Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: JONNY ที่ มกราคม 17, 2017, 14:18:40
-
โตโยต้ายอดร่วง3ปีซ้อน สรุปขายรถปี59มาสด้า-ซูซูกิดาวรุ่ง
www.thansettakij.com/2017/01/17/124776
-
หืมมมมมม 1.5 Ecoboots มันมียอดขนาดนี้เลยรึ
-
หืมมมมมม 1.5 Ecoboots มันมียอดขนาดนี้เลยรึ
เห็นวิ่งกันเกลื่อนถนนเลย (ประชด)
-
แม้ สุดท้าย นิสสันยัง แซงกลับ มาสด้าได้ น่าเสียดายแท้ :) :)
-
ใครทำชาร์ทไม่ได้มีความสัมพันกับเนื้อหาที่นำเสนอเลยแทนที่จะเอารถที่มียอดขายสูงสุด
-
ในฐานะอดีตแฟนคลับนิสสัน
ทำตัวเองแท้ๆ
-
หืมมมมมม 1.5 Ecoboots มันมียอดขนาดนี้เลยรึ
ที่เห็นไม่ใช่ยอดขาย 1.5 Ecoboots ที่เห็นในตาราง คือรถที่เปิดตัวใหม่ในปีนั้น
ส่วนยอดขายคือยอกขายรวม
-
หืมมมมมม 1.5 Ecoboots มันมียอดขนาดนี้เลยรึ
เห็นวิ่งกันเกลื่อนถนนเลย (ประชด)
5555+ ดูแว๊ปแรกเป็นใครก็เข้าใจแบบนั้นครับ หัวตารางคือรถที่เปิดตัวใหม่ แต่ยอดขายน่าจะสะสมทั้งแบรนด์
-
Ford ขายได้เพราะ Ranger
ส่วน Honda + Isuzu ได้มากกว่า Toyota นิดนึงง
-
ค่ายไหนมีกระบะแล้วไม่แย่เกินไปยอดต้องเยอะอยู่แล้ว
-
ชื่นชมคนทำ ที่ใช้คำถูกว่า "ส่วนแบ่งตลาด" ไม่ใช่ "ส่วนแบ่งการตลาด"
ภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า Market share ไม่ใช่ Marketing share
เท่าที่อ่านมา แทบจะนับครั้งได้เลยที่เห็นคนใช้คำนี้ถูก
-
Toyota ขายกันโครมๆขนาดนั้นยังจะติดลบอีกรึ
mazda นี่น่ากลัวนะ ถ้าเจ้าตลาดยังเรื่อยๆเอื่อยๆเดี๋ยวโดน sky ac(ถีบ)tiv แล้วจะยุ่ง
-
Ford นี่ขนาดยอดขายเก๋งโคตรแป๊กแล้วนะเนี่ย..
ได้อานิสงค์จากกระบะและ PPV พอสมควร
ทำให้มีส่วนแบ่งตลาดถึง 5% เป็นรองมาสด้ากับนิสสันนิดเดียว
-
ซูซูกิเอาเรื่องวะ
-
ตารางสอง เป็น ชื่อรถใหม่ ไม่ใช่ ยอดขายครับบบบบบ
-
Toyota ขายกันโครมๆขนาดนั้นยังจะติดลบอีกรึ
mazda นี่น่ากลัวนะ ถ้าเจ้าตลาดยังเรื่อยๆเอื่อยๆเดี๋ยวโดน sky ac(ถีบ)tiv แล้วจะยุ่ง
REVO ก็เหมือนจะแพ้ DMAX
VIOS ก็สูสี CITY
ALTIS ก็ได้แต่ TAXI
ยังดีพอมี YARIS และ รถตู้
-
ซูซูกิเอาเรื่องวะ
เขานิ่งๆ มาเรื่อยๆ ปัญหา Swift หมดไปแล้ว คันใหม่ปัญหานกฮูกช่วงแรก ก็เคลียร์หมดแล้วเช่นกัน โตเบาๆ ช้าๆ เสียอย่างเดียว รถที่ทำตลาด น้อยมาก กับพลาดตรง Celerio
-
เสียดาย Nissan ... ยอดร่วง เพราะทำตัวเองแท้ๆ
Product : ไม่เปรี้ยงปร้างซัก segment (ทั้งเรื่องการเลือก Model มาขาย / การจัด option + ราคาขาย ในแต่ละรุ่น (ดูกั๊กๆไปหมด) / การสื่อสารไปยังผู้บริโภคก็ดูไม่ดีนัก)
Dealer : มีปัญหาเรื่องการฉ้อโกง และ มาตรฐานของแต่ละ dealer ไม่พัฒนาไปตามที่ควรจะเป็น
After Service & parts. : ศูนย์บริการ เหมือนย่ำอยู่กับที่ ไม่ก็ถอยหลังลงคลอง (สวนทางกับ Mazda ที่พยายามพัฒนาขึ้นมาจนใกล้จะแซงได้แล้ว)
ความทนทานของรถ และอะไหล่ต่างๆ จากที่เคยทนทาน บำรุงรักษาง่าย ไม่แพ้ toyota ... กลับด้อยลงค่อนข้างชัดเจน
-
คุยเฉพาะรถยี่ห้อตัวเองละกัน...
มาสด้าทิ้งโอกาสเดียวที่จะแซงนิสสันไปซะแล้ว
ปีหน้าผมว่าไม่มีทางครับ นิสสันถึงจะกลับมาไม่เต็มที่ แต่อย่างน้อยๆ ยอดก็น่าจะมากกว่ามาสด้าแน่ๆ
และผมคิดว่า ยอดปีหน้า มาสด้าคงไม่สวยเท่าปีนี้อีกแล้ว
BT50 ยิ่งนาน ยิ่งขายได้น้อยลงเรื่อยๆ กว่าจะเปลื่ยนโฉมคือ รอดีแม็กเปลื่ยน .... อีกนานมาก ขายได้เดือนละ 4-5ร้อยก็ดีแล้ว
2 ก็ยืนไปเรื่อยๆ แต่ vios / city ก็ขยันปรับไปแล้ว และถ้า feedback คนใช้ 2 มาเรื่อยๆ(มีทั้ง + /- แต่ - ชักเยอะ ) ยอดน่าจะตกลงนิดๆ แล้ว swift - note ก็มีมาแย่งอีก
3 ปีหน้าได้เดือนละ 2-3ร้อยก็เก่งแล้ว civic - altis ตบตีกันขนาดนี้
CX3 เริ่มเห็นว่าแป๊กไปแล้ว...เดือนละ 3ร้อยก็เก่งแล้ว
CX5 รอโมเดลใหม่ แต่ปีหน้าคงโดน CRV ใหม่ถล่มไปก่อน
.............แนวโน้มแย่ลงทุกตัวนะ.................
ในเมื่อว่างๆ ไม่มีโมเดลใหม่มาเล่น
เอาเวลา มาเล่นเรื่องศูนย์เถอะครับ จากใจลูกค้าปัจจุบัน.....รถดี ขายได้ไม่นาน ศูนย์ดี ขายได้นานๆ นะครับ
-
คุยเฉพาะรถยี่ห้อตัวเองละกัน...
มาสด้าทิ้งโอกาสเดียวที่จะแซงนิสสันไปซะแล้ว
ปีหน้าผมว่าไม่มีทางครับ นิสสันถึงจะกลับมาไม่เต็มที่ แต่อย่างน้อยๆ ยอดก็น่าจะมากกว่ามาสด้าแน่ๆ
และผมคิดว่า ยอดปีหน้า มาสด้าคงไม่สวยเท่าปีนี้อีกแล้ว
BT50 ยิ่งนาน ยิ่งขายได้น้อยลงเรื่อยๆ กว่าจะเปลื่ยนโฉมคือ รอดีแม็กเปลื่ยน .... อีกนานมาก ขายได้เดือนละ 4-5ร้อยก็ดีแล้ว
2 ก็ยืนไปเรื่อยๆ แต่ vios / city ก็ขยันปรับไปแล้ว และถ้า feedback คนใช้ 2 มาเรื่อยๆ(มีทั้ง + /- แต่ - ชักเยอะ ) ยอดน่าจะตกลงนิดๆ แล้ว swift - note ก็มีมาแย่งอีก
3 ปีหน้าได้เดือนละ 2-3ร้อยก็เก่งแล้ว civic - altis ตบตีกันขนาดนี้
CX3 เริ่มเห็นว่าแป๊กไปแล้ว...เดือนละ 3ร้อยก็เก่งแล้ว
CX5 รอโมเดลใหม่ แต่ปีหน้าคงโดน CRV ใหม่ถล่มไปก่อน
.............แนวโน้มแย่ลงทุกตัวนะ.................
ในเมื่อว่างๆ ไม่มีโมเดลใหม่มาเล่น
เอาเวลา มาเล่นเรื่องศูนย์เถอะครับ จากใจลูกค้าปัจจุบัน.....รถดี ขายได้ไม่นาน ศูนย์ดี ขายได้นานๆ นะครับ
ผมว่าสิ่งเดียวที่ทำให้มาสด้ายังไม่สามารถแซงนิสสันอยู่คือ ยอดของกระบะครับ ที่มันสู้นิสสันไม่ได้ และเพราะกระบะเป็นสินค้าที่มียอดซื้อสูงสุดในรถทุกเซ็กเม้นท์ เมื่อกระบะยอดมันแย่ ก็เลยพาให้ยอดรวมของบรนมันไม่สูงนั่นเองครับ
-
ขอบคุณครับ
อยากเห็นตัวเลขของ MB กับ BMW จังครับว่าโตขึ้นหรือลดลงแค่ไหน
-
ตัวอย่าง
ยี่ห้อ A
ปี 59 ขาย 10,000 คัน -> ปี 60 ขาย 11,000 คน = +10% (เพิ่มมา 1,100 คัน)
ยี่ห้อ B
ปี 59 ขาย 500 คัน -> ปี 60 ขาย 550 คน = 10% (เพิ่มมา 50 คัน)
อัตราการเติบโต ใน chart เขาคิดแบบนี้ป่าว??
ความเหมือนที่แตกต่าง
ปล.อันดับไม่ต่างกับที่คาด
-
สินค้ากับโปรฯ นิสสันยังไม่ดึงดูดใจ
-
ทำใจยอมรับกันหน่อย ยอดขายก้อคือยอดขายครับ
จะไปเดือดร้อยอะไรกันมากมายอะ อ่านแล้วรุ้สึกว่าหลายท่านมีหุ้นส่วนอยุ่ผมก้อเห็นใจ
พวกที่เชียร์แบบไร้ประโยชนนี่ยังดีกว่าพวกไปโจมตีค่ายที่หน้าหมั่นใส้ครับ
ยังไงโตโยต้าก้อจะเป็นอันดับหนึ่งครับ
ฮอนด้าก้อเบอร2ยาวๆไป
นิสสัน มิสซุ มาสด้า ฟอด ก็ทำได้ดีครับ มีตัวชุโรงค่ายละรุ่น2รุ่น
ที่เหลือก้อตามสภาพ
-
ชอบ ซูซูกิ
มาเงียบๆแดกเรียบเบาๆไม่กระโตกกระตาก
ค่อยๆโตๆไป
-
ตัวอย่าง
ยี่ห้อ A
ปี 59 ขาย 10,000 คัน -> ปี 60 ขาย 11,000 คน = +10% (เพิ่มมา 1,100 คัน)
ยี่ห้อ B
ปี 59 ขาย 500 คัน -> ปี 60 ขาย 550 คน = 10% (เพิ่มมา 50 คัน)
อัตราการเติบโต ใน chart เขาคิดแบบนี้ป่าว??
ความเหมือนที่แตกต่าง
ปล.อันดับไม่ต่างกับที่คาด
ใช่ครับเขาคิดแบบนี้แหละครับ
บริษัทรถ ส่วนใหญ่เขาไม่สนยอดการเติบโตหรอกครับ
ที่เขาสนใจจริงๆคือ ส่วนแบ่งตลาด เขาต้องการยอดตรงนี้โตขึ้น ต่อให้ยอดขายติดลบก็ไม่แคร์ครับ
-
ยอดฟอร์ดนี่เทียบกับปีก่อนที่ไม่ได้มากเท่าไหร่ใช่มั้ยครับเลยดูเหมือนโตเยอะ หลัง MC renger กับ new EV มาช่วย เจ้าอื่นก็ยอดต่ำกว่าหรือมากกว่าปีก่อนเล็กน้อยนะ
-
ชื่นชมคนทำ ที่ใช้คำถูกว่า "ส่วนแบ่งตลาด" ไม่ใช่ "ส่วนแบ่งการตลาด"
ภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า Market share ไม่ใช่ Marketing share
เท่าที่อ่านมา แทบจะนับครั้งได้เลยที่เห็นคนใช้คำนี้ถูก
เอามาจากไหนครับ ใครบัญญัติคำที่ถูก
ถ้าเอาคำแปลจริงๆ คำว่า Market Share
พจนานุกรม Eng-Thai ของ NECTEC แปลไว้ว่า "เปอร์เซ็นต์การขายสินค้า"
ส่วนของ สวทช. แปลไว้ว่า "ส่วนครองตลาด"
Market share ไม่มีคำแปลตายตัว ขอแค่สื่อความหมายได้ถูกต้อง จะใช้ ส่วนแบ่งตลาด และ ส่วนแบ่งการตลาด ก็ได้ทั้งนั้น
อย่าพยายามเทียบภาษาอังกฤษกับภาษาไทยตรงๆเลยครับ มีอีกเป็นล้านคำ ที่ใช้หลักการเดียวกันไม่ได้
ไม่งั้น English Teacher ก็ต้องใช้ว่า "คุณครูอังกฤษ" จึงถูกต้อง เพราะ "ครูสอนภาษาอังกฤษ" แปลไม่ตรงตัว
-
ตัวอย่าง
ยี่ห้อ A
ปี 59 ขาย 10,000 คัน -> ปี 60 ขาย 11,000 คน = +10% (เพิ่มมา 1,100 คัน)
ยี่ห้อ B
ปี 59 ขาย 500 คัน -> ปี 60 ขาย 550 คน = 10% (เพิ่มมา 50 คัน)
อัตราการเติบโต ใน chart เขาคิดแบบนี้ป่าว??
ความเหมือนที่แตกต่าง
ปล.อันดับไม่ต่างกับที่คาด
ใช่ครับเขาคิดแบบนี้แหละครับ
บริษัทรถ ส่วนใหญ่เขาไม่สนยอดการเติบโตหรอกครับ
ที่เขาสนใจจริงๆคือ ส่วนแบ่งตลาด เขาต้องการยอดตรงนี้โตขึ้น ต่อให้ยอดขายติดลบก็ไม่แคร์ครับ
สลับกันแล้วครับ ธุรกิจเกือบทั้งหมดในโลก เขาต้องการยอดเติบโตครับ (ปกติ เขามีเป้ามาตรฐาน 10-15% ต่อปีด้วยซ้ำ)
Market Share ไว้เป็นอีก view นึง และเป็น Benchmark เท่านั้น ว่าเราโตน้อย หรือ มากกว่าตลาด
ยิ่งถ้าบริษัทนั้น อยู่ในตลาดหุ้น ไม่มีใครสน Market Share หรอกครับ เขามีแต่พยายามทำให้กำไรโตต่อเนื่องเท่านั้น จะลดคน ลด Cost จนเสีย Market Share ก็ได้ ถ้ากำไรเพิ่มขึ้น
-
ใช่ครับเขาคิดแบบนี้แหละครับ
บริษัทรถ ส่วนใหญ่เขาไม่สนยอดการเติบโตหรอกครับ
ที่เขาสนใจจริงๆคือ ส่วนแบ่งตลาด เขาต้องการยอดตรงนี้โตขึ้น ต่อให้ยอดขายติดลบก็ไม่แคร์ครับ
บริษัทไหนคิดแบบนั้นเนี่ย เห็นแต่เอาเอาเปอร์เซ็นเติบโต
-
Mg หายไปจากสารบบ แพ้เชฟได้ไง
-
อยากได้ส่วนแบ่งการตลาดมาก ก็จะต้องเติบโตเยอะๆ ก็ถูกต้องแล้วนิครับ ถ้าส่วนแบ่งการตลาดถดถอย ต้องพิจารณาแล้วละครับ
-
บ้านเรา เน้นยอดขายกระบะเป็นหลัก
(http://www.headlightmag.com/hlmwp/wp-content/uploads/2016/12/pickup_nov16.jpg)
-
เดือน ธันวาคม เห็นข่าวว่า Ranger ขายได้ 5 พันคัน ไม่รู้จริงหรือเปล่า
-
โตโยต้ายอดร่วง3ปีซ้อน สรุปขายรถปี59มาสด้า-ซูซูกิดาวรุ่ง
www.thansettakij.com/2017/01/17/124776
(http://community.headlightmag.com/index.php?action=dlattach;topic=56134.0;attach=54297;image)
โฟกัส ขายดีขนาดนั้นเลยเหรอครับ :-X
-
เสียดาย Nissan ... ยอดร่วง เพราะทำตัวเองแท้ๆ
Product : ไม่เปรี้ยงปร้างซัก segment (ทั้งเรื่องการเลือก Model มาขาย / การจัด option + ราคาขาย ในแต่ละรุ่น (ดูกั๊กๆไปหมด) / การสื่อสารไปยังผู้บริโภคก็ดูไม่ดีนัก)
Dealer : มีปัญหาเรื่องการฉ้อโกง และ มาตรฐานของแต่ละ dealer ไม่พัฒนาไปตามที่ควรจะเป็น
After Service & parts. : ศูนย์บริการ เหมือนย่ำอยู่กับที่ ไม่ก็ถอยหลังลงคลอง (สวนทางกับ Mazda ที่พยายามพัฒนาขึ้นมาจนใกล้จะแซงได้แล้ว)
ความทนทานของรถ และอะไหล่ต่างๆ จากที่เคยทนทาน บำรุงรักษาง่าย ไม่แพ้ toyota ... กลับด้อยลงค่อนข้างชัดเจน
อันนี้ขอคอนเฟิรม์ ใช่เลย ทำตัวเองแท้ๆ ประสบการณ์ตรงเหมือนกัน เลิกคบแล้วนิสสันจบกันแค่นี้พอแล้ว เมื่ออาทิตย์ที่แล้วพิ่งไปโว๊ยที่ศูนย์นิสสัน SMT มาเหมือนกัน เรื่องอะไหล่ที่ห่วยมากๆ ของนิสสัน ตัดสินในแล้วจะขายทิ้ง เพราะซ่อมไม่ไหวแล้ว เจ้งกันเป็นรายเดือนแย่มาก ฝากผู้บริหารนิสสันไว้ด้วย อะไหล่รถของคุณห่วยมากๆ
-
Ford ได้ Ranger กับ Everest ขายได้เป็นกำลังหลัก
ตกใจกับ Nissan มากกว่า ไม่มีรถรุ่นใหม่บ้างเลยเหรอ
Suzuki มาเงียบๆ เรื่อยๆครับ
-
ตัวอย่าง
ยี่ห้อ A
ปี 59 ขาย 10,000 คัน -> ปี 60 ขาย 11,000 คน = +10% (เพิ่มมา 1,100 คัน)
ยี่ห้อ B
ปี 59 ขาย 500 คัน -> ปี 60 ขาย 550 คน = 10% (เพิ่มมา 50 คัน)
อัตราการเติบโต ใน chart เขาคิดแบบนี้ป่าว??
ความเหมือนที่แตกต่าง
ปล.อันดับไม่ต่างกับที่คาด
ใช่ครับเขาคิดแบบนี้แหละครับ
บริษัทรถ ส่วนใหญ่เขาไม่สนยอดการเติบโตหรอกครับ
ที่เขาสนใจจริงๆคือ ส่วนแบ่งตลาด เขาต้องการยอดตรงนี้โตขึ้น ต่อให้ยอดขายติดลบก็ไม่แคร์ครับ
ไปอยุ่ไหนมาครับ เอาหลักคิดแบบนี้จากสิ่งที่น่าเชื่อถือจากไหนอ้างอิง
-
ตัวอย่าง
ยี่ห้อ A
ปี 59 ขาย 10,000 คัน -> ปี 60 ขาย 11,000 คน = +10% (เพิ่มมา 1,100 คัน)
ยี่ห้อ B
ปี 59 ขาย 500 คัน -> ปี 60 ขาย 550 คน = 10% (เพิ่มมา 50 คัน)
อัตราการเติบโต ใน chart เขาคิดแบบนี้ป่าว??
ความเหมือนที่แตกต่าง
ปล.อันดับไม่ต่างกับที่คาด
ใช่ครับเขาคิดแบบนี้แหละครับ
บริษัทรถ ส่วนใหญ่เขาไม่สนยอดการเติบโตหรอกครับ
ที่เขาสนใจจริงๆคือ ส่วนแบ่งตลาด เขาต้องการยอดตรงนี้โตขึ้น ต่อให้ยอดขายติดลบก็ไม่แคร์ครับ
สลับกันแล้วครับ ธุรกิจเกือบทั้งหมดในโลก เขาต้องการยอดเติบโตครับ (ปกติ เขามีเป้ามาตรฐาน 10-15% ต่อปีด้วยซ้ำ)
Market Share ไว้เป็นอีก view นึง และเป็น Benchmark เท่านั้น ว่าเราโตน้อย หรือ มากกว่าตลาด
ยิ่งถ้าบริษัทนั้น อยู่ในตลาดหุ้น ไม่มีใครสน Market Share หรอกครับ เขามีแต่พยายามทำให้กำไรโตต่อเนื่องเท่านั้น จะลดคน ลด Cost จนเสีย Market Share ก็ได้ ถ้ากำไรเพิ่มขึ้น
ในเวลาที่เศรษฐกิจมันเติบโต ผลของมันก็จะทำให้คุณเห็นแบบนั้นนั่นแหละครับ
ในทางกลับกันเช่นตอนนี้ ที่โตโยต้าสนใจ คือส่วนแบ่งตลาด ถ้าเขาเป็นเจ้าตลาดอยู่มันก็โอเค ยอดขายติดลบไปบ้างก็ธรรมดา
ถ้าคุณไม่มี Market Share สนใจแต่ GP สักพักสินค้าของคุณจะหายไปจากตลาดในที่สุด พอเข้าใจไหมครับ
ธุรกิจมันดูกำไรขาดทุนเป็นหลัก ส่วนที่จะทำให้มันมีกำไรอยู่ได้ยาวนานคือการครองตลาด
ไปดู Blackberry สิครับ เขาทำกำไรต่อเครื่องได้สวยขนาดไหน สุดท้ายตายเพราะครองตลาดไม่ได้ เหมือนกับ Nokia
ทำไม Windows ต้องแจกฟรีในสถานศึกษาในประเทศที่พัฒนาแล้ว เขากำไรเหรอครับ
เขาสร้างความคุ้นชิน เพื่อที่จะครองและคุมกำเนิด Market Share ของรายอื่นๆไม่ให้ได้เกิดกันเลย
Windows มีอะไรดีกว่า Mc OS ผมบอกได้เลย ข้อเดียวและล้มยากมาก คือมันมี Market Share สูงที่สุดไงครับ
-
ตัวอย่าง
ยี่ห้อ A
ปี 59 ขาย 10,000 คัน -> ปี 60 ขาย 11,000 คน = +10% (เพิ่มมา 1,100 คัน)
ยี่ห้อ B
ปี 59 ขาย 500 คัน -> ปี 60 ขาย 550 คน = 10% (เพิ่มมา 50 คัน)
อัตราการเติบโต ใน chart เขาคิดแบบนี้ป่าว??
ความเหมือนที่แตกต่าง
ปล.อันดับไม่ต่างกับที่คาด
ใช่ครับเขาคิดแบบนี้แหละครับ
บริษัทรถ ส่วนใหญ่เขาไม่สนยอดการเติบโตหรอกครับ
ที่เขาสนใจจริงๆคือ ส่วนแบ่งตลาด เขาต้องการยอดตรงนี้โตขึ้น ต่อให้ยอดขายติดลบก็ไม่แคร์ครับ
สลับกันแล้วครับ ธุรกิจเกือบทั้งหมดในโลก เขาต้องการยอดเติบโตครับ (ปกติ เขามีเป้ามาตรฐาน 10-15% ต่อปีด้วยซ้ำ)
Market Share ไว้เป็นอีก view นึง และเป็น Benchmark เท่านั้น ว่าเราโตน้อย หรือ มากกว่าตลาด
ยิ่งถ้าบริษัทนั้น อยู่ในตลาดหุ้น ไม่มีใครสน Market Share หรอกครับ เขามีแต่พยายามทำให้กำไรโตต่อเนื่องเท่านั้น จะลดคน ลด Cost จนเสีย Market Share ก็ได้ ถ้ากำไรเพิ่มขึ้น
ในเวลาที่เศรษฐกิจมันเติบโต ผลของมันก็จะทำให้คุณเห็นแบบนั้นนั่นแหละครับ
ในทางกลับกันเช่นตอนนี้ ที่โตโยต้าสนใจ คือส่วนแบ่งตลาด ถ้าเขาเป็นเจ้าตลาดอยู่มันก็โอเค ยอดขายติดลบไปบ้างก็ธรรมดา
ถ้าคุณไม่มี Market Share สนใจแต่ GP สักพักสินค้าของคุณจะหายไปจากตลาดในที่สุด พอเข้าใจไหมครับ
ธุรกิจมันดูกำไรขาดทุนเป็นหลัก ส่วนที่จะทำให้มันมีกำไรอยู่ได้ยาวนานคือการครองตลาด
ไปดู Blackberry สิครับ เขาทำกำไรต่อเครื่องได้สวยขนาดไหน สุดท้ายตายเพราะครองตลาดไม่ได้ เหมือนกับ Nokia
ทำไม Windows ต้องแจกฟรีในสถานศึกษาในประเทศที่พัฒนาแล้ว เขากำไรเหรอครับ
เขาสร้างความคุ้นชิน เพื่อที่จะครองและคุมกำเนิด Market Share ของรายอื่นๆไม่ให้ได้เกิดกันเลย
Windows มีอะไรดีกว่า Mc OS ผมบอกได้เลย ข้อเดียวและล้มยากมาก คือมันมี Market Share สูงที่สุดไงครับ
ความคิดคับแคบไปครับ. Intention ของการแจกฟรีในสถานศึกษา ไม่ใช่สิ่งที่คุณอธิบายมาแน่นอนครับ
มันคือความเห็นของคุณที่"เดา" จากพื้นฐานของคุณ
อีกทั้งwindows มีดีกว่าOS X ข้อเดียวยิ่งbias มาเต็ม
ส่วนที่บอกว่าARPU ของ Bb ยิ่งmislead ไปไกลมากมาย
-
ตัวอย่าง
ยี่ห้อ A
ปี 59 ขาย 10,000 คัน -> ปี 60 ขาย 11,000 คน = +10% (เพิ่มมา 1,100 คัน)
ยี่ห้อ B
ปี 59 ขาย 500 คัน -> ปี 60 ขาย 550 คน = 10% (เพิ่มมา 50 คัน)
อัตราการเติบโต ใน chart เขาคิดแบบนี้ป่าว??
ความเหมือนที่แตกต่าง
ปล.อันดับไม่ต่างกับที่คาด
ใช่ครับเขาคิดแบบนี้แหละครับ
บริษัทรถ ส่วนใหญ่เขาไม่สนยอดการเติบโตหรอกครับ
ที่เขาสนใจจริงๆคือ ส่วนแบ่งตลาด เขาต้องการยอดตรงนี้โตขึ้น ต่อให้ยอดขายติดลบก็ไม่แคร์ครับ
สลับกันแล้วครับ ธุรกิจเกือบทั้งหมดในโลก เขาต้องการยอดเติบโตครับ (ปกติ เขามีเป้ามาตรฐาน 10-15% ต่อปีด้วยซ้ำ)
Market Share ไว้เป็นอีก view นึง และเป็น Benchmark เท่านั้น ว่าเราโตน้อย หรือ มากกว่าตลาด
ยิ่งถ้าบริษัทนั้น อยู่ในตลาดหุ้น ไม่มีใครสน Market Share หรอกครับ เขามีแต่พยายามทำให้กำไรโตต่อเนื่องเท่านั้น จะลดคน ลด Cost จนเสีย Market Share ก็ได้ ถ้ากำไรเพิ่มขึ้น
ในเวลาที่เศรษฐกิจมันเติบโต ผลของมันก็จะทำให้คุณเห็นแบบนั้นนั่นแหละครับ
ในทางกลับกันเช่นตอนนี้ ที่โตโยต้าสนใจ คือส่วนแบ่งตลาด ถ้าเขาเป็นเจ้าตลาดอยู่มันก็โอเค ยอดขายติดลบไปบ้างก็ธรรมดา
ถ้าคุณไม่มี Market Share สนใจแต่ GP สักพักสินค้าของคุณจะหายไปจากตลาดในที่สุด พอเข้าใจไหมครับ
ธุรกิจมันดูกำไรขาดทุนเป็นหลัก ส่วนที่จะทำให้มันมีกำไรอยู่ได้ยาวนานคือการครองตลาด
ไปดู Blackberry สิครับ เขาทำกำไรต่อเครื่องได้สวยขนาดไหน สุดท้ายตายเพราะครองตลาดไม่ได้ เหมือนกับ Nokia
ทำไม Windows ต้องแจกฟรีในสถานศึกษาในประเทศที่พัฒนาแล้ว เขากำไรเหรอครับ
เขาสร้างความคุ้นชิน เพื่อที่จะครองและคุมกำเนิด Market Share ของรายอื่นๆไม่ให้ได้เกิดกันเลย
Windows มีอะไรดีกว่า Mc OS ผมบอกได้เลย ข้อเดียวและล้มยากมาก คือมันมี Market Share สูงที่สุดไงครับ
ความคิดคับแคบไปครับ. Intention ของการแจกฟรีในสถานศึกษา ไม่ใช่สิ่งที่คุณอธิบายมาแน่นอนครับ
มันคือความเห็นของคุณที่"เดา" จากพื้นฐานของคุณ
อีกทั้งwindows มีดีกว่าOS X ข้อเดียวยิ่งbias มาเต็ม
ส่วนที่บอกว่าARPU ของ Bb ยิ่งmislead ไปไกลมากมาย
แล้วจุดประสงค์หลักของการแจกฟรีของ Microsoft คืออะไรครับ
จริงๆจำขี้ปาก VP PepsiCo เขามาพูด เขาเป็นรุ่นพี่มาให้ความรู้รุ่นน้องในมหาลัย
เขาเป็นคนสอนให้พวกผมเข้าใจว่า ยอดขายไม่ได้สำคัญเท่ากับ Market Share ซึ่งผมเห็นว่ามันจริง
ข้อดีข้อเดียว คุณอ่านแต่คุณคงไม่เข้าใจ
ข้อดีข้อเดียวของ Windows คืออะไร ลองเดินไปถามคนหลายๆคนดูสิครับ ว่าแตกต่างจากที่ผมว่าไหม?
มันก็เหมือนข้อดีข้อเดียวของ Toyota ที่เขาแซวกันนั่นแหละครับ
ARPU ของ BB?? ผมว่าคุณหลงประเด็นไปนะครับ
BB เขาทำกำไร 2 ด้าน 1. กำไรจากการขาย Handset 2. กำไรจากการให้บริการ
ที่ผมพิมพ์ไปคือดูที่ กำไรจากการขาย เพราะในหัวข้อนี้เราพูดถึง ยอดขาย VS market Share
ไม่งั้นต้องเปลี่ยนชื่อกระทู้เป็น "ตะลึงยอดบริการหลังการขาย xxx ตกวูบ ส่วน sss มาแรง แทบอุ้มเข้าไป service"
ถ้าว่างก็ช่วยอธิบายเพิ่มให้ด้วยนะครับ ว่า "อินเท็นชั่ล" ที่แท้จริงของ Microsoft คืออะไร ผมอยากทราบเหมือนกันครับ
-
เพราะไม่มีรถใหม่มากระตุ้นตลาดเลย ผลเลยออกมาแบบนี้ เจ็บจริง Nissan เป็นปีที่ไม่ดีเลย
ส่วน Ford + Chev พวกผู้บริหารคงนั่งอมยิ้มกันอยู่ กับตัวเลขแบบนี้ ยังไงก็อย่าลืมแก้ปัญหาให้ลูกค้านะครับ ไม่งั้นเค้าจะเป็นลูกค้าคุณแค่ครั้งเดียว
-
มาสด้าเป็นค่ายรถที่น่าจับตามองมากในปีที่ผ่านมาได้อันดับ 6 ในปี 60 ขอเดาว่าไม่ต่ำกว่าอันดับ 5 แน่นอน
-
ตัวอย่าง
ยี่ห้อ A
ปี 59 ขาย 10,000 คัน -> ปี 60 ขาย 11,000 คน = +10% (เพิ่มมา 1,100 คัน)
ยี่ห้อ B
ปี 59 ขาย 500 คัน -> ปี 60 ขาย 550 คน = 10% (เพิ่มมา 50 คัน)
อัตราการเติบโต ใน chart เขาคิดแบบนี้ป่าว??
ความเหมือนที่แตกต่าง
ปล.อันดับไม่ต่างกับที่คาด
ใช่ครับเขาคิดแบบนี้แหละครับ
บริษัทรถ ส่วนใหญ่เขาไม่สนยอดการเติบโตหรอกครับ
ที่เขาสนใจจริงๆคือ ส่วนแบ่งตลาด เขาต้องการยอดตรงนี้โตขึ้น ต่อให้ยอดขายติดลบก็ไม่แคร์ครับ
สลับกันแล้วครับ ธุรกิจเกือบทั้งหมดในโลก เขาต้องการยอดเติบโตครับ (ปกติ เขามีเป้ามาตรฐาน 10-15% ต่อปีด้วยซ้ำ)
Market Share ไว้เป็นอีก view นึง และเป็น Benchmark เท่านั้น ว่าเราโตน้อย หรือ มากกว่าตลาด
ยิ่งถ้าบริษัทนั้น อยู่ในตลาดหุ้น ไม่มีใครสน Market Share หรอกครับ เขามีแต่พยายามทำให้กำไรโตต่อเนื่องเท่านั้น จะลดคน ลด Cost จนเสีย Market Share ก็ได้ ถ้ากำไรเพิ่มขึ้น
ในเวลาที่เศรษฐกิจมันเติบโต ผลของมันก็จะทำให้คุณเห็นแบบนั้นนั่นแหละครับ
ในทางกลับกันเช่นตอนนี้ ที่โตโยต้าสนใจ คือส่วนแบ่งตลาด ถ้าเขาเป็นเจ้าตลาดอยู่มันก็โอเค ยอดขายติดลบไปบ้างก็ธรรมดา
ถ้าคุณไม่มี Market Share สนใจแต่ GP สักพักสินค้าของคุณจะหายไปจากตลาดในที่สุด พอเข้าใจไหมครับ
ธุรกิจมันดูกำไรขาดทุนเป็นหลัก ส่วนที่จะทำให้มันมีกำไรอยู่ได้ยาวนานคือการครองตลาด
ไปดู Blackberry สิครับ เขาทำกำไรต่อเครื่องได้สวยขนาดไหน สุดท้ายตายเพราะครองตลาดไม่ได้ เหมือนกับ Nokia
ทำไม Windows ต้องแจกฟรีในสถานศึกษาในประเทศที่พัฒนาแล้ว เขากำไรเหรอครับ
เขาสร้างความคุ้นชิน เพื่อที่จะครองและคุมกำเนิด Market Share ของรายอื่นๆไม่ให้ได้เกิดกันเลย
Windows มีอะไรดีกว่า Mc OS ผมบอกได้เลย ข้อเดียวและล้มยากมาก คือมันมี Market Share สูงที่สุดไงครับ
ความคิดคับแคบไปครับ. Intention ของการแจกฟรีในสถานศึกษา ไม่ใช่สิ่งที่คุณอธิบายมาแน่นอนครับ
มันคือความเห็นของคุณที่"เดา" จากพื้นฐานของคุณ
อีกทั้งwindows มีดีกว่าOS X ข้อเดียวยิ่งbias มาเต็ม
ส่วนที่บอกว่าARPU ของ Bb ยิ่งmislead ไปไกลมากมาย
เห็นด้วยกับ การแจกfree license ในสถานศึกษาครับ ที่ผมเชื่อว่าเป็นการส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายและลดปัญหาการใช้ของเถื่อนในองคกรนั้นๆ
ส่วนwindows นั้น ผมเห็นว่า. อันตรายเหมือนกันกับการผูกขาด
วันนึงbill gate เกิดคึก. สั่งให้widows is จอดำสัก2เดือนโลกคงป่วนน่าดู
-
ก็ไม่น่าแปลกที่นิสสันจะขายไม่ดี เพราะตัวที่ขายอยู่ก็ไม่ได้มีส่วนแบ่งการตลาดสูง ขายก็ไม่ได้ หรือ ไม่มีตัวเด่นตัวไหน ชูโรงสักตัว
ส่วน มาร์ช อัลเมล่า คนที่ใช้เก่า ก็เริ่มมีปัญหา รถราคาอีโค่ แต่ราคาอะไหล่ ไม่อีโค่ แถมไม่ทนอีกตะหาก ระยะยาวลูกค้าเข็ด ขยาด
ถ้าเทียบรถ Eco ด้วยกัน เรื่องคุณภาพอะไหล่ เนี่ยด้อยทั้งนิสสัม และ มิดซู แต่นิสสัมดีกว่ามิดซูนิดนึง