จากไฟล์เดียวกัน http://www.eppo.go.th/petro/report/price-2552-12-07-13.pdf ในหน้าสุดท้าย
มีตารางสรุปไว้ ผมขอคัดมาในส่วนของรายการหนี้สินที่นำไปชำระคือ
หนี้สินกองทุน
- หนี้ค้างชำระเงินชดเชย* 9,443
หนี้เงินชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิง (ม.ค. 47 ? ก.ค. 48) -33
หนี้ชดเชยก๊าซ LPG (ค่าขนส่งก๊าซในประเทศ) -372
หนี้ชดเชยก๊าซ LPG กรณีนำเข้าจากต่างประเทศ ปี 2551 (ปตท.) -4,656
หนี้ชดเชยก๊าซ LPG กรณีนำเข้าจากต่างประเทศ ปี 2552 (ปตท.) -2,845
หนี้เงินชดเชยน้ำมันดีเซล, B5 และแก๊สโซฮอล 91 -2,211
หนี้เงินชดเชยการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานยูโร 4 -266
หนี้เงินชดเชยอื่นๆ -61
น่าเสียดายนะครับที่เมืองไทยมี ปตท. เจ้าเดียวที่สามารถนำเข้าก๊าซและปิโตรเลียมจากต่างประเทศได้
ผมเชื่อว่าถ้าสามารถให้มีบริษัทเอกชนอื่นสามารถนำเข้าและเอามาขายให้รัฐได้ หนี้ชดเชยอาจจะจ่ายน้อยกว่านี้แน่นอน
สรุปเราต้องช่วยกันจ่ายหนี้ให้ ปตท. 9,443 ล้านบาท โดยที่ปตท. อ้างอิงราคาตามตลาดสิงคโปร์
คุยกันด้วยเหตุผลนะครับ
ผมเองเมื่อก่อนก็คิดด่าแต่ ปตท เหมือนกัน แต่ช่วงหลังๆ เริ่มคิดออกว่า หลักๆ มันมาจากรัฐบาลเรานี่เองที่เป็นตัวปัญหา มันคือปัญหาระดับชาติ ครับ ไม่ใช่ระดับบริษัท
และหนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นมานั่นก็เกิดมาจาก ความไร้ความ
จริงจัง จริงใจ มั่นคง และแน่นอน ของนโยบาย พลังงานของประเทศสารขัณ
ซึ่งมันก็เป็นปัญหาที่ต่อเนื่องกันมาจาก การไร้เสถียรภาพทางการเมืองของประเทศ เปลี่ยนรัฐบาลไปๆ มาๆ เปลี่ยนตัว คนกินหัวโต๊ะ ไปๆมา คนนี้ จะเอาอย่างนั้น คนนั้นจะเอาอย่างนี้ ปัญหามันเลยไม่รู้จักจบสิ้น
อย่างตัวหนาข้างต้นที่ผมทำไว้ บางท่านอาจจะไม่ทราบหรือไม่ทันได้ตามข่าว หนี้ของ ปตท.ที่รัฐต้องเข้าไปอุ้มนั้น เป็นส่วนหนึ่ง ของ
นโยบายประชานิยมของรัฐบาลหลายยุคหลายสมัย ที่ไม่ต้องการจะมีเรื่องกับ taxi
เนื่องจากในรอบปีที่ผ่านมาช่วงที่ราคาน้ำมันไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง 40 กว่าบาท ตั้งแต่ปี 48-49 นั้น คนไทยได้ใช้ก๊าซ LPG กันมากขึ้นอย่างไม่ทันได้คาดคิดหรือวางแผนมาก่อน จึงทำให้ ปตท. ผลิตก๊าซ LPG ไม่ทัน เนื่องจาก ก๊าซก่อนที่จะเอามาใช้นั้น ก็ต้องผ่านโรงแยกก๊าซก่อน ซึ่งมันก็มีกำลังจำกัด และไม่ได้ เพิ่มกำลังการผลิตกันง่ายๆ ปตท.จึงต้องนำเข้าก๊าซอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และราคาที่ซื้อมา จึงต้องเป็นราคาที่จ่ายจริง ไม่ใช่ราคาที่สมมติขึ้น ( ไปด่าเค้าว่า ขุดในประเทศแต่ ใช้อ้างราคาสิงคโปร์ไม่ได้ครับ ในกรณีนี้) เพราะเค้าซื้อมาจริงๆ
โรงแยกก๊าซ ในแต่ละปี ก็ต้องมีการหยุด maintenance และวงจรของธุรกิจพวกนี้ ไม่ได้ทำให้เกิด โรงแยกก๊าซขึ้นมาง่ายๆ แบบ demand ขึ้นปีนี้ ชั้นขออีก 1-2 โรงแยกเพิ่มปีหน้าเลย โลกมนุษย์น่ะครับ ไม่ใช่ ละคร เพราะฉะนั้น การที่ ความต้องการมันสูงขึ้นแบบคาดกันไม่ได้แบบนี้ ของขาดตลาดมันจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้...
ครานั้น ปตท. จึงเสนอรัฐบาล ให้ขยับราคา LPG ขึ้น ( เฉพาะภาคขนส่ง) เพิ่อจะได้ลดปริมาณการใช้ LPG ลง และสนับสนุนใ้้ห้คนใช้ CNG มากขึ้น เพราะยังมีเหลือให้ใช้มากกว่า และสามารถหาได้จากอ่าวไทยเหมือนกัน แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ คนยังไม่นิยม CNG และการเปลี่ยนไปใช้ก๊าซ CNG มีต้นทุนที่สูงกว่า ระยะทางที่วิ่งได้ก็น้อยกว่า และปั๊มที่รองรับก็น้อยกว่า LPG อย่างมีนัยยะสำัคัญ.................
มันจึงเกิดปัญหาขึ้น ขณะนั้นพอมีข่าวออกไป พี่แท๊กซี่ก็เริ่มออกมาเดินขบวนประท้วง บอกว่า ถ้าขึ้นราคา LPG จะหยุดวิ่ง จะขึ้นค่าโดยสาร จะยกขบวนไปล้อม ปตท. บลาๆๆๆๆๆ
ประชาชนที่ไปติด LPG มาแล้วก็โวยวาย ว๊ากๆๆๆๆ โดยที่ไม่ได้คิดถึงความเป็นจริงซะบ้าง
สรุป ก็คือ รัฐบาล ไม่กล้าขัดใจ แท็กซี่และประชาชนที่รัก บอกให้ตรึงราคาก๊าซ LPG ทุกชนิด ตั้งแต่ลุงหมักยังเป็นนายกเลยกระมัง จนกระทั่งเป็นมะเร็งตาย ปัจจุบันรัฐบาลก็ยังอุ้มค่าก๊าซ LPG อยู่ โดยสัญญากับปตท. ว่าให้ ปตท. แบกรับภาระต้นทุนค่าก๊าซส่วนที่ผลิตไม่ทัน ที่ต้องนำเข้ามาจาก ตปท. ซึ่งราคาแพง
ปตท. จึงต้อง credit ในงบดุลเป็นค่าลบ เพราะว่าเป็นรายจ่ายส่วนเกินที่ต้องไปรับภาระมา แล้วส่วนนี้จะเอาเงินที่ไหนมาชดใช้ ปตท. ทราบมั้ยครับ...
ทราบมั้ย....
......มันก็มาจาก เงินที่เก็บเพิ่มแบบบานตะไท ของน้ำมันเบนซิล 95 และ (น่าจะ) 91 ที่บอกว่าเอาไปเข้ากองทวยน้ำมันนี่แหละครับ ที่จะเอาไปชดเชย LPG ส่วนเกินระคา แก๊สโซฮอลล์ E85,E20 และ E10 ด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ
เพราะถือว่า ข้าจะสนับสนุนพลังงานทดแทน โดยการดึงเงินจากพลังงานเก่ามาชดเชย พลังงานใหม่ (แม้พลังงานใหม่จะมีราคาแพงกว่าในหลายๆระยะเวลาก็ตาม
)
ตามความเข้าใจที่ผมหาข้อมูลมา2-3 ปีนี้ สรุปว่า.....
ทราบไหมครับ ท่านๆที่ใช้ เบนซิล 95,91 ท่านกำลังจ่ายตังเผื่อคนใช้แก๊ส LPG และ taxi ที่ใช้แก๊สหุงต้มอยู่
ก่อนเติมน้ำมัน เรียนกรุณาอนุโมทะนาให้คนเหล่านั้นขณะที่ท่านเติมน้ำมัน ด้วยนะครับปล.รวมทั้งคุณจิมมีด้วยสิเนอะ