กรมมลพิษบังคับใช้น้ำมันยูโร 5 โรงกลั่นดิ้นราคาขึ้น 50 สต./ลิตรวันที่ 4 ธันวาคม 2560
กรมควบคุมมลพิษ จ่อออกประกาศบังคับใช้น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ปี หวังลดค่ากำมะถันเหลือ 10 PPM ให้ทุกโรงกลั่นปรับกระบวนการผลิต คาดต้องใช้เงินลงทุนอีกไม่ต่ำกว่า 80,000 ล้านบาท
แต่กลับผลักภาระให้ประชาชนแบกรับด้วยการบวกค่าน้ำมันอีก 50 สตางค์/ลิตร
ผู้สื่อข่าว ประชาชาติธุรกิจ รายงานจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่า
เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการหารือระหว่าง
กระทรวงทรัพยากรฯ-กระทรวงพลังงาน-กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน-กลุ่มผู้ประกอบรถยนต์
เพื่อผลักดันให้มีการผลิตน้ำมันภายใต้มาตรฐานยูโร 5
โดยมีวัตถุประสงค์ต้องการให้ลดการปล่อยค่ากำมะถันลงอีกจาก 100 PPM ในมาตรฐานยูโร 4
เป็นให้เหลือ 10 PPM ภายใต้มาตรฐานยูโร 5 ปรากฏหลังการหารือสิ้นสุดลง ทางฝ่ายราชการได้มีการออกข่าวว่า
ที่ประชุมได้ข้อสรุป รับหลักการ ที่จะผลิตน้ำมันยูโร 5 แล้ว
โดยภายในปี 2561 จะมีการออกประกาศอย่างเป็นทางการ
ให้โรงกลั่นน้ำมันภายในประเทศทุกโรง ต้องผลิตน้ำมันภายใต้มาตรฐานยูโร 5
ขณะที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ก็จะต้องลงทุนปรับปรุงกระบวนการผลิตและสายการผลิต
รถยนต์ให้เติมน้ำมันยูโร 5 ให้แล้วเสร็จในอีก 5 ปีข้างหน้า (2565)
ส่วนต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการลงทุนปรับปรุงโรงกลั่น
ให้นำมาบวกเพิ่มในราคาขายปลีกน้ำมันได้ไม่เกิน 50 สตางค์/ลิตรผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้แสดงความต้องการให้โรงกลั่นน้ำมันทุกโรง
ปรับปรุงกระบวนการกลั่นให้เร็วที่สุด เนื่องจากตามข้อมูลในปัจจุบันจะพบว่า
มีโรงกลั่นน้ำมันในประเทศที่ได้มาตรฐานยูโร 5 แล้ว 1 โรง ได้แก่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) และเมื่อเร็วๆ นี้ยังมีโรงกลั่นน้ำมันอีกหนึ่งโรงได้ยื่นแบบประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม(EIA)
ต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในพื้นที่ส่วนขยายของโรงกลั่นน้ำมัน
เพื่อติดตั้งเครื่องมือและอุปกรณ์การกลั่นให้ได้ตามมาตรฐานยูโร 5 ด้วย
จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯเกิดความเชื่อเอาเองว่า
ในทางปฏิบัติโรงกลั่นน้ำมันในประเทศมีความพร้อมที่จะพัฒนาโรงกลั่นน้ำมันให้ ได้มาตรฐานยูโร 5 อยู่แล้ว
ทว่าในสภาพความเป็นจริง ของอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันในปัจจุบันก็ยังมีโรงกลั่นน้ำมันอีกส่วนหนึ่ง
อาจจะต้องใช้เวลาในการปรับปรุงกระบวนการกลั่นน้ำมันยูโร 5 เนื่องจากยังมีปัญหาในเรื่องของเงินลงทุน
ซึ่งสูงมากกว่า 10,000 ล้านบาท (รวมทุกโรงกลั่นเกือบ 80,000 ล้านบาท)โจทย์สำคัญก็คือ เราไม่สามารถควบคุมปริมาณรถยนต์บนท้องถนนได้
แต่เราคุมการปล่อยมลพิษได้ กระทรวงจึงโฟกัสมาที่มาตรฐานน้ำมันยูโร 5
ซึ่งเราศึกษารายละเอียดมาก่อนหน้านี้ถึง 2 ปีแล้วคำถาม 5 ข้อของโรงกลั่น
ด้านแหล่งข่าวจากผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันกล่าวว่า
ทางกลุ่มผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันต้องการให้คณะทำงานตอบ คำถาม
ให้ชัดเจนถึงการเปลี่ยนน้ำมันเป็นมาตรฐานยูโร 5 ว่า
1) ผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับคุ้มค่ากับการลงทุน ในโรงกลั่นแต่ละโรงมากกว่า 10,000 ล้านบาทหรือไม่
2) ใครจะออกมาการันตีได้หรือไม่ว่า ประเทศไทยจะประหยัดในแง่ของเงิน
ค่ารักษาพยาบาลของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากมลพิษได้มากน้อยแค่ไหน
3) การกำหนดให้บวกรวมต้นทุนที่เกิดจากการปรับปรุงโรงกลั่นเพื่อให้ได้มาตรฐาน ยูโร 5 ได้ไม่เกิน 50 สตางค์/ลิตร
ให้ประชาชนเป็นผู้รับภาระ หรือภาครัฐควรปล่อยให้สะท้อนตามกลไกของตลาด
4) ต้องการความเห็นจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ว่า รถยนต์ในปัจจุบันสามารถใช้น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ได้หรือไม่
5) ในกรณีที่รถยนต์ในปัจจุบันสามารถใช้น้ำมันได้ทั้งมาตรฐานยูโร 4 และ 5 แล้ว
ค่าการปล่อยกำมะถันนั้นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ หากทดสอบแล้วพบว่าไม่มีความแตกต่างกัน
ก็ไม่ควรเปลี่ยนมาตรฐานน้ำมันหรือไม่
ส่วนการคาดการณ์ว่า การใช้น้ำมันทั่วโลกจะลดลงและถูกทดแทนด้วยรถยนต์ไฟฟ้านั้น
กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันยังมีความเชื่อมั่นว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญจะต้องใช้เวลาประมาณ 10 ปี
เท่ากับว่าในขณะนี้ น้ำมันยังคงเป็นพลังงานหลักที่ผู้บริโภคยังเลือกใช้อยู่
ถ้ามองในภาพใหญ่ของการลงทุนเพื่อปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันทั้งระบบ
น่าจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 80,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวภาครัฐก็ทราบดี
การลงทุนมหาศาลขนาดนี้ ผู้ลงทุนก็ต้องหาเงินมาใช้คืน เพราะเป็นธุรกิจผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันรายหนึ่งแสดงความสงสัย ถึงสิ่งที่กระทรวงทรัพยากรฯกำลังดำเนินการอยู่
ค่ายรถขานรับน้ำมันยูโร 5ขณะที่ นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทย)
กล่าวว่า เห็นพ้องกับนโยบายดังกล่าวที่ภาครัฐเตรียมบังคับใช้มาตรฐานน้ำมันยูโร 5 ในปี 2565
เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานการควบคุมมลพิษจากรถยนต์ ทางฮอนด้าก็มีความพร้อมจะสนองตอบนโยบายดังกล่าว
โดยผู้ผลิตรถยนต์จะทยอยส่งรถยนต์ที่รองรับกับมาตรฐานดังกล่าวออกสู่ตลาดได้ ภายในช่วงระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย)
กล่าวในทิศทางเดียวกันว่า รถยนต์มาสด้านั้นเป็นการผลิตตามนโยบาย โกลบอลแพลตฟอร์ม
และรถยนต์ของมาสด้าสามารถรองรับน้ำมันมาตรฐานยูโร 6 อยู่แล้ว
เช่นเดียวกับ นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด
บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ก็พร้อมที่จะขานรับนโยบายดังกล่าวของภาครัฐ
นายธนวัฒน์ คุ้มสิน นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ กล่าวว่า
ทุกคนทราบดีว่าภายในปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยจะเปลี่ยนการบังคับใช้มาตรฐานน้ำมันยูโร 5
และรัฐบาลก็ให้ระยะเวลาในการเตรียมความพร้อม
ส่วนนางปนัดดา เจณณวาสิน กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ กล่าวว่า
ปัจจุบันรถอีซูซุของเราสามารถรองรับมาตรฐานยูโร 5 ได้อยู่แล้ว
ขณะที่ค่ายรถยนต์โตโยต้าเห็นว่า การดำเนินงานทุกอย่างจะต้องทำในลักษณะของการค่อยเป็นค่อยไป
https://www.prachachat.net/economy/news-82156ถ้าน้ำมันของนอก ที่ขายในไทยเป็นยูโร5จริง ช่วยแสดงแสดงหลักฐานทางแล็ปด้วย
จากข่าวในที่ประชุม มีเพียงไทยออยเพียงโรงเดียวที่กลั่นได้ แล้วของนอกที่ขายต้องเป็นยูโร4แน่นอน
จะขายขาดทุนได้ไงในเมื่อเป็นธุรกิจ และค้านยูโร5มาตลอดตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว หมื่นล้านต่อโรงกำไรต้องเท่าไหร่