมไม่ได้เน้นขับเร็วครับแค่ขับไปไหนมาไหนได้ แต่ผมเห็นวิ่งส่วนใหญ่มันก็ 2.0 G นะ
ขึ้นอยู่กับว่า จขกทขับรถอะไรมาก่อนครับ
ACV 50 2.0 G 0-100 ใน 11วิปลาย 80-120 ใน 7วิปลายไม่อืดขนาดนั้นแน่. แต่ปัญหาจะเกิดเมื่อนั่งเต็มคัน หรือเป็นถนนสวนเลนครับ
ถ้าขับ cruising ยาวๆ ถนน 4เลน เช่น กทม- เชียงใหม่, กทม-หาดใหญ่ ขับไปเหอะครับ. เวลาไปกับครอบครัวบางครั้งผมก็สลับเอาACV 50ออก
แต่เมื่อสองสามเดือนก่อนไปงานแต่งงานเพื่อนที่อุบล. เจอถนนสวนเลนเข้าไปเกือบ300km. ถ้าไม่ได้พลังจาก V6. ก็คงเหนื่อย
อีกอย่างเครื่องใหญ่จะใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำ ทำให้การสึกหรอน้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่อเราติดแก๊ส