ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกครับ Mitsu เป็นค่ายรถที่ทำช่วงล่างได้ดีในหลายๆรุ่น อย่าลืมว่าเขาเคยเป็นเจ้าแห่ง Rally WRC มาก่อนนะ
หลายคนอาจจะแปลกใจว่าทำไมรถ AWD อย่าง Subaru ที่ว่าช่วงล่างดีนักหนา กลับทำผลงานสู้รถขับ 2 ล้อหน้าไม่ได้
เพราะธรรมชาติของรถ Fulltime AWD มันจะมีอาการหน้าดื้อหรือ Under steer ทำให้เลี้ยวกลับไปมาซ้าย-ขวาแบบกระทันหันได้ไม่คล่องเท่ารถขับ 2
ท่าสังเกตุดีๆ รถมันไม่ได้เสียอาการอะไรนัก แต่เนื่องจากพอมันเลี้ยวไม่เข้าแนวกรวย พอ Fail ปุ๊บคนขับเขาจะหยุดทดสอบทันที มันเลยเป็นอย่างที่เห็น
ในสภาพถนนปกติ รถขับ 2 กับ AWD ในแง่การเกาะถนนแทบจะไม่ต่างกันเลย มันจะไปได้เปรียบเสียเปรียบในสภาพที่ถนนไม่ปกติมากกว่า
แบบนี้ถ้าขับถนนปกติก็ไม่ควรใช้ AWD รึเปล่าครับ แสดงว่าที่บอกว่าหนึบๆ กันนี่จริงๆ แล้วแค่ฟีลลิ่ง แต่สุดท้ายไม่ได้หลุดโค้งยากกว่า 2WD เหรอครับ
ไม่ใช่ไม่ควรครับ รถ AWD มันก็ขับได้ปกติเหมือนรถทั่วไป เพียงแต่จะชี้ให้เห็นว่าบางอย่างมันก็ไม่ได้เด่นกว่า 2WD
อย่างที่บอกว่ารถ AWD Fulltime แบบ Subaru ถ้าเข้าโค้งมาเร็วๆมันจะแสดงอาการหน้าดื้อชัดเจน (ก็เพราะล้อหลังที่พยายามดันล้อหน้าไปทางตรง) แต่มันไม่ได้เป็นปัญหากับโค้งทางเดียว ถ้าล้อมันจับกับโค้งได้แล้วก็กดคันเร่งออกโค้งได้เลย หลุดยาก
ในขณะที่รถขับ 2 ล้อหน้าที่เซตช่วงล่างมาดีๆมันจะแสดงอาการหน้าดื้อน้อยกว่า เลี้ยวหลบไปมาคล่องกว่า แต่กลับกันถ้าไต่โค้งด้วยความเร็วสูงๆมันจะมีโอกาสที่ท้ายรถจะเสียหลักง่ายกว่า เพราะล้อหลังไม่ได้มีแรงบิดมาช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะ (หากเจอสถานการณ์ไม่ปกติ เช่นถนนลื่น) แต่มันก็อาจจะมีข้อด้อยเรื่องอื่นตามมาเช่น Torque steer
อาการหน้าดื้อของรถ AWD ก็พัฒนามาเรื่อยๆ บางค่ายใช้เป็นระบบ Real-time AWD ให้ลื่นก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนจากขับ 2 เป็นขับ 4
บางรุ่นของ Subaru ใช้การกระจายแรงแบบหน้า 60 หลัง 40 เพื่อให้อาการเหมือนรถขับหน้า หน้าไม่ดื้อโค้งมาก เลี้ยวคล่องขึ้น ขับง่ายขึ้น
หรืออย่าง Toyota fortuner ตัวก่อนที่เป็น Fulltime AWD ก็เซตกระจายแรงแบบหน้า 30 หลัง 70 ให้อาการเหมือนรถขับหลัง เป็นต้น
ผมเอาคลิปนี้มาให้ดูครับ อาจจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับหัวข้อที่กำลังพูดกันอยู่ ในคลิปพูดถึงข้อดี-ด้อยของระบบขับเคลื่อนแต่ละแบบ และวิธีการ Handing รถแต่ละแบบตามความเหมาะสม