Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: speedpicking ที่ มกราคม 28, 2011, 20:44:25
-
รับรถมาได้ซักพักแล้วครับ อัตราเร่งก็ดีอยู่ แต่มันก็น่าอารมเสียแบบที่ผู้ใช้ว่ากัน(เฉพาะพวกเท้าหนักๆ) คือ เวลาเร่งแซง เรากดคัยเร่งลงไปแล้ว เหมือนรอบเครื่องทันใจมากเลย แต่ความเร็วไม่ไป มันตันๆ มันอื้อๆ มันเงอะๆ งักๆ กว่าจะไปได้ .. . . แล้วผมก็ได้เจอบทความใน internet เกี่ยวกับการใช้งาน เกียร์ ในโหมด L ก็เลยลองดูครับ ขอบอกว่า ถ้าจะลอง ต้องทำใจนิดนึงว่า เราไปเค้นมันในรอบสูงๆ . . . ผลที่ได้คือ รถเหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคันเลยครับ คันเร่งตอบสนองได้ น่าพอใจสำหรับผม คือ รอบเครื่องยนต์ จะเปลี่ยนเกียร์ สูงๆ ประมาณ 3500+ rpm และเวลา เราขับด้วยความเร็ว เมื่อถึงโค้ง ต้องการแตะเบรค รอบเครื่องลดมาที่ประมาณ 3500 รอบ มันก็จะเปลี่ยนเกียร์ลงมาให้ รอบเครื่องจะตะหวัดขึ้นมา ให้อยู่ในช่วงที่รถยังมีเรี่ยวแรง (เสียงตอน down shift ได้อารมณ์มากๆๆๆๆ ) ;D กดคันเร่ง ก็มาดี เหมือนกับ เอารถคันเก่า ไปบ้วนปากด้วยลิสเตอรีน สดชื่นดี
แต่ทั้งนี้ รถไม่ได้ออกตัวเร็วขึ้นนะครับ เพียงแต่มัน . . ตอบสนองได้ดี ใครจะไปลอง ก็ลองเล่นโหมดนี้ดูนะครับ
-
น่าจะคล้ายๆกับ Ds ของ New lancer ขับสนุกดีครับ ออกตัวเร็วและแซงสนุกดี ขึ้นเขาก็สนุกครับ
-
เกียร์จะไปไวขึ้นป่าวน่ะครับ ???
-
เวลาเร่งถ้ากดไม่เยอะมากมันพุ่งกว่ากดหมดนะครับ แต่เกียร์ L ยังไม่ได้ลองเลยยังใหม่อยู่กลัวพัง ;D
-
เกียร์ L มันเป็นเกียร์ต่ำนิครับ
ก็ไม่แปลกที่รอบมันจะสูงตวัดไปตวัดมา
รอบสูง แรงบิดมา เกียร์ต่ำ ทดจัด มันก็ปรู๊ดปร๊าดเป็นธรรมดา
ถ้าเปรียบเทียบกับรถเกียร์ธรรมดา
ก็เท่ากับว่าคุณขับรถลากอยู่เกียร์ 1 หรือ 2 ไม่ยอมเปลี่ยนขึ้นซะที
ผมไม่แน่ใจว่า L ของฟิเอสต้าจะเป็นเฉพาะเกียร์ 1 อย่างเดียว หรือว่า 1 และ 2
แต่ต้องบอกว่า นี่เท่ากับว่าไปบีบคอให้เครื่องมันปั่นจี๋
สั่งให้มันวิ่งแบบไม่ยอมผ่อนแรง ถ้าลากแบบนี้นานนาน ได้ถึงอายุก่อนวัยอันควรแน่ครับ
จริงจริงผมว่า วิธีการขับให้ถูกต้องที่สุดคือ
ถ้าอยากจะให้พุ่งตั้งแต่แรก ใส่เกียร์ D แล้วกดคันเร่งให้จมมิด
กล่องจะจัดการสั่งทุกอย่างเพื่อให้เค้นอัตราเร่งสูงสุดอยู่แล้ว
และถ้าวัดกันจริงจริง การทำแบบนี้อัตราเร่งจาก 0-100 หรือ ถึงไหนก็แล้วแต่
จะเร็วกว่าคนขับมาชิฟท์เกียร์เอง หรือว่าสั่งการให้ลากรอบแบบนี้ครับ
ไม่เชื่อลองหาเพื่อนไปเล่นควอเตอร์ไมล์ดู
คันนึงชิฟท์เอง อีกคันใส่เกียร์ D แล้วกดคันเร่งจมอย่างเดียว
ปล. ทั้งสองคันต้องรีเซ็ทกล่องมานะจ๊ะ ไม่งั้นเกิดคันนึงขับเนียนมาตลอดชีวิต
กล่องมันจะเรียนรู้ แล้วลากรอบไม่เป็นก็เป็นได้
-
เกียร์ L มันเป็นเกียร์ต่ำนิครับ
ไม่ใช่ครับ สำหรับเฟียสต้า มันเป็นคล้ายๆสปอร์ตโหมดน่ะครับ
-
เกียร์ L น้พ มันเป็นเกียร์ต่ำถูกแล้วไม่ใช่หรอครับ
ตอนขึ้นดอยตุงผมก็เคยใช้ มันเป็นเกียร์ต่ำนะครับ
เคยใช้ครั้งเดียวแล้วไม่อยากใช้อีกเลย ลากเกียร์ 1 ไป 4 พันกว่ารอบกว่าจะเปลี่ยน กลัวมันจะไปเร็วก่อนวัยอันควร อิอิ
-
จากที่ีได้ทดลองขับ เกียร์ L ในเฟียสต้า อารมณ์คล้ายๆ เกียร์ Ds + เกียร์ L
คือลากรอบได้มากกว่าพวกเกียร์ D sport ทั่วไป แต่ก็ไม่ได้ล็อคจังหวะเกียร์ที่เกียร์แรกเพียงเกียร์เดียว
แรงจริง ได้อย่างใจครับ แต่เห็นเซลล์บอกว่ากินน้ำมันขึ้นแบบผิดหูผิดตาเลย
-
ใช้ 4 จาก 6 เกียร์เดินหน้าหรือเปล่าครับ
แค่นี้ก็เท่ากับ ยาริส สวิฟท์ มาสด้า2
-
1. Gear จะไปก่อนวัยอันควรนะครับ แม้จะ Dual Clutch ก็ตามนะครับผม ^^
2.กินน้ำมันครับ เพราะรอบเครื่องมากเกินความจำเป็น แต่ถ้าแซงจริงๆผมก็ยอมนะ 555
3.ระวังหม้อเล่ย์แตกนะครับทำเช่นนี้บ่อยๆ W210 E240 พ่อผมคันเก่า พ่อผมขับรถชอบเร่งเครื่องครับ ชอบใช้ Tritronic ตบมาเกียร์ต่ำเร็วๆครับ จบคือหม้อเล่ย์แตกซ่อมไปหลายบาทอยู่ และปัญหาอื่นๆก็ตามมาครับ จุกจิกมากมายหลังจากหม้อเล่ย์แตกครับ ^^"
-
ผมแนะนำให้ลองไปเปิดอ่านคู่มือดูครับ
เกียร์ L ในรถคันใดก็ตามไม่ใช่โหมดสปอร์ต แต่เป็นการกำหนดให้เกียร์อัตโนมัติคาอยู่ในเกียร์ต่ำ
เพียงแต่เกียร์ของฟิเอสต้าอาจจะฉลาดขึ้น เพื่อป้องกันความเสียหายก็เลยชิฟท์ขึ้นเกียร์สูงให้หากรอบสูงเกินไป
รถที่มีเกียร์ Ds อย่างฮอนด้า หรือมีปุ่มกดโหมด Sport, Power, หรืออะไรก็แล้วแต่
ที่มันจะแปลความหมายได้ว่า เร็ว แรง พละกำลัง วิ่ง ฯลฯ แต่ผมไม่เห็นว่า L มันจะแปลออกมาเป็นอะไรอย่างนั้นได้ตรงไหน
จะมีการสั่งให้เครื่องยนต์ลากรอบสูงกว่าปกติ ตอบสนองต่อคันเร่งไวกว่าปกติ เกียร์เปลี่ยนลง (คิกดาวน์) เร็วกว่าเดิม
ซึ่งเป็นคนละวัตถุประสงค์กับการ "สั่ง" ให้เกียร์คาอยู่เกียร์ต่ำให้นานที่สุด เพื่อสร้างกำลังฉุดลากให้รถวิ่งขึ้นเนินชันชันได้
อย่างที่ผมบอกไปครับ ให้คิดเทียบกับเกียร์ธรรมดา ลองดูก็ได้ครับ
หารถเกียร์ธรรมดามาหนึ่งคัน ออกตัวไปจับใส่เกียร์ 1 แล้วอย่าเปลี่ยนเกียร์จนกระทั่งถึงเรดไลน์
วิ่งลากรอบไปแบบนั้นแหละ พอรอบถึง 4,000 รตน. ถอนเท้าออกจากคันเร่งและกระทืบซ้ำลงไปทันที
คุณก็จะเจออาการแบบที่เจอในเกียร์ L ของฟิเอสต้า คือรถพุ่งกระโดดไปข้างหน้าอย่างผิดหูผิดตา
แต่พอยกคันเร่ง รถก็หัวทิ่มลงเลย เพราะเครื่องยนต์สร้างแรง Engine Brake ให้รถชะงักและชะลอความเร็วลง
ซึ่งก็ตรงกับที่ จขกท. บอกมาถูกมั้ยครับ ว่าพอลดความเร็วแล้ว รถมันชิฟท์ดาวน์ลงต่ำให้
นั่นคือความพยายามที่จะอยู่ในเกียร์ต่ำตลอด ตามจุดประสงค์ของเกียร์ L คือสร้างแรงฉุดลากให้มากที่สุด
ถ้าเป็นโหมดสปอร์ต แค่เราถอนคันเร่งรถไม่ชิฟท์ดาวน์ให้จนกว่าเราจะกระทืบคันเร่งซ้ำลงไป ยกเว้นในกรณีที่
ความเร็วลดลงต่ำมากจนเกียร์นั้นไปไม่ไหว (ซึ่งก็จะไม่มีอาการรอบตวัดตอนปรับตำแหน่งเกียร์ให้เห็น)
หรือในกรณีที่มีการเบรกหน่วงความเร็วแล้วกล่องประมวลผลได้ว่า กำลังลงเนินและต้องการ Engine Brake เท่านั้น
นั่นคือสิ่งที่ผมจะสื่อครับ ถ้าเราอยากขับแบบ Sport เราต้องใช้ให้ถูกวิธี
รอบสูง เสียงเร้าใจ รถกระโดกกระเดกตอบสนองไว แต่วัดกันจริงจริงแล้วอาจจะไม่ไวเท่าการใส่เกียร์ในโหมดที่ถูกต้อง
แล้วก็จะตามมาด้วยความสึกหรอที่ไม่จำเป็น เพราะทุกอย่างทำงานรอบจัดตลอด
CVT ทำแบบนี้พังง่ายแน่นอน แต่ไม่ได้แปลว่า Dual Clutch จะทนกว่านะครับ
-
1. Gear จะไปก่อนวัยอันควรนะครับ แม้จะ Dual Clutch ก็ตามนะครับผม ^^
2.กินน้ำมันครับ เพราะรอบเครื่องมากเกินความจำเป็น แต่ถ้าแซงจริงๆผมก็ยอมนะ 555
3.ระวังหม้อเล่ย์แตกนะครับทำเช่นนี้บ่อยๆ W210 E240 พ่อผมคันเก่า พ่อผมขับรถชอบเร่งเครื่องครับ ชอบใช้ Tritronic ตบมาเกียร์ต่ำเร็วๆครับ จบคือหม้อเล่ย์แตกซ่อมไปหลายบาทอยู่ และปัญหาอื่นๆก็ตามมาครับ จุกจิกมากมายหลังจากหม้อเล่ย์แตกครับ ^^"
What is หม้อเล่ย์ ?
-
เกียร์ L ในรถคันใดก็ตามไม่ใช่โหมดสปอร์ต แต่เป็นการกำหนดให้เกียร์อัตโนมัติคาอยู่ในเกียร์ต่ำ
เพียงแต่เกียร์ของฟิเอสต้าอาจจะฉลาดขึ้น เพื่อป้องกันความเสียหายก็เลยชิฟท์ขึ้นเกียร์สูงให้หากรอบสูงเกินไป
ครับ ผมต้องการจะสื่อแบบนั้นแหละครับ คือมันไม่ใช่ L แบบรถทั่วไป แต่มันก็ไม่ใช่สปอร์ตโหมดซะทีเดียวอ่ะครับ ขอบคุณสำหรับความรู้เรื่องการใส่เกียร์ที่ถูกต้องด้วยครับ เดี๋ยวจะลองบ้าง ผมก็สงสัยมานนาแล้วเหมือนกันว่าลากรอบนานๆ มันจะเร็วกว่าเข้าเกียร์ธรรมดามากมายจริงเหรอ- -
-
มีคำถามนิดหน่อยครับ
- หม้อเล่ย์คือ ?
-
มีคำถามนิดหน่อยครับ
- หม้อเล่ย์คือ ?
มันคือ มู่เล่ย์ หรือ พูลเล่ย์ อะเปล่าครับ
-
1. Gear จะไปก่อนวัยอันควรนะครับ แม้จะ Dual Clutch ก็ตามนะครับผม ^^
2.กินน้ำมันครับ เพราะรอบเครื่องมากเกินความจำเป็น แต่ถ้าแซงจริงๆผมก็ยอมนะ 555
3.ระวังหม้อเล่ย์แตกนะครับทำเช่นนี้บ่อยๆ W210 E240 พ่อผมคันเก่า พ่อผมขับรถชอบเร่งเครื่องครับ ชอบใช้ Tritronic ตบมาเกียร์ต่ำเร็วๆครับ จบคือหม้อเล่ย์แตกซ่อมไปหลายบาทอยู่ และปัญหาอื่นๆก็ตามมาครับ จุกจิกมากมายหลังจากหม้อเล่ย์แตกครับ ^^"
ฮิๆ น่าจะหมายถึง Pulley ล่ะมั้งครับ ตอนแรกอ่านแล้วก็แอบงง (ช่างไทยจะเรียก มู่เลย์ แต่จริงๆชื่อมันคือ Pulley นะครับ)
เจ้าตัวนี้บริษัทผมเป็นผู้ผลิตส่งให้ทั้ง Honda Toyota aat volvo porodua mitsu nissan และอีกหลายเจ้าเหมือนกัน
Pulley แต่ละตัวสามารถรับแรงบิดได้เยอะนะครับ อย่างของซีวิค มันสามารถรับแรงบิดได้มากกว่า 350 นะครับ(ขอไม่บอกเป็นตัวเลขตรงๆละกัน มันเป็นความลับ ;D)
-
หม้อเล่ย์ ผมชอบนะ ฟังดูน่ารักดี แต่ไม่เข้าใจความหมายเหมือนกันครับ
ถ้าว่ากันตามทฤษฎีเนี่ย เกียร์ Dual Clutch จะเปลี่ยนเกียร์ได้ไวกว่าเกียร์ธรรดาไม่ใช่หรอ?
-
ผมก็ชอบนะ ขับทางไกลมันใช้ได้เลยทีเดียว ขับนานๆไม่เหนื่อยเท่าไหร่ แต่ว่าช่วงล่างผมคิดว่า แพ้มาสด้า2 เล็กน้อย
-
เกียร์ L มันเป็นเกียร์ต่ำนิครับ
ก็ไม่แปลกที่รอบมันจะสูงตวัดไปตวัดมา
รอบสูง แรงบิดมา เกียร์ต่ำ ทดจัด มันก็ปรู๊ดปร๊าดเป็นธรรมดา
ถ้าเปรียบเทียบกับรถเกียร์ธรรมดา
ก็เท่ากับว่าคุณขับรถลากอยู่เกียร์ 1 หรือ 2 ไม่ยอมเปลี่ยนขึ้นซะที
ผมไม่แน่ใจว่า L ของฟิเอสต้าจะเป็นเฉพาะเกียร์ 1 อย่างเดียว หรือว่า 1 และ 2
แต่ต้องบอกว่า นี่เท่ากับว่าไปบีบคอให้เครื่องมันปั่นจี๋
สั่งให้มันวิ่งแบบไม่ยอมผ่อนแรง ถ้าลากแบบนี้นานนาน ได้ถึงอายุก่อนวัยอันควรแน่ครับ
จริงจริงผมว่า วิธีการขับให้ถูกต้องที่สุดคือ
ถ้าอยากจะให้พุ่งตั้งแต่แรก ใส่เกียร์ D แล้วกดคันเร่งให้จมมิด
กล่องจะจัดการสั่งทุกอย่างเพื่อให้เค้นอัตราเร่งสูงสุดอยู่แล้ว
และถ้าวัดกันจริงจริง การทำแบบนี้อัตราเร่งจาก 0-100 หรือ ถึงไหนก็แล้วแต่
จะเร็วกว่าคนขับมาชิฟท์เกียร์เอง หรือว่าสั่งการให้ลากรอบแบบนี้ครับ
ไม่เชื่อลองหาเพื่อนไปเล่นควอเตอร์ไมล์ดู
คันนึงชิฟท์เอง อีกคันใส่เกียร์ D แล้วกดคันเร่งจมอย่างเดียว
ปล. ทั้งสองคันต้องรีเซ็ทกล่องมานะจ๊ะ ไม่งั้นเกิดคันนึงขับเนียนมาตลอดชีวิต
กล่องมันจะเรียนรู้ แล้วลากรอบไม่เป็นก็เป็นได้
รีเซ็ทกล่องทำยังไงครับ ทำเองได้รึป่าวครับ
แล้วถ้ารีเซ็ทมาแล้วเกียร์มันจะเปลี่ยนในรอบที่สูงขึ้นรึป่าวครับ
-
ผมว่า ที่เกียร์มันยอมเปลี่ยนขึ้นไปเกียร์2ให้ ทั้งที่อยู่ในเกียร์L (เกียร์1) เพราะรถรุ่นใหม่ๆเค้าต้องการเซฟตัวเกียร์ไม่ให้เสียหายจากการใช้รอบสูงเกินไป และจะยอมเปลี่ยนขึ้นเกียร์สูงกว่าต่อไปถ้าคนขับยังกดคันเร่งไม่ยั้ง
ขอยกกรณีที่ผมเจอใน นิวแลนเซอร์ อี20 CVT ถึงจะไม่เหมือนแต่น่าจะใกล้เคียง ถ้าคุณเข้าเกียร์L แล้วกดคันเร่งลึกๆ รอบจะพุ่งสูงจนเกือบสุดรอบอัตราทดเกียร์1ที่ระบบล็อกไว้ และเปลี่ยนอัตราทดต่อไปให้ด้วยเพื่อเซฟตัวเกียร์ไว้ ซึ่งมีคนในคลับแลนเซอร์ เคยบอกว่าเค้าสามารถกดคันเร่งมิดในตำแหน่งเกียร์L ลากไปได้เกือบ160 กม/ชม. ซึ่งรอบเครื่องจะสูงตลอดเวลา
ในทางตรงข้าม อันนี้ผมเคยลองครั้งหนึ่ง ขับมาแบบปกติด้วยเกียร์D หรือ ที่ความเร็วซัก70 กม/ชม.(รอบเครืองยังไม่ถึง2000รอบ) จู่ๆดึงมาที่เกียร์L รถจะยังไม่ยอมเปลี่ยนอัตราทดมาที่เกียร์ต่ำสุดให้ (มีแค่การลดเกียร์ลากรอบให้บ้าง แต่ไม่ใช่เกียร์ต่ำสุด) ถ้าคุณยกคันเร่งรอจนความเร็วลดต่ำกว่าซัก50 กม/ชม. เมื่อนั้นแหละครับเกียร์จะปรับมาที่อัตราทดต่ำสุด และเนื่องจากไม่มีรอบเครื่องสูงพอมารอรับ รถก็จะมีอาการหัวทิ่ม รอบเครื่องตวัด เหมือนขับเกียร์ธรรมดา อยู่ในต้นๆเกียร์2แล้วจะเข้าเกียร์3 แต่ดันผิดมาเข้าเกียร์1แทน ผมคิดว่าถ้าดึงลงL บ่อยๆ เกียร์น่าอายุสั้นลงเยอะนะครับ ;)
-
1. Gear จะไปก่อนวัยอันควรนะครับ แม้จะ Dual Clutch ก็ตามนะครับผม ^^
2.กินน้ำมันครับ เพราะรอบเครื่องมากเกินความจำเป็น แต่ถ้าแซงจริงๆผมก็ยอมนะ 555
3.ระวังหม้อเล่ย์แตกนะครับทำเช่นนี้บ่อยๆ W210 E240 พ่อผมคันเก่า พ่อผมขับรถชอบเร่งเครื่องครับ ชอบใช้ Tritronic ตบมาเกียร์ต่ำเร็วๆครับ จบคือหม้อเล่ย์แตกซ่อมไปหลายบาทอยู่ และปัญหาอื่นๆก็ตามมาครับ จุกจิกมากมายหลังจากหม้อเล่ย์แตกครับ ^^"
ฮิๆ น่าจะหมายถึง Pulley ล่ะมั้งครับ ตอนแรกอ่านแล้วก็แอบงง (ช่างไทยจะเรียก มู่เลย์ แต่จริงๆชื่อมันคือ Pulley นะครับ)
เจ้าตัวนี้บริษัทผมเป็นผู้ผลิตส่งให้ทั้ง Honda Toyota aat volvo porodua mitsu nissan และอีกหลายเจ้าเหมือนกัน
Pulley แต่ละตัวสามารถรับแรงบิดได้เยอะนะครับ อย่างของซีวิค มันสามารถรับแรงบิดได้มากกว่า 350 นะครับ(ขอไม่บอกเป็นตัวเลขตรงๆละกัน มันเป็นความลับ ;D)
ไม่ต้องช่างไทยหรอกครับ เอาแค่ text book ไทยๆ ก็เรียกมู่เล่ ผมอ่านครั้งแรกแล้วขำก๊ากเลย ;D
-
เกียร์ L ของเฟียสต้า ไม่ใช่แค่เกียร์ 1-2-3
เพราะผมลองแล้ว มันส์มากๆได้อารมย์สุดๆ หาเราใส่เกียร์ L แล้วเหยียบเต็มตีน รับรองว่าจี๊ดสุดๆ มันจะใช้รอบจน 6 พันรอบ (ย้ำว่าเต็มตีน 6 พันรอบ) ทุกช่วงจังหวะ
แล้วค่อยเปลี่ยนแต่ละเกียร์ 1-2-3-4-5-6 ลองดูนะว่ามันส์แค่ไหน
เวลาจะแซงดึงจาก D มา L แล้วจี๊ดๆ นั้นแหละฮ่าๆๆ เสียงเครื่องเพราะมากๆ
เกียร์ L เป็นเกียร์ต่ำ อย่างไรผมไม่รู้ แต่รู้ว่าต้องลองเพราะมันกินน้ำมันขึ้น ตอบสนองไวมาก
อย่างไรก็ตามหากเค้นแรงแบบนี้ มันก็ต้องพังไวอยู่แล้ว เปรียบเช่นผู้ ญ ใช้บ่อยมันก็ไม่ฟิต ฮ่าๆๆๆ
-
ผมก็ชอบนะ ขับทางไกลมันใช้ได้เลยทีเดียว ขับนานๆไม่เหนื่อยเท่าไหร่ แต่ว่าช่วงล่างผมคิดว่า แพ้มาสด้า2 เล็กน้อย
ช่วงล่างแพ้มาสดา สอง Ford เนี้ยนะ?!
นี้ข้อเท็จจริง เปล่าคะ
พี่จิมมี่บอก Fiesta เนี้ยหละช่วงล่างดีที่สุดใน ตลาด B-Sec.
เบาๆ
-
ผมเคยคุยกับช่างที่ศูนย์ฟอร์ดพระราม2 เห็นเค้าบอกว่า เกียร์ L ของ Fiesta จะเป็นเกียร์เดินหน้า 1-4 ครับ คือลด ลงมา 2 เกียร์ แต่ลากรอบแต่ละเกียร์ให้สูงขึ้น
ไม่รู้ว่าจริงเท็จยังไงเหมือนกัน -*- ส่วนตัวแล้วเคยเข้าเกียร์ L อยู่ 3 ที จากการขับร่วม 8พันโล
-
เกียร์ L ของเฟียสต้า ไม่ใช่แค่เกียร์ 1-2-3
เพราะผมลองแล้ว มันส์มากๆได้อารมย์สุดๆ หาเราใส่เกียร์ L แล้วเหยียบเต็มตีน รับรองว่าจี๊ดสุดๆ มันจะใช้รอบจน 6 พันรอบ (ย้ำว่าเต็มตีน 6 พันรอบ) ทุกช่วงจังหวะ
แล้วค่อยเปลี่ยนแต่ละเกียร์ 1-2-3-4-5-6 ลองดูนะว่ามันส์แค่ไหน
เวลาจะแซงดึงจาก D มา L แล้วจี๊ดๆ นั้นแหละฮ่าๆๆ เสียงเครื่องเพราะมากๆ
เกียร์ L เป็นเกียร์ต่ำ อย่างไรผมไม่รู้ แต่รู้ว่าต้องลองเพราะมันกินน้ำมันขึ้น ตอบสนองไวมาก
อย่างไรก็ตามหากเค้นแรงแบบนี้ มันก็ต้องพังไวอยู่แล้ว เปรียบเช่นผู้ ญ ใช้บ่อยมันก็ไม่ฟิต ฮ่าๆๆๆ
ก็นั่นไงครับ เพราะมันตั้งใจให้ใช้เกียร์ต่ำ มันเลยซัดซะ 6 พันรอบ
แล้วกลัวตัวมันเองจะกระจายเลยเปลี่ยนเกียร์ขึ้นให้
พออยู่รอบสูง การตอบสนองก็ต่างไปเป็นธรรมดา เร็วขึ้นไวขึ้น
ถ้าเป็นโหมดสปอร์ตจริง ผมถามนิดนึงครับ ว่าวิ่งมาที่รอบสัก 3 พัน คาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ L
ความเร็วไม่ต้องสูงมาก สัก 40-60 กม./ชม. ก็พอ แล้วลองคิกดาวน์คันเร่งแบบปกติ
ไม่ใช่กระทืบสุดนะ ลองดูให้หน่อยครับว่า เกียร์มันเปลี่ยนตำแหน่งลงแล้วลากรอบให้หรือไม่
หรือว่ามันคาอยู่ในเกียร์นั้นแล้วไต่ความเร็วรอบขึ้นไป จนกระทั่งรอบสูงจัดแล้วก็ตัดขึ้นเกียร์ถัดไป
ผมว่าเราต้องแยกให้ออก ระหว่างการใส่เกียร์แล้วทำให้รถรอบตวัดอยู่ที่รอบสูงตลอดเวลา
พูดง่ายง่ายว่าใส่เกียร์ต่ำมากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้
กับ
การใส่โหมด Sport ที่รถไม่ได้ลากรอบสูงจัดเสมอ แต่หมายถึงการตอบสนองต่อคันเร่งที่ไวกว่าปกติ
ถ้าวิ่งความเร็วเดินทางปกติ เช่น 110 และไม่ได้เพิ่มความเร็วอะไร รอบจะต้องอยู่ต่ำ ใส่เกียร์ถูกต้อง
แต่เมื่อไหร่ที่กระดิกเท้าต้องการเรียกอัตราเร่งแม้เพียงนิดเดียว เกียร์จะกระตือรือร้นสับลงเกียร์ต่ำ เพิ่มกำลังให้
เมื่อถอนเท้าก็กลับมาวิ่งแบบปกติเหมือนเดิม
สิ่งที่คุณเล่ามา จริงจริงไม่ได้ต่างจากการขับรถลากเกียร์
ในสถานการณ์ปกติ มีใครมั้ยครับขับรถความเร็ว 100 กม./ชม. แล้วใส่เกียร์ 2 ให้รอบมันยันไว้อย่างนั้น
ผลที่เกิดขึ้นไม่ต้องให้คนรู้เรื่องรถมากก็เดาออกว่า ผลาญน้ำมันทิ้ง พร้อมกับสึกหรอมากกว่าปกติ
หรืออีกกรณีนึง เวลาคุณขับรถมาในตำแหน่งเกียร์ 6 ความเร็วสูง อยู่ดีดีคุณจะชิฟท์ลงมา 3 เลยมั้ย
ถ้าแบบนั้นไม่กล้าทำ กลัวพัง แล้วทำไมถึงกล้าดึงจาก D ลงมา L แล้วให้รอบตวัดไปแตะ 6 พันล่ะครับ
ผมว่าแทนที่จะเถียงกัน มีใครสักท่านที่เป็นเจ้าของฟิเอสต้า
เปิดคู่มือแล้วเอามาบอกเล่ากันดีมั้ยครับ
ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าเกียร์ L มันแปลได้ว่าโหมดสปอร์ต
จะได้ประดับสมองเอาไว้ ว่าฟอร์ดมันไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้า
-
อันนี้คือ รีวิว จากต่างประเทศ
This car is obviously programmed to inhibit pedal overlap (will only rev to about 1,200 rpm with both pedals pressed to the floor), so a "slap-n-go" produces the best results. Upshifts are remarkably crisp and smooth precisely at redline every time. Also does a nice job with matched-rev downshifts when on the brakes. Either D or L mode produced the same results at wide-open throttle (WOT).
ที่มา: http://www.edmunds.com/ford/fiesta/2011/road-test-specs1.html (http://www.edmunds.com/ford/fiesta/2011/road-test-specs1.html)
บอกชัดเจนว่า D กับ L ให้ผลไม่ต่างกันใน wide-open throttle หรือพูดง่ายง่ายว่าเหยียบคันเร่งจมพื้น
Probably the biggest revelation about the Powershift box, though, is the L mode. Traditionally intended to be used as a low-speed gear, we found L to be far more fun than D.
It makes the gearbox hold on to gears for longer, hardly ever letting the revs drop below 4000rpm at higher speeds.
While the dual-clutch box is quick-thinking and pretty intuitive, L mode gives the driver a lot more of a feel for the car than when the stick is in D mode particularly on windy, hilly roads. It will increase fuel consumption, though otherwise Ford says the new auto matches the manuals 6.1 litres per 100km.
ีที่มา: http://welcometo.favoritearea.com/review-ford-fiesta-2010-model (http://welcometo.favoritearea.com/review-ford-fiesta-2010-model)
นี่ก็บอกชัดว่า ตั้งใจให้เป็น low-speed โหมด
แต่โปรแกรมที่ทำไว้ทั้งการพยายามรักษารอบให้เกิน 4000 และป้องกันเกียร์กระจาย
ทำให้การขับขี่ได้อรรถรสมากกว่า เหมาะสมกับการขับบนถนนที่มีลมแรงหรือเนินชัน
น่าจะตอบชัดแล้วว่า ทำให้สนุกขึ้นจริง
แต่เกียร์ L ไม่ใช่ Sport Mode และไม่ได้ตั้งใจทำมาเพื่อเป็น Sport Mode
(ซึ่ง Sport Mode ที่จริงจะเป็นอย่างที่ผมตอบไปข้างบนแล้ว)
แต่ด้วยโปรแกรมมิ่งของเกียร์ที่พยายามรักษารอบ เลยทำให้การขับตอบสนองได้ไวกว่าเดิม
-
ที่แท้เกียร์ dual clutch ของฟอร์ด เค้าเซตโปรแกรมมาแบบนี้นี่เอง งั้นก็เชื่อแล้วครับว่าทำให้คนขับ ขับได้สนุกขึ้น แต่ระวังค่าน้ำมันพุ่งนะครับ คงกินเยอะขึ้นตามความแรงแน่ๆ ;D
-
ขอบคุณคุณเนยมากๆครับสำหรับความรุ้ หลายๆท่านจะได้เลิกงงกันซะที
ผมเองก็เคยพูดอยู่ ว่ามันน่าจะเป็นเกียร์ต่ำดีๆนี่เอง (ถ้าเดาไม่ผิด L คงย่อมาจาก low นั่นแหละ)
แต่ส่วนตัวผมขอไม่ใ้ช้แล้วกัน สงสารรถ เคยลากขึ้นดอยตุงครั้งเดียว ไม่เอาดีกว่า กินน้ำมันโคตรน่ากลัว ขอบอก