ผู้เขียน หัวข้อ: เคลือบแก้ว VS เคลือบสีธรรมดา แบบไหนดีกว่ากันครับ?  (อ่าน 7333 ครั้ง)

ออฟไลน์ tadto

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 309
กำลังคิดจะนำ Vellfire ไปทำอย่างใดอย่างนึงในสองอย่างนี้

โจทย์ของผมคือ

- จอดกลางแจ้งทั้งวัน
- ไม่ค่อยมีเวลาดูแลเท่าไหร่
- ล้างรถ 1-2 อาทิตย์ครั้ง (ร้านคาร์แคร์บ้านๆตาม ตจว.)

ส่วนตัวเคยทำทั้งสองอย่างแหละครับ สมัยก่อนไม่มีเคลือบแก้วก็เคลือบสีธรรมดาของแมกไกว์นี่แหละ
ลงเป็นคอร์สๆไป มันก็โอเคดี แต่นั่นคือสมัยผมอยู่กทม. ยังไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการเองมีเวลาว่างเยอะ
สามารถไปนั่งเฝ้าตอนทำได้

พอมาเรื่องเคลือบแก้ว ผมก็มีโอกาสได้เอาเจ้าสเปซเวกอนไปทำ แต่ผมทำได้ไม่สุด ทำไปได้สองครั้งก็
แต่งงานย้ายมา ตจว.แล้วไม่มีเวลาแวะไปเคลือบตามโปรแกรมอีกเลย สุดท้ายเวลาผ่านไป ผมแทบไม่ได้ดูแล
สีรถเลยผ่านไป เพราะแถวบ้านเป็นอำเภอขนาดกลางๆ ไม่มีคาร์แคร์ดีๆ ผมก็ได้แต่ล้างรถดูดฝุ่นธรรมดามาเห็น
อีกที สงสารรถมากครับ เต็มไปด้วยขนแมว รอยวงๆจากการเช็ดที่ไม่ดี

มาคันนี้ก็เลยว่าจะดูแลมันดีๆหน่อย ถามโปรแกรมเคลือบแก้วมาแล้ว ราคาแรงเอาเรื่องอยู่สำหรับ ตจว.
แต่ระยะทาง ผมยังพอเอาเข้าไปทำได้ (50 โลโดยประมาณจากบ้าน ต้องเข้าไปทำในเมือง) ยังพอสละ
เวลาระหว่างวันให้แฟนเฝ้าร้าน แล้วเอารถไปทำระหว่างลูกไปรร.ได้ แต่ถ้าเรื่องล้าง ก็คงต้องล้างคาร์แคร์
แถวบ้านต่อไป เดือนสองเดือนก็เอาไปเข้าตามโปรแกรมของร้านในเมืองสักที คิดว่าคงน่าจะพอช่วยได้
อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าคันก่อน

ร่ายมาซะยาวเพราะอยากให้เห็นภาพครับ เรื่องล้างเองนี่ลืมไปเลยครับ ส่วนตัวผมไม่มีเวลาขนาดนั้น

เพื่อนๆคิดว่าแบบไหนน่าจะดีกว่ากันครับ ราคาผิดกันน่าจะสองเท่าได้ แบบไหนน่าจะดีกว่า?

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ hayabusa

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 80
จะมาแจ้งว่าเคลือบแก้ว ตอนนี้บริษัทประกันบางที่ เริ่มไม่รับแล้วนะครับ


ออฟไลน์ virtual

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 37
คือถ้าคุณเคลือบแก้ว แล้วยังต้องล้างคาร์แคร์แถวบ้านเหมือนเดิม(ร้านที่ว่าทำเป็นรอย) รถก็จะเป็นรอยเหมือนคันเก่าอยู่ดีนั่นแหล่ะครับ

ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าเคลือบแก้วมันไม่ได้ immortal นะครับ โดนเช็ดถูแรงๆก็เป็นรอยได้เหมือนกัน

ยิ่งเจอคาร์แคร์ที่ใช้น้ำยาล้างรถถูกๆ(น้ำยาที่มีส่วนผสมกรดเกลือมาก) แก้วก็ค่อยๆโดนกัดเซาะร่อนออกไปได้อยู่ดีครับ

ถ้าใจไปทางเคลือบแก้ว ก็เคลือบไป แล้วหลังจากนั้นล้างเองดีกว่าครับ(ล้างแต่ข้างนอกพอ) นานๆทีค่อยเข้าคาร์แคร์ให้เค้าเก็บภายในให้(เก็บไว้ไปเข้าตามโปรแกรมแก้วของร้าน)

หรือถ้าใจไปทางwaxเคลือบสี ก็เคลือบไปเถอะครับ(เลือกตัวดีๆหน่อยทนเป็นเดือน) รอยจะเยอะจะน้อยช่างมัน เอาเงินค่าแก้วไปทำ pcs ปีละครั้ง ยังทำได้หลายปีเลยครับ

ออฟไลน์ reyeshenry

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,114
จะมาแจ้งว่าเคลือบแก้ว ตอนนี้บริษัทประกันบางที่ เริ่มไม่รับแล้วนะครับ

ไม่รับ นี่คืออะไรครับ

ออฟไลน์ chompoojarb

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 21
จะมาแจ้งว่าเคลือบแก้ว ตอนนี้บริษัทประกันบางที่ เริ่มไม่รับแล้วนะครับ

บางที่..ที่ไหนบ้างครับ แล้วไม่รับกรณีไหร รบกวนอธิบายหน่อยครับ

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,400
ถ้าไม่ค่อยมีเวลาดูก้ทำ glass coat ไปเถอะคับช่วยได้มากกว่า

ออฟไลน์ PedF001

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 77
ของผมทำสองคันแต่คนละที่ คันแรกรับประกัน5ปี เซอวิส30ครั้ง
อีกคัน รับประกัน5ปีเซอวิส 6เดือนครั้งตลอด 5ปี
สงสัยต่างกันเรื่องน้ำยา แต่ราคาคันสองก็แพงกว่าชัดเจน
โดยรวมชอบคันสองมากกว่า เงากว่าลองเอาน้ำฉีดๆ ผ่านมาปีนึงก็ยังลื่นๆกว่า ส่วนคันแรกแทบไม่มีวามลื่นให้เห็น เหมือนเซอวิสเอารถไปเคลือบสีปกติเลยครับ

ถ้าเอาไปล้างร้านธรรมดา คันสองล้างมาเงากว่าคันแรกชัดเจน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมว่าถ้าร้านล้างรถใกล้บ้านลงwax เคลือบสีดีๆก็น่าจะดีกว่า คหสต.ครับ

ออฟไลน์ tadto

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 309
แถวบ้านไม่ค่อยมีร้านเคลือบน่ะครับ ต่อให้มีก็ใช้น้ำยาอะไรก็ไม่รู้ จะเป็นการเป็นงานหน่อยก็ร้านในเมืองเลยครับ

จะล้างเอง รถก็เอาออกมาจากบ้านตลอดเวลา จอดหน้าร้านล้างไม่สะดวกด้วยครับ (ข้อแม้เยอะจริงๆ)

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ ที่อยากเคลือบเพราะกลัวเหลืองเหมือนคันเก่า พอไม่ได้ทำต่อเนื่องกันไป
ผ่านไป 6 ปี สีมันโทรมอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ

ออฟไลน์ V221

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,822
ถ้าสู้ไหวก็เคลือบแก้วดีกว่าแน่นอนครับ ดูแลรักษาง่ายกว่าเคลือบWaxอย่างเดียวอยู่แล้ว
BMW 750E M SPORT

ออฟไลน์ reyeshenry

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,114
แถวบ้านไม่ค่อยมีร้านเคลือบน่ะครับ ต่อให้มีก็ใช้น้ำยาอะไรก็ไม่รู้ จะเป็นการเป็นงานหน่อยก็ร้านในเมืองเลยครับ

จะล้างเอง รถก็เอาออกมาจากบ้านตลอดเวลา จอดหน้าร้านล้างไม่สะดวกด้วยครับ (ข้อแม้เยอะจริงๆ)

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ ที่อยากเคลือบเพราะกลัวเหลืองเหมือนคันเก่า พอไม่ได้ทำต่อเนื่องกันไป
ผ่านไป 6 ปี สีมันโทรมอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ

ถ้ายิ่งไม่ค่อยมีเวลาล้าง  และดูแลรถ ยิ่งสมควร ต้องเคลือบแก้วเลยนะครับ
เพราะสีขาว สีหมอง โดนคลาบต่างๆ  มันจะชัดเจนมาก
รถคันสีขาวผม ที่บ้าน ล้างปกติ เคลือบแว๊กซ์  ปกติ
แต่ช่วงนึงฝนตกบ่อย ไม่ล้างเลย ประมาณ 3 อาทิตย์
พอล้างออก รู้สึกเลยว่า ดูหมองอย่างชัดเจน สังเกตใกล้  เห็นคราบยางมะตอยเยอะแยะ

การเคลือบแก้ว ถ้าเคลือบดี  ช่วยปกป้องสีได้เยอะเลยนะครับ
แต่ต้องหาร้านดีๆ และ ใช้น้ำยามีคุณภาพ

ท่านยุอำเภออะไร จังหวัดอะไร  ครับ
เผื่อผมจะแนะร้านให้  หรือไม่งั้นก็เข้าเวป Thaiwashcarclub สอบถามดูครับ


ออฟไลน์ JDM

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 216
ดูความคุ้มค่าเอาครับ แต่ความจริงคือ
1. เคลือบแก้วไม่ได้ติดอยู่ได้นานครึ่งปี เดือนสองเดือน ก็เยอะแล้ว
2. คุณภาพการปกป้อง ไม่ต่างกับเคลือบธรรมดา
3. ราคาโอเวอร์ครับ สำหรับต้นทุนน้ำยาหลักร้อย
W201 W211 W204 UCF10 C126

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,648
    • อีเมล์
ดูความคุ้มค่าเอาครับ แต่ความจริงคือ
1. เคลือบแก้วไม่ได้ติดอยู่ได้นานครึ่งปี เดือนสองเดือน ก็เยอะแล้ว
2. คุณภาพการปกป้อง ไม่ต่างกับเคลือบธรรมดา
3. ราคาโอเวอร์ครับ สำหรับต้นทุนน้ำยาหลักร้อย

ขอรบกวนสอบถามเกี่ยวกับข้อ 3 นิดครับ หมายถึง ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน บรรยายสรรพคุณแค่ไหน ก็ไม่ต่างกันหรอครับ

ออฟไลน์ Eddy5659

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,619
ดูความคุ้มค่าเอาครับ แต่ความจริงคือ
1. เคลือบแก้วไม่ได้ติดอยู่ได้นานครึ่งปี เดือนสองเดือน ก็เยอะแล้ว
2. คุณภาพการปกป้อง ไม่ต่างกับเคลือบธรรมดา
3. ราคาโอเวอร์ครับ สำหรับต้นทุนน้ำยาหลักร้อย

ขอรบกวนสอบถามเกี่ยวกับข้อ 3 นิดครับ หมายถึง ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน บรรยายสรรพคุณแค่ไหน ก็ไม่ต่างกันหรอครับ

คือยังงี้นะครับ
1. เคลือบแก้วนั้นติดยากมากกกกก นะครับ การเตรียมพื้นผิวต้องเนี๊ยบมาก แน่ใจยังไงว่าติดไม่ติด เครื่องที่ใช้วัดกันจริงๆราคาแพงมากครับ แต่ที่วัดโชวแน่ใจไหมครับว่าไม่ใช่ความหนาของซิลิโคน ที่เรียกกันว่าทรีทเม้นท์นั่นแหละครับ
2. เคลือบแก้ว ยิ่งหนา ยิ่งหม่นครับ ต้องบางๆ การกระจายแสงจะสวยมากกว่า และจริงๆมันไม่ได้ทนทานอะไรเลยครับ ตัวที่ช่วยป้องกันจริงๆคือชั้นซิลิโคนที่เคลืบมากกว่า
3. ราคาในประเทษเรา มันบ้าบอมากครับ ราคาเป็นหมื่นๆ (ต้นทุนส่วนที่แพงๆ คือน้ำยาทรีทเมนท์นั่นแหละครับ) เอาไปซื้อเบี้ยประกันคุ้มครองให้ลูกดีกว่าไหม รถที่เอามาเคลือบโชวสร้างกระแส มันไม่ใช่รถที่คนปกติใช้ในชีวิตประจำวันครับ

คหสต ของผมนะครับ ถ้าท่านใดจ่ายได้สะบายๆไม่เดือดร้อน ก็แล้วแต่สะดวก แต่ที่เห็นๆคือเงินเดือน 2-3 หมื่น แต่ไปเคลืบแก้วแล้วผ่อนชำระบัตรเครดิต หรือไม่ก็เป็นเงินเก็บเพื่อการนี้ ผมเสียดายเงิน แต่ถ้าคุณทำแล้วมีความสุขก็ดีครับ เหมาะสมของคนคนนึงไม่ใช่สำหรับอีกคนครับ

2007 Toyota Vios
2009 Toyota Hilux Vigo
2010 Toyota Camry
2011 Ford Ranger
2011 Isuzu Dmax
2011 Toyota Hilux Vigo
2015 Ford Ranger
2015 Ford Everest 2.2 Titanium
2015 Ford Everest 3.2 Titanium+
2016 Toyota Hilux Revo 2.4 J m/t (5 คันจะที่รัก)
2017 BMW 320d iconic

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,648
    • อีเมล์
ดูความคุ้มค่าเอาครับ แต่ความจริงคือ
1. เคลือบแก้วไม่ได้ติดอยู่ได้นานครึ่งปี เดือนสองเดือน ก็เยอะแล้ว
2. คุณภาพการปกป้อง ไม่ต่างกับเคลือบธรรมดา
3. ราคาโอเวอร์ครับ สำหรับต้นทุนน้ำยาหลักร้อย

ขอรบกวนสอบถามเกี่ยวกับข้อ 3 นิดครับ หมายถึง ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน บรรยายสรรพคุณแค่ไหน ก็ไม่ต่างกันหรอครับ

คือยังงี้นะครับ
1. เคลือบแก้วนั้นติดยากมากกกกก นะครับ การเตรียมพื้นผิวต้องเนี๊ยบมาก แน่ใจยังไงว่าติดไม่ติด เครื่องที่ใช้วัดกันจริงๆราคาแพงมากครับ แต่ที่วัดโชวแน่ใจไหมครับว่าไม่ใช่ความหนาของซิลิโคน ที่เรียกกันว่าทรีทเม้นท์นั่นแหละครับ
2. เคลือบแก้ว ยิ่งหนา ยิ่งหม่นครับ ต้องบางๆ การกระจายแสงจะสวยมากกว่า และจริงๆมันไม่ได้ทนทานอะไรเลยครับ ตัวที่ช่วยป้องกันจริงๆคือชั้นซิลิโคนที่เคลืบมากกว่า
3. ราคาในประเทษเรา มันบ้าบอมากครับ ราคาเป็นหมื่นๆ (ต้นทุนส่วนที่แพงๆ คือน้ำยาทรีทเมนท์นั่นแหละครับ) เอาไปซื้อเบี้ยประกันคุ้มครองให้ลูกดีกว่าไหม รถที่เอามาเคลือบโชวสร้างกระแส มันไม่ใช่รถที่คนปกติใช้ในชีวิตประจำวันครับ

คหสต ของผมนะครับ ถ้าท่านใดจ่ายได้สะบายๆไม่เดือดร้อน ก็แล้วแต่สะดวก แต่ที่เห็นๆคือเงินเดือน 2-3 หมื่น แต่ไปเคลืบแก้วแล้วผ่อนชำระบัตรเครดิต หรือไม่ก็เป็นเงินเก็บเพื่อการนี้ ผมเสียดายเงิน แต่ถ้าคุณทำแล้วมีความสุขก็ดีครับ เหมาะสมของคนคนนึงไม่ใช่สำหรับอีกคนครับ

คือน้องผมที่เคยทำมาแล้ว เค้าบอกว่ามันช่วยเรื่องขนแมวได้เยอะมาก ยิ่งรถสีดำซึ่งพอดีของผมก็สีดำ เลยสนใจครับ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ